ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ณ จุดหนึ่งของชีวิตเชื่อว่าทุกคนคงเคยกังวลเรื่องกลิ่นกายกันมาไม่มากก็น้อย ใครบ้างที่ไม่เคยตรวจใต้วงแขนดูว่ามีกลิ่นหรือไม่ ถือเป็นโชคดีที่มีวิธีการมากมายที่ช่วยกำจัดกลิ่นกายอย่างได้ผลอีกทั้งยังเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

กำจัดกลิ่นอย่างเร่งด่วน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากรู้สึกว่าเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ให้อาบน้ำเมื่อมีเวลา กลิ่นกายเกิดจากแบคทีเรีย ดังนั้นการชำระล้างร่ายกาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่มีกลิ่น) ช่วยกำจัดกลิ่นให้หายไปได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามการใช้สบู่และสารชำระล้างที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่อาบด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว
    • เมื่ออาบน้ำให้ทำความสะอาดบริเวณใต้วงแขนและเท้าเป็นพิเศษ เนื่องจากสองจุดนั้นก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นมากที่สุด
  2. ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งสารเคมีบางชนิด (เช่นอะลูมิเนียม) ที่ก่อให้เกิดเหงื่อ ทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลดลง ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อบางชนิดอยู่ได้นานตลอดวัน แต่อาจจำเป็นต้องทาซ้ำเรื่อยๆ เมื่อทำกิจกรรมที่เหงื่อออกมาก เช่น ออกกำลังกาย
    • ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อช่วยยับยั้งการขับเหงื่อในขณะที่ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายนั้นกลบกลิ่นกาย
    • เป็นที่ถกเถียงกันมากว่าผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียมอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมหรือโรคอัลไซเมอร์ได้ แต่ไม่มีผลงานวิจัยทางการแพทย์ใดๆ ที่ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างสารดังกล่าวกับการก่อให้เกิดโรค ดังนั้นจึงสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย [1]
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกายเพื่อกลบกลิ่นทันที. เหงื่อออกไม่ใช่เรื่องแย่ (เว้นแต่จะออกมากเกินไปจนเกิดปัญหา) คุณไม่ต้องยับยั้งการขับเหงื่อโดยสิ้นเชิงก็ได้ การขับเหงื่อช่วยให้ร่างกายเย็นลง คุณสามารถควบคุมการขับเหงื่อให้ถูกที่ถูกเวลาได้ ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกายช่วยกลบกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นไปเลยโดยที่ไม่ทำให้ความชุ่มชื้นหายไป [2]
    • ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกายบางยี่ห้ออยู่ได้นานกว่าแบบอื่น หากต้องการกำจัดกลิ่นกายอย่างรวดเร็วทันใจก็สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่หาได้ง่ายโดยทันที แต่หากต้องการผลิตภัณฑ์ที่ให้กลิ่นสดชื่นและติดทนนาน แนะนำให้ลงทุนเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพสูง
  4. หากคุณอยู่บ้านและไม่มีผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกายหรือระงับเหงื่อ ให้ผสมไฮโดนเจนเพอร์ออกไซด์ 3 ช้อนชากับน้ำเปล่าหนึ่งถ้วย [3]
    • คนให้ส่วนผสมเข้ากันจากนั้นชุบผ้าสะอาดลงไปแล้วนำมาถูที่บริเวณใต้วงแขนเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  5. หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องกำจัดกลิ่นกายให้เร็วที่สุด สามารถใช้เจลล้างมือแบบไม่ใช้น้ำเพื่อแก้ขัดได้ วิธีการคือ:
    • บีบเจลล้างมือเล็กน้อยลงบนฝ่ามือ ใช้มือถูเจลบริเวณใต้วงแขนทั้งสองข้าง สารทำความสะอาดในเจลล้างมือจะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น
  6. หากเหงื่อออกเยอะมากแล้วเกรงว่ากลิ่นจะออก ใช้กระดาษซับมันเพื่อซับเหงื่อออก กระดาษซับมันมีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี ดังนั้นซับใต้วงแขนด้วยกระดาษ (หรือบริเวณอื่นที่มีเหงื่อออก) เพื่อป้องกันกลิ่น
  7. สารส้มเป็นแร่ที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านแบคทีเรีย วิธีการใช้สารส้มเหมือนกันกับใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกาย คือถูก้อนสารส้มบริเวณใต้วงแขน [4]
    • หากมีเหงื่อออก ให้ล้างก้อนสารส้มหลังจากใช้แล้วเพื่อความสะอาด
  8. หากต้องเข้าป่าเขาหรือไม่มีผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกายหรือระงับเหงื่ออยู่ใกล้ตัวเลย ให้ลองใช้โคลนทาบริเวณใต้วงแขนหรือเท้าจากนั้นปล่อยให้แห้ง หลังจากโคลนแห้งแล้วจึงล้างออก สาเหตุที่ทาโคลนก็เพื่อให้บริเวณที่ส่งกลิ่นแห้งและกำจัดเซลล์ผิวตายแล้วที่อาจเป็นสาเหตุของกลิ่น วิธีใช้โดยทั่วไปเหมือนกับมาสก์โคลน
  9. หากคุณไม่ชอบใช้ผลิตภัณฑ์จากห้างร้าน ลองใช้วิธีการแบบธรรมชาติเพื่อกำจัดกลิ่นอย่างรวดเร็ว น้ำส้มสายชูเป็นยาธรรมชาติที่ช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียหรือเชื้อราในบริเวณที่มีกลิ่น (เช่นเท้าหรือใต้วงแขน) ฉีดน้ำส้มสายชูขาวหรือแอปเปิลไซเดอร์ในบริเวณที่มีกลิ่นจากนั้นเช็ดให้แห้ง [5]
    • วอดก้าที่เจือจางแล้วสามารถใช้ฉีดใต้วงแขนได้เช่นกัน Joan Rivers ได้อธิบายว่าเธอได้ใช้วิธีนี้ ถือว่าเป็น เคล็ดลับที่ดาราบรอดเวย์ใช้กันมานานทีเดียว [6]
    • หากคุณไม่ชอบน้ำส้มสายชูสามารถใช้สารทำความสะอาดจากธรรมชาติเช่น ทีทรีออยล์ หรือ สารสกัดจากต้นวิทซ์ฮาเซลแทนก็ให้ผลเหมือนกันทุกประการ
  10. ใช้น้ำมะนาวเจือจาง.น้ำมะนาวเป็นสารจากธรรมชาติที่ช่วยต่อต้านแบคทีเรียและเชื้อรา [7] ดังนั้นจึงสามารถใช้ระงับกลิ่นกายได้ วิธีการใช้สามารถเทน้ำมะนาวบนผ้าสะอาดหรือถูซีกมะนาวโดยตรงบนบริเวณที่มีกลิ่น
    • คุณต้องสังเกตด้วยตนเองว่าจะใช้น้ำมะนาวมากแค่ไหน น้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ หากเกิดอาการให้ล้างน้ำมะนาวออก รอเวลาสักสองสามชั่วโมงแล้วจึงลองใหม่โดยใช้น้ำมะนาวให้น้อยลง
    • คุณสามารถเจือจางน้ำมะนาวด้วยการผสมน้ำ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดังที่กล่าวไปแล้วว่าการอาบน้ำช่วยกำจัดกลิ่นได้อย่างรวดเร็ว การอาบน้ำทุกวันช่วยให้รู้สึกสะอาดสดชื่นเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน เมื่อคุณอาบน้ำ:
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวสองสามครั้งต่ออาทิตย์ สามารถหาซื้อได้จากร้านขายยาหรือทำที่ขัดผิวเองด้วยวัสดุจากธรรมชาติ
  2. แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอับชื้น มีอาหารสมบูรณ์ อุณหภูมิเหมาะสม มีค่า pH และการอิ่มตัวของโซเดียมที่เอื้ออำนวย สภาพนี้สามารถพบเจอได้ในผิวที่ชื้น พยายามทำให้ตัวแห้งขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกตัวชื้น ไม่ว่าจะเป็นความชื้นที่เกิดจากการอาบน้ำหรือเหงื่อก็ตาม [8]
    • ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือกระดาษซับมันซับเหงื่อและความชื้นออก
    • หลังอาบน้ำให้ทาแป้งที่บริเวณใต้วงแขนเพื่อป้องกันความชื้น
  3. วิธีการนี้ใช้ได้กับทั้งชายและหญิง แม้ว่าโดยมากแล้วผู้หญิงจะกำจัดขนใต้วงแขนบ่อยกว่าก็ตาม การกำจัดขนที่ใต้วงแขนช่วยลดกลิ่นได้เนื่องจากขนสามารถกักเก็บกลิ่นได้ง่าย ยิ่งขนน้อยโอกาสเกิดกลิ่นตัวก็จะน้อยลง
  4. ผ้าบางชนิดมีส่วนผสมของใยสังเคราะห์ที่ระบายอากาศได้ไม่ดี เว้นแต่จะถูกออกแบบมาอย่างนั้น (เช่นผ้าโพลีเอสเตอร์) หากคุณกังวลเรื่องกลิ่นกายให้เลือกสวม ผ้าฝ้าย ผ้าขนสัตว์ หรือผ้าไหม จะสามารถดูดซับความชื้นและระบายอากาศได้ดีกว่า โอกาสเหงื่อออกและเกิดกลิ่นตัวก็จะน้อยลง
    • คุณสามารถสวมผ้าฝ้ายหรือไหมใต้เสื้อผ้าปกติเพื่อดูดซึมเหงื่อและความชื้น กลิ่นไม่พึงประสงค์จะได้ไม่กระจายออกมาที่เสื้อผ้าชั้นนอก
  5. ดังที่กล่าวไปเมื่อครู่นี้ กลิ่นกายสามารถทะลุเสื้อผ้าได้ หากเหงื่อออกมากแล้วทิ้งเสื้อผ้าให้แห้งเองโดยไม่ซัก ก็มีโอกาสเกิดกลิ่นเหม็นอับในวันต่อมาได้ พยายามซักผ้าทุกครั้งที่เหงื่อออก เพื่อให้มีกลิ่นสะอาดสดชื่น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เปลี่ยนวิถีชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาหารที่คุณทานเข้าไปส่งผลต่อกลิ่นกาย หากมีปัญหาเรื่องกลิ่นกายพยายามหลีกเลี่ยงอาการบางชนิด และหันไปทานอาหารที่ดีมากขึ้นแทน อาหารเหล่านั้นรวมไปถึง: [9]
    • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง: เนื้อสัตว์ในปริมาณมาก กระเทียม หัวหอม อาหารรสจัดและอาหารผ่านกระบวนการแปรรูปที่มีน้ำตาลสูง อาหารเหล่านี้ทำให้กลิ่นกายรุนแรงขึ้น คุณควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะทำให้เกิดกลิ่นกายเช่นกัน
    • อาหารที่ควรรับประทาน: ผักใบเขียว ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ ไขมันที่ดี (น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน อะโวคาโด ฯลฯ) และ สารพฤกษเคมีที่ชำระล้างร่างกาย (ผักชีฝรั่ง ผักชีไทย ขึ้นฉ่าย สะระแหน่ เซจ โรสแมรี่ ไทม์ และออริกาโน) [10]
  2. 2
    รักษาตับให้แข็งแรง. ในบางกรณีกลิ่นกายรุนแรงเกิดจากปัญหาที่ตับ ตับขอบคุณอาจไม่สามารถย่อยอาหารบางชนิดได้ ก่อให้เกิดกลิ่นกาย คุณสามารถเพิ่มความแข็งแรงของตับได้เองง่ายๆ หากปัญหาตับยังเรื้อรังแนะนำให้พบแพทย์ทันที วิธีการดูแลตับให้แข็งแรงมีดังนี้:
    • ทานสารเสริมชีวนะเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของอวัยวะภายใน
    • ทานเอนไซม์ควบคู่ไปกับมื้ออาหารหรือดื่มแอปเปิลไซเดอร์เพื่อช่วยระบบย่อยอาหาร
  3. ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของต้นอ่อนข้าวสาลีหรือคลอโรฟิลล์. คลอโรฟิลล์เป็นสารขจัดกลิ่นจากธรรมชาติ สามารถป้องกันการเกิดกลิ่นได้ตลอดวัน อย่าลืมเพิ่มคลอโรฟิลล์ไปในรายการอาหารเสริมของคุณ [11]
  4. ความเครียดไปกระตุ้นต่อมอะโพไครน์ เป็นต่อมที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว นั่นหมายความว่าเมื่อคุณรู้สึกกังวล โกรธ หรือเครียด กลิ่นกายก็จะเพิ่มขึ้น
    • การนั่งสมาธิอาจช่วยกำจัดความตึงเครียดได้ นั่งสมาธิทุกวันเป็นเวลา 15 นาทีจะพบว่าสามารถจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น (ปัญหากลิ่นกายก็จะดีขึ้น)
    • เล่นโยคะก็เป็นการลดความเครียดทีดีเช่นกัน
  5. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลิ่นกายเกิดจากปัญหาการทำงานของตับหรืออาหารที่ทานเข้าไป การทำความสะอาดร่างกายด้วยการดีทอกซ์สามารถช่วยได้ นอกจากจะลดกลิ่นตัวแล้วยังทำให้มีกลิ่นที่สะอาดสดชื่นอีกด้วย
    • ดีทอกซ์มีหลายประเภท ปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเริ่มทำดีทอกซ์ชนิดใดก็ตาม โดยเฉพาะประเภทที่ชำระล้างอย่างลึกซึ้ง ยิ่งคุณมีโรคประจำตัวยิ่งจำเป็นมาก
    • บางประเภทอ้างว่าคุณสามารถได้ประโยชน์จากการดีท็อกซ์มากขึ้นถ้าทำเซาน่าแบบอบไอน้ำหรืออบอินฟราเรดด้วย ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ ลองเซาน่า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อช่วยดีท็อกซ์และลดกลิ่นตัว [12]
  6. ดื่มน้ำมากๆ ตลอดวันสามารถช่วยชำระล้างสารพิษได้ อีกทั้งยังช่วยให้สุขภาพดี ลดกลิ่นตัวได้
  7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ . ถึงจะฟังดูขัดต่อความรู้สึกเนื่องจากการออกกำลังกายทำให้เหงื่อออก การออกกำลังกายมากๆ สามารถช่วยลดกลิ่นกายในระยะยาวได้ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายขับสารพิษที่ก่อให้เกิดกลิ่นออกมาในรูปของเหงื่อ
    • อย่างไรก็ตาม อย่าลืมอาบน้ำหลังจากออกกำลังกายและเช็ดตัวให้แห้งดังที่กล่าวไปแล้ว
  8. หากคุณได้ลองปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถกำจัดกลิ่นกายได้ คุณอาจมีปัญหาสุขภาพที่อาจเป็นต้นเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ พบแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำปรึกษาและรักษาให้ตรงจุด คุณอาจมีภาวะกลิ่นตัวแรงซึ่งทำให้เกิดกลิ่นตัวมากกว่าปกติ
    • แพทย์สามารถสั่งผลิตภัณฑ์กำจัดเหงื่อในรูปของยา ยาเหล่านี้ทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณมีความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องใช้ยานั้นจริงๆ (เช่น ภาวะกลิ่นตัวแรง หรือ ภาวะเหงื่อออกมาก)
    • โบทอกซ์สามารถปิดกั้นต่อมเหงื่อและระงับไม่ให้เหงื่อออก คุณไม่จำเป็นต้องทำโบทอกซ์หากไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์ เนื่องจากมีราคาสูงมากและเจ็บปวด อีกทั้งยังส่งผลแค่ไม่กี่เดือนซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำความสะอาดใต้วงแขนหลังกำจัดขน อาจใช้ไฮโดนเจนเพอร์ออกไซด์เป็นสารทำความสะอาด
  • อย่าใส่น้ำหอมที่ใต้วงแขนเพราะจะทำให้กลิ่นแรงขึ้นอีกทั้งยังทำให้ผิวแดงและระคายเคือง
  • อย่าใช้ทั้งสบู่ ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกาย น้ำหอม ฯลฯ ปนกันเนื่องจากกลิ่นจะฉุนตีกันไปหมด
  • แช่เท้าในน้ำเกลือ เนื่องจากเท้าเป็นส่วนที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นมาก การแช่เท้าในน้ำเกลือสามารถลดกลิ่นได้ เกลือช่วยฆ่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่น
  • ซื้อกล่องทิชชู่เปียกพกติดตัว (คล้ายทิชชู่เปียกของเด็ก) ไว้ใช้เช็ดเพื่อกลิ่นสดชื่นแล้วทิ้งได้เลยในเวลาเร่งเด่น กระดาษเช็ดมือสามารถใช้ทดแทนได้เช่นกัน นำกระดาษเช็ดมือชุบแอลกอฮอล์ให้ชุ่ม เก็บไว้ในถุงซิบล็อก
  • ทาแป้งทัลคัมบริเวณใต้แขนเสื้อ ค่อยถูจนแป้งซึมเข้าไป กำจัดคราบบนเสื้อผ้าสีเข้มด้วยการปัดแป้งออกที่ด้านนอก สามารถใช้ทาผิวหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกายแต่อย่าถูจนแป้งซึมเข้าไป
  • หากคุณสูบบุหรี่แต่ไม่อยากเลิก ให้ลองเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน
  • หากมีกลิ่นเท้า ควรใส่ถุงเท้า (พยายามใช้ผ้าฝ้ายซึ่งดูดความชื้นและแห้งง่าย) และเปลี่ยนถุงเท้าทุกวันเพื่อไม่ให้เท้าอับชื้น
  • หากคุณใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์เรื่องกลิ่นกายไปด้วย เนื่องจากยาบางชนิดก่อให้เกิดกลิ่นตัว หรือ ทำให้เหงื่อออก ฯลฯ
  • เป็นไปได้ว่ากลิ่นกายอาจเกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อรา ใช้แชมพูสระผมที่มีฤทธิ์กำจัดเชื้อราทำความสะอาดใต้วงแขนระหว่างอาบน้ำ (ทิ้งไว้ 3 นาทีก่อนล้างออก) จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ปรึกษาแพทย์หากต้องการยาที่มีฤทธิ์แรงขึ้นเนื่องจากยาบางชนิดต้องการใบสั่งจากแพทย์
  • ระวังให้ดีหากอาบน้ำสระผมทุกวัน อาจสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติที่อยู่ในเส้นผมซึ่งจะส่งผลให้ผมเสีย แต่ถ้าอาศัยอยู่ในย่านที่มีฝุ่นมากก็จำเป็นต้องสระผม
  • คุณใช้เวลานอนบนเตียงกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน เปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยๆ ใช้ผ้าปูที่นอนสีขาวเนื่องจากสามารถฟอกขาวได้ง่ายหากมีคราบ
  • เบามือกับบริเวณที่มีกลิ่นกายของคุณเมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ หากหนักมือไปอาจเกิดแผลหรือสิ่งไม่คาดคิดอื่นๆ ได้
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใช้น้ำหอมกลิ่นอ่อน (โคโลญ) เพื่อกลบกลิ่นกาย จะทำให้กลิ่นรุนแรงขึ้น
  • หากใช้มีดโกนกำจัดขนตรวจดูให้แน่ใจว่าใบมีดสะอาด คุณสามารถทำความสะอาดใบมีดอย่างง่ายๆ ด้วยยาฆ่าเชื้อ หรือ น้ำยาทำลายเชื้อ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,356 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา