ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ความสุขและความพึงพอใจในชีวิตเป็นสิ่งที่เราต่างแสวงหา และเพื่อที่จะให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้นได้ คุณก็ต้องใช้ชีวิตให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ไม่ว่าคำว่าชีวิตที่ดีของคุณจะมีความหมายว่าอะไรก็ตาม เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด คุณต้องค้นหาว่าอะไรที่มีความหมายกับคุณมากที่สุด เมื่อคุณพบคำตอบแล้ว คุณก็จะสามารถหาทางที่จะไปถึงเป้าหมายและเพิ่มความสุขให้ตัวเองได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

มีสุขภาพดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จิตใจของคุณสำคัญเท่ากับร่างกายส่วนอื่นทั้งหมด และคุณก็ต้องฝึกฝนสุขภาพจิตที่ดีด้วย ซึ่งก็คือการตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของตัวเอง การรู้สึกได้รับการตอบสนองทางอารมณ์เป็นอย่างดีสามารถช่วยให้คุณเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านบวกได้ตลอดชีวิต คุณสามารถพัฒนาสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้ด้วยการอยู่กับคนที่คุณไว้ใจและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุณสบายใจ [1]
    • ถ้าคุณกำลังมีอารมณ์ที่ไม่ดี เช่น โศกเศร้าหรือเหงา การไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอาจเป็นผลดีต่อตัวคุณ หาที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตที่มีชื่อเสียงใกล้บ้านคุณ [2]
    • ลองวางแผนหาอะไรสนุกๆ ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อาจจะเป็นแค่การนัดเพื่อนสนิทไปดื่มกาแฟก็ได้ การมีอะไรให้เราตั้งตาคอยช่วยให้คุณรู้สึกถึงความสมดุลทางอารมณ์มากขึ้น
  2. ความเครียดเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเราเจอขณะกำลังพัฒนาสุขภาพจิต ลองหากลไกการเผชิญปัญหาเอาไว้ใช้เวลาที่คุณอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น หายใจเข้าออกลึกๆ หรือนับ 1 ถึง 10 [3]
    • จัดระเบียบ การเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำหรือจดลงในปฏิทินเป็นวิธียอดเยี่ยมที่จะช่วยจัดการชีวิตที่ยุ่งเหยิงของคุณได้ ลองทำวิธีนี้เพื่อที่คุณจะได้ลดความเครียดในชีวิตที่เร่งรีบไปได้บ้าง
  3. การดูแลร่างกายตัวเองเป็นส่วนสำคัญต่อสุขภาพที่ดีโดยรวม คนที่มีร่างกายแข็งแรงโดยทั่วไปมักจะมีความสุขกว่าและมีระดับความเครียดน้อยกว่า ดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกายเป็นประจำ [4]
    • แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย การเข้าฟิตเนสก็เป็นวิธียอดเยี่ยมที่ทำให้คุณมีสุขภาพดีและได้พบปะพูดคุยกับคนอื่น เพราะฉะนั้นลองมองหาฟิตเนสใกล้บ้าน การเดินก็เป็นกิจกรรมที่ดีที่ทำให้คุณได้ออกแรงในแต่ละวัน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยให้คุณได้พักตัวเองจากการทำงานด้วย
    • รับประทานผักและผลไม้มากๆ คนที่รับประทานอาหารอย่างสมดุลไม่ค่อยมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพ เช่น โคเลสเตอรอลสูงหรือเบาหวานมากนัก [5]
  4. จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งหมายถึง ความเข้าใจในความเชื่อและค่านิยมของตนเอง เพื่อที่จะให้ได้ใกล้ชิดกับจิตวิญญาณของตัวเองมากขึ้น คุณต้องพยายามคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญกับคุณมากที่สุด และให้เอาความสนใจไปไว้ที่สิ่งนั้น นอกจากนี้คุณยังสามารถพิจารณาได้ด้วยว่า สิ่งที่คุณเชื่อก็คือเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของคุณ [6]
    • การมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งก็คือการมีสติรู้ตัว ลองใช้วิธี เช่น การทำสมาธิหรือเล่นโยคะเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณของคุณ
  5. ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนอื่นมีผลกระทบต่อความอยู่ดีมีสุขของคุณเป็นอย่างมาก การมีความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้นและเครียดน้อยลง ถ้าคุณมีคนลบๆ ในชีวิต มันก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่มีความสุขและมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงได้ [7]
    • ถ้าคุณคบใครอยู่ คุณต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์ของคุณ พยายามใช้เวลาคุณภาพกับคนรักและแสดงความรักใคร่ทางกายให้มากขึ้น [8]
  6. ความสัมพันธ์ที่ทำงานก็มีความสำคัญต่อความอยู่ดีมีสุขของคุณ พยายามหาสิ่งที่คุณสนใจร่วมกับเพื่อนร่วมงานเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ นอกจากนี้คุณยังสามารถอาสาช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานเมื่อคุณเห็นว่าพวกเขางานเยอะได้
    • ให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ และครอบครัว ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดของคุณมักจะเป็นความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ และญาติๆ คุณต้องหาเวลาอยู่กับพวกเขาบ้าง
  7. คุณต้องสร้างความแข็งแกร่งให้จิตใจเช่นเดียวกับที่คุณสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อส่วนอื่น การมีสุขภาวะทางปัญญาหมายถึงการที่คุณท้าทายและใช้สมอง คุณสงสัยใคร่รู้และอยากจะแสวงหาสถานที่และสิ่งใหม่ๆ [9]
    • ท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และกระตุ้นจิตใจของตัวเอง
    • เล่นเกมปริศนา วิธีฝึกสมองที่บ้านนั้นมีอยู่มากมาย ลองเล่นครอสเวิร์ด ซูโดกุ หรือเกมกระดานยากๆ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

สร้างความเปลี่ยนแปลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิด พยายามเอาความกดดันออกไปจากตัวเอง มองแต่ละวันว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ วิธีคิดแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นสิ่งดีๆ ในชีวิตได้ [10]
  2. ในการที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตนั้น คุณต้องเป็นแรงขับเคลื่อนที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเป็นคนมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำคือการที่คุณคุมบังเหียนชะตาชีวิตตัวเอง คุณเลือกในสิ่งที่คุณต้องการเลือก ไม่ใช่เลือกเพราะคนอื่นบอกให้เลือก เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณควบคุมชีวิตตัวเองได้แล้ว คุณจะเริ่มรู้สึกสบายใจและมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในการที่จะมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำได้นั้น ให้ลองนึกถึงการกระทำบางอย่างที่คุณสามารถทำเพื่อพัฒนาชีวิตตัวเองได้ จากนั้นก็ลงมือทำ [12]
    • เช่น ถ้าคุณไม่มีความสุขกับงานที่ทำอยู่ ขั้นตอนของการมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงก็คือ อัปเดตเรซูเม่และเริ่มสมัครงานใหม่
  3. สร้างนิสัยใหม่ . ถ้ามีส่วนใดส่วนหนึ่งในชีวิตที่คุณรู้สึกว่ามันยังไม่ดีที่สุด พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง คุณอาจจะอยากมีร่างกายที่แข็งแรงกว่านี้หรือคุณอาจจะอยากเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ลองสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในแต่ละวันเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ เช่น พยายามเก็บเงินวันละ 50 บาทเพื่อให้เริ่มเก็บเงินได้มากขึ้น [13]
    • ปกติแล้วจะต้องใช้เวลา 2 เดือนกว่านิสัยนั้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรคุณจริงๆ เพราะฉะนั้นต้องอดทนกับตัวเองด้วย
  4. ตั้งเป้าหมาย . เป้าหมายเป็นภาพสะท้อนการจัดลำดับความสำคัญของคุณและเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณพัฒนาชีวิตได้อย่างเป็นรูปเป็นร่าง การตั้งเป้าหมายมีประโยชน์ต่อทุกด้านของชีวิต การตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงได้ช่วยให้คุณเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่คุณอยากให้เกิดขึ้น [14]
    • ตั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว เมื่อคุณเห็นผลลัพธ์จากเป้าหมายระยะสั้นแล้ว นั่นจะทำให้คุณมีกำลังใจที่คุณจำเป็นต้องมีไว้เพื่อรักษาและสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
  5. การมีเป้าหมายในชีวิตช่วยให้คุณมีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะมีได้ ลองถามตัวเองว่าคุณจะทำอะไรถ้าคุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว เมื่อคุณพบคำตอบ คุณก็อยู่บนเส้นทางของการค้นหาแรงปรารถนาของตัวเองแล้ว [15]
    • เดินตามความสงสัยของตัวเอง แรงปรารถนาคือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณ แต่มันก็จะต้องเป็นสิ่งที่น่าสนใจและท้าทายสำหรับคุณอย่างแน่นอน เช่น ถ้าคุณรักสัตว์ หาทางให้ได้ทำงานกับสัตว์ คุณอาจจะเริ่มจากการเป็นอาสาสมัครที่ศูนย์พักพิงสัตว์ใกล้บ้านก่อนก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

มีความสุขกับชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยายามหาบางสิ่งในชีวิตที่ทำให้คุณมีความสุขได้จริงๆ วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งก็คือ เลือกทำในสิ่งที่สร้างความสุขให้แก่คุณในทุกๆ วัน อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่การใช้เวลาค่อยๆ ดื่มด่ำไปกับรสชาติของกาแฟในตอนเช้า หรือคุณอาจจะใช้เวลา 30 นาทีในแต่ละวันทำในสิ่งที่คุณมีความสุขจริงๆ จนเป็นกิจวัตร [16]
  2. เลิก เปรียบเทียบ . พยายามอย่าวัดคุณค่าของชีวิตตนเองด้วยมาตรฐานของผู้อื่น เช่น ถ้าคุณกังวลเรื่องเงิน พยายามหาทางที่จะเพิ่มรายได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อทำให้สถานการณ์ในชีวิตของคุณดีขึ้น ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงเพื่อนที่ได้เงินเดือนมากกว่าแล้วสงสัยว่าทำไมคุณถึงหาเงินมากขนาดนั้นไม่ได้ [17]
    • เมื่อคุณเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น คุณมักจะลงเอยด้วยการตัดสินตัวเองด้วยความไม่พอใจ คนส่วนใหญ่เปรียบเทียบตัวเองกับคนที่เรามองว่าเขามีมากกว่าหรือ "ดีกว่า" [18] และพวกเขาก็ยังมีแนวโน้มที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนๆ นั้นในเวอร์ชันที่เพียบพร้อม โดยลืมความจริงที่ว่าคนๆ นั้นเขาก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีข้อเสียและปัญหาเช่นเดียวกับพวกเราทุกคน [19]
    • แทนที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ให้เปรียบเทียบตัวเองในอดีตกับปัจจุบัน คุณเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วอย่างไรบ้าง อะไรที่คุณเคยทำไม่ได้แต่วันนี้ทำได้แล้วบ้าง [20]
    • การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นก็เหมือนการเอาแอปเปิลมาเทียบกับส้ม ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกต้องและไม่เกี่ยวข้องกันเลย เพราะทุกคนต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง [21] มันไม่เป็นเหตุเป็นผลพอๆ กับที่คุณจะเปรียบเทียบความสามารถในการว่ายน้ำของตัวเองกับโลมานั่นแหละ
  3. งานวิจัยบอกเราว่า อากาศที่สดชื่นส่งผลกระทบที่ดีต่อสุขภาพของเราทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต [22] พยายามหาเวลาในแต่ละวัน (หรือแต่ละสัปดาห์) ออกไปสู่กลางแจ้ง คุณอาจจะไปสวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือไปผจญภัยในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่อุทยานแห่งชาติที่อยู่ใกล้คุณก็ได้ [23]
  4. มองไปที่ข้อดีของคุณ ถ้าคุณวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองมากเกินไป คุณก็จะหาความสุขในชีวิตได้ยาก แทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองแบบนั้น ให้หาเวลาในแต่ละวันมองไปที่ข้อดีของตัวเอง ชมตัวเองให้เป็นนิสัย ลองติดโน้ตในกระจกห้องน้ำเพื่อเตือนตัวเองว่าคุณเป็นคนที่เจ๋งขนาดไหน [24]
  5. การโอบกอดความเป็นเด็กในตัวคุณช่วยให้คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว ลองทำอะไรบ้าๆ บอๆ อย่างเล่นกระโดดเชือกหรือตีลังกา อย่ากลัวที่จะหัวเราะ นอกจากนี้คุณอาจจะหัดแซวเพื่อนๆ และครอบครัวด้วยก็ได้ พวกเขาน่าจะติดนิสัยขี้เล่นจากคุณด้วย [25]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อยู่กับคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วมีความสุขจริงๆ
  • อย่ากลัวที่จะอยู่กับความคิดของตัวเองตามลำพัง
  • เข้าร่วมกิจกรรมที่คุณคิดว่าสนุก
  • ถ้ามีใครทำไม่ดีกับคุณ คุณสามารถตัดความสัมพันธ์กับเขาได้
  • เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกเครียด ให้คุยกับคนที่คุณรัก ฟังเพลงแนวที่ชอบ หรืออ่านหนังสือ

การพูดคุยกับคนที่คุณรักช่วยคุณได้มากเวลาที่คุณรู้สึกเครียด แต่ถ้าคุณไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร เพื่อน ที่ปรึกษา หรือคุณเอ๊ย กระทั่งหมาก็ยังช่วยคุณได้เวลาที่คุณเครียด นอกจากนี้พยายามนอนให้มากขึ้นและดื่มน้ำเยอะขึ้น อาจจะฟังดูไร้สาระแต่มันช่วยได้จริงๆ

โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,320 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา