ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เรื่องราวของชีวิตคุณเป็นอย่างไร ใครก็ตามผู้ได้ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ล้วนมีบางสิ่งน่าทึ่งที่จะแบ่งปันกับชาวโลก เคล็ดลับของการเขียนอัตชีวประวัติคือ จงเขียนแบบเดียวกับเรื่องราวดีๆ อื่นๆ กล่าวคือ สมควรมีตัวละครเอกตัวหนึ่ง (คุณนั่นเอง) มีความขัดแย้งหลักประเด็นหนึ่ง กับมีเหล่าตัวละครผู้น่าทึ่งเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน คุณอาจต้องการคิดถึงหัวข้อเรื่องหรือแนวคิดหลักอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ถูกใส่ไว้ในชีวิตประจำวันของคุณ เพื่อทำให้เรื่องราวชีวิตของคุณหมุนเวียนไป จงอ่านบทความข้างล่างเพื่อเรียนรู้วิธีรังสรรค์เรื่องราวของชีวิตคุณ และวิธีขัดเกลางานเขียนจนมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ทำแผนที่ชีวิตของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มเขียนอัตชีวประวัติโดยศึกษาวิจัยชีวิตของคุณเอง การคิดเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ของชีวิตคุณ เป็นวิธีที่ดีเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รวบรวมเอาเหตุการณ์สำคัญ และวันสำคัญๆ ส่วนใหญ่ไว้ได้ทั้งหมดแล้ว รวมทั้งช่วยให้คุณมีโครงสร้างที่จะสานต่อ คุณอาจถือได้ว่านี่คือขั้นตอน ”ระดมสมอง” จึงไม่สมควรรีรอที่จะจดทุกสิ่งที่จำได้ไว้ แม้คุณจะไม่คิดว่าความทรงจำนั้นจะได้ไปอยู่ในต้นฉบับตัวจริงของหนังสือก็ตาม
    • อัตชีวประวัติของคุณไม่จำเป็นต้องเริ่มด้วยการเกิดของคุณ คุณอาจต้องการรวบรวมประวัติบางส่วนของครอบครัวไว้ด้วย จงเขียนข้อมูลเกี่ยวกับบรรพบุรุษ ชีวิตของปู่ย่าตายาย ชีวิตของพ่อแม่ และอื่นๆ การมีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของครอบครัวคุณ จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่าคุณกลายมาเป็นคนแบบที่คุณเป็นได้อย่างไร
    • เกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่คุณยังเป็นวัยรุ่น อะไรทำให้คุณตัดสินใจทำเรื่องต่างๆ แบบนั้น
    • คุณได้เรียนต่อในชั้นอุดมศึกษาหรือไม่ จงเขียนเล่าชีวิตของคุณในช่วงเวลาไม่กี่ปีนั้นด้วย
    • จงเขียนเรื่องอาชีพของคุณ เรื่องความสัมพันธ์ เรื่องลูกๆ ของคุณ และเหตุการณ์สำคัญๆ ชนิดเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณที่ได้เกิดขึ้น
  2. เรื่องราวดีๆ ล้วนมีเหล่าตัวละครที่น่าสนใจ มีเพื่อนฝูงและศัตรูผู้ช่วยขับเคลื่อนให้โครงเรื่องลื่นไหล ใครคือตัวละครหลักๆ ในชีวิตคุณ แน่นอนอยู่แล้วว่าพ่อแม่ของคุณมีบทบาท เช่นเดียวกับคู่สมรส และสมาชิกในครอบครัวผู้ใกล้ชิดคุณคนอื่นๆ จงคิดไกลเกินคนใกล้ชิดในครอบครัว ไปจนถึงคนอื่นๆ ผู้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณ และสมควรจะมีบทบาทร่วมอยู่ในอัตชีวประวัติของคุณด้วย
    • ครูบาอาจารย์ ครูผู้ฝึกสอนกีฬา ที่ปรึกษา และเจ้านาย ล้วนมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อชีวิตคนเรา จงตัดสินใจว่ามีใครบางคนหรือไม่ ที่เป็นบุคคลตัวอย่างสำหรับคุณ (หรือในทางตรงกันข้าม) เพื่อจะได้ใส่ไว้ในเรื่องของคุณ
    • เหล่าอดีตแฟนหนุ่มหรือแฟนสาว อาจเป็นดาราสมทบในเรื่องราวที่น่าสนใจบางเรื่อง
    • ชีวิตคุณมีใครเป็นศัตรูบ้าง เรื่องราวชีวิตคุณจะน่าเบื่อ หากไม่ใส่รวมความขัดแย้งบางประการ เอาไว้ด้วย
    • ตัวละครแปลกๆ เช่น สัตว์ชนิดต่างๆ เหล่าคนดังในแวดวงสังคมผู้ที่คุณไม่เคยได้พบพาน และแม้แต่เมืองใหญ่ต่างๆ มักกลายเป็นจุดสนใจในหนังสืออัตชีวประวัติ
  3. เรื่องราวทั้งชีวิตของคุณจะเริ่มค่อนข้างยาวและยุ่งเหยิง ดังนั้น คุณจะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใช้เรื่องราวสั้นๆ อะไรบ้าง ให้เริ่มร่างต้นฉบับคร่าวๆ ด้วยการเขียนเรื่องหลักๆ ที่จะถักทอเข้าด้วยกันเพื่อสร้างภาพชีวิตคุณ มีหัวข้อหลักๆ สี่ห้าหัวข้อในอัตชีวประวัติส่วนใหญ่ เพราะผู้อ่านพบว่าน่าทึ่ง
    • เรื่องราวในวัยเด็ก ไม่ว่าวัยเด็กของคุณจะมีความสุข หรือชอกช้ำใจ ก็สมควรจะบันทึกรวมไว้เป็นเรื่องสั้นๆ สี่ห้าเรื่อง เพื่อให้ภาพว่าคุณเป็นใคร และอะไรคือสิ่งที่คุณได้ประสบในตอนนั้น คุณอาจเล่าเรื่องวัยเด็ก โดยแบ่งย่อยออกเป็นเรื่องสั้นๆ ที่แยกย่อยลงไปอีกเพื่อช่วยให้เห็นบุคลิกภาพของคุณ เช่น ปฏิกิริยาของพ่อแม่ตอนคุณพาสุนัขจรจัดกลับบ้านด้วย ตอนคุณปีนออกจากหน้าต่างของโรงเรียน และหนีหายไป 3 วัน ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างคุณกับคนจรจัดผู้ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในป่า…จงมีหัวคิดสร้างสรรค์
    • เรื่องราวที่ทำให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ช่วงเวลาในชีวิตมนุษย์ช่วงนี้ ซึ่งมักจะดื้อดึง และเกี่ยวข้องกับกามารมณ์ มักเป็นที่สนใจของผู้อ่าน จงจำไว้ว่านี่ไม่ใช่การเขียนบางสิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะคนทุกคนล้วนเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น แต่เป็นการเขียนบางสิ่งที่จะก้องกังวานอยู่ในใจของผู้อ่าน
    • เรื่องตกหลุมรัก หรือคุณอาจจะเขียนสิ่งที่ตรงกันข้าม กล่าวคือเรื่องของความรักที่ไม่เคยได้เจอะเจอสักที
    • เรื่องของวิกฤตอัตลักษณ์ ตามปกติ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในช่วงที่คุณอยู่ในวัย 30 หรือ 40 ปี และบางครั้งถูกเรียกว่าเป็นวิกฤตวัยกลางคนอย่างหนึ่ง
    • เรื่องการเผชิญหน้ากับพลังชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ของคุณกับสิ่งเสพติดต่างๆ กับคนรักจอมบงการ หรือกับคนบ้าผู้พยายามจะสังหารครอบครัวของคุณ คุณต้องเขียนเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ได้ประสบมา
  4. ผู้คนอ่านอัตชีวประวัติเพื่อเข้าใจว่า จะรู้สึกอย่างไรบ้างที่จะได้เป็นคนอื่น การเขียนแบบเป็นตัวของคุณเอง เป็นวิธีที่แน่นอนว่าจะทำให้ผู้คนรู้สึกมีส่วนร่วม หากงานเขียนของคุณเป็นทางการและแข็งทื่อ หรืออ่านแล้วเหมือนกับอ่านเรียงความของนักศึกษามหาวิทยาลัย แทนที่จะเป็นการเปิดโปงชีวิตของคุณ ผู้อ่านจะมีปัญหาในอันที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบ
    • จงเขียนเหมือนกับกำลังเปิดใจกับเพื่อนที่คุณไว้วางใจ เขียนเป็นร้อยแก้วอย่างชัดเจน เข้มแข็ง และไม่รกรุงรังจนเกินไปด้วยคำศัพท์ยากๆ ที่คุณแทบจะไม่เคยใช้
    • เขียนเพื่อเปิดเผยบุคลิกภาพของคุณ คุณเป็นคนตลก หรือเป็นคนฉุนเฉียว เป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ หรือเป็นคนชอบเครียด อย่าปกปิดไว้ สมควรเปิดเผยบุคลิกภาพของคุณผ่านทางวิธีที่ใช้เล่าเรื่อง
  5. คุณไม่จำเป็นต้องพูดจาโผงผาง แต่มีความสำคัญที่คุณจะต้องเปิดเผยความจริงต่างๆ เกี่ยวกับตัวตน และชีวิตของคุณในอัตชีวประวัติเล่มนี้ อย่าปล่อยให้หนังสือกลายเป็นการเรียงลำดับความสำเร็จในชีวิตของคุณ โดยแอบซ่อนด้านลบต่างๆ ไว้ จงนำเสนอตัวคุณในทุกด้าน เล่าสู่กันฟังทั้งเรื่องความสามารถ และความผิดพลาดต่างๆ เพื่อที่ผู้อ่านจะได้คิดว่าคุณเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา และหวังว่าพวกเขาจะเชียร์คุณ ขณะอ่านเรื่องราวของคุณด้วย
    • อย่าเอาแต่โชว์ด้านบวกของตัวเอง คุณสามารถมีข้อบกพร่องเล็กน้อย และยังคงเป็นตัวเอกอยู่ จงเปิดเผยความผิดพลาดต่างๆ ที่คุณได้ทำลงไป กับช่วงเวลาต่างๆ ที่คุณได้เคยทำให้ทั้งตัวเอง และคนอื่นผิดหวัง
    • เผยความในใจต่างๆ ของคุณ แบ่งปันความเห็น และข้อคิดต่างๆ ซึ่งรวมทั้งพวกที่อาจกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งได้ จงซื่อสัตย์ต่อตัวเองผ่านทางอัตชีวประวัติของคุณ
  6. เรื่องราวของคุณเป็นรูปร่างขึ้นมาได้อย่างไร โดยช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น มีสงครามใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อความเห็นทางการเมืองของคุณ มีเหตุการณ์ทางวัฒนธรรมใดบ้างที่เป็นแรงบันดาลใจของคุณ การพูดคุยถึงสิ่งโดยรวมซึ่งเกิดขึ้นในโลกในช่วงชีวิตของคุณ เป็นวิธีที่ดีซึ่งทำให้เรื่องราวของคุณเกี่ยวเนื่อง และน่าสนใจมากขึ้นสำหรับคนที่กำลังอ่านอยู่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

รังสรรค์เรื่องเล่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในตอนนี้ซึ่งคุณรู้แล้วว่ามีข้อมูลใดบ้างที่ต้องการใส่ไว้ในอัตชีวประวัติ จงคิดถึงวิธีที่คุณต้องการสร้างหนังสือขึ้นมา อัตชีวประวัติของคุณต้องการเค้าโครงเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับหนังสือชั้นเยี่ยมทุกเล่ม จงทำงานด้วยสิ่งที่คุณมีเพื่อรังสรรค์เรื่องราวอันน่าสนใจ ซึ่งมุ่งไปสู่จุดไคลแมกซ์ และคลี่คลายปัญหาได้ในที่สุด จงรังสรรค์ทิศทางของการบรรยาย โดยใช้การจัดองค์กร การเขียนบันทึกความทรงจำ กับเรื่องสั้นต่างๆ เพื่อให้ลื่นไหลไปด้วยกันอย่างสมเหตุสมผล
    • อะไรคือความขัดแย้งหลักของคุณ อะไรคืออุปสรรคใหญ่สุดของชีวิต ซึ่งคุณต้องใช้เวลาเอาชนะ หรือรับมือด้วยเป็นเวลานานหลายปี อาจเป็นความป่วยไข้ที่คุณถูกวินิจฉัยว่าเป็นตั้งแต่ในช่วงเริ่มแรก ความสัมพันธ์ที่สับสนอลหม่าน อุปสรรคในอาชีพการงาน เป้าหมายที่คุณต้องใช้เวลาหลายทศวรรษเพื่อบรรลุ หรือสิ่งอื่นใด จงมองหาตัวอย่างเพิ่มเติมของความขัดแย้งจากหนังสือและภาพยนตร์โปรดของคุณ
    • สร้างความตึงเครียดและความไม่แน่ใจ. วางโครงสร้างการบรรยายให้เป็นชุดของเรื่องราวต่างๆ ที่กำลังนำไปสู่จุดไคลแมกซ์ของความขัดแย้ง หากความขัดแย้งหลักของคุณ คือ พยายามจะบรรลุเป้าหมายเรื่องไปแข่งขันสกีในกีฬาโอลิมปิก ให้ปูทางไปสู่เป้าหมายนั้นด้วยเรื่องราวต่างๆ ของความสำเร็จรายการเล็กๆ และความล้มเหลวจำนวนมาก คุณต้องการให้ผู้อ่านถามคำถามว่า เธอจะทำสำเร็จไหม เขาจะทำได้หรือไม่ และกำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
    • ต้องมีไคลแมกซ์ของเรื่อง คุณจะเข้าถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง เมื่อถึงเวลาที่ความขัดแย้งแย่ลงจนคุณต้องเข้าจัดการ วันแห่งการแข่งขันครั้งใหญ่มาถึงแล้ว เกิดการเผชิญหน้ากับศัตรูเลวร้ายที่สุดของคุณ นิสัยติดพนันรุนแรงจนคุณควบคุมตัวเองไม่ได้ และคุณสูญเงินทั้งหมด –เข้าใจใช่ไหม
    • จบลงด้วยหนทางแก้ไข อัตชีวประวัติส่วนใหญ่จบอย่างมีความสุข เพราะผู้เขียนยังมีชีวิตอยู่มาเล่าเรื่องของตัวเอง และคาดหวังว่าจะได้ตีพิมพ์ แม้หากตอนจบของคุณไม่ได้น่าเบิกบานใจ ก็สมควรน่าพึงพอใจอย่างลึกซึ้ง คุณบรรลุเป้าหมายหรือชนะได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ถึงหากคุณแพ้ คุณก็รับมือกับความพ่ายแพ้ได้และฉลาดขึ้น
  2. คุณอาจเรียงลำดับชีวิตอย่างตรงไปตรงมา โดยเริ่มจากตอนคุณเกิด และจบลงที่ปัจจุบัน แต่การผสมผสานวิธีเรียงลำดับเหตุการณ์อาจทำให้เรื่องราวน่าสนใจมากขึ้น
    • คุณสามารถล้อมกรอบอัตชีวประวัติทั้งหมดด้วยภาพสะท้อนของปัจจุบัน เป็นการบอกเล่าเรื่องของคุณผ่านทางการย้อนเล่าเรื่องเป็นชุดๆ
    • คุณสามารถเริ่มเรื่องด้วยหนึ่งในนาทีสะเทือนใจจากวัยเด็ก ย้อนหลังไปเล่าเรื่องมรดกตกทอดของคุณ ก่อนจะ ขยับมาข้างหน้า คือช่วงปีที่คุณเรียนมหาวิทยาลัย และพุ่งเข้าสู่เรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพของคุณ โดยมีเรื่องสั้นๆ จากวัยเด็กโรยชูรสเพื่อเป็นบทตลกคลายเครียด
  3. [1] ใช้ประเด็นใหญ่ๆ ของชีวิตเป็นวิธีผูกเรื่องต่างๆ เข้าด้วยกัน เชื่อมต่ออดีตกับปัจจุบันของคุณเข้าด้วยกัน และนอกเหนือจากความขัดแย้งหลัก มีประเด็นอะไรบ้างที่ได้ตามติดคุณมาตลอดชีวิต ความชื่นชอบวันหยุดบางวัน ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจของคุณกับสถานที่บางแห่งที่คุณได้ไปเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ชายแบบที่คุณมักตกหลุมรัก ชีวิตที่หมกมุ่นในจิตวิญญาณที่คุณได้หวนกลับไปหาครั้งแล้วครั้งเล่า หยิบยกประเด็นต่างๆ ขึ้นมาเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยสร้างภาพที่สัมพันธ์กันของชีวิตคุณ
  4. คุณกำลังเรียงลำดับบทเรียนต่างๆ ในชีวิต แต่อะไรคือสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากพวกมันกันละ จงถ่ายทอดความตั้งใจของคุณ ความปรารถนา ความรู้สึกสูญเสีย ความรู้สึกเบิกบานใจ ความเฉลียวฉลาดที่คุณได้เรียนรู้ และความคิดในใจอื่นๆ ของคุณเป็นครั้งคราวตลอดเล่มหนังสือ จง ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวจากพฤติกรรมของเรื่อง เพื่อใคร่ครวญดูว่าทั้งหมดนี้หมายถึงอะไร เป็นวิธีที่ดีเพื่อเพิ่มความลึกให้กับอัตชีวประวัติของคุณ
  5. ใช้การแบ่งออกเป็นบทๆ เป็นโครงสร้างของหนังสือ. การแบ่งเป็นบทๆ เป็นประโยชน์ เพราะเปิดทางให้คุณก้าวต่อไปจากการพูดคุยถึงช่วงเวลาเฉพาะเจาะจงของชีวิต หรือเหตุการณ์ต่างๆ มีเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้ใช้คำว่า เราได้ ” ปิดฉากหนึ่ง” หรือได้ “เปิดฉากใหม่” ในชีวิต และยิ่งนำมาปรับใช้ได้ดีมากขึ้นเมื่อใช้สาธยายชีวประวัติ การแบ่งเป็นบท ๆ ช่วยให้คุณสามารถข้ามเวลา10 ปี ไปในอนาคต ย้อนกลับไปในอดีต หรือเริ่มอธิบายหัวข้อเรื่องใหม่ โดยไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกขัดแย้งมากนัก
    • พิจารณาเรื่องที่จะจบบทต่างๆ อย่างสะเทือนใจ หรือทิ้งข้อสังเกตที่น่าสงสัยเอาไว้ เพื่อให้ผู้อ่านรอไม่ไหวที่จะเริ่มอ่านบทต่อไป
    • ตอนเริ่มต้นบทต่างๆ เป็นตำแหน่งที่ดีเพื่อมองอดีตแบบมองจากมุมสูง ใช้บรรยายฉากของสถานที่แห่งหนึ่ง และกำหนดโทนสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการของหนังสือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำให้แน่ใจว่าคุณได้เขียนข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างถูกต้อง. ตรวจทานซ้ำสองทั้งวันเดือนปี ชื่อ การพรรณนาเหตุการณ์ต่างๆ และสิ่งอื่นๆ ที่คุณกำลังรวบรวมไว้ในหนังสือ เพื่อทำให้แน่ใจว่าได้จดบันทึกข้อเท็จจริงทุกอย่างไว้อย่างถูกต้อง แม้ว่าคุณจะกำลังเขียนเรื่องราวชีวิตของตัวเอง คุณก็ไม่สมควรจะตีพิมพ์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น
    • คุณสามารถขยายความความจริงเกี่ยวกับเป้าหมาย และความตั้งใจต่างๆ ของคุณ แต่ไม่ต้องปั้นแต่งบทสนทนากับบุคคลจริง ๆ หรือเปลี่ยนแปลงเรื่องราวของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นจริง แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณไม่อาจจดจำทุกสิ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็สมควรสะท้อนความจริงอย่างดีที่สุดที่สามารถทำได้
    • ขออนุญาตก่อนจะใช้ชื่อใคร หรืออ้างอิงถ้อยคำของคนเหล่านั้น หากคุณกำลังรวบรวมเนื้อหาว่าคนอื่นๆ ได้พูดและทำอะไรบ้าง บางคนไม่ชอบใจที่จะปรากฏตัวในฐานะตัวละครหนึ่งในอัตชีวประวัติของคนอื่น และคุณสมควรเคารพความไม่ชอบใจนั้น โดยเปลี่ยนแปลงวิธีบรรยายถึงพวกเขา หรือเปลี่ยนชื่อของพวกเขาหากจำเป็น
  2. เมื่อคุณจัดทำร่างฉบับแรกเสร็จแล้ว ให้อ่านทบทวนอย่างละเอียด จัดเรียงช่องไฟ ย่อหน้า และแม้แต่บทต่างๆ เสียใหม่ตรงที่จำเป็น เปลี่ยนแปลงคำต่างๆ ที่ไม่สุภาพ ใช้คำที่น่าสนใจและชัดเจนมากขึ้น กับแก้ไขตัวสะกดและไวยากรณ์ให้ถูกต้อง
  3. ส่งอัตชีวประวัติของคุณให้แก่สมาชิกชมรมนักอ่านของคุณ หรือเพื่อนสักคนหนึ่งเพื่อที่คุณจะได้ความคิดเห็นจากคนนอก เรื่องราวต่างๆ ที่คุณคิดว่าน่าขบขันเสียเหลือเกิน อาจฝืดสนิทสำหรับบางคน จงรับฟังผลตอบกลับจากหลายๆ คนให้มากที่สุดหากสามารถทำได้ เพื่อที่คุณจะได้แนวคิดดีกว่าเดิมว่าคนอื่นๆ จะเข้าใจและยอมรับหนังสือของคุณในแบบใด
    • หากมีหลายคนแนะนำให้คุณตัดบางส่วนออก จงพิจารณาอย่างจริงจังเรื่องตัดส่วนนั้นทิ้ง
    • พยายามขอความเห็นจากคนอื่นๆ นอกแวดวงญาติและเพื่อนฝูงของคุณ คนที่รู้จักคุณอาจจะพยายามถนอมความรู้สึกของคุณ หรือไม่ก็มีอคติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีพวกเขาอยู่ในหนังสือของคุณด้วย
  4. คนตรวจต้นฉบับดีๆ สักคนจะช่วยแก้ไขงานเขียนของคุณให้ไม่รกรุงรัง และช่วยทำให้ส่วนที่ดูหมอง เปลี่ยนเป็นเฉิดฉายขึ้นได้ [2] ไม่ว่าคุณจะกำลังวางแผนจะจัดพิมพ์หนังสือที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง หรือจะทำตามแนวทางการจัดพิมพ์ด้วยตัวเอง ก็ไม่เลวเลยหากจะได้มืออาชีพมาช่วยขัดเกลาหลังจากคุณเสร็จสิ้นกระบวนการเขียนหนังสือแล้ว
  5. ชื่อหนังสือสมควรเข้ากับโทนและสไตล์ของหนังสือของคุณ นอกเหนือจากน่าสนใจ-ดึงดูดใจและน่าทึ่ง จงตั้งชื่อหนังสือให้สั้นและน่าจดจำ แทนที่จะใช้คำฟุ่มเฟือย และเข้าใจยาก คุณอาจตั้งชื่อหนังสือด้วยชื่อของคุณ พร้อมกับคำว่า “อัตชีวประวัติของฉัน” หรือเลือกชื่อที่ระบุอ้อมๆ กว่านั้น มีหนังสืออัตชีวประวัติที่มีชื่อเสียงบางเล่มซึ่งมีชื่อที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อเรื่องข้างใน
    • จอมบงการ โดย ทินา เฟย์
    • คำสารภาพ โดย ลีโอ ตอลสตอย
    • เดินทางไกลสู่เสรีภาพ โดยเนลสัน แมนเดลา
    • เสียงหัวเราะ โดย ปีเตอร์ เคย์ [3]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

จัดพิมพ์เรื่องชีวิตของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อจัดพิมพ์หนังสือด้วยตัวของคุณเอง. ถึงหากคุณไม่อยากกังวลใจถ้าจะต้องพยายามขายหนังสือให้กับสาธารณชน คุณก็ยังอยากให้มีการออกแบบหนังสือให้สวยงามและจัดพิมพ์เพื่อเก็บไว้เอง แจกจ่ายให้กับสมาชิกครอบครัว และคนอื่นๆ ที่คุณเขียนถึงในหนังสือ จงค้นหาบริษัทผู้ให้บริการออกแบบ จัดพิมพ์ จัดส่ง และตัดสินใจว่าคุณต้องการสั่งพิมพ์จำนวนเท่าใด [4] หลายบริษัทเสนอบริการผลิตหนังสือที่ดูมืออาชีพ พอๆ กับที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แบบดั้งเดิม
    • หากคุณไม่อยากจ่ายค่าจัดพิมพ์หนังสือ ก็ยังสามารถผลิตสำเนาสวยๆ ของหนังสือของคุณได้โดยนำไปให้ร้านถ่ายเอกสารจัดพิมพ์สำเนา และเย็บเล่ม
  2. [5] หากคุณอยากจัดพิมพ์อัตชีวประวัติของคุณเอง และแบ่งปันเรื่องราวให้โลกรู้ การขอรับความช่วยเหลือจากตัวแทน อาจช่วยให้คุณทำได้ตามความต้องการ จงค้นหาตัวแทนด้านอัตชีวประวัติ และส่งหนังสือสอบถามไปถึงพวกเขา พร้อมกับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือของคุณ เกี่ยวกับตัวคุณ และวิธีที่คุณคิดว่าสมควรใช้ในการวางตลาดหนังสือของคุณ
    • จงเริ่มจดหมายสอบถามด้วยคำโฆษณาสั้นๆ ที่ไม่มีจุดให้โต้แย้ง อธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ในหนังสือ จงจัดประเภทหนังสือของคุณให้ถูกต้อง และอธิบายว่าเหตุใดหนังสือของคุณถึงโดดเด่นกว่าหนังสือประเภทเดียวกันเล่มอื่นๆ จงแจ้งต่อตัวแทนด้วยว่าเหตุใดคุณถึงคิดว่าเขาหรือเธอ คือผู้ที่เหมาะสมจะนำหนังสือของคุณไปเสนอแก่สำนักพิมพ์ต่างๆ
    • ส่งบทตัวอย่างไปให้กับตัวแทนผู้แสดงความสนใจ
    • ลงนามในสัญญากับตัวแทนที่คุณไว้วางใจ ทำให้แน่ใจว่าได้อ่านสัญญาอย่างรอบคอบแล้ว และตรวจสอบประวัติของตัวแทนก่อนลงนามในเอกสารใดๆ
  3. ส่งหนังสือสอบถามโดยตรงไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ. หากคุณไม่ต้องการจะใช้เวลาค้นหาตัวแทน คุณสามารถส่งจดหมายโดยตรงไปยังสำนักพิมพ์ และรอดูว่ามีแห่งใดบ้างไหมที่สนใจ จงค้นหาสำนักพิมพ์ที่จัดพิมพ์หนังสือแนวเดียวกันกับหนังสือของคุณ อย่าส่งต้นฉบับทั้งหมดในทันที จงรอจนกระทั่งสำนักพิมพ์ร้องขอเสียก่อน
    • สำนักพิมพ์หลายแห่งไม่ตอบจดหมายสอบถาม หรือรับต้นฉบับที่ทางสำนักพิมพ์ไม่ได้ร้องขอ จงทำให้แน่ใจว่าคุณส่งจดหมายไปถึง เฉพาะสำนักพิมพ์แห่งที่จะยอมรับสิ่งที่คุณส่งไปเท่านั้น
    • หากมีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งตัดสินใจจะเดินหน้าทำข้อตกลงจัดพิมพ์หนังสือของคุณ คุณจะจำเป็นจะต้องลงนามในสัญญา และจัดทำกำหนดการสำหรับการตรวจแก้ การออกแบบ การพิสูจน์อักษร และขั้นสุดท้ายคือจัดพิมพ์หนังสือ
  4. [6] เป็นวิธีการจัดพิมพ์หนังสือที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นวิธีดีเยี่ยมเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์ และจัดส่งสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จงสำรวจสำนักพิมพ์ออนไลน์ต่างๆ ที่จัดพิมพ์หนังสือแนวเดียวกันกับหนังสือของคุณ ส่งจดหมายสอบถาม และเดินหน้าทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการของหนังสือ กับจัดพิมพ์ต้นฉบับ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จงเขียนให้เรื่องราวของคุณมีชีวิตชีวา แต่อย่าติดหล่มอยู่กับรายละเอียดที่ไม่สำคัญ ในขณะที่คุณต้องการให้อัตชีวประวัติเป็นที่จดจำ แต่ก็ไม่ต้องการให้หนังสือของคุณน่าเบื่อ การใส่รายละเอียดมากเกินไป เช่น การใส่รายชื่อทุกคนที่ไปร่วมงานเลี้ยง หรือการพยายามใส่ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน - จะทำให้คุณติดหล่ม
  • ในอัตชีวประวัติของคุณอาจรวมไว้ทั้งคำอุทิศ คำนำ สถิติสำคัญๆ หน้าซึ่งเรียงลำดับเหตุการณ์ สาแหรกของครอบครัว และบทส่งท้าย
  • หากจุดประสงค์ของอัตชีวประวัติของคุณคือ ส่งต่อเรื่องราวของคุณถึงเหล่าทายาท ให้พิจารณารวมเอาของที่ระลึกต่างๆ ( เช่น รูปภาพ มรดกตกทอดที่มีคุณค่าทางจิตใจ เหรียญตรา ของเตือนใจ จดหมาย เป็นต้น) และให้เขียนเรื่องราวของคุณในรูปแบบสมุดติดภาพ แน่นอนว่าคุณอาจไม่สามารถจะทำสำเนาของที่ระลึกต่างๆ ที่ใส่มาพร้อมกับอัตชีวประวัติได้ ดังนั้นคุณยังคงต้องคิดถึงสิ่งที่ตั้งใจจะทำกับงานต้นแบบของคุณ และสิ่งของอื่นๆ ด้วย เช่น เหรียญตรา หรือมรดกตกทอดที่มีคุณค่าทางจิตใจจำนวนมาก
  • หากงานเขียนของคุณไม่น่าอ่าน หรือหากคุณเพียงต้องการความช่วยเหลือบางประการเพื่อเรียบเรียงความคิดให้เป็นระเบียบ จงพิจารณาว่าจ้างนักเขียนเงา หรือนักประวัติศาสตร์ส่วนบุคคลมืออาชีพ คนดังในวงสังคมใช้วิธีนี้กันเป็นประจำ และยังมีซอฟแวร์ตัวหนึ่งที่ช่วยให้คุณพิมพ์คำตอบต่างๆ ลงบนแบบฟอร์มในคอมพิวเตอร์ของคุณได้ด้วย ซึ่งช่วยแก้ปัญหางานเขียนที่ไม่สมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกหลายคนเลือกพิมพ์โดยตรงลงบนแบบฟอร์มออนไลน์
โฆษณา

คำเตือน

  • ระมัดระวังการเขียนสิ่งใดที่หมิ่นประมาทผู้อื่น หากคุณเขียนบางสิ่งที่เป็นการใส่ร้าย หรือเป็นความเท็จที่โยนความผิดให้กับผู้อื่น ลงในอัตชีวประวัติที่ตั้งใจจะตีพิมพ์ สมควรพิจารณาเปลี่ยนชื่อของเขาหรือเธอ (หากเป็นบุคคลผู้ยังมีชีวิตอยู่) ไม่อย่างนั้น คุณอาจพบว่าตัวเองต้องเผชิญกับการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี หากคุณไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้างที่สมควรแก้ไข ให้ปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญคดีหมิ่นประมาท


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 125,818 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา