ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การได้รู้จักคนอื่นๆ เป็นกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันของเรา ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนเข้าสังคมเก่ง แต่ก็ยังมีบางคราวเหมือนกันที่คุณอับจนคำพูดและเริ่มนึกไม่ออกว่าจะหาหัวเรื่องอะไรมาใช้สนทนาดี โดยการเตรียมตัวจัดทำรายชื่อหัวข้อสนทนาเอาไว้ในใจ คุณก็จะไม่มีวันต้องนึกหวั่นว่าจะหมดเรื่องคุยอีก ทั้งหมดที่ต้องทำก็แค่ดึงออกมาสักหัวข้อหนึ่งแล้วปล่อยให้มันไหลลื่นไปในการสนทนา

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เรียนรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นสนทนาขั้นพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเป็นนักสนทนาที่ดีคือการแค่ปล่อยให้คนอื่นเป็นฝ่ายพูดคุยเรื่องของพวกเขาเอง [1] เพราะอะไรนะรึ มันเป็นประเด็นหัวข้อที่พวกเขาคุ้นเคยและอาจจะรู้สึกสะดวกใจที่จะคุยด้วยไง ให้ลองเคล็ดลับเหล่านี้:
    • สอบถามความคิดเห็น คุณสามารถเชื่อมมันกับสิ่งที่เป็นไปในห้องขณะนั้น สถานการณ์ปัจจุบัน หรืออะไรก็ตามที่คุณอาจอยากสนทนาด้วย
    • เจาะลงไปในประเด็น "เรื่องราวในชีวิต" ถามว่าคู่สนทนานั้นมีพื้นเพมาจากที่ไหน เติบโตมายังไง และต่อมาเรื่อยๆ
  2. มีประเด็นเปิดการสนทนาที่ต่างกันสำหรับคนที่คุณมีความสนิทสนมต่างกัน. คำถามที่คุณจะยกมาถามใครสักคนขึ้นอยู่กับว่าคุณสนิทกับพวกเขาดีแค่ไหน นี่เป็นตัวอย่างบทเปิดการสนทนาสำหรับบุคคลสองประเภทที่คุณต้องสนทนาด้วย:
    • ผู้คนที่คุณรู้จักดี : ถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือเปล่า โปรเจ็คต์งานหรือการเรียนของเขาไปได้ด้วยดีไหม ลูกเป็นไงบ้าง และเขาเพิ่งได้ดูหนังหรือรายการทีวีดีๆ อะไรบ้างไหม
    • ผู้คนที่คุณรู้จักแต่ไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว : ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างนับแต่ครั้งล่าสุดที่ได้เจอกัน ดูว่าเขายังทำงานที่เดิมหรือยังอาศัยอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ถามถึงเรื่องลูกและว่าเขามีเพิ่มไหม (ถ้ามันเกี่ยวโยงกัน) บางทีอาจถามว่าเขามีนัดเดทกับใครอยู่หรือเปล่า
  3. คุณย่อมรู้กฎเดิมๆ ดีอยู่แล้ว: อย่าพูดคุยเรื่องศาสนา การเมือง เงิน ความสัมพันธ์ ปัญหาภายในครอบครัว ปัญหาสุขภาพ หรือเรื่องเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ได้สนิทอะไรกันนัก ความเสี่ยงของการที่จะไปพูดขัดเขานั้นมีสูงเกินไป ฉะนั้นเลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่า พวกเหล่านี้มักเป็นประเด็นที่กระทบจิตใจด้วยเช่นกัน [2] .
  4. คนเรานั้นมีความซับซ้อน มีความสนใจ มีงานอดิเรกและความชอบความชังแตกต่างกันไป มีคำถามแตกต่างกันหลายรูปแบบที่คุณสามารถเอ่ยถามถึงความสนใจและงานอดิเรก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนำไปสู่บทสนทนาต่อเนื่องได้ด้วยตัวมันเอง คำถามที่ควรถามก็เช่น:
    • คุณเล่นหรือติดตามกีฬาไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?
    • ชอบออนไลน์ไหม?
    • ชอบอ่านอะไรบ้าง?
    • เวลาว่างชอบทำอะไรล่ะ?
    • ชอบเพลงแนวไหน?
    • ชอบดูหนังแนวไหน?
    • ติดรายการทีวีเรื่องอะไร?
    • ชอบเล่มเกมกระดานบ้างไหมแล้วเกมอะไร?
    • ชอบสัตว์หรือเปล่า? ชอบสัตว์อะไรมากที่สุด?
  5. หัวข้อที่แน่นอนที่สุดคือเรื่องพี่น้องและข้อมูลแบ็คกราวนด์ทั่วๆ ไป (อย่างเช่นโตมาจากที่ไหน) ให้แน่ใจว่าคุณได้โต้ตอบด้วยความกระตือรือล้นเพื่อกระตุ้นให้เขาเล่าเพิ่มเติม [3] พ่อแม่อาจเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับคนที่โตขึ้นมาแบบมีปัญหาด้านการเลี้ยงดู มีพ่อแม่ชอบทำร้ายร่างกาย หรือพ่อแม่เพิ่งจากไป หัวข้อเรื่องลูกก็อาจเป็นเรื่องไม่สะดวกใจคุยสำหรับคู่ที่มีปัญหาเรื่องการเป็นหมันหรือยังไม่ลงรอยเรื่องความพร้อมจะมีบุตร หรือคนที่อยากมีลูกแต่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ คำถามบางคำถามที่คุณอาจเอ่ยถามได้ก็เช่น:
    • คุณมีพี่น้องบ้างไหม? มีกี่คน?
    • (ถ้าเขาเป็นลูกโทน) การเป็นลูกคนเดียวนี่มันรู้สึกยังไงบ้าง?
    • (ถ้าเขามีพี่น้อง) พี่น้องชื่ออะไรกันมั่ง?
    • พวกเขาอายุเท่าไหร่แล้ว?
    • พวกเขาทำงานอะไร? (ปรับคำถามตามอายุ พวกเขาเรียนโรงเรียน /มหาวิทยาลัยไหนหรือทำงานกันหรือยัง)
    • พวกคุณหน้าตาคล้ายกันไหม?
    • บุคลิกเหมือนกันหรือเปล่า?
    • คุณโตมาจากที่ไหน?
  6. ถามเรื่องการท่องเที่ยวหรือการผจญภัยที่ผ่านมา. ถามคู่สนทนาว่าเขาเคยไปที่ไหนมาบ้าง ถึงแม้เขาจะไม่เคยไปไหนเลย เขาก็น่าจะมีความสุขที่ได้คุยเรื่องที่ที่อยากจะไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณควรจะถามว่า:
    • ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปอยู่ประเทศอื่น อยากไปอยู่ที่ไหนและเพราะอะไร?
    • จากทุกเมืองที่เคยไปเที่ยวมา คุณชอบเมืองไหนที่สุด?
    • พักร้อนคราวที่แล้วไปไหนมา? เป็นไงบ้าง?
    • พักร้อนที่ดีที่สุด/แย่ที่สุดที่เคยไปมาคือที่ไหน?
  7. อาหารอาจเป็นหัวข้อสนทนาที่ดีกว่าเล็กน้อยเพราะมันมีโอกาสที่คุณจะไปเจอะคนที่มีปัญหาเรื่องการติดสุราหรือคนที่ไม่ชอบดื่ม ให้ระมัดระวังด้วยว่าบทสนทนานี้จะไม่เกิดกับคนที่กำลังควบคุมอาหารหรือวิธีการที่พวกเขาพยายามลดน้ำหนัก มันอาจนำไปสู่ทิศทางที่เป็นลบได้ คุณควรถามแบบนี้แทน:
    • ถ้าเกิดต้องกินอาหารได้อย่างเดียวไปตลอดชีวิต อาหารจานนั้นจะเป็นอะไร?
    • เวลาไปทานข้าวนอกบ้าน ชอบไปร้านไหน?
    • ชอบทำอาหารเองไหม?
    • ลูกกวาดที่ชอบที่สุดคือ?
    • ร้านอาหารที่ห่วยที่สุดเท่าที่เคยกินมาคือที่ไหน?
  8. ตรงนี้อาจยุ่งยากเล็กน้อยตรงที่มันอาจลงเอยฟังดูเหมือนการสัมภาษณ์งานได้ กระนั้น ถ้าคุณดำเนินการสนทนาด้วยความระมัดระวังและทำให้มันกระชับกับอ่อนหวาน มันจะนำไปสู่การสนทนาที่น่าสนใจได้ และอย่าลืมว่าคู่สนทนาอาจกำลังเรียนอยู่ เกษียณแล้ว หรือ "อยู่ในช่วงเปลี่ยนงาน" คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นก็เช่น:
    • คุณทำงานอะไร? ทำงาน (หรือเรียน) ที่ไหน?
    • งานแรกที่ทำคืออะไร?
    • เท่าที่ผ่านมาใครเป็นหัวหน้างานที่คุณชอบที่สุด?
    • ตอนเป็นเด็กเคยคิดอยากทำงานอะไรเวลาที่เป็นผู้ใหญ่?
    • ชอบตรงไหนมากที่สุดในงานที่ทำอยู่?
    • ถ้าเงินไม่ได้เป็นประเด็น คุณยังจะทำงานเดิมอยู่ไหม งานในฝันคืองานอะไร?
  9. หากคุณไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน มันมีสิ่งที่ลึกลับมากมายให้ค้นหาว่าเหตุใดคุณสองคนจึงมาอยู่ในที่เดียวกัน ถามคำถามอย่าง:
    • แล้วงั้น คุณรู้จักเจ้าภาพได้ยังไง?
    • คุณมามีส่วนร่วมกับงานนี้ทางไหน? (หรือ ถ้าเกี่ยวข้องกัน) เพราะบริจาคเงิน? ในงานไตรกีฬา?
    • คุณหาเวลามามีส่วนร่วมกับงานทำนองนี้ได้ยังไง?
  10. พยายามทำให้มันเป็นคำชมในสิ่งที่เขาได้ทำมากกว่าที่จะเป็นสิ่งที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถต่อบทสนทนาออกไปโดยการถามเขาถึงความสามารถนั้นๆ ถ้าคุณชมคู่สนทนาว่าเขามีตาสวย เขาจะเอ่ยขอบคุณแล้วบทสนทนาก็แทบจะจบลงแค่นั้น ให้แน่ใจว่าคุณยังคงแสดงความกระตือรือร้นเวลาที่เอ่ยคำชมออกไปเพื่อที่จะดูจริงใจ [4] ประโยคดีๆ ที่น่าใช้ก็เช่น:
    • คุณเล่นเปียโนเก่งจัง เล่นมานานเท่าไหร่แล้ว?
    • คุณดูขึ้นพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจดีจัง ไปเรียนรู้การพูดพรีเซนต์งานให้ดีแบบนี้จากที่ไหนมา?
    • คุณวิ่งได้ยอดไปเลย แต่ละอาทิตย์ต้องฝึกยังไงบ้าง?
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ยืดบทสนทนา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณไม่อาจคาดหวังปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้นตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ขั้นต้นกับใครสักคน สิ่งที่คุณจะคาดหวังได้ก็แค่มีสัมพันธไมตรีเกิดขึ้น โอกาสดีที่สุดที่จะทำมันขึ้นมาก็คือให้ยึดอยู่กับหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจและพูดคุยได้สนุกออกรส มันจะช่วยให้สามารถสอดแทรกมุกตลกเล็กๆ เข้าไปในบทสนทนาได้ด้วย [5]
    • หลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องปัญหาในชีวิตหรือสถานการณ์ด้านลบอื่นๆ ถ้าหากคุณเห็นสายตาของคู่สนทนาเหม่อลอยออกไปเวลาที่มีการหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาพูด มันก็เป็นเพียงเพราะมีคนแค่ไม่กี่คนที่คาดหวังจะได้พูดคุยปัญหาหรือสถานการณ์หนักหน่วงในบทสนทนาที่ผ่อนคลายเป็นกันเอง
    • คนส่วนใหญ่มองหาประเด็นที่สุภาพ น่าสนใจ และไม่เครียดมาสนทนา และการแทรกอะไรในเชิงลบเข้าไปมีแต่ทำลายบรรยากาศตอนนั้นลง ทำให้การสนทนาจบลงได้
  2. ความเงียบไม่จำเป็นต้องดูอึดอัด มันจะให้คุณได้รวบรวมความคิดเห็นประมวลคู่สนทนาหรือคิดหาหัวข้อที่เขาน่าจะอยากคุย มันทำให้คุณทั้งคู่มีเวลาหายอกหายใจและได้หยุดพักย่อยความคิด [6]
    • อย่างไรก็ตาม ความเงียบก็ชวนให้อึดอัดได้ ถ้าคุณรู้สึกพะว้าพะวงหรือพยายามจะกลบเกลื่อนความเงียบเพราะคุณเป็นกังวลกับมัน
  3. เช่น ถ้าคุณพบว่าทั้งคู่ต่างชอบการวิ่ง ให้ใช้เวลามากขึ้นในการคุยเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ดี ให้ใส่ใจด้วยว่าถึงอย่างไรเมื่อถึงจุดหนึ่งคุณก็จะต้องย้ายหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่น การสนทนาเรื่องวิ่งนานถึง 45 นาทีคงเป็นเรื่องที่ชวนอึดอัดสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ [7]
    • สนทนาถึงคนอื่นที่มีความสนใจร่วมกันและความสำเร็จของพวกเขา เช่น คุณอาจรู้จักผู้ชนะการวิ่งมาราธอนปีที่แล้วด้วยกันทั้งคู่ และคุณคนใดคนหนึ่งอาจสามารถเล่ารายละเอียดว่าคนๆ นั้นฝึกฝนอย่างไรถึงชนะได้
    • ในการพูดคุยเรื่องความสนใจที่มีร่วมกันนั้น อาจพูดคุยเรื่องอุปกรณ์เครื่องเล่นใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ กลยุทธใหม่ๆ เป็นต้น
    • แนะนำสิ่งใหม่ๆ ที่คุณทั้งคู่สามารถลองทำในความสนใจร่วมกันนี้ได้ บางทีถึงอาจขนาดหาเวลาไปฝึกหรือลองอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ขยายขอบเขตออกไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จุดประกายทิศทางการสนทนาใหม่ด้วยการตั้งข้อสมมติฐานขึ้นมา. มันอาจฟังดูแปลกพิกลในทีแรก แต่ลองทำแล้วดูว่ามันจะเปิดการสนทนาให้ขยายออกไปได้อย่างมีสีสันขนาดไหน นี่คือตัวอย่างคำถามชวนคิดที่อาจเพิ่มรสชาติการสนทนาได้:
    • จากความสำเร็จทั้งหมดที่คุณได้ทำมา อะไรที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับตัวคุณเอง /เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับสังคม?
    • สมมติว่าคุณสามารถร่ำรวย โด่งดัง หรือมีอิทธิพล คุณจะเลือกอย่างไหนและเพราะอะไร?
    • นี่เป็นช่วงเวลาดีที่สุดในชีวิตคุณเลยหรือเปล่า?
    • ถ้าคุณสามารถเป็นเจ้าของของได้แค่ 10 อย่าง มันจะมีอะไรบ้าง?
    • ถ้าคุณต้องเลือกอาหารแค่ห้าอย่างกับเครื่องดื่มแค่สองอย่างไปตลอดชั่วชีวิต คุณจะเลือกอะไร?
    • คุณเชื่อว่าคนเราเป็นฝ่ายสร้างความสุขขึ้นมาเองหรือรอมันเกิดขึ้นมาเอง?
    • คุณจะทำอะไรถ้าเกิดมีผ้าคลุมล่องหน?
    • คุณเชื่อในเจตจำนงเสรีหรือเปล่า?
    • คุณคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นสัตว์อะไรถ้าเกิดมีคนเปลี่ยนคุณเป็นสัตว์ได้?
    • ซูเปอร์ฮีโร่ตัวโปรดของคุณเป็นใครและเพราะอะไร?
    • คุณสามารถเชิญใครก็ได้ในประวัติศาสตร์มาร่วมทานข้าวเย็นที่บ้านได้ห้าคน คุณจะเชิญใคร?
    • ถ้าพรุ่งนี้คุณเกิดถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง คุณจะใช้มันยังไง?
    • ถ้าสามารถเป็นคนดังได้หนึ่งสัปดาห์ อยากมีชื่อเสียงด้านไหน? (หรือจะเลือกเป็นคนดังคนใด?)
    • ยังเชื่อในซานตาคลอสหรือเปล่า?
    • อยู่โดยไม่มีอินเทอร์เน็ตได้ไหม?
    • ทริปในฝันของคุณเป็นไง?
  2. จดจำไว้ว่าหัวข้อไหนที่ได้รับการตอบสนองอย่างดีในการสนทนา. ให้กลับมาหากลยุทธการพูดคุย "ที่ได้ผล" นี้อยู่เรื่อยๆ ตราบเท่าที่มันยังคงใช้ได้ผลต่อคุณ
    • เช่นเดียวกัน จดจำหัวข้อที่ดูเหมือนผู้คนจะรู้สึกไม่สะดวกใจหรือรู้สึกเบื่อหน่าย แล้วหลีกเลี่ยงมันในอนาคต
  3. ตามอ่านเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกและลองถามความคิดเห็นของคู่สนทนาถึงประเด็นข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นล่าสุด (กระนั้นพึงจำไว้ว่าในกรณีส่วนใหญ่แล้ว ทางที่ดีควรเลี่ยงเรื่องการเมือง) [8]
    • จดจำข่าวขำๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะจากคุณได้และเตือนให้คู่สนทนาได้นึกถึงข่าวขำๆ ที่เขาเพิ่งอ่านผ่านตามา
  4. การหาหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดบทสนทนาที่ดี แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือคุณจะสื่อประเด็นนั้นออกมาได้อย่างไร [9] ให้แน่ใจว่าได้พูดหัวข้อนั้นได้ตรงประเด็นโดยไม่ได้กล่าววกไปวนมาจนหาเป้าหมายไม่ได้
    • พยายามอย่าพูดวกออกนอกเรื่องในระหว่างการหยิบยกประเด็นการสนทนา มิฉะนั้นอาจเสี่ยงที่คู่สนทนาจะหมดความสนใจจะคุยกับคุณ!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าเอาแต่ปั้นคำถามที่เอ่ยถึงข้างต้นในบทความระดมใส่คู่สนทนา มันอาจทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกซักฟอก
  • พยายามเป็นมิตรและไม่ไปพูดกระทบกระเทียบใคร
  • ถ้าคุณพูดอยู่ในกลุ่ม ให้แน่ใจว่าได้ทำให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม ถ้าคุณเริ่มคุยกับคนๆ เดียวในกลุ่มและคาดหวังให้คนอื่นนิ่งฟังการสนทนา มันจะทำให้ทั้งกลุ่มดูอึดอัดใจ
  • ฟังคำตอบของคู่สนทนาอย่างตั้งใจ เพราะมันอาจนำไปสู่ประเด็นการสนทนาที่เกี่ยวข้องได้
  • คิดก่อนพูด คุณไม่สามารถกลืนสิ่งที่พูดออกไปแล้ว นอกจากนี้ ผู้คนยังมักจดจำการสนทนาที่ได้คุยกับคุณ ฉะนั้นอย่าทำตัวไม่เป็นมิตรเว้นแต่คุณอยากให้เขาจดจำคุณแบบนี้
  • วิธีที่ดีอย่างหนึ่งในการทำให้บทสนทนาเดินหน้าอย่างมีสมดุลคือการผลัดกันถามคำถาม มันไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนการทายปัญหาถามตอบหรือเป็นการแข่งขันเพื่อดูว่าคำถามของใครเข้าท่ากว่ากัน แต่มันเป็นวิธีที่สุภาพในการรักษาบทสนทนาให้ต่อเนื่องโดยไม่มีฝ่ายไหนคอยควบคุมอีกฝ่าย
  • ถ้าเป็นครั้งแรกที่เจอคนๆ นั้น พยายามหลีกเลี่ยงคำพูดประชดประชัน ถึงแม้เขาจะเป็นคนแบบนั้นก็ตาม คุณอาจจะอยากแซวเขาบ้าง กระนั้นก็อย่าทำมากเกิน ไม่มีใครชอบการประชดประชันที่ มาก เกินไป
  • ตั้งใจฟัง และพยายามมีส่วนร่วม หลังจากเขาตอบคำถามคุณ ดูว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ใดของคุณ หรือตอบคำถามนั้นเองถึงแม้เขาจะยังไม่ได้เอ่ยถาม
  • หลีกเลี่ยง "คำตอบคำเดียว" (อย่างเช่น "ใช่”, "ไม่ใช่" และ "ก็ดี") เท่าที่จะทำได้ เพราะมันทำให้การสนทนาไม่คืบหน้าไปไหน
  • ถ้าคุณเพิ่งเจอใครครั้งแรก จดจำชื่อเขาให้ได้! มันอาจฟังดูง่าย แต่ก็ลืมกันง่ายเช่นกัน พยายามพูดชื่อเขาในใจเร็วๆ ห้าครั้งติดต่อกันตอนที่เขาแนะนำตัวเอง


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 75,639 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา