ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าชีวิตนี้คุณไม่เคยกินซูชิมาก่อนเลย แต่อยากลองสักครั้งดู เป็นเรื่องปกติมากที่คุณจะกลัวในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย รสชาติและประสบการณ์การกินซูชินั้นมีเสน่ห์อย่างมาก ไม่ใช่แค่ว่ามันทำขึ้นมาอย่างไร แต่วิธีการกินมันก็เช่นกัน คู่มือต่อไปนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรและจะทำยังไงได้สนุกกับการกินซูชิครั้งแรกอย่างถึงที่สุดไปเลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เรียนรู้ขั้นพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นข้อสำคัญเลยสำหรับผู้ที่กินซูชิเป็นครั้งแรก เนื้อปลาที่เตรียมมาไม่ดีเท่าที่ควรจะทำให้ประสบการณ์การกินของคุณพังไปเลย และนั่นจะทำให้คุณไม่อยากกินซูชิอีกต่อไป ยิ่งถ้าคุณไม่ได้เป็นคนชอบกินอาหารทะเลด้วยแล้วก็จะยิ่งแย่ไปใหญ่ ถ้าคุณเคยกินร้านที่คุณคิดว่ามันดีอยู่แล้ว ก็ย่อมทำให้อยากกลับไปลองอีก แต่ถ้าคุณกำลังจะเริ่มกิน ก็ให้เลือกร้านให้ดีล่ะ
    • หาร้านที่เป็นที่แนะนำ. ถ้าคุณไม่มั่นใจในคุณภาพของร้านในระดับราคาของคุณ ให้ถามเพื่อนหรือคนท้องถิ่นคนอื่นๆ เพื่อคำแนะนำ
    • อย่าคิดไปว่าราคาจะผกผันกับคุณภาพ. ซูชิเป็นอะไรที่แพงกว่าอาหารชนิดอื่นอยู่แล้ว คุณสามารถกินซูชิคุณภาพดีโดยไม่ต้องจ่ายถึง 1,000 บาทต่อคน ให้ดูตามความเหมาะสมของฐานะคุณ
  2. [1] ที่ร้านซูชิทุกร้าน ส่วนใหญ่คุณจะสามารถสั่งซาชิมิ นิกิริ มากิ และเทมากิมากินได้
    • มากิ เรียกได้อีกชื่อว่า"ซูชิโรล" ปกติแล้ว มากิจะประกอบไปด้วยเนื้อปลา 1-2 ชนิด และผักต่างๆ ที่มีข้าวม้วนห่ออยู่ และมีสาหร่ายห่อไว้อีกที โดยที่จะตัดไว้ให้พอดีคำ มากิเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเริ่มกินของคนที่ไม่ค่อยชินกับการกินปลาดิบๆ มากนัก
    • นิกิริ เป็นเนื้อปลาดิบที่แล่วางไว้บนข้าวที่ปั้นเป็นทรงรี ซึ่งเชฟจะเป็นคนทำและมักจะใส่วาซาบิและซอสโชยุไว้ด้วยเล็กน้อยเพื่อรสชาติ ก่อนที่จะนำมาเสิร์ฟให้คุณ
    • ซาชิมิ คือเนื้อปลาดิบที่แล่ไว้ในจาน โดยไม่มีข้าว ปกติแล้วนี่เป็นวิธีที่พื้นฐานที่สุดในการกินซูชิ แต่ก็อาจไม่เป็นที่พอใจนักสำหรับมือใหม่
    • เทมากิ มีลักษณะคล้ายกับมากิ แต่จะถูกม้วนเป็นทรงกรวย ที่วิธีกินจะเหมือนการกินทาโก้
  3. ตรวจดูเมนู บางทีคุณภาพของบางที่อาจไม่ได้ดีที่สุด. บางครั้งก็เป็นการยากที่จะดูความแตกต่างระหว่างร้านอาหารที่มีวัตถุดิบที่คุณภาพดีและไม่ดี การที่จะเข้าไปถามว่า "ร้านของคุณนี่ปลาสดไหม?" ก็ฟังดูหยาบคายไปหน่อย ฉะนั้นต้องสังเกตดูด้วยตัวเอง ถ้าหากเจอข้อต่อไปนี้ ให้ประเมินไว้ก่อนว่าเป็นร้านซูชิที่ยังไม่มีคุณภาพพอ:
    • ซูชิมีราคาที่เท่ากันทั้งหมด
    • ชื่อเมนูไม่มีเป็นภาษาญี่ปุ่น
    • ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเมนูซูชิโรลที่ตั้งชื่อทำนอง Oriental Delight
    • ในร้านมีอาหารของประเทศอื่นด้วย เช่น อาหารจีนหรืออาหารไทย
    • มีเมนูที่ปรุงสุกหรือทอดแล้วมากกว่าครึ่ง
  4. ปกติแล้ว ซูชิจะมีวาซาบิมาให้ด้วยเสมอ ซึ่งวาซาบิจะมีลักษณะเหมือนกับแป้งสีเขียวเป็นลูกๆ เครื่องปรุงรสเผ็ดนี้มักจะใส่มากับมากิและนิกิริ แต่ถ้าหากคุณต้องการมากกว่าเดิมก็สามารถขอเพิ่มได้ [2] และขิงดองฝานบาง หรือแผ่นสีชมพูบางๆ ฝานวางไว้ข้างจาน เอาไว้กินระหว่างแต่ละคำเพื่อล้างรสชาติในปาก นอกจากนั้นคุณจะได้จานตื้นที่เอาไว้จิ้มซูชิลงในซอสโชยุได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การสั่งซูชิ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะทำให้คุณมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับเชฟทำซูชิและพินิจถึงคุณภาพของเนื้อปลาที่ควรแสดงให้เห็นได้ และไม่ควรดูแห้งหรือดูไม่น่ากิน
  2. ถ้าเป็นไปได้อยากให้สั่งสิ่งอื่นนอกจากซูชิจากเชฟโดยตรง. โดยสั่งสิ่งอื่นที่ไว้กินกับซูชิจากพนักงานเสิร์ฟ ถามถึงคำแนะนำและสั่งของสดๆ ซูชิก็มักจะรวมไปถึงปลาดิบ ยิ่งสดเท่าไร รสชาติยิ่งดีเท่านั้น ให้สั่งเมนูที่เป็นที่แนะนำหรืออะไรก็ตามที่สดที่สุด
    • การถามว่า "อันนี้สดมั้ย?" อาจเป็นการดูถูก เปรียบเปรยไปว่าเนื้อปลาบางส่วนของทางร้านไม่สดเสียอย่างนั้น แนะนำให้ถามแค่ว่าเมนูไหนเป็นเมนูแนะนำก็พอ ถ้ารู้สึกว่าเมนูแนะนำไม่ค่อยน่าลองเท่าไหร่ ก็ให้สั่งเมนูที่คุณต้องการ เพราะมันไม่มี"เมนูที่ถูกต้อง"อยู่แล้ว
  3. ถ้าหากคุณยุ่งมาก หรือไม่สามารถนั่งที่ซูชิบาร์ได้ ให้สั่งซูชิหลายๆ แบบ เพื่อจะได้รู้ว่าคุณชอบแบบไหน โดยการสั่งนิกิริมาสัก 2-3 ชิ้น มากิอีกหน่อย และลองซาชิมิอีกนิดถ้าคุณกล้าพอ สั่งอะไรที่ดูน่ากินหรือเป็นที่แนะนำมาลอง ถ้าส่วนใหญ่ในเมนูมีชื่อปลาที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่น(ซึ่งมักจะเป็นร้านที่มีคุณภาพ) ให้ดูรายชื่อข้างใต้นี้ซึ่งจะเป็นชื่อที่แปลมาแล้ว:
    • ชาเกะ - แซลมอนดิบ
    • มากุโระ - ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
    • ฮามาจิ - ปลาทูน่าครีบเหลือง
    • เอบิ - กุ้ง(ที่ปรุงสุกแล้ว)
    • อุนางิ - ปลาไหลน้ำจืด
    • ไท้ - ปลากะพงแดง
    • ทาโกะ - ปลาหมึกยักษ์
    • ทามาโกะ - ไช่หวาน
    • มาซาโกะ - ไข่ปลาเคปลิน (คนไทยชอบเรียกว่า”ไข่กุ้ง”)
  4. สั่งอาหารว่างและเครื่องดื่มจากพนักงานเสิร์ฟ. ถ้าคุณอยากกินอะไรระหว่างรอซูชิอยู่ สิ่งที่คนมักสั่งมากินก็มีทั้ง เอดะมาเมะ(ถั่วแระญี่ปุ่นต้ม), ซุยโมโนะ (น้ำซุปใส) หรือว่า มิโสะชิรุ(ซุปมิโส) และเลือกเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็นชาเขียว, เบียร์, สาเก หรือน้ำเปล่า ส่วนน้ำอัดลมนั้นจะกลบรสชาติละมุนลิ้นของซูชิออกไป
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การกินซูชิ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ซูชิบาร์หลายๆ แห่งจะเตรียมผ้าขนหนูเช็ดมือที่อุ่นและชื้นไว้ให้ก่อนที่จะเสิร์ฟอาหาร แม้จะมีใครหลายคนที่ใช้ตะเกียบคีบกิน แต่การกินซูชิด้วยมือเปล่าก็ยังเป็นที่ยอมรับได้อยู่ เพราะฉะนั้นการทำความสะอาดมือของคุณก่อนจึงจะเป็นการดี ยิ่งถ้าคุณแบ่งกันกินจานเดียวกับเพื่อนๆ ด้วยแล้วน่ะนะ
  2. เทซอสโชยุปริมาณเล็กน้อยลงในถ้วยน้ำจิ้ม บางคนอาจชอบที่จะผสมมันเข้ากับวาซาบิ แต่ก็มีบางคนที่มองว่าเป็นการกระทำแบบ "คนอเมริกา" และถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ ถ้าคุณไม่มั่นใจให้ถามพนักงานเสิร์ฟหรือเชฟว่าอันไหนที่ควรจะจิ้มลงในซอสโชยุบ้าง และลองป้ายวาซาบิลงไปในเนื้อปลาตรงๆ ถ้าคุณอยากเพิ่มปริมาณของวาซาบิ
    • ระวังการจิ้มนิกิริกับซอสโชยุ. ให้ใช้ส่วนที่เป็นเนื้อปลาจิ้มลงไป ไม่ใช่ส่วนที่เป็นข้าวนะ มันจะได้ติดอยู่เป็นชิ้นเดียวกันและไม่ชุ่มไปด้วยรสชาติซอสโชยุ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องลองกินแบบที่ไม่จิ้มซอสดูก่อนแล้วค่อยคำนึงถึงความเหมาะสมของรสชาติที่คุณชอบทีหลัง
    • ถ้าซูชินั้นมีซอสป้ายมาอยู่แล้ว อย่าไปจิ้มมันลงในซอสโชยุอีก แต่ให้ลองกินรสชาติที่เชฟปรุงมาเพื่อคุณ
    • ถึงอย่างนั้นก็ตาม คุณจะใช้ตะเกียบคีบขิงดองจิ้มลงซอสถั่วเหลืองและทาซอสลงบนเนื้อปลา แทนที่จะจิ้มเนื้อปลาลงไปตรงๆ ก็ได้ มันจะช่วยให้รสชาติ"ที่แท้จริง"ของขิงออกมาโดยที่ไม่ต้องกินขิงเข้าไป
    • แต่ทุกวันนี้การจิ้มข้าวลงไปในซอสโชยุด้วยก็เริ่มเป็นสิ่งที่ผู้คนยอมรับกันได้แล้ว
  3. ถ้าคำมันใหญ่ไปก็ให้กินในสองคำก็ได้ ซึมซับถึงรสชาติและรสสัมผัสของซูชิ แล้วคุณอาจตกใจกับความนุ่มละมุนของเนื้อปลา จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกไปกับกับความเข้มข้นของรสชาติมันก็ได้ แต่ให้ลิ้มรสความสมดุลระหว่างรสชาติกับรสสัมผัส ใช้เวลาไปกับการดื่มดำมันซะ
  4. มันจะรู้สึกเผ็ดซ่านในปากถ้ากินระหว่างซูชิแต่ละคำ อย่ากินเข้าไปพร้อมกัน และอย่ากินเยอะๆ ในทีเดียว
  5. โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อ่านคู่มือเกี่ยวกับมารยาทในการกินซูชิก่อนที่จะไปกิน คุณจะได้ไม่ทำกิริยาไม่ดีใส่เชฟหรือไปดูถูกวัฒนธรรมของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • วาซาบิของแท้นั้นแพงมาก จริงๆ แล้วมันคือรากไม้ชนิดหนึ่ง และการที่จะนำมาประกอบอาหารจึงต้องทำให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นอกจากนี้มันยังชิ้นไม่ใหญ่เท่าแป้งเปียกสีเขียว จริงๆ แล้วแป้งเปียกสีเขียวๆ นั้นทำมาจากมะรุมผสมสีผสมอาหาร ซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก
  • ขิงที่มีคุณภาพสูงจะเป็นสีขาว ส่วนขิงที่เป็นสีชมพูนั่นมักจะมาจากขิงดองสำเร็จรูปในโหลซึ่งจะผสมสีผสมอาหารลงไปด้วย ในขณะที่ทั้งสองแบบ(มักจะ)คุณภาพดีอยู่แล้ว แต่อันที่สีซีดกว่าจะบางกว่าและมีรสชาติที่ล้ำลึกกว่า
โฆษณา

คำเตือน

  • การกินปลาดิบ หอยดิบ และเนื้อดิบอาจทำให้คุณเสี่ยงที่จะเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ รวมไปถึงสารพิษในอาหาร, ไวรัสตับอักเสบ, ปรสิต หรือแม้กระทั่งก่อเกิดความเสียหายกับตับได้ ในขณะที่ร้านซูชิที่มีชื่อเสียงจะไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเท่าใดนัก คิดให้ดีก่อนที่จะกินซูชิสักมื้อ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าใครที่เป็นคนทำซูชิให้เรากิน


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,127 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา