ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หมู่นี้คุณได้ลองพินิจพิจารณาตัวเองโดยละเอียด แล้วพบว่าชักจะไม่เข้าท่าบ้างหรือเปล่า? ไม่ว่าใครก็มีวันต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองด้วยกันทั้งนั้น การเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนที่ดีกว่าถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะงั้นก็อย่าเพิ่งรีบถอดใจ ถ้าอะไรๆ มันไม่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหมือนพลิกฝ่ามือ ค่อยๆ เปลี่ยนทีละขั้นทีละตอนดีกว่า พอเวลาผ่านไปคุณก็จะเห็นเอง ว่าคุณน่ะใกล้จะเป็น คนใหม่ ที่ตัวเองฝันใฝ่แค่ไหน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ประเมินตัวเองก่อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองหาเวลาประเมินตัวเองโดยละเอียด การจะ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยสิ้นเชิง นั้น คุณต้องลองทำแบบทดสอบ Best Possible Self หรือ คุณคนใหม่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซะก่อน แบบทดสอบนี้ช่วยเพิ่มอารมณ์ทางบวก เสริมความคิดในแง่ดี ช่วยพัฒนาทักษะความอดทนอดกลั้น และช่วยให้คุณมีเป้าหมายในอนาคตได้ [1]
  2. จะเป็นภายใน 6 เดือน 12 เดือน หรือ 5 ปีนับจากนี้ก็ได้ ลองหลับตาแล้วจินตนาการว่าถึงเวลาแล้ว คุณได้ประสบความสำเร็จ กลายเป็นคุณคนใหม่ที่คุณอยากเป็นแล้ว
    • คุณทำอะไรสำเร็จแล้วบ้าง? คุณมีทักษะอะไรบ้าง? ทั้งเป้าหมายและความสำเร็จเหล่านี้ควรเป็นไปในทางบวกและตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง [2]
  3. เขียนลงไป ว่าคุณคนใหม่มีจุดแข็งอะไรบ้างในตัว. คิดดูซิ ว่าคุณต้องมีบุคลิกลักษณะยังไง ถึงจะกลายเป็นคุณคนใหม่ที่ใฝ่ฝันได้
    • เช่น คุณคนใหม่อาจจะเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่นมาก หัวก้าวหน้า และเป็นระเบียบ ทักษะเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากในการค้าขาย คุณคิดว่าทักษะไหนที่คุณยังขาด ต้องพัฒนากันต่อไป ถึงจะประสบความสำเร็จดังตั้งใจ? [3]
  4. [4] อีกวิธีที่ช่วยประเมินตัวคุณได้ ก็คือการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่ก็ต้องระลึกไว้เสมอ ว่าสุดท้ายแล้วความคิดเห็นก็คือความคิดเห็น ถ้าคุณไม่เห็นด้วย หรือบางความเห็นออกจะรุนแรงเกินรับ ก็ข่มใจอย่าไปโต้ตอบในทางลบ คุณเลือกได้นี่นา ว่าข้อมูลไหนเป็นประโยชน์น่าเก็บมาพัฒนาตัวเอง
    • เลียบๆ เคียงๆ ขอความเห็นจากคนที่คุณเคารพนับถือ ลองถามดูว่าเขาคิดยังไงกับผลการเรียนหรือการทำงานของคุณ เขาอาจช่วยชี้แนะให้เห็นว่าตรงไหนคุณทำดีแล้ว และตรงไหนที่ยังต้องพัฒนาต่อไป
  5. [5] เอาข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบ Best Possible Self มารวมกับ feedback ของคนอื่นแล้วลองพิจารณาดู คิดซิว่าบุคลิกลักษณะไหนที่คุณอยากให้มีในคุณคนใหม่ อะไรที่คุณมีอยู่ และอะไรที่ขาดหายไป? ทำเป็นลิสต์ซะ จดไล่มาทั้งจุดแข็งและข้อดีต่างๆ ที่คุณมีอยู่ จากนั้นทำลิสต์ใหม่อีกลิสต์สำหรับคุณสมบัติที่คุณควรจะมีถึงจะเป็นคนใหม่ได้ดังตั้งใจ
  6. การเปลี่ยนตัวเอง ถ้าเปรียบกับการเดินทางก็ไม่มีวันเป็นถนนเส้นตรงราบเรียบ แต่เป็นเส้นทางที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด บางทีก็ลัด บางทีก็หลง จนคุณต้องเดินวน ไม่ก็เจอทางตันซะอย่างนั้น คุณต้องทำใจรับให้ได้ก่อน ว่าคุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไม่ได้ในชั่วข้ามคืน การยอมรับและเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเป็นไปตามขั้นตอน จะทำให้คุณสบายใจ ว่าแค่มีอะไรคืบหน้านิดหน่อย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้น (เล็กๆ) แล้ว [6]
    • ก่อนจะคิดได้ ช่วงนี้ คุณจะยังไม่ค่อยเปิดใจว่าตัวเองต้องเปลี่ยนแปลง (ประมาณว่าหลีกหนีความจริง) อาจยกข้ออ้างสารพัดมาหนุนพฤติกรรมแย่ๆ ของตัวเองเวลาคนเขาติติง
    • คิดได้ ช่วงนี้แหละ ที่คุณจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าไอ้ที่ทำลงไปน่ะจะส่งผลเสียยังไงบ้าง คุณเริ่มครุ่นคิดพิจารณาบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจอยู่ดีว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองดีไหม
    • เตรียมตัว/ตั้งมั่น ส่วนช่วงนี้คือช่วงที่คุณมองเห็นปัญหาแจ่มแจ้งแดงแจ๋ และพร้อมจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณอาจจะลองศึกษาค้นคว้าข้อมูลด้วยตัวเอง หรืออาจขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    • ลงแรงกาย/แรงใจ ขั้นตอนแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ คือช่วงที่คุณต้องอาศัยแรงใจที่มุ่งมั่น คุณเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยวิธีต่างๆ อาจจะตั้งใจจริงต่อเนื่องสักประมาณ 6 เดือน แต่บางคนก็เปลี่ยนอยู่ได้แค่ 2 - 3 ชั่วโมงก็มี
    • ติดตามผล ขั้นตอนนี้คุณต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหวนกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ทั้งการมองมุมใหม่และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับบุคลิกลักษณะและเกิดคุณค่าในตัวเองตามที่คุณต้องการ สำคัญมากว่าต้องมีการวางแผนเพื่อไม่ให้กลับไปเริ่มต้นใหม่อีก
    • ตกหล่ม เข้าขั้นนี้เมื่อไหร่แปลว่าคุณตกหล่ม กลับมาเป็นคุณคนเดิมที่ไม่พึงประสงค์อีกแล้ว ช่วงนี้บางทีก็เกิดแค่ประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวก็หลุดไปขั้นอื่นๆ ได้ ตอนนี้ทำได้แค่ตั้งใจสุดแรงเกิดให้คุณเซ็งพฤติกรรมและวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ให้ได้เร็วที่สุด
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เสริมสร้างวินัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง . [7] พอคุณรู้แน่ชัดแล้วว่าต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตรงไหน ก็ให้เน้นไปที่การกำหนดเป้าหมาย หยิบปากกาแล้วคว้าสมุด จั่วหัวแต่ละหน้าด้วยเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง แบ่งเป็นเป้าหมายส่วนตัว และเป้าหมายเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน จากนั้นให้คุณไล่การกระทำแต่ละขั้นตอนที่คุณต้องทำถึงจะสำเร็จตามเป้าหมายนั้นได้ลงมาเป็นข้อๆ ปิดท้ายด้วยการกำหนดเส้นตายที่สมเหตุสมผล เลือกระยะเวลาที่เป็นไปได้ แต่ต้องไม่นานเกินไปจะได้กระตุ้นตัวเอง
    • เช่น คุณอาจตั้งเป้าว่าจะปลดหนี้ โดยที่เป้าหมายนี้จะประกอบด้วยหลายๆ วิธีด้วยกัน เช่น จ่ายแต่ละเดือนให้มากกว่าขั้นต่ำที่กำหนด ห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปก่อหนี้เพิ่ม และเจรจาขอลดดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือบัญชีเงินกู้แบบหมุนเวียน
  2. [8] นิสัยเสียนี่แหละที่คอยถ่วงความเจริญคุณ บางข้อก็ร้ายแรง อย่าง นิสัยชอบดื่มชอบสูบเป็นนิจ ส่วนบางข้อก็แค่น่ารำคาญทั้งสำหรับตัวเองและต่อคนอื่น อย่างพวกนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่ง หรือส่งเสียงประหลาด วิธีที่ดีที่สุดในการแก้นิสัยเสีย ก็คือแทนที่มันด้วยพฤติกรรมดีๆ มีประโยชน์นั่นเอง
    • ลองคิดเรื่องนิสัยเสียของคุณดู มันชอบลอยนวลออกมาเมื่อไหร่? อะไรเป็นตัวกระตุ้น? ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
    • เช่น คุณมีนิสัยเสียชอบผัดวันประกันพรุ่ง แต่เฉพาะตอนที่งานล้นมือหรือเครียดจนทนไม่ไหวเท่านั้น คุณรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาใส่คุณ คุณก็เลยเลิกทำมันซะให้หมด อยู่เฉยๆ ดีกว่า คุณเลือกแทนที่นิสัยเสียนี้ได้ โดยหาวิธีคลายเครียดที่ได้ประโยชน์กว่า อย่าง การหัดบริหารเวลาให้เป็น หรือ คลายเครียด ด้วยการออกกำลังกายหรือนั่งสมาธิ
  3. [9] อย่ารอจนกว่าจะเปลี่ยนตัวเองได้ตามเป้าหมาย หรือรอจนนิสัยเสียสูญพันธุ์ กลายเป็นคนใหม่ในอุดมคติ ไม่ว่าคุณจะอยากถูกเลื่อนขั้นหรือได้สังสรรค์สมาคมกับคนชั้นสูง คุณต้องทำตัวให้ดูเหมือนคนที่คุณอยากเป็น และลงมือทำไปตามที่ฝันเลย
    • ที่บอกว่าทำตัวให้ดูเหมือนคนที่คุณอยากเป็นและลงมือไปตามที่ฝัน วิธีหนึ่งก็คือลองแต่งตัวให้เหมาะสมกับคนประเภทที่คุณอยากจะเป็น และลองใช้ท่าทางน้ำเสียงในแบบที่เป็นงานเป็นการขึ้นเวลามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
  4. พอเวลาผ่านไป ให้คุณหยุดพิจารณา ว่าเราได้ลงมือทำอะไรไปบ้างแล้วเพื่อมุ่งสู้เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ และสร้างเสริมพฤติกรรมใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม ถ้าพอมาย้อนดูแล้วคุณไม่ค่อยพอใจกับการเปลี่ยนแปลงที่ทำลงไป ให้กลับไปที่กระดานลิสต์ของคุณแล้วแก้ไขเป้าหมายซะใหม่ [10]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

พัฒนาต่อไปอย่าให้ขาดตอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ . มองโลกในแง่ดีช่วยคุณได้เยอะเรื่องการปรับตัว คนมองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มจะอายุยืนกว่า ไม่ค่อยเครียดกับใครเขา ภูมิต้านทานดี สุขภาพร่างกายก็แข็งแรง แถมพอหน้าสิ่วหน้าขวานก็รับมือได้ดีไม่ตื่นตูม [11]
    • คุณหัดมองโลกในแง่ดีได้ แค่คอยสังเกตวิธีที่คุณมองตัวเอง ถ้าเรื่องไหนไม่ควรพูดไม่ควรคิดกับเพื่อนสนิทหรือคนรู้ใจ คุณก็อย่าเก็บมาใช้กับตัวเองเหมือนกัน
    • ถ้าคุณรู้สึกตัวว่าชอบจุกจิกจู้จี้กับตัวเองขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้หยุดคิดพิจารณาสักหน่อย มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น? หาการมองตัวเองในแง่ร้ายนั้นให้เจอ แล้วแทนที่มันด้วยเรื่องดีๆ ให้กำลังใจตัวเอง
  2. ถ้าตั้งใจจะพัฒนาตัวเองจริงๆ แล้วละก็ แปลว่าคุณต้องหมั่นเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่การประเมินตัวเองก่อนและหลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอยู่ตลอด แต่ยังต้องเปิดใจรับแนวทางและความคิดเห็นใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไปด้วย เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการเรียนรู้ตลอดชีวิตมาฝากกัน [12]
    • อ่านมันทั้งเรื่องแต่งและสารคดี
    • เป็นจิตอาสา ลองทำอะไรใหม่ๆ
    • ท่องเที่ยวเปิดโลกให้กว้างไกล
    • ฝึกฝนตัวเองร่วมกับ life coach ผู้แนะแนวทาง
    • ฝึกอบรมเพิ่มพูนความรู้และทักษะในสายอาชีพของคุณ
    • พัฒนาตัวเองทั้งด้านจิตใจ จิตวิญญาณ และอารมณ์
  3. มีงานวิจัยที่ชี้ว่าการปลีกตัวออกจากสังคมนั้นอันตรายร้ายแรงกับตัวคุณพอๆ กับการสูบบุหรี่ ติดแอลกอฮอล์ นั่งแช่ และอ้วนฉุเลยทีเดียว [13] รู้ไหมว่าวงสังคมของคุณนั้นมีผลมากทีเดียวกับทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณ แต่แค่มีเพื่อนก็ยังไม่พอ ต้องเป็นเพื่อนที่มองโลกในแง่ดีและสร้างแรงบันดาลใจให้คุณด้วย ชีวิตถึงจะงอกเงย [14]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • สนุกและภูมิใจที่ได้เป็นคุณคนใหม่ใสกิ๊ง
  • จดบันทึกความสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอน จะได้มีแรงบันดาลใจไปถึงเป้าหมาย ใช้บันทึกของคุณเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าคุณคิดจะทำอะไรก็ทำได้ คิดจะเป็นอะไรก็เป็นได้ทั้งนั้น
  • ทำให้ดีที่สุด แต่อย่าไล่บี้ตัวเองมากจนเกินไป อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน ดื่มน้ำเยอะๆ และเติมพลังด้วยอาหารที่มีประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ
  • สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ถ้าเกิดท้อแท้หรือคลางแคลงใจขึ้นมา ว่าที่ทำอยู่นี่มันจะได้อะไรขึ้นมาหรือเปล่า ให้ลองหายใจเข้าลึกๆ ดู แล้วมองมุมกลับ ว่าที่ผ่านมาน่ะคุณมาไกลแค่ไหนแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่ายืนเฉยๆ ที่เดิมไหมล่ะ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,169 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา