ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทุกคนรู้สึกอับอายเป็นบางครั้งบางคราว เพราะทุกคนย่อมทำผิดพลาด ความอับอายอาจจะเป็นผลของความสนใจที่ไม่เป็นที่ต้องการ ความผิดพลาดหรือการถูกจับให้อยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้คุณอึดอัด คุณอาจจะรู้สึกต้องการหลบหนีไปจนกว่าความอับอายหมดสิ้นไป แต่มันมีวิธีที่ดีกว่าในการรับมือกับความอับอาย คุณสามารถพยายามเข้าใจความรู้สึกของความอับอายให้ดีขึ้น เรียนรู้ที่จะหัวเราะให้ตัวเองและเห็นอกเห็นใจตัวเองเมื่อรู้สึกอับอาย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การรับมือกับสถานการณ์ที่น่าอับอาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีที่คุณรับมือกับสถานการณ์ที่น่าอับอายนั้นขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่ทำให้คุณอับอาย เช่น หากคุณทำอะไรผิด ประเภทให้ความเห็นที่ไม่เหมาะสมแก่เพื่อน คุณก็อาจจะรู้สึกอับอายเพราะคุณไม่ควรพูดสิ่งที่พูดไป แต่หากคุณรู้สึกอับอายเพราะคุณทำบางอย่างผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น สะดุดล้มต่อหน้าคนจำนวนมาก สิ่งนั้นคือสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป แต่ละสถานการณ์ต้องใช้วิธีที่ต่างกันในการเอาชนะความรู้สึกอับอาย [1]
  2. หากคุณทำบางอย่างผิด คุณจำเป็นต้องขอโทษสำหรับความผิดพลาดนั้น การที่ต้องขอโทษอาจจะทำให้คุณรู้สึกอาย แต่มันจำเป็นต่อการจัดการกับความอายที่แท้จริง และต่อการเดินหน้าต่อไป คุณต้องขอโทษอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา [2]
    • ลองพูดว่า “ฉันขอโทษที่ทำ/พูดแบบนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจ วันหลังฉันจะพยายามคิดให้รอบคอบมากกว่านี้”
  3. หลังจากที่คุณได้ขอโทษแล้ว (หากจำเป็น) คุณต้องให้อภัยตัวเองกับสิ่งที่ทำหรือพูด การให้อภัยตัวเองคือขั้นตอนสำคัญในการจัดการกับความอาย เพราะมันจะช่วยให้คุณหยุดโทษตัวเอง การให้อภัยตัวเองคือการบอกตัวเองว่าคุณได้ทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และคุณไม่จำเป็นต้องว่าตัวเอง [3]
    • ลองพูดว่า “ฉันให้อภัยตัวเองสำหรับสิ่งที่ทำ ฉันเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งและฉันทำผิดพลาดได้เป็นครั้งคราว”
  4. ดึงความสนใจของตัวเองและผู้อื่นไปที่เรื่องอื่น. แม้คุณคงไม่อยากเพิกเฉยต่อเรื่องน่าอายที่คุณได้ทำหรือพูด แต่หลังจากที่คุณได้ประเมินผลมันและจัดการกับสถานการณ์แล้ว คุณก็ควรเดินหน้าต่อไป คุณสามารถช่วยให้คุณและคนอื่นก้าวผ่านเรื่องที่น่าอายนั้นได้ โดยการเปลี่ยนเรื่องหรือเชิญชวนให้พวกเขาทำอย่างอื่น [4]
    • เช่น หลังจากที่คุณได้ขอโทษและให้อภัยตัวเองสำหรับการพูดสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับเพื่อนแล้ว ลองถามเขาว่าได้ดูข่าวเมื่อคืนหรือเปล่า หรือเอ่ยคำชมแก่เขา เช่น “นี่ ฉันชอบชุดของเธอจัง ซื้อที่ไหนเหรอ?”
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การจัดการกับความอับอายในอดีต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้มันอาจจะเจ็บปวดที่ต้องมองย้อนไปยังสิ่งที่น่าอายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ แต่มันก็สามารถช่วยให้คุณเห็นช่วงเวลาที่น่าอายเหล่านั้นในแง่มุมต่างๆ ทำลิสต์ของสิ่งที่น่าอับอายที่สุด 5 อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับคุณและเปรียบเทียบมันกับความอับอายล่าสุดที่เกิดขึ้น [5]
  2. หลังจากที่คุณได้สร้างลิสต์ของช่วงเวลาที่น่าอายแล้ว ลองปล่อยตัวเองให้หัวเราะกับมัน การหัวเราะกับสิ่งที่คุณได้ทำสามารถลบล้างเรื่องเหล่านั้นได้ คุณสามารถช่วยให้ตัวเองทิ้งความรู้สึกของความอับอายไว้ในอดีตได้ ด้วยการมองเรื่องเหล่านั้นให้เป็นเรื่องงี่เง่าที่เกิดขึ้นในอดีต [6]
    • เช่น หากคุณเคยเดินผ่านห้องอาหารกลางวันโดยที่กระโปรงติดอยู่ข้างในกางเกงในก็พยายามหัวเราะไปกับเรื่องนี้ ลองมองมันจากมุมมองของคนนอกและดึงตัวเองออกจากความรู้สึกลบๆ ตระหนักไว้ว่ามันเป็นแค่ความผิดพลาดที่งี่เง่า ซึ่งอาจจะทำให้คนอื่นหันมามองซ้ำหรืออาจจะตกใจ
    • ลองพูดเรื่องช่วงเวลาที่น่าอายเหล่านี้กับเพื่อนที่ไว้ใจได้ มันอาจจะทำให้คุณหัวเราะใครสักคนได้ง่ายขึ้น หากคุณเล่าเรื่องให้กับคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และมันสามารถเป็นวิธีที่ดีสำหรับคุณในการได้ยินเรื่องราวของช่วงเวลาที่น่าอายของใครบางคน
  3. หากคุณไม่สามารถนำตัวเองให้หัวเราะกับสิ่งที่คุณทำ ก็ลองเห็นอกเห็นใจตัวเอง รับรู้ความอับอายและพูดกับตัวเองเหมือนเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกอับอายและเข้าใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้น [7]
    • พยายามเตือนตัวเองว่าคุณเป็นใครและคุณค่าที่แท้จริงของคุณคืออะไร วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณกลับสู่ความจริงและขจัดความอับอายออกไปด้วยความเห็นอกเห็นใจตัวเอง
  4. เมื่อคุณได้ปลอบโยนตัวเองผ่านเสียงหัวเราะหรือความเห็นอกเห็นใจแล้วก็นำตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบัน ตระหนักว่าช่วงเวลาที่น่าอับอายนั้นเป็นอดีตไปแล้ว พยายามจดจ่อความสนใจอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตในตอนนี้ คุณอยู่ที่ไหน? คุณทำอะไรอยู่? คุณอยู่กับใคร? คุณรู้สึกอย่างไร? การจดจ่ออยู่กับปัจจุบันอาจช่วยให้คุณหยุดพล่ามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณในอดีต [8]
  5. ถึงแม้ความอับอายอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่มันก็เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคคล หากคุณทำหรือพูดอะไรผิดซึ่งทำให้คุณต้องรู้สึกอับอาย ก็ลองคิดเกี่ยวกับว่าคุณสามารถทำอะไรได้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำหรือพูดบางอย่างที่คล้ายกันในอนาคต หากคุณทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจที่เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ก็พึงนึกว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิดและเดินหน้าต่อไป
    • พยายามไม่ยึดติดกับสิ่งที่ทำหรือพูด เพราะการพล่ามถึงมันอาจเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดมากกว่าประสบการณ์ที่ได้รับจริงๆ [9]
  6. หากคุณยังไม่สามารถเอาชนะความรู้สึกอับอายได้ ถึงแม้จะพยายามมากเท่าไหร่ก็ลองขอความช่วยเหลือจากนักบำบัด คุณอาจจะกำลังรับมือกับสิ่งที่ต้องอาศัยการดำเนินการต่อเนื่อง หรือความอับอายของคุณอาจจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบการคิดอื่นๆ เช่น การใคร่ครวญหรือความเคารพตัวเองที่ต่ำ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การเข้าใจความอับอาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรู้สึกอับอายสามารถทำให้คุณรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติกับคุณ หรือคุณโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่มันสำคัญที่ต้องจำว่าความรู้สึกเหล่านี้นั้นไม่แม่นยำ ความอับอายเป็นความรู้สึกปกติเช่นเดียวกับการเป็นสุข เศร้า โกรธ เป็นต้น เมื่อคุณรู้สึกอับอาย ก็จำไว้ว่าทุกคนรู้สึกอับอายเช่นเดียวกัน ณ จุดๆ หนึ่งของชีวิต
    • เพื่อเห็นว่าความอับอายนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนย่อมรู้สึก ก็ลองถามพ่อแม่หรือคนที่คุณไว้ใจได้ให้เล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับช่วงเวลาที่พวกเขาอับอาย [10]
  2. เรียนรู้ว่ามันไม่เป็นไรหากคนอื่นรู้ว่าคุณอับอาย. สิ่งที่แย่ที่สุดสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับการรู้สึกอับอายคือเมื่อคนรู้ว่าคุณอับอาย การรู้ว่าคนอื่นรู้ว่าคุณอับอายสามารถทำให้คุณอับอายมากขึ้นอีก เพราะความอับอายทำให้คุณรู้สึกถูกเปิดโปง หรืออ่อนแอจากความกลัวการถูกตัดสินโดยคนอื่น [11] ต่างจากความน่าอายซึ่งสามารถเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะและที่ลับตาคน เพราะความอับอายส่วนใหญ่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะ [12] พยายามเตือนตัวเองว่ามันไม่เป็นไร หากคนอื่นรู้ว่าคุณอับอายเกี่ยวกับบางอย่าง เพราะมันเป็นอารมณ์ที่ปกติ
    • วิธีหนึ่งในการจัดการกับคำตัดสินของคนอื่นคือ ยึดหลักความจริงและถามตัวเองว่าคนอื่นหรือตัวคุณเองที่กำลังตัดสินคุณอยู่ [13] .
  3. เข้าใจว่าความอับอายบางอย่างสามารถเป็นประโยชน์. แม้การรู้สึกอับอายนั้นไม่ใช่ประสบการณ์ที่สนุกแต่ความอับอายเล็กๆ น้อยๆ ในบางโอกาสสามารถเป็นประโยชน์ได้ งานวิจัยพบว่าคนที่หน้าแดงเวลาที่พวกเขาทำหรือพูดอะไรผิดนั้นมักจะถูกมองว่าเป็นคนที่เชื่อถือได้ เพราะคนเหล่านี้กำลังแสดงให้เห็นถึงความตระหนักของกฎเกณฑ์ทางสังคม ฉะนั้นหากคุณหน้าแดงเป็นบางโอกาสเมื่อคุณทำผิด ก็อย่าบ่นถึงเรื่องนี้เพราะมันอาจจะทำให้คนมองคุณในทางที่บวก [14]
  4. พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างความอับอายกับความเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบ. ความเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบสามารถสร้างความรู้สึกของความอับอาย คุณอาจจะยึดตัวเองติดกับมาตรฐานที่สูงจนเกินจริงที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังล้มเหลวหากคุณไปไม่ถึงมาตรฐานนั้น ความรู้สึกล้มเหลวเหล่านี้อาจนำไปสู่ความอับอาย ฉะนั้นมันจำเป็นที่ต้องตั้งมาตรฐานที่ไม่เกินจริงให้กับตัวเอง [15]
    • เตือนตัวเองว่าคุณคือนักวิจารณ์ที่ร้ายที่สุดของตัวคุณเอง. แม้มันอาจจะดูเหมือนว่าโลกนี้กำลังจับจ้องและตัดสินคุณอยู่ แต่นั่นไม่ใช่มุมมองที่เป็นจริง ลองคิดดูว่าคุณใส่ใจกับเรื่องจุกจิกที่คนอื่นพูดและทำมากแค่ไหน คุณไม่น่าที่จะพิจารณาคนอื่นในทางเดียวกับที่คุณมองตัวเอง [16]
  5. นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างความอับอายกับความมั่นใจ. คนที่มั่นใจมักเจอความอับอายน้อยกว่าคนที่ไม่มั่นใจ [17] หากคุณไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองคุณก็อาจจะเจอกับความอับอายหรือความรู้สึกอับอายที่รุนแรงมากกว่าที่คุณควรเจอ ลองสร้างความมั่นใจในตัวเองเพื่อลดปริมาณของความอับอายที่คุณรู้สึกในแต่ละวัน
    • หากคุณระแวดระวังตัวเองมากคุณก็อาจจะต้องรับมือกับความน่าอายซึ่งไม่ใช่สิ่งเดียวกับความอับอาย ความน่าอายคือผลลัพธ์ของภาพลักษณ์ตัวเองที่ต่ำซึ่งเกิดจากการรู้สึกอับอายบ่อยๆ [18] ลองคุยกับนักบำบัดหากคุณรู้สึกว่าความอับอายทำให้คุณรู้สึกน่าอาย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หัวเราะกับเพื่อนๆ ทำเหมือนมันไม่ได้กวนใจคุณและเพื่อนๆ จะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่
  • อย่าหมกมุ่นกับเรื่องจุกจิก ความอับอายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรพล่ามถึง ลองกำจัดเรื่องพวกนี้ทิ้งไปและเดินหน้าต่อ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,179 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา