หมู่นี้คุณได้ลองพินิจพิจารณาตัวเองโดยละเอียด แล้วพบว่าชักจะไม่เข้าท่าบ้างหรือเปล่า? ไม่ว่าใครก็มีวันต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองด้วยกันทั้งนั้น การเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนที่ดีกว่าถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะงั้นก็อย่าเพิ่งรีบถอดใจ ถ้าอะไรๆ มันไม่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหมือนพลิกฝ่ามือ ค่อยๆ เปลี่ยนทีละขั้นทีละตอนดีกว่า พอเวลาผ่านไปคุณก็จะเห็นเอง ว่าคุณน่ะใกล้จะเป็น คนใหม่ ที่ตัวเองฝันใฝ่แค่ไหน
ขั้นตอน
-
รู้ให้ชัด คุณต้องการอะไร. ลองหาเวลาประเมินตัวเองโดยละเอียด การจะ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยสิ้นเชิง นั้น คุณต้องลองทำแบบทดสอบ Best Possible Self หรือ คุณคนใหม่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซะก่อน แบบทดสอบนี้ช่วยเพิ่มอารมณ์ทางบวก เสริมความคิดในแง่ดี ช่วยพัฒนาทักษะความอดทนอดกลั้น และช่วยให้คุณมีเป้าหมายในอนาคตได้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ลองกำหนดระยะเวลา. จะเป็นภายใน 6 เดือน 12 เดือน หรือ 5 ปีนับจากนี้ก็ได้ ลองหลับตาแล้วจินตนาการว่าถึงเวลาแล้ว คุณได้ประสบความสำเร็จ กลายเป็นคุณคนใหม่ที่คุณอยากเป็นแล้ว
- คุณทำอะไรสำเร็จแล้วบ้าง? คุณมีทักษะอะไรบ้าง? ทั้งเป้าหมายและความสำเร็จเหล่านี้ควรเป็นไปในทางบวกและตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เขียนลงไป ว่าคุณคนใหม่มีจุดแข็งอะไรบ้างในตัว. คิดดูซิ ว่าคุณต้องมีบุคลิกลักษณะยังไง ถึงจะกลายเป็นคุณคนใหม่ที่ใฝ่ฝันได้
- เช่น คุณคนใหม่อาจจะเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่นมาก หัวก้าวหน้า และเป็นระเบียบ ทักษะเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากในการค้าขาย คุณคิดว่าทักษะไหนที่คุณยังขาด ต้องพัฒนากันต่อไป ถึงจะประสบความสำเร็จดังตั้งใจ? [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ขอ feedback จากคนอื่น. [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อีกวิธีที่ช่วยประเมินตัวคุณได้ ก็คือการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่ก็ต้องระลึกไว้เสมอ ว่าสุดท้ายแล้วความคิดเห็นก็คือความคิดเห็น ถ้าคุณไม่เห็นด้วย หรือบางความเห็นออกจะรุนแรงเกินรับ ก็ข่มใจอย่าไปโต้ตอบในทางลบ คุณเลือกได้นี่นา ว่าข้อมูลไหนเป็นประโยชน์น่าเก็บมาพัฒนาตัวเอง
- เลียบๆ เคียงๆ ขอความเห็นจากคนที่คุณเคารพนับถือ ลองถามดูว่าเขาคิดยังไงกับผลการเรียนหรือการทำงานของคุณ เขาอาจช่วยชี้แนะให้เห็นว่าตรงไหนคุณทำดีแล้ว และตรงไหนที่ยังต้องพัฒนาต่อไป
-
ทำรายการบุคลิกลักษณะ. [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เอาข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบ Best Possible Self มารวมกับ feedback ของคนอื่นแล้วลองพิจารณาดู คิดซิว่าบุคลิกลักษณะไหนที่คุณอยากให้มีในคุณคนใหม่ อะไรที่คุณมีอยู่ และอะไรที่ขาดหายไป? ทำเป็นลิสต์ซะ จดไล่มาทั้งจุดแข็งและข้อดีต่างๆ ที่คุณมีอยู่ จากนั้นทำลิสต์ใหม่อีกลิสต์สำหรับคุณสมบัติที่คุณควรจะมีถึงจะเป็นคนใหม่ได้ดังตั้งใจ
-
ใจเย็นๆ. การเปลี่ยนตัวเอง ถ้าเปรียบกับการเดินทางก็ไม่มีวันเป็นถนนเส้นตรงราบเรียบ แต่เป็นเส้นทางที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด บางทีก็ลัด บางทีก็หลง จนคุณต้องเดินวน ไม่ก็เจอทางตันซะอย่างนั้น คุณต้องทำใจรับให้ได้ก่อน ว่าคุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไม่ได้ในชั่วข้ามคืน การยอมรับและเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเป็นไปตามขั้นตอน จะทำให้คุณสบายใจ ว่าแค่มีอะไรคืบหน้านิดหน่อย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้น (เล็กๆ) แล้ว [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ก่อนจะคิดได้ ช่วงนี้ คุณจะยังไม่ค่อยเปิดใจว่าตัวเองต้องเปลี่ยนแปลง (ประมาณว่าหลีกหนีความจริง) อาจยกข้ออ้างสารพัดมาหนุนพฤติกรรมแย่ๆ ของตัวเองเวลาคนเขาติติง
- คิดได้ ช่วงนี้แหละ ที่คุณจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าไอ้ที่ทำลงไปน่ะจะส่งผลเสียยังไงบ้าง คุณเริ่มครุ่นคิดพิจารณาบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจอยู่ดีว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองดีไหม
- เตรียมตัว/ตั้งมั่น ส่วนช่วงนี้คือช่วงที่คุณมองเห็นปัญหาแจ่มแจ้งแดงแจ๋ และพร้อมจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณอาจจะลองศึกษาค้นคว้าข้อมูลด้วยตัวเอง หรืออาจขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
- ลงแรงกาย/แรงใจ ขั้นตอนแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ คือช่วงที่คุณต้องอาศัยแรงใจที่มุ่งมั่น คุณเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยวิธีต่างๆ อาจจะตั้งใจจริงต่อเนื่องสักประมาณ 6 เดือน แต่บางคนก็เปลี่ยนอยู่ได้แค่ 2 - 3 ชั่วโมงก็มี
- ติดตามผล ขั้นตอนนี้คุณต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหวนกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ทั้งการมองมุมใหม่และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับบุคลิกลักษณะและเกิดคุณค่าในตัวเองตามที่คุณต้องการ สำคัญมากว่าต้องมีการวางแผนเพื่อไม่ให้กลับไปเริ่มต้นใหม่อีก
- ตกหล่ม เข้าขั้นนี้เมื่อไหร่แปลว่าคุณตกหล่ม กลับมาเป็นคุณคนเดิมที่ไม่พึงประสงค์อีกแล้ว ช่วงนี้บางทีก็เกิดแค่ประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวก็หลุดไปขั้นอื่นๆ ได้ ตอนนี้ทำได้แค่ตั้งใจสุดแรงเกิดให้คุณเซ็งพฤติกรรมและวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ให้ได้เร็วที่สุด
โฆษณา
-
ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง . [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง พอคุณรู้แน่ชัดแล้วว่าต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตรงไหน ก็ให้เน้นไปที่การกำหนดเป้าหมาย หยิบปากกาแล้วคว้าสมุด จั่วหัวแต่ละหน้าด้วยเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง แบ่งเป็นเป้าหมายส่วนตัว และเป้าหมายเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน จากนั้นให้คุณไล่การกระทำแต่ละขั้นตอนที่คุณต้องทำถึงจะสำเร็จตามเป้าหมายนั้นได้ลงมาเป็นข้อๆ ปิดท้ายด้วยการกำหนดเส้นตายที่สมเหตุสมผล เลือกระยะเวลาที่เป็นไปได้ แต่ต้องไม่นานเกินไปจะได้กระตุ้นตัวเอง
- เช่น คุณอาจตั้งเป้าว่าจะปลดหนี้ โดยที่เป้าหมายนี้จะประกอบด้วยหลายๆ วิธีด้วยกัน เช่น จ่ายแต่ละเดือนให้มากกว่าขั้นต่ำที่กำหนด ห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปก่อหนี้เพิ่ม และเจรจาขอลดดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือบัญชีเงินกู้แบบหมุนเวียน
-
แทนที่นิสัยเสียด้วยพฤติกรรมดีๆ. [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นิสัยเสียนี่แหละที่คอยถ่วงความเจริญคุณ บางข้อก็ร้ายแรง อย่าง นิสัยชอบดื่มชอบสูบเป็นนิจ ส่วนบางข้อก็แค่น่ารำคาญทั้งสำหรับตัวเองและต่อคนอื่น อย่างพวกนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่ง หรือส่งเสียงประหลาด วิธีที่ดีที่สุดในการแก้นิสัยเสีย ก็คือแทนที่มันด้วยพฤติกรรมดีๆ มีประโยชน์นั่นเอง
- ลองคิดเรื่องนิสัยเสียของคุณดู มันชอบลอยนวลออกมาเมื่อไหร่? อะไรเป็นตัวกระตุ้น? ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
- เช่น คุณมีนิสัยเสียชอบผัดวันประกันพรุ่ง แต่เฉพาะตอนที่งานล้นมือหรือเครียดจนทนไม่ไหวเท่านั้น คุณรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาใส่คุณ คุณก็เลยเลิกทำมันซะให้หมด อยู่เฉยๆ ดีกว่า คุณเลือกแทนที่นิสัยเสียนี้ได้ โดยหาวิธีคลายเครียดที่ได้ประโยชน์กว่า อย่าง การหัดบริหารเวลาให้เป็น หรือ คลายเครียด ด้วยการออกกำลังกายหรือนั่งสมาธิ
-
ทำไปตามที่ตั้งใจเลย. [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่ารอจนกว่าจะเปลี่ยนตัวเองได้ตามเป้าหมาย หรือรอจนนิสัยเสียสูญพันธุ์ กลายเป็นคนใหม่ในอุดมคติ ไม่ว่าคุณจะอยากถูกเลื่อนขั้นหรือได้สังสรรค์สมาคมกับคนชั้นสูง คุณต้องทำตัวให้ดูเหมือนคนที่คุณอยากเป็น และลงมือทำไปตามที่ฝันเลย
- ที่บอกว่าทำตัวให้ดูเหมือนคนที่คุณอยากเป็นและลงมือไปตามที่ฝัน วิธีหนึ่งก็คือลองแต่งตัวให้เหมาะสมกับคนประเภทที่คุณอยากจะเป็น และลองใช้ท่าทางน้ำเสียงในแบบที่เป็นงานเป็นการขึ้นเวลามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
-
หมั่นประเมินตัวเองเป็นระยะ. พอเวลาผ่านไป ให้คุณหยุดพิจารณา ว่าเราได้ลงมือทำอะไรไปบ้างแล้วเพื่อมุ่งสู้เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ และสร้างเสริมพฤติกรรมใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม ถ้าพอมาย้อนดูแล้วคุณไม่ค่อยพอใจกับการเปลี่ยนแปลงที่ทำลงไป ให้กลับไปที่กระดานลิสต์ของคุณแล้วแก้ไขเป้าหมายซะใหม่ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ . มองโลกในแง่ดีช่วยคุณได้เยอะเรื่องการปรับตัว คนมองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มจะอายุยืนกว่า ไม่ค่อยเครียดกับใครเขา ภูมิต้านทานดี สุขภาพร่างกายก็แข็งแรง แถมพอหน้าสิ่วหน้าขวานก็รับมือได้ดีไม่ตื่นตูม [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- คุณหัดมองโลกในแง่ดีได้ แค่คอยสังเกตวิธีที่คุณมองตัวเอง ถ้าเรื่องไหนไม่ควรพูดไม่ควรคิดกับเพื่อนสนิทหรือคนรู้ใจ คุณก็อย่าเก็บมาใช้กับตัวเองเหมือนกัน
- ถ้าคุณรู้สึกตัวว่าชอบจุกจิกจู้จี้กับตัวเองขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้หยุดคิดพิจารณาสักหน่อย มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น? หาการมองตัวเองในแง่ร้ายนั้นให้เจอ แล้วแทนที่มันด้วยเรื่องดีๆ ให้กำลังใจตัวเอง
-
อย่าหยุดเรียนรู้. ถ้าตั้งใจจะพัฒนาตัวเองจริงๆ แล้วละก็ แปลว่าคุณต้องหมั่นเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่การประเมินตัวเองก่อนและหลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอยู่ตลอด แต่ยังต้องเปิดใจรับแนวทางและความคิดเห็นใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไปด้วย เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการเรียนรู้ตลอดชีวิตมาฝากกัน [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อ่านมันทั้งเรื่องแต่งและสารคดี
- เป็นจิตอาสา ลองทำอะไรใหม่ๆ
- ท่องเที่ยวเปิดโลกให้กว้างไกล
- ฝึกฝนตัวเองร่วมกับ life coach ผู้แนะแนวทาง
- ฝึกอบรมเพิ่มพูนความรู้และทักษะในสายอาชีพของคุณ
- พัฒนาตัวเองทั้งด้านจิตใจ จิตวิญญาณ และอารมณ์
-
หมั่นศึกษาจากคนใกล้ตัวที่คุณชื่นชม. มีงานวิจัยที่ชี้ว่าการปลีกตัวออกจากสังคมนั้นอันตรายร้ายแรงกับตัวคุณพอๆ กับการสูบบุหรี่ ติดแอลกอฮอล์ นั่งแช่ และอ้วนฉุเลยทีเดียว [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง รู้ไหมว่าวงสังคมของคุณนั้นมีผลมากทีเดียวกับทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณ แต่แค่มีเพื่อนก็ยังไม่พอ ต้องเป็นเพื่อนที่มองโลกในแง่ดีและสร้างแรงบันดาลใจให้คุณด้วย ชีวิตถึงจะงอกเงย [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
เคล็ดลับ
- สนุกและภูมิใจที่ได้เป็นคุณคนใหม่ใสกิ๊ง
- จดบันทึกความสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอน จะได้มีแรงบันดาลใจไปถึงเป้าหมาย ใช้บันทึกของคุณเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าคุณคิดจะทำอะไรก็ทำได้ คิดจะเป็นอะไรก็เป็นได้ทั้งนั้น
- ทำให้ดีที่สุด แต่อย่าไล่บี้ตัวเองมากจนเกินไป อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน ดื่มน้ำเยอะๆ และเติมพลังด้วยอาหารที่มีประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ
- สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ถ้าเกิดท้อแท้หรือคลางแคลงใจขึ้นมา ว่าที่ทำอยู่นี่มันจะได้อะไรขึ้นมาหรือเปล่า ให้ลองหายใจเข้าลึกๆ ดู แล้วมองมุมกลับ ว่าที่ผ่านมาน่ะคุณมาไกลแค่ไหนแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่ายืนเฉยๆ ที่เดิมไหมล่ะ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/what-matters-most/201303/what-is-your-best-possible-self
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/what-matters-most/201303/what-is-your-best-possible-self
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/what-matters-most/201303/what-is-your-best-possible-self
- ↑ http://www.hr.virginia.edu/uploads/documents/media/Conducting_a_Self_Evaluation.pdf
- ↑ http://www.erinpavlina.com/blog/2008/05/how-to-become-the-person-you-always-wanted-to-be/
- ↑ http://www.cpe.vt.edu/gttc/presentations/8eStagesofChange.pdf
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/notes-self/201308/how-set-goals
- ↑ http://jamesclear.com/how-to-break-a-bad-habit
- ↑ https://www.linkedin.com/pulse/20140617201141-12050037-look-and-act-the-part-you-want
- ↑ https://www.utsc.utoronto.ca/aacc/sites/utsc.utoronto.ca.aacc/files/tipsheets/Academic_Advising_Tipsheets/GoalSetting.pdf
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/in-depth/positive-thinking/art-20043950
- ↑ http://liveboldandbloom.com/01/career/why-you-should-be-a-life-long-learner
- ↑ http://www.forbes.com/2010/08/24/health-relationships-longevity-forbes-woman-well-being-social-isolation.html
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201311/we-all-need-role-models-motivate-and-inspire-us
โฆษณา