ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ต่อมทอนซิลอักเสบคืออาการอักเสบหรือบวมของต่อมทอนซิล ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อสองชิ้นรูปวงรีที่พบบริเวณด้านหลังของลำคอ การติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสทั่วไป แต่การติดเชื้อจากแบคทีเรียก็อาจทำให้ทอนซิลอักเสบได้เช่นกัน การรักษาทอนซิลอักเสบนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุ ดังนั้นการได้รับการตรวจที่รวดเร็วและถูกต้องจึงเป็นกุญแจที่จะกลับมาหายเป็นปกติ [1] การรู้อาการและปัจจัยความเสี่ยงส่วนตัวช่วยให้ตรวจวินิจฉัยและฟื้นตัวจากทอนซิลอักเสบได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รู้อาการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทอนซิลอักเสบนั้นมีอาการปรากฏทางร่างกายที่หลากหลายซึ่งใกล้เคียงกับไข้หวัดหรือเจ็บคอ หากคุณสังเกตเห็นอาการใดอาการหนึ่งดังต่อไปนี้แสดงว่าคุณอาจเป็นทอนซิลอักเสบ
    • มีอาการเจ็บคอที่นานเกิน 48 ชั่วโมง นี่เป็นอาการเบื้องต้นของทอนซิลอักเสบและเป็นหนึ่งในอาการแรกๆ ที่คุณจะสังเกตเห็น [2]
    • กลืนอาหารได้ยาก
    • ปวดหู
    • ปวดศีรษะ
    • มีอาการบวมรอบกรามกับต้นคอ [3]
    • คอแข็ง
  2. ทอนซิลอักเสบพบได้บ่อยในเด็ก ถ้าคุณไม่ได้ตรวจดูตนเองแต่เป็นการตรวจเด็ก จำไว้ว่าเด็กนั้นจะมีอาการและแสดงอาการแตกต่างออกไป
    • เด็กมักจะมีอาการอาเจียนและปวดท้องเมื่อเกิดทอนซิลอักเสบ
    • หากเด็กนั้นอายุน้อยจนไม่สามารถบอกความรู้สึกของตนเองได้ คุณอาจสังเกตดูว่ามีอาการน้ำลายไหล ไม่ยอมกินอาหาร และงอแงผิดปกติหรือไม่ [4]
  3. ให้เพื่อนหรือญาติพี่น้องตรวจทอนซิลของคุณดูว่าบวมแดงหรือไม่ หรือถ้าคุณสงสัยว่าเด็กเล็กจะเป็นทอนซิลอักเสบ ให้ลงมือตรวจด้วยตัวเอง
    • วางปลายด้ามช้อนบนลิ้นของคนป่วยเบาๆ แล้วให้เขาส่งเสียงว่า “อา” ระหว่างที่คุณส่องไฟฉายดูที่ก้นคอ [5]
    • ทอนซิลที่ติดเชื้ออักเสบนั้นจะบวมสีแดงจัด และอาจมีแผ่นหรือจุดหนองสีขาวหรือเหลืองติดอยู่บนทอนซิล [6]
  4. สัญญาณเบื้องต้นอย่างหนึ่งของทอนซิลอักเสบคือมีไข้ ให้วัดอุณหภูมิเพื่อตรวจดูว่าคุณมีไข้หรือเปล่า
    • หาซื้อเทอร์โมมิเตอร์ได้ตามร้านขายยาทั่วไป ส่วนใหญ่จะใช้เวลาหลังวางปลายเทอร์โมมิเตอร์ไว้ใต้ลิ้นประมาณหนึ่งนาที ก็จะได้ค่าวัดที่แม่นยำ
    • ถ้าจะวัดอุณหภูมิในเด็ก ให้ใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิตอลแทนแบบปรอทเสมอ หากเด็กอายุต่ำกว่าสามขวบ คุณอาจต้องสอดเทอร์โมมิเตอร์เข้าทางรูทวารเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ เนื่องจากเด็กในช่วงอายุขนาดนี้อาจยังไม่มีความสามารถที่จะอมเทอร์โมมิเตอร์ค้างไว้ในปาก [7]
    • อุณหภูมิปกติของร่างกายจะอยู่ที่ 36 – 37.5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่สูงกว่านี้ถือว่ามีไข้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ไปพบแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณคิดว่าตนอาจเป็นทอนซิลอักเสบ คุณอาจต้องการการรักษาพิเศษหรือกระทั่งผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก มีแต่แพทย์ที่จะบอกคุณได้และทำการตรวจอย่างเป็นทางการ ให้ทำการนัดแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านหู จมูก ปากเพื่อประเมินอาการของคุณ หากลูกคุณมีอาการของทอนซิลอักเสบ ให้นัดพบกุมารแพทย์ทันที
  2. แพทย์น่าจะมีคำถามที่คุณต้องเตรียมตอบ ดังนั้นเตรียมตัวให้ดี
    • รู้คร่าวๆ ว่าคุณเริ่มมีอาการเมื่อไหร่ ทานยาแก้ปวดที่วางจำหน่ายทั่วไปแล้วอาการดีขึ้นบ้างไหม คุณเคยถูกตรวจว่าเป็นทอนซิลอักเสบหรือเจ็บคอมาก่อนหรือเปล่า และอาการนั้นกระทบการนอนไหม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่แพทย์อาจจะสอบถาม
    • สอบถามแพทย์ถึงคอร์สการรักษาที่ดีที่สุด ผลการตรวจสอบต้องใช้เวลานานแค่ไหน และเมื่อไหร่ที่คุณจะสามารถกลับไปดำเนินชีวิตแบบปกติ [8]
  3. แพทย์จะทำการตรวจสอบหลายๆ อย่างเพื่อวินิจฉัยทอนซิลอักเสบ
    • ตอนแรก แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ทำการตรวจลำคอ หู และจมูก ฟังการหายใจด้วยหูฟัง และตรวจดูว่าม้ามโตหรือไม่ นี่คือสัญญาณของโรคติดเชื้อโมโนนิวคลีโอซิส (mononucleosis) ซึ่งจะทำให้ทอนซิลอักเสบเช่นกัน [9]
    • แพทย์จะทำการป้ายลำคอ เขาจะใช้ไม้ฆ่าเชื้อถูก้นคอเพื่อตรวจสอบเชื้อแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับทอนซิลอักเสบ โรงพยาบาลบางแห่งมีอุปกรณ์ที่สามารถแสดงผลภายในไม่กี่นาที ในขณะที่บางแห่งคุณอาจต้องรอผลนาน 24 ถึง 48 ชั่วโมง [10]
    • แพทย์อาจสั่งให้ทำการนับเม็ดเลือดแดง (CBC) นี่จะเป็นการนับเซลล์เม็ดเลือดต่างชนิดกัน แสดงว่าระดับไหนปกติและระดับไหนที่ต่ำกว่าปกติ มันจะชี้ให้เห็นว่าการอักเสบนี้เกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรีย แพทย์จะทำเช่นนี้ก็ต่อเมื่อการผลตรวจจากการเพาะเชื้อจากไม้ป้ายลำคอมีผลเป็นลบ และแพทย์ต้องการตรวจอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุ [11]
  4. แพทย์จะทำการรักษาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ
    • หากไวรัสเป็นตัวต้นเหตุ จะมีการแนะนำให้ไปดูแลที่บ้านและคาดว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นภายใน 7 ถึง 10 วัน การรักษาจะเหมือนกับการรักษาไข้หวัดทั่วไป คุณควรพักผ่อน ดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะน้ำอุ่น ให้อากาศมีความชื้นและอมลูกอม ไอศกรีมแท่ง และอาหารอื่นๆ ที่ช่วยให้ลำคอเย็น [12]
    • หากแบคทีเรียเป็นตัวต้นเหตุ คุณจะได้รับใบจ่ายยาปฏิชีวนะ ให้แน่ใจว่าได้ทานยาครบขนานตามคำแนะนำ ถ้าไม่ได้ทำเช่นนั้นจะมีผลทำให้อาการแย่ลงหรือไม่หาย [13]
    • ถ้าคุณมีอาการทอนซิลอักเสบบ่อยๆ การผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกอาจเป็นหนึ่งทางเลือก การผ่าทอนซิลมักเป็นการผ่าตัดที่ใช้เวลาเพียงวันเดียว หมายความว่าคุณสามารถกลับไปนอนพักที่บ้านในวันนั้นได้เลย [14]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ประเมินความเสี่ยง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เชื้อที่ก่อให้เกิดทอนซิลอักเสบทั้งไวรัสกับแบคทีเรียนั้นติดต่อได้ง่าย คุณอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะติดทอนซิลอักเสบภายใต้สภาวะจำเพาะ
    • ถ้าคุณได้แชร์อาหารและเครื่องดื่มกับผู้อื่น เช่นในงานเลี้ยงหรืองานสังคมอื่น คุณสามารถติดเชื้อได้ง่ายมาก นี่จะเพิ่มความเสี่ยงและเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับทอนซิลอักเสบ
    • เมื่อรู้สึกคัดจมูกรุนแรงจนทำให้คุณต้องหายใจทางปาก นี่จะเพิ่มความเสี่ยงทอนซิลอักเสบ กลุ่มเชื้อโรคจะกระจายไปในอากาศเมื่อผู้ติดเชื้อหายใจ ไอหรือจาม การหายใจทางปากจะเพิ่มความเสี่ยงเป็นทอนซิลอักเสบ [15]
  2. รู้ว่าปัจจัยใดที่จะทำให้คุณเกิดความเสี่ยงสูงสุด. ในขณะที่ทุกคนที่ยังมีต่อมทอนซิลอยู่ล้วนเสี่ยงเป็นทอนซิลอักเสบ ปัจจัยเฉพาะบางอย่างจะเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้น
    • การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงเพราะมันจะทำให้ต้องหายใจทางปากบ่อยขึ้นและลดความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับโรค
    • การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะไปลดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่ำลง ทำให้คุณอ่อนแอต่อการติดเชื้อ อีกทั้งเวลาดื่มสังสรรค์ผู้คนมักจะปล่อยตัวดื่มแก้วเดียวกัน ทำให้เสี่ยงติดเชื้อได้
    • สภาวะใดก็ตามที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงล้วนทำให้เสี่ยงมากขึ้น เช่นโรค HIV/เอดส์ และโรคเบาหวาน
    • ถ้าคุณเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะหรือรับการบำบัดด้วยรังสี คุณก็มีความเสี่ยงสูง [16]
  3. คุณสามารถเป็นทอนซิลอักเสบในทุกช่วงวัย แต่การติดเชื้อจะเกิดกับเด็กถี่กว่าผู้ใหญ่ ถ้าคุณต้องอยู่ใกล้ชิดกับเด็ก คุณอาจมีความเสี่ยงสูง
    • ทอนซิลอักเสบนั้นพบมากที่สุดในช่วงวัยก่อนเข้าเรียนถึงช่วงกลางวัยรุ่น เหตุผลหนึ่งก็คือการต้องอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหมู่นักเรียนด้วยกัน จึงทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่าย
    • หากคุณทำงานในโรงเรียนประถมหรือมัธยม คุณมีความเสี่ยงในการเป็นทอนซิลอักเสบเพิ่มขึ้น ให้ล้างมือบ่อยๆ ระหว่างช่วงพักและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อในรอบเวลา 24 ชั่วโมง [17]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะถ้าคุณถูกตรวจว่าติดเชื้อแบคทีเรีย ให้ทานยาตามคำแนะนำ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว
  • กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
  • ยาบรรเทาอาการปวดที่มีจำหน่ายทั่วไป เช่น ไทลีนอลและไอบูโปรเฟนนั้นช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว อย่างไรก็ดี ถ้าคุณจะรักษาทอนซิลอักเสบในเด็ก ห้ามใช้แอสไพริน มันทำให้เกิดเรย์ซินโดรม อันเป็นอาการที่พบได้ยากแต่หนักและบางครั้งอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ในเด็กที่กำลังฟื้นตัวจากทอนซิลอักเสบได้
  • ดื่มเครื่องดื่มเย็นและดูดไอศกรีมแท่ง ลูกอม หรือน้ำแข็งก้อนเพื่อลดอาการปวดลำคอ
  • ดื่มน้ำ หรือเครื่องดื่มรสจืดอย่างชาอ่อนๆ เพื่อบรรเทาลำคอ
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณประสบปัญหาหายใจลำบาก น้ำลายไหลย้อย หรือมีไข้สูงกว่า 38.3 องศา ให้พบแพทย์ทันทีเพราะมันบ่งชี้ถึงสภาพที่หนักกว่าทอนซิลอักเสบทั่วไป


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,861 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา