ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไรชนิด Acarus siro เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ชอบไปเกาะอยู่กับของแห้งอย่างซีเรียล ส่วนผสมทำแพนเค้ก ผักอบแห้ง ชีส ข้าวโพด หรือผลไม้แห้งนั่นเอง มันสามารถเจริญเติบโตขึ้นได้อีกแม้ในห้องครัวสะอาดๆ ถ้าหากว่ามีเงื่อนไขครบแล้วล่ะก็ ตู้กับข้าวส่วนที่มีความชื้น มืด และอุ่นถือเป็นจุดที่สมบูรณ์แบบในการใช้ขยายพันธุ์ของไรเชียวล่ะ ซึ่งไรพวกนี้มันก็ติดมากับของกินและหีบห่อต่างๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น บทความนี้จะสอนให้คุณสังเกตว่าไรมาบุกรุกแล้วหรือยัง แล้วจะรักษาอย่างไร รวมถึงจะป้องกันมันในอนาคตได้อย่างไรด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ตรวจหาไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [1] ไรที่ขึ้นแป้งจะมีสีขาวทั้งตัวและตัวเล็กมากจนแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะสาเหตุนี้ จึงทำให้ยากต่อการตามหาตัวไร จนกว่าจะถูกบุกรุกอย่างเต็มที่ ไรจะมีขาสีออกน้ำตาลๆ และหลักฐานของการมีอยู่ของมันคือตัวไรที่มีชีวิตอยู่และที่ตายไปแล้ว รวมถึงของเสียของมัน จะออกเป็นสีน้ำตาลแต้มอยู่เล็กน้อยหรือคลุมไปด้วยสีน้ำตาลทั้งหมดนั่นเอง [2] ซึ่งมันอาจดูคล้ายๆ ทรายอยู่นิดนึงนะ
  2. ถูฝุ่นไรหรือแป้งที่น่าสงสัยด้วยนิ้วมือ แล้วดมดูว่ามีกลิ่นมินต์หรือไม่. เมื่อไรที่ขึ้นแป้งถูกบี้ มันจะมีกลิ่นคล้ายมินต์โชยออกมา [3] รสชาติของอาหารก็อาจเจือรสหวานหรือกลิ่นหวานอ่อนๆ มาด้วย แม้จะเป็นก่อนที่จะเจอไรก็ตาม [4]
  3. เทแป้งบางส่วนลงบนพื้นผิวเรียบๆ แล้วตรวจดูหลังจากผ่านไป 15 นาที. ทำให้แป้งออกมาเรียบที่สุดก่อนจะเดินจากไป ถ้าหากว่าแป้งนี้มีไรปะปนอยู่ มันจะเริ่มไม่เรียบเท่ากันเนื่องจากว่าไรเคลื่อนไหวไปมานั่นเอง [5]
  4. ติดเทปใสไว้บนหีบห่อบรรจุภัณฑ์หรือบนตู้กับข้าวเพื่อหาไร. ไรจะมาติดกับเทปใส และอาจมองเห็นมันได้เมื่อใช้แว่นขยายส่องดู [6] อย่าลืมตรวจดูตรงกาวบนกล่อง รวมถึงขอบของกระป๋องแป้งที่ปิดสนิทอยู่ด้วย มันอาจเข้าไปด้านในไม่ได้ แต่รออยู่ตรงขอบ และเข้าไปในตอนที่คุณเปิดภาชนะนั่นเอง
  5. ถ้าคุณรู้สึกคันแปลกๆ หลังจากสัมผัสแป้งหรือผลิตภัณฑ์จากข้าวอื่นๆ ก็ให้สงสัยไว้. แม้ว่าไรที่ขึ้นแป้งมันจะไม่กัดคุณ แต่คนบางคนก็อาจแพ้ไรและของเสียของมันก็ได้นะ [7] มีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกอาการนี้ก็คือ "grocer's itch" (อาการคันที่เป็นผื่นจากไร)
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

กำจัดไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เอาอาหารที่ถูกไรบุกรุกใส่ในถุงขยะพลาสติก และทิ้งในถังขยะนอกบ้าน. ไรเป็นอาหารของเชื้อโรคในแป้งพอๆ กับเชื้อรา และการมีอยู่ของมันนั้นแปลว่าอาหารนั้นไม่ดีแล้วล่ะ มันสามารถแพร่กระจายสปอร์เชื้อราไปยังอาหารอื่นๆ ได้ตราบใดที่เดินทางผ่านภาชนะด้วยนะ [8] ถึงคุณจะรู้สึกว่าตัวเองกินไรเข้าไปก็อย่าได้กังวลไป มันไม่ส่งผลอันตรายกับมนุษย์ส่วนใหญ่หรอกนะ
    • ในกรณีที่หาได้ยาก คนบางคนอาจเกิดอาการแพ้เมื่อบริโภคแป้งที่ถูกปนเปื้อนไปด้วยพวกไร ซึ่งเรียกว่า oral mite anaphylaxis หรือ pancake syndrome โดยอาการจะปรากฎขึ้นภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเข้าไป โดยเป็นสาเตหุที่ทำให้เกิดอาการลมพิษ หายใจลำบาก คอบวม คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และอาจเป็นลมได้ [9]
    • ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ ให้รีบไปพบแพทย์ในทันที
  2. แช่แข็งอาหารแห้งที่อาจมีไรปนเปื้อนเพื่อฆ่าไร. ถ้าคุณมีอาหารที่ไม่ได้มีสัญญาณว่าจะมีไรปนเปื้อนอยู่ หรือยังไม่ถูกปนเปื้อนจนหมด ก็ให้เก็บเอาไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -18°C สักสี่ถึงเจ็ดวัน แล้วมันจะไปฆ่าไร ไข่ หรือตัวอ่อนของไรได้นั่นเอง [10]
    • เมื่อไรตายลง ก็ให้ร่อนอาหารพวกนั้นหรือกำจัดส่วนที่คุณรู้ว่ามันถูกปนเปื้อนออก ที่อาจมีไรตายแล้วผสมอยู่นั่นเอง [11]
  3. นำอาหารออกจากถังขยะ โหล หรือภาชนะที่มีอาหารที่ถูกปนเปื้อนและฆ่าเชื้อ. โดยต้องเอาอาหารออกให้หมดไม่ให้เหลือในภาชนะเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ล้างทำความสะอาดภาชนะและฝาด้วยน้ำร้อนจัด และปล่อยให้แห้งก่อนที่จะเติมอาหารกลับเข้าไปใหม่ [12]
  4. ทำความสะอาดตู้กับข้าวหรือตู้เก็บของที่เคยเก็บอาหารที่ปนเปื้อนมาก่อนให้สะอาด. ดูดฝุ่นบริเวณชั้นวางและผนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยแยก ถ้าคุณไม่มีที่ดูดฝุ่น ก็ให้ใช้แปรงสะอาดแห้งๆ กวาดบริเวณนั้นแทน [13] แล้วพอดูดฝุ่นเสร็จ ก็ให้ทิ้งถุงเก็บฝุ่นนั้นที่ถังขยะนอกบ้านทันทีหลังทำความสะอาดเสร็จ
    • เช็ดพื้นผิวให้สะอาดทั่วบริเวณ แต่ให้เลี่ยงที่จะใช้ยาฆ่าแมลงที่เป็นเคมียังบริเวณที่ใกล้กับอาหารแหละแหล่งเก็บอาหาร
    • ลองทำความสะอาดด้วยส่วนผสมของน้ำเปล่าและน้ำส้มสายชู (น้ำส้มสายชู 1 ส่วนกับน้ำเปล่า 2 ส่วน) หรือยาฆ่าแมลงแบบที่เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติและปลอดภัย อย่างน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันส้ม (น้ำมัน 1 ส่วนต่อน้ำเปล่า 10 ส่วน) [14]
    • ใช้ไดร์เป่าผมเป่าบริเวณที่เก็บของให้แห้ง เพราะไรชอบบริเวณที่มีความชื้นและเปียก [15]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไรที่ขึ้นแป้งจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดในที่ที่ความชื้นต่ำได้ (ต่ำกว่า 65%) และที่ที่มีการระบายอากาศได้ดีก็จะไม่มีการปนเปื้อนของไรเลย ให้เน้นตรงบริเวณที่วางกาน้ำร้อน หม้อหุงข้าว เครื่องอบจาน และเตาอบ โดยทำให้มันไม่เกิดความชื้นมากพอที่จะไปถึงบริเวณที่เก็บอาหารเอาได้
    • ลองติดพัดลมระบายอากาศที่ตู้กับข้าวเพื่อเพิ่มความเย็นและระบายความชื้นออกให้แห้งดูสิ
  2. เก็บแป้ง ธัญพืช ซีเรียล และอาหารที่มีความเสี่ยงไว้ในภาชนะที่สะอาดและกันลมเข้าได้. [16] มันจะทำให้อาหารยังคงสดใหม่ คงความแห้ง และกันไม่ให้ไรเข้ามาได้ ถ้ายังจะมีไรเหลือรอดชีวิตจากกระบวนการทำความสะอาดของคุณแล้วล่ะก็ การกีดกันพวกมันออกจากแหล่งอาหารก็จะทำให้มันอดอยากและวางไข่บนอาหารของคุณไม่ได้นั่นเอง
    • ถุงพลาสติกซิปล็อคสามารถใช้ได้ในระยะสั้นๆ แต่สุดท้ายไรก็สามารถเจาะรูเข้าไปกินอาหารด้านในได้ ให้เปลี่ยนเป็นใช้แก้วหรือภาชนะพลาสติกหนาๆ จะดีกว่านะ
    • วงจรชีวิตของไรที่ขึ้นแป้งจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณหนึ่งเดือน ฉะนั้นถ้าคุณเก็บทุกอย่างไว้อย่างมิดชิดแล้วล่ะก็ ไรที่เหลืออยู่ก็จะตายไปเอง [17]
    • พยายามหลีกเลี่ยงที่จะผสมอาหารทั้งเก่าและใหม่ไว้ในภาชนะเดียวกัน. ให้รอจนกว่าจะใช้แป้งเก่าหมดก่อน แล้วนำไปล้างเอาคราบแป้งออก จากนั้นค่อยเทแป้งใหม่ใส่ลงไป [18]
  3. แม้ว่ามันอาจแพงกว่าการซื้อในปริมาณที่มากในคราวเดียว แต่ถ้าซื้อในปริมาณน้อยแล้วล่ะก็ ก็จะไม่ต้องเก็บอาหารที่ปนเปื้อนได้ง่ายไว้เป็นเวลานานนั่นเอง ถ้าหากว่าเก็บมันเอาไว้ในที่ชื้นเป็นเวลานานเกินไป มันอาจจับตัวกันเป็นก้อน ขึ้นรา และอาจมีไรเข้ามาปนเปื้อนอยู่ได้ [19]
    • ตรวจดูบรรจุภัณฑ์ของแห้งก่อนจะเอามันกลับไปบ้าน ดูให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ชื้นเป็นก้อนหรือมีความเสียหายใดๆ และไม่ได้เก็บเอาไว้บนชั้นวางชื้นๆ ด้วย [20]
  4. ติดใบกระวานไว้ที่ภาชนะหรือบนชั้นวางที่ไว้เก็บอาหาร. ว่ากันว่าไร แมลงสาบ ผีเสื้อกลางคืน หนู weevils และพวกสัตว์เหล่านี้จะเกลียดกลิ่นของใบกระวานและจะเลี่ยงไม่เข้าใกล้ของแห้งถ้ามีใบนี้ติดอยู่ โดยคุณสามารถวางใบไม้ไว้ในภาชนะเลย (รสชาติมันไม่ปนกับอาหารของคุณแน่นอน) หรือติดมันไว้บนฝาภาชนะกับเทปใส หรือในตู้กับข้าวหรือชั้นวางของ
    • ยังมีข้อขัดแย้งกันว่าควรใช้เป็นใบกระวานสดหรือแห้งดี แต่ก็มีผลรายงานออกมาว่าใช้ได้ทั้งสองแบบ เพราะฉะนั้นหาซื้อแบบที่สะดวกที่สุดมาใช้แล้วดูเลยว่าได้ผลหรือไม่ [21]
  5. กฎเกณฑ์การควบคุมของอาหารสัตว์นั้นไม่เข้มงวดเหมือนของคนเรา และก็อาจมีพวกสัตว์ปรสิตติดมามากกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม อาหารสัตว์เลี้ยงอัดเม็ด (ที่แห้งและเป็นรูปทรงต่างๆ) จะถูกผลิตขึ้นด้วในอุณหภูมิสูงและใช้น้ำน้อย ถ้าคุณเจอปัญหานี้ก็แปลว่าดวงซวยมากๆ เลยล่ะ ให้เก็บอาหารสัตว์พวกนี้ไว้ในภาชนะปิดกันลม ห่างออกจากอาหารของคุณเอง ยังไงก็ให้แยกไว้ก่อนแล้วกัน เพราะสัตว์ก็คงไม่อยากให้เชื้อจากอาหารของคนมาปนเปื้อนของมันเช่นเดียวกันนั่นแหละ [22]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,595 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา