การไอตอนกลางคืนอาจเป็นการรบกวนคนที่นอนข้างๆ และทำให้คุณต้องตื่นกลางดึกได้ และบางทีอาจเป็นสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอย่างโรคหวัด หลอดลมอักเสบ โรคไอกรน ปอดอักเสบ ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหืด หรือโรคกรดไหลย้อน ถ้าอาการไอตอนกลางคืนของคุณไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ ควรไปพบแพทย์ อาการแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาการของภูมิแพ้ หรือทางเดินหายใจอุดตัน ซึ่งสามารถดีขึ้นได้ถ้ารักษาอย่างถูกวิธี
ขั้นตอน
-
นอนบนที่ลาด. ใช้หมอนหนุนหลังก่อนจะหลับ และพยายามนอนหนุนหมอนมากกว่าหนึ่งใบ วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำมูกหรือเสมหะที่กลืนลงคอไประหว่างวันไหลย้อนกลับขึ้นมาได้ตอนคุณนอน [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- คุณสามารถหาบล็อคไม้มาวางใต้หัวเตียงเพื่อยกสูงขึ้นสัก 4 นิ้ว มุมนี้จะช่วยทำให้กรดต่างๆ ในกระเพาะไม่ไหลย้อนขึ้นมาให้ระคายคอได้
- ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการนอนหงาย เพราะมันจะไปกดทับทางเดินหายใจเวลาคุณหลับ และทำให้มีอาการไอได้ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การนอนบนที่ลาดโดยใช้หมอนหนุนหลายใบ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอาการไอจากภาวะหัวใจล้มเหลว ของเหลวในปอดจะถูกเก็บไว้ที่ปอดกลีบล่างและจะไม่กระทบต่อการหายใจ
-
อาบหรือแช่น้ำอุ่นก่อนเข้านอน. อากาศแห้งสามารถทำให้คุณไอมากขึ้นในตอนกลางคืน ดังนั้นให้อบไอน้ำหรือแช่น้ำอุ่นสักหน่อยก่อนเข้านอน [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณเป็นโรคหืดอยู่แล้ว ไอน้ำอาจทำให้อาการไอแย่ลง ห้ามใช้วิธีนี้สำหรับผู้ที่เป็นโรคหืด
-
เลี่ยงการนอนเป่าพัดลม ฮีทเตอร์ หรือแอร์. การที่มีลมพัดเข้าหน้าตอนนอนจะยิ่งทำให้ไอหนักขึ้น ให้ย้ายที่นอนไม่ให้อยู่ในจุดที่แอร์เย็นๆ หรือความร้อนจากฮีทเตอร์ตกใส่ ถ้าคุณเปิดพัดลมนอน ก็ให้ย้ายพัดลมไปไว้ตรงข้ามเตียง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ติดตั้งเครื่องทำความชื้นในห้องนอน. เครื่องทำความชื้นจะช่วยรักษาความชื้นในอากาศในห้อง ทำให้อากาศไม่แห้ง ไอน้ำจะเปิดทางเดินอากาศ ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น และยังรักษาความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้ไอน้อยลงด้วย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ควบคุมค่าความชื้นให้อยู่ที่ 40-50 เปอร์เซ็นต์ เพราะไรฝุ่นและเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีถ้าอากาศชื้น ใช้ไฮโกรมิเตอร์ในการวัดความชื้นภายในห้อง หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องมือทั่วไป
-
ซักเครื่องนอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง. ถ้าคุณมีอาการไอตอนกลางคืนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเป็นภูมิแพ้ ให้รักษาความสะอาดของเครื่องนอน ไรฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่กินเศษผิวหนังที่ตายแล้ว อาศัยอยู่ตามเครื่องนอนและเป็นตัวการของภูมิแพ้ ยิ่งถ้าคุณเป็นภูมิแพ้หรือโรคหืดอยู่แล้ว มันจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณมาก ควรซักผ้าปูที่นอนเป็นประจำและใช้ผ้าคลุมเตียงไว้ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ซักเครื่องนอนทุกชิ้นด้วยน้ำร้อน สัปดาห์ละครั้ง ทั้งผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ไปจนถึงปลอกผ้านวม
- คุณจะคลุมฟูกหรือที่นอนไว้ด้วยพลาสติกก็ได้ เพื่อป้องกันไรฝุ่นและทำให้เครื่องนอนสะอาด
-
วางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียง. ถ้าทำเช่นนี้ เวลาตื่นกลางดึกเพราะไอ คุณก็จะสามารถจิบน้ำเพื่อให้โล่งคอขึ้นได้ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
พยายามหายใจทางจมูกเวลานอน. ก่อนจะนอน ให้นึกถึงคำพูดที่ว่า “จมูกมีไว้หายใจ ปากมีไว้เพื่อกิน” ควรฝึกหายใจทางจมูกเวลาหลับโดยการหายใจทางจมูกบ่อยๆ ขณะรู้สึกตัว มันจะช่วยลดแรงกดดันบริเวณลำคอ ซึ่งจะสามารถลดอาการไอตอนกลางคืนได้
- นั่งตัวตรงในท่าสบาย [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ผ่อนคลายร่างกายส่วนบน และปิดปาก วางลิ้นไว้หลังฟันล่างให้ห่างจากเพดานปาก
- วางมือไว้บริเวณกะบังลม หรือตรงหน้าท้องส่วนล่าง คุณควรฝึกหายใจโดยใช้กะบังลมแทนการใช้กล้ามเนื้อหน้าอก เพราะการหายใจโดยใช้กะบังลมมีความสำคัญคือช่วยปอดในการแลกเปลี่ยนก๊าซ และยังเป็นการนวดกระตุ้นตับ กระเพาะอาหาร และลำไส้ ซึ่งจะช่วยขับสารพิษออกจากอวัยวะเหล่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยผ่อนคลายร่างกายส่วนบนอีกด้วย
- สูดหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก นาน 2-3 วินาที
- หายใจออก ใช้เวลา 3-4 วินาที หยุดพัก 2-3 วินาที ก่อนสูดหายใจเข้าทางจมูกอีกครั้ง
- ฝึกหายใจทางจมูกแบบนี้หลายๆ รอบ การยืดเวลาหายใจเข้า-ออก จะช่วยให้ร่างกายของคุณคุ้นเคยกับการหายใจทางจมูกมากกว่าทางปาก
โฆษณา
-
ทานยาแก้ไอที่ซื้อได้ตามร้านขายยา. ยาแก้ไอที่มีขายทั่วไปสามารถช่วยได้สองทาง [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Harvard Medical School ไปที่แหล่งข้อมูล
- ยาขับเสมหะ เช่น มิวซิเน็กซ์ ดีเอ็ม (Mucinex DM) ช่วยสลายน้ำมูกและเสมหะในลำคอและทางเดินหายใจ
- ยาระงับอาการไอ เช่น เดลซิม (Delsym) ช่วยระงับอาการไอโดยอัตโนมัติ และลดแรงกระตุ้นในการไอของร่างกาย
- คุณสามารถทานยาน้ำแก้ไอทั่วไป หรือทาวิคส์ วาโปรับ (Vick’s Vapor Rub) ที่หน้าอกก่อนนอนก็ได้ ทั้งสองอย่างนี้จะช่วยลดอาการไอตอนกลางคืน
- อ่านฉลากยาทุกครั้งก่อนใช้ และถามเภสัชกรถ้าไม่แน่ใจว่ายาแก้ไอแบบไหนที่เหมาะสำหรับอาการไอของคุณ
-
ใช้ยาอมแก้ไอ. ยาแก้ไอบางชนิดใช้ส่วนผสมที่ทำให้ชาอย่างเบนโซเคน ซึ่งจะช่วยให้อาการไอสงบลงนานพอให้คุณหลับได้ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ไปพบแพทย์หากอาการไอไม่หายไปหลังจาก 7 วัน. ถ้าอาการไอกลางดึกยังคงแย่ลงหลังจากการดูแลรักษา การกินยา หรือหลังจาก 7 วันแล้ว ควรไปพบแพทย์ สาเหตุของการไอตอนกลางคืนนั้นอาจมาจากโรคหืด โรคหวัดทั่วไป โรคกรดไหลย้อน การกินยาลดความดันโลหิต อาการติดเชื้อไวรัส โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหลอดลมโป่งพอง หรือโรคมะเร็ง ถ้าคุณมีไข้สูงและมีอาการไอกลางดึกเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- การตรวจโรคไอเรื้อรังจะเริ่มจากตรวจประวัติและร่างกาย แพทย์อาจต้องทำการเอ็กซเรย์ปอดเพื่อตรวจหาโรค และอาจจำเป็นต้องตรวจโรคกรดไหลย้อนและโรคหืดด้วย
- แพทย์อาจสั่งยาที่ช่วยลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก (decongestant) หรือยาที่แรงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยโรค ยาเชอราทัซซิน (Cheratussin) ที่มีโคเดอีน เป็นยาระงับอาการไอที่แพทย์มักจะสั่งจ่ายทั่วไป ถ้าคุณมีปัญหาใหญ่ที่ทำให้ไอกลางดึกอย่างโรคหืดหรือโรคหวัดเรื้อรัง ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่เฉพาะเจาะจงเพื่อรักษาโรค แพทย์อาจจ่ายยาเดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan), มอร์ฟีน, ไกวเฟนิซิน (Guaifenesin) และกาบาเพนติน (Gabapentin)
- ปรึกษาแพทย์หากคุณทานยาลดความดันโลหิตอยู่ เพราะการไออาจเป็นผลข้างเคียงจากยา
- อาการไอบางชนิด โดยเฉพาะที่เรื้อรัง อาจเป็นอาการของโรคที่รุนแรงอย่างโรคหัวใจและมะเร็งปอด แต่โรคเหล่านี้ก็มักจะมีอาการที่ชัดเจนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไอเป็นเลือด หรือมีประวัติป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Harvard Medical School ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
-
ทานน้ำผึ้งหนึ่งช้อนก่อนนอน. น้ำผึ้งเป็นยารักษาอาการระคายคอแบบธรรมชาติที่ดีมาก เพราะมันจะช่วยเคลือบและบรรเทาอาการระคายเยื่อบุในช่องคอ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย ต้องขอบคุณเอนไซม์จากผึ้งทั้งหลายเลยล่ะ ดังนั้นถ้าอาการไอของคุณเป็นเพราะโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย น้ำผึ้งจะช่วยกำจัดแบคทีเรียตัวร้ายเหล่านั้นได้ [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ทานน้ำผึ้งสดแท้ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 1-3 ครั้ง และก่อนนอน คุณสามารถละลายน้ำผึ้งในน้ำอุ่นสักถ้วย บีบมะนาวลงไป และดื่มก่อนนอนก็ได้
- สำหรับเด็ก ให้กินน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา วันละ 1-3 ครั้ง และก่อนนอน
- ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบกินน้ำผึ้งเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษและติดเชื้อจากแบคทีเรียได้
-
ดื่มชาชะเอมเทศ. รากชะเอมเทศเป็นยาจากธรรมชาติที่ช่วยลดอาการบวมของเยื่อบุทางเดินหายใจ มันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ละลายเสมหะ และยังบรรเทาอาการอักเสบในลำคออีกด้วย [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หาซื้อรากชะเอมเทศแห้งตามร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ หรือสามารถซื้อชาชะเอมเทศได้ที่แผนกขายชาตามร้านขายของทั่วไป
- แช่รากชะเอมเทศในน้ำร้อน 10-15 นาที หรือตามที่ระบุไว้บนถุงชา ปิดฝาไว้ระหว่างที่แช่เพื่อให้มันอบอวลไปด้วยไอร้อนและน้ำมันจากชา ดื่มวันละ 1-2 ครั้ง และก่อนนอน
- ถ้าคุณใช้ยาสเตียรอยด์อยู่ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต ห้ามกินรากชะเอมเทศ
-
กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ. น้ำเกลือสามารถบรรเทาอาการไม่สบายในลำคอและขจัดเสมหะได้ หากคุณมีเสมหะหรือไอ การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือจะช่วยขับเสมหะในลำคอ [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใส่เกลือ 1 ช้อนชา ลงในน้ำอุ่น 8 ออนซ์ คนให้ละลาย
- กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ 15 วินาที ระวังอย่ากลืนลงไป
- บ้วนทิ้ง และใช้น้ำเกลือที่เหลือกลั้วคออีกครั้ง
- เสร็จแล้วล้างปากด้วยน้ำเปล่า
-
อังหน้าด้วยไอร้อนจากน้ำและน้ำมันจากธรรมชาติ. การอบไอน้ำเป็นวิธีที่ดีที่จะดูดซับความชุ่มชื้นผ่านทางจมูกและป้องกันการไอแห้ง การเติมน้ำมันที่สกัดจากพืชอย่างทีทรีออยล์ และน้ำมันยูคาลิปตัส จะช่วยต้านเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และการอักเสบ [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ต้มน้ำร้อนในปริมาณพอที่จะใส่ชามกันร้อนขนาดกลางได้ เทน้ำลงในชามและทิ้งไว้ให้เย็นลงประมาณ 30-60 วินาที
- เติมทีทรีออยล์ 1-2 หยด และน้ำมันยูคาลิปตัส 1-2 หยด ลงในน้ำ คนเร็วๆ เพื่อให้มีไอระเหยออกมา
- ยื่นหน้าไปเหนือชามให้ใกล้ไอน้ำมากที่สุด แต่อย่าใกล้เกินไปเพราะไอร้อนอาจจะทำให้แสบผิวได้ คลุมผ้าสะอาดไว้บนหัวเหมือนเป็นเต็นท์เพื่อช่วยกักเก็บไอน้ำ หายใจเข้าลึกๆ 5-10 นาที อบไอน้ำใส่น้ำมันหอมแบบนี้ 2-3 ครั้งต่อวัน
- คุณสามารถทาน้ำมันสกัดบนหน้าอกของลูกเพื่อป้องกันการไอกลางดึกได้ โดยผสมน้ำมันหอมสกัดจากพืชกับน้ำมันมะกอกก่อนที่จะนำมาทาผิวเสมอ เพราะไม่ควรนำมาทาผิวโดยตรง น้ำมันหอมสกัดจากพืชจะให้ผลดีเทียบเท่าวิคส์ วาโปรับ แต่จะมาจากธรรมชาติล้วนๆ และไม่มีส่วนผสมของน้ำมันปิโตรเลียม สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี โปรดอ่านคำเตือนบนฉลากขวดน้ำมันสกัดก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2669040/
- ↑ http://www.normalbreathing.com/stop-cough-at-night.php
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/nighttime-relief
- ↑ http://symptoms.webmd.com/cold-and-flu-map-tool/soothe-nighttime-cough
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/nighttime-relief
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/nighttime-relief
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/nighttime-relief
- ↑ http://www.selfication.com/how-to-breathe/
- ↑ http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/cold-guide/cough-syrup-cough-medicine
- ↑ http://www.nhs.uk/conditions/cough/pages/introduction.aspx
- ↑ http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/expert-answers/honey/faq-20058031
- ↑ http://everydayroots.com/cough-remedies
- ↑ http://everydayroots.com/cough-remedies
- ↑ http://everydayroots.com/cough-remedies
- ↑ http://www.kidsloveacupuncture.com/2013/01/21/7-ways-to-calm-a-cough-your-pediatrician-wont-tell-you-about/
โฆษณา