ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ยากลำบากที่สุดคือการเรียนรู้ที่จะชื่นชอบตนเอง การเรียนรู้นี้จะยากมากเป็นพิเศษถ้าเราไม่เคยทำได้สำเร็จมาก่อน การเป็นที่ชื่นชอบของตนเองนั้นทำได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ความคิดของเรามีผลต่อความอารมณ์ความรู้สึก และอารมณ์ความรู้สึกมีผลต่อพฤติกรรม [1] การเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและหมั่นคิดบวกจะทำให้เราเริ่มรู้สึกดีขึ้น การที่จะชื่นชอบตนเองได้ต้องใช้ความอดทนและลงมือทำให้เกิดขึ้น แต่ก็ให้ผลคุ้มค่า การชื่นชอบตนเองเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะทำให้ตนเองพอใจและมีความสุขในการดำรงชีวิตมากขึ้น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

หยุดเสียงภายในตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นักบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมเชื่อว่าคนเรามีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้วยการเปลี่ยนแปลงความคิด เพราะความคิดเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดพฤติกรรม
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าคิดว่าเราเป็นคนขี้แพ้และไม่เคยทำอะไรได้ถูกต้องเลย เราจะรู้สึกสิ้นหวังเพราะไม่เชื่อว่าตนเองสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนั้นได้ การคิดแบบนี้จะทำให้เราติดอยู่ในความคิดด้านลบ และมีผลต่อพฤติกรรมจริง ทำให้เรากลายเป็นคนเศร้าซึมและไม่สนใจสิ่งใดในชีวิตเลย ผลคือสิ่งที่เราคิดกลายเป็นความจริง เราเริ่มมีทัศนคติและพฤติกรรมที่ไม่ดีตามที่ตนเองคิด
    • ขั้นแรกที่จะควบคุมความคิดของเราได้คือการรู้ตัวว่าคิดแบบนั้นอยู่ เมื่อจับได้ว่าเรามองตนเองในแง่ร้าย ให้ถามตนเองว่า
      • พูดแบบนี้ดีแล้วหรือ
      • คำพูดนี้ทำให้เรารู้สึกดีไหม
      • ฉันจะพูดแบบนี้กับคนอื่นหรือเปล่า
      • ถ้าคำตอบของคำถามเหล่านี้คือไม่ แสดงว่าเรากำลังคิดลบอยู่ พอรู้ตัวแล้ว เราจะสามารถปรับคำพูดเกี่ยวกับตนเองเหล่านี้ให้เป็นไปในทางบวกได้
  2. ตั้งใจฟังเสียงวิจารณ์ในหัว เสียงนั้นเอาแต่พร่ำบอกเรื่องไม่ดีให้เราฟังมาหลายปี เสียงนั้นคอยขัดขวางไม่ให้เราใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ จงฟังเมื่อได้ยินเสียงนั้นบอกเรื่องที่เลวร้ายเกี่ยวกับตนเอง
    • ให้ใช้เวลาสองสามนาทีทุกวันนึกถึงช่วงเวลาที่เราคิดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับตนเอง
  3. ลองคิดถึงทักษะ คุณสมบัติที่ดี คุณลักษณะที่ผู้คนยกย่องชมเชยและอื่นๆ รวมทั้งคำชมต่างๆ ที่ได้รับจากผู้อื่นด้วย
    • เขียนข้อดีของตนเองทุกอย่างลงไป ตัวอย่างเช่น เราอาจเขียนว่าเราเข้ากับสัตว์ได้ดี หรือทำพายไก่ได้อร่อยมาก สิ่งที่เขียนจะคอยย้ำเตือนว่าเราเองก็ทำอะไรประสบความสำเร็จหลายอย่างและเราเองก็มีหลายสิ่งที่ทำได้ดี
    • ใช้สิ่งที่เขียนนี้เป็นหลักในการปรับปรุงทัศนคติของตนเอง [2]
  4. เมื่อได้ยินเสียงในหัวบอกว่าเรานั้นไร้ค่า ให้หยุดคิดและแทนที่ความคิดลบนั้นด้วยความคิดบวก ใช้สิ่งที่เขียนเป็นหลักอ้างอิงคุณสมบัติที่ดีของเราก็ได้ ถ้าจำเป็น
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าใจของเราคอยแต่บอกว่าเรานั้นไร้ค่า เราก็บอกไปเลยว่า “ฉันมีเพื่อนมากมายที่บอกว่าดีใจที่ได้มาเป็นเพื่อนกับฉัน ฉันมีอะไรให้แบ่งปันกับผู้อื่นมากมาย”
  5. ถ้อยคำประจำใจคือข้อความที่เราจะย้ำกับตนเองซ้ำๆ เพื่อช่วยให้เราคิดบวก คิดถ้อยคำที่สามารถพูดออกมาดังๆ หรือพูดในใจได้
    • ตัวอย่างเช่น ให้บอกตนเองว่า “ฉันเป็นคนมีคุณค่าและเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่”
    • เขียนถ้อยคำนี้ลงไปและปิดไว้ที่กระจกในห้องน้ำเพื่อย้ำเตือนเราทุกวัน
  6. สักวันเราอาจรู้สึกพ่ายแพ้ต่อการกระทำของตนเอง ให้หมั่นบอกตนเองอยู่เสมอว่าเราเป็นคนมีคุณค่าควรแก่การได้รับความรัก ลองเปลี่ยนถ้อยคำประจำใจดู
    • เมื่อตื่นขึ้นมาทุกเช้า ให้เวลากล่าวชมตนเองสักครู่ พูดให้กำลังใจตนเองเพื่อจะได้มองเห็นข้อดีของตน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

สร้างความภาคภูมิในตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกตนเองว่าเรารักชีวิตที่เป็นอยู่นี้และสนุกกับการเดินทางที่เราเลือก ถึงแม้ระหว่างทางจะพบอุปสรรค แต่เราก็ฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ เราถึงได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อบอกคนอื่นว่าเราผ่านมาได้อย่างไร
  2. ก้าวเดินต่อไปและอย่าไปสนใจว่าชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน ให้คิดหาหนทางก้าวผ่านปัญหาต่างๆ และกลายเป็นคนที่เข้มแข็งกว่าเดิม [3]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังโกรธจัดที่ถูกไล่ออก ให้คิดเสียว่าเราจะได้มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น
  3. ไม่ว่าเราจะประสบความสำเร็จในเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จงติดตามความก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ ให้นึกถึงความสำเร็จต่างๆ ที่พาเรามาได้ไกลถึงขนาดนี้ และใช้ความสำเร็จเหล่านั้นเป็นแรงผลักดันให้เราเดินหน้าต่อไป
    • การเขียนว่าเราประสบความสำเร็จอะไรบ้างนั้นน่าจะช่วยได้ เมื่อเขียนเสร็จ เราจะได้เปรียบเทียบความสำเร็จครั้งใหม่กับความสำเร็จที่ผ่านมาและรู้ว่าเราเดินมาไกลแค่ไหนแล้ว
  4. เราสมควรได้ความเคารพจากผู้อื่น เพราะฉะนั้นอย่าให้ผู้อื่นมาดูหมิ่นหรือพูดจาไม่ดีใส่ จงลุกขึ้นสู้เพื่อตนเอง เหมือนกับที่เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อเพื่อนที่กำลังถูกดูหมิ่น
    • อย่าดูถูกตนเอง โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น ถ้าคนอื่นเห็นเราพูดอะไรแย่ๆ ใส่ตนเอง คนคนนั้นอาจคิดว่าคงจะไม่เป็นอะไร ถ้าเขาจะพูดแบบนั้นใส่เราบ้าง
  5. หาสิว่าสถานการณ์ใดที่เราต้องการแรงหนุนและก็จงเป็นแรงหนุนให้ตนเอง จงชมตนเองเมื่อเราทำอะไรสักอย่างออกมาได้ดี เมื่อเรากำลังเรียนรู้อะไรใหม่ๆ และต้องการกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป จงเป็นกำลังใจตนเอง
    • นี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ท่องถ้อยคำประจำใจของเราหรือปรับถ้อยคำนั้นให้เข้ากับสถานการณ์
  6. เมื่อเราเรียนรู้ที่จะมีความสุขด้วยตัวของเราเอง เราก็จะพบว่าสุดท้ายแล้วเราจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่ออยู่กับตนเอง เราอาจรู้สึกสบายใจมากขึ้น หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์ที่ชวนอึดอัดซึ่งทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวหรืออับอาย
    • ถ้าเราอยู่กับตนเอง อย่าหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความ ให้ลองสนใจสภาพแวดล้อมแทน ลองทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างเช่น ดื่มชาหนึ่งถ้วย และอยู่กับปัจจุบัน
    • ถ้าเราอยู่ข้างนอก (อยู่ที่ร้านกาแฟหรืองานเลี้ยง) เตือนตนเองว่าคุณค่าของเราไม่อยู่ที่ใครหรือเพื่อนมากกี่คนมาคุยกับเรา
    • ถึงแม้เราจะไม่อยู่ในความสัมพันธ์ใดๆ แต่ก็อย่าให้คุณค่าของตนอยู่ที่เราโสดหรือไม่โสด เพราะเรานั้นเป็นเพื่อนที่ดีของตนเองเสมอ
  7. การเรียนรู้ที่จะทำอะไรใหม่ๆ เป็นวิธีการยอดเยี่ยมวิธีการหนึ่งที่ช่วยเราให้เรียนรู้ที่จะชื่นชอบตนเองและสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง เมื่อเราเกิดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แสดงว่าเราอาจอยู่นอกขอบเขตความเคยชินของเราแล้ว ถ้าเราสามารถทำอะไรก็ตามสำเร็จในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยนี้ เราก็ได้สร้างความภาคภูมิใจในตนเองแล้ว [4]
    • ลองมองหาหลักสูตรฝึกอาชีพโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายในศูนย์ฝึกอาชีพดู ศูนย์ฝึกอาชีพส่วนใหญ่จะมีการฝึกอาชีพตั้งแต่ทำอาหารไปจนถึงเป่าแก้ว ลองค้นหาข้อมูลหลักสูตรและตารางอบรมได้ที่เว็บไซต์ของศูนย์ฝึกอาชีพนั้น
  8. ให้เวลาตนเองสักครั้งต่อสัปดาห์เขียนสิ่งต่างๆ ที่เรารู้สึกขอบคุณที่มี การจดบันทึกขอบคุณช่วยเรานึกออกว่ามีอะไรดีๆ ในชีวิตเราบ้าง [5]
    • ให้เวลาตนเองชื่นชมและใคร่ครวญสิ่งที่เขียน แค่เขียนลงไปอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกเห็นคุณค่าของสิ่งดีๆ ที่มี แต่ต้องให้ตนเองได้จดจำช่วงเวลาหรือความรู้สึกเหล่านั้นด้วย
  9. ถ้ากำลังเผชิญกับวันที่เลวร้ายหรือวันที่ไม่มั่นใจในตนเองเอาเสียเลย จงให้อะไรพิเศษแก่ตนเองเสียหน่อย เช่น นั่งกินเค้กช็อกโกแลตอร่อยๆ ที่ร้านกาแฟร้านโปรด หรือแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย
    • วิธีนี้จะทำให้เราได้หยุดกังวลและหายเครียดสักพัก พอฟื้นพลังตนเองเรียบร้อยแล้ว เราก็จะสามารถโดดกลับเข้ามาจัดการปัญหาต่อด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากขึ้น
    • การตามใจตนเองนั้นสำคัญเพราะจะทำให้เรามีเวลาให้ตนเองบ้างและได้มีโอกาสดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง เมื่อเราพัก เราได้หันมาดูแลตนเองก่อน แทนที่จะคิดถึงเรื่องงาน คู่ชีวิต เพื่อน ครอบครัว และอื่นๆ
  10. การหัวเราะมีประโยชน์อย่างยิ่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะชื่นชอบตนเอง ในระยะสั้นการหัวเราะช่วยเพิ่มเอ็นดอร์ฟินในสมอง ลดการตอบสนองต่อความเครียด กระตุ้นการไหลเวียนเลือดเพื่อช่วยลดความเครียด และทำให้อารมณ์ดีขึ้น ในระยะยาวการหัวเราะทำให้รับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก สร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น และช่วยให้กลับมาอารมณ์ดีง่ายขึ้น [6]
    • ออกไปพบปะเพื่อนที่คบหามายาวนานและรำลึกถึงเหตุการณ์ชวนหัวที่เคยประสบร่วมกัน
    • ดูหนังตลกหรืออ่านหนังสือแนวขำขัน จงหาช่วงเวลาให้ตนเองได้หัวเราะในแต่ละวัน
  11. ดูแลสุขภาพตนเองให้ดี วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นคุณค่าของตนเองและผลคือชื่นชอบในสิ่งที่ตนเองเป็น
    • กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะทำให้เรารู้สึกดีทั้งภายนอกและภายใน หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารทอด กินผัก ผลไม้ โปรตีนและโฮลเกรนมากๆ
    • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพนั้นทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติและรู้สึกดี การนอนหลับช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความหดหู่และการเจ็บไข้ได้ป่วย คนเราควรหลับวันละ 7-8 ชั่วโมง
    • ดื่มน้ำมากๆ ร่างกายเราต้องการน้ำปริมาณมากเพื่อจะทำงานได้อย่างปกติและภาวะขาดน้ำอาจทำให้เกิดอาการปวดหัว อ่อนเพลีย และพลังใจลดลง ผู้หญิงควรดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวัน และผู้ชายควรดื่มน้ำประมาณ 3 ลิตรต่อวัน [7]
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายปลดปล่อยสารเอ็นดอร์ฟินในสมอง สารเคมีนี้จะทำให้อารมณ์เราดีขึ้น และทำให้เรารู้สึกดี จึงช่วยให้เรารู้สึกชอบตนเองมากขึ้น อีกทั้งการออกกกำลังกายช่วยทำให้สุขภาพดีด้วย [8]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

เปลี่ยนแปลงวิธีมองตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความกลัวอาจทำให้เราไม่กล้าขยับตัวทำอะไร และไม่ยอมทำสิ่งที่เราสามารถทำได้ในชีวิต [9] บางคนไม่ยอมท้าทายความคิดในแง่ลบของตนเอง ที่เป็นแบบนี้เพราะเรากลัวที่จะต่อต้านความคิดเหล่านั้น เราอาจยินดีที่จะอยู่เฉยๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่น่ากลัว เราจึงยอมมีชีวิตแบบไร้การเติบโต เพราะคุ้นชินกบการมีชีวิตแบบนี้ เหมือนกับการใส่รองเท้าคู่เก่าที่แสนซอมซ่อ รองเท้าเก่าไม่สวยสักนิด แต่เราก็ยอมใส่เพราะสบายเท้า และเชื่อไหม การมองตนเองในแง่ลบก็อาจทำให้สบายใจกว่า เพราะเราไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร
    • บางทีนี้อาจเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของคนที่กลัวจนไม่กล้าทำอะไร เมื่อเราถามผู้หญิงที่ถูกทุบตีว่าทำไมถึงยังอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายร่างกายเช่นนี้ [10] เหตุผลคือความกลัวทำให้พวกเธอไม่กล้าเรียกร้องผลประโยชน์ให้ตนเอง ความรู้สึกต้องการพึ่งพาคนที่ทุบตีทำให้พวกเธอไม่ยอมออกจากสถานการณ์ที่อาจเสี่ยงแม้ชีวิตของตนเอง
  2. อาจมีบางสิ่งในอดีตที่ทำให้เราไม่ภาคภูมิใจในตนเอง บางสิ่งในอดีตอาจทำให้เราไม่ชอบสิ่งที่ตนเองเป็นเลย แต่เมื่อเรารับรู้ว่าเราทำดีที่สุดแล้วในสถานการณ์นั้น ถึงแม้เราทำพฤติกรรมที่เป็นอันตรายและกระทำสิ่งไม่ดีลงไป ก็อาจได้รับการให้อภัยได้ เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงและเดินหน้าได้ ถ้าเอาแต่นึกถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้
  3. คิดซิว่าจะพูดกับเพื่อนที่ไม่ค่อยชอบตนเองเท่าไหร่อย่างไร เราจะเอาแต่พูดอะไรในแง่ลบไหม หรือพูดแต่จุดแข็งของเพื่อนคนนั้นแทน บอกเหตุผลมาสิว่าทำไมเราถึงเป็นที่ชื่นชอบและได้รับความรัก [11]
  4. จงเชื่อในเรื่องที่คนอื่นบอกเกี่ยวกับตัวเรา พวกเขาไม่เพียงพยายามทำให้เรารู้สึกดี แต่พวกเขาชอบเราจากใจจริง เริ่มมองตนเองผ่านสายตาของผู้อื่นดูสิ วิธีนี้อาจหยุดเสียงภายในตัวเราจนเราสามารถเริ่มชอบตนเองแบบที่คนอื่นชอบเราได้ [12]
  5. เราสามารถเริ่มก้าวเล็กๆ ได้ เหตุผลหนึ่งที่บางคนกลัวการเปลี่ยนแปลงคือคิดว่าถ้าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างหนึ่ง พวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง คนเหล่านั้นกลัวว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น พวกเขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเคยได้ เพราะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆ มากมายเพื่อให้ตนเองมีความสุข
    • เริ่มการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยอย่างเช่น ยิ้มให้คนแปลกหน้าทุกวัน หรือท่องถ้อยคำดีๆ ประจำใจซ้ำๆ ให้ตนเอง หรือเริ่มนอนหลับให้เพียงพอทุกคืน เปลี่ยนแปลงทีละนิดง่ายกว่าเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันและเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างไปในคราวเดียว
    • การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เหล่านี้อาจทำให้เราออกจากความคุ้นเคยได้ การออกนอกขอบเขตที่เราเคยชินนั้นจะเกิดขึ้นในชีวิตเราหลายครั้ง ในทางปฏิบัติถ้าเราสามารถควบคุมสถานการณ์บางอย่างได้ เราจะรู้สึกมั่นใจในตนเองและมั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น เมื่อชีวิตพบเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
  6. จำไว้ว่าเรากำลังพยายามเลิกคิดในแง่ลบ การเริ่มชื่นชอบตนเองจะไม่เกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน แต่เกิดจะขึ้นด้วยวิธีการอันเหมาะสม เราต้องปรารถนาที่จะเผชิญหน้ากับเสียงภายในตัวเราที่คอยทำให้เราไม่ชื่นชอบตนเอง เราต้องให้อภัยตนเองที่ทำผิดพลาดไปในอดีต เราต้องเริ่มมองหาคุณสมบัติที่น่าชื่นชมและเตือนตนว่าคนอื่นนั้นเห็นคุณค่าในตัวเรา วิธีนี้จะทำให้เรายอมรับว่าตนเองเป็นคนบุคคลที่น่าชื่นชมและน่าคบหา
    • เชื่อใจตนเอง เราคือผู้ที่ผ่านพ้นอดีตมาได้และเราจะทำอะไรก็ตามที่จำเป็นต้องทำเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตนเอง ถึงทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ แต่เราก็ผ่านพ้นเหตุการณ์ที่ยากลำบากมาได้ ซึ่งนั้นก็ต้องใช้ความเข้มแข็งและความพยายามอย่างมากถึงจะฟันฝ่ามาได้ ฉะนั้นจงเชื่อในความเข้มแข็งของตนที่ได้พาเรามาไกลถึงจุดนี้
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อเรามาคบหาสมาคมกับผู้อื่น ให้ยิ้มเข้าไว้ การยิ้มจะทำให้เรารู้สึกดี อีกทั้งยังทำให้ใครที่มาอยู่ใกล้เรารู้สึกสดชื่น มีโอกาสที่เราจะได้รอยยิ้มตอบกลับมาและเราจะรู้สึกว่าผู้อื่นยอมรับไมตรีของเราแล้ว ในไม่ช้าเราก็เชื่อว่าตนเองก็มีความสำคัญในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน
  2. ให้ความเคารพผู้คนอย่างที่เราอยากได้รับเช่นกัน การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพจะช่วยทำให้เราปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเคารพเช่นกัน [13] การปฏิบัตินี้รวมถึงการมีเมตตาและยอมรับในความแตกต่างด้วย [14] วิธีการปฏิบัติตัวซึ่งแสดงถึงการเคารพผู้อื่นได้แก่
    • อย่าดูถูกผู้อื่น
    • ฟังเมื่อผู้อื่นกำลังพูด
    • อย่ากระเซ้าเย้าแหย่ผู้อื่น
    • ไวต่อความรู้สึกของผู้อื่น
    • อย่าล้อเลียนใคร
  3. กุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้คนน่าคบหาคือวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อผู้อื่น เมื่อเราเอาใจใส่และเมตตาต่อผู้อื่น เราก็มักจะทำแบบนั้นเช่นเดียวกับตนเอง [15]
    • ตัวอย่างเช่น เราอาจช่วยเหลือผู้คนเล็กน้อยด้วยการเปิดประตูให้ใครสักคนที่ธนาคาร หรืออาจช่วยเหลือมากกว่านี้ด้วยการอาสาคุณตาคุณยายข้างบ้านช่วยทำสวนให้
    • การช่วยเหลือผู้อื่นไม่ได้หมายความว่าต้องช่วยทุกคน จำไว้ว่าเราต้องปฏิบัติต่อตนเองเหมือนกับที่เราปฏิบัติต่อผู้อื่น นั้นคือต้องเคารพขอบเขตตนเองด้วย
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิตสามารถช่วยเราจัดการกับปัญหาบางอย่างที่เกิดจากความไม่มั่นใจในตนเองของเรา จึงสามารถช่วยเราให้ชื่นชอบสิ่งที่ตนเองเป็นได้ การบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) เป็นวิธีการที่ดีวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถปรับความคิดและพฤติกรรมใหม่ได้ [16] วิธีการนี้ช่วยให้เราหาลักษณะบางอย่างที่ทำให้เราไม่ชอบในสิ่งที่ตนเองเป็นพบ หรือตัดสินใจทำอะไรที่เราภาคภูมิใจ
    • อย่ากลัวที่จะกลับไปมองอดีตที่เลวร้าย เราต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรคอยเหนี่ยวรั้งเราไว้ไม่ให้เรารู้สึกดีกับตนเอง การเยียวยาตนเองจะไม่เสร็จสมบูรณ์จนกว่าเรามีความเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจสลัดหลุดออกไปจากใจได้ มีแต่การคิดใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้เราผ่านมันไปได้ เมื่อเรามีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอดีตที่เลวร้าย เราก็จะเติบโตขึ้น การเติบโตนี้จะทำให้เราเลิกคิดในแง่ลบกับตนเองและช่วยเราให้มองเห็นอนาคตที่สดใสมากขึ้น
  2. เมื่อเรามีแต่ผู้คนที่คิดกับเราในแง่ที่ดีอยู่รอบกาย เราก็จะเริ่มรับสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในตัว จงคบหากับคนที่คิดบวก คอยช่วยเหลือเรา และสนับสนุนสิ่งที่เราทำ
    • นอกจากนี้เราไม่ควรอยู่กับคนที่ปฏิบัติต่อเราไม่ดีหรือไม่ไว้หน้าเรา ถ้าเราต้องอยู่คนพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างาน เราจะต้องเรียนรู้วิธีสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดกับพวกเขา จะได้เป็นการแสดงให้รู้ว่าเราไม่พอใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขา
  3. เราอาจกำลังคิดอยากขอคำปรึกษาใครสักคนในที่ทำงานหรือคนรู้จักที่คิดว่าสามารถช่วยเราให้เห็นหนทางในการแก้ปัญหาได้ เมื่อปรึกษาคนเหล่านี้แล้ว เราอาจได้คำแนะนำดีๆ ที่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาบางอย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้ [17]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราขอคำปรึกษาจากรุ่นพี่ในที่ทำงาน เราอาจได้รู้ว่าเธอคนนั้นก้าวผ่านปัญหาต่างๆ แล้วกลายเป็นคนที่ทำงานเก่งได้อย่างไร การได้ฟังเรื่องราวของคนอื่นอาจทำให้เรารู้สึกเมตตาและเห็นใจตนเองบ้าง
    โฆษณา

คำเตือน

  • เราจะไม่รักตนเองในทันทีทันใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเกลียดหรือไม่ชอบตนเองมานาน ฉะนั้นพักเสียบ้าง ถ้าเราเห็นการชื่นชอบตนเองนั้นเป็นอะไรที่ลำบากยากเย็น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,584 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา