PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การดองลูกมะกอกเป็นวิธีที่ทำกันมาช้านาน ซึ่งจะทำให้ผลไม้ที่มีรสขมตามธรรมชาตินี้ เปลี่ยนกลายเป็นของขบเคี้ยวรสเค็มอมเปรี้ยวแสนอร่อย เลือกวิธีดองที่ให้ผลดีที่สุดกับชนิดของมะกอกที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรักษาด้วยน้ำ, ดองน้ำเค็ม, เก็บแห้ง และเก็บในน้ำด่าง เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาต่างกันในด้านรสชาติและรสสัมผัสอย่างเห็นได้ชัด การดองมะกอกอาจใช้เวลานานไปหน่อย แต่ถ้าคุณดองด้วยตัวเอง ก็ย่อมที่จะได้รสชาติที่คุณต้องการอย่างแน่นอน

  • เวลาในการเตรียม (ในน้ำ): 7-10 วัน
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ถนอมมะกอกในน้ำ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การถนอมมะกอกไว้ด้วยน้ำจะเป็นการค่อยๆ ช่วยลดสารโอลีโรเปอิน (Oleuropein) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มะกอกมีรสขมและฉุน จริงๆ แล้วมะกอกสีเขียวก็คือมะกอกที่ยังไม่สุกดีนั่นเอง (เหมือนกับมะเขือเทศสีเขียวก็คือมะเขือเทศที่ยังไม่สุกนั่นแหละ) และมันค่อนข้างบอบบาง ฉะนั้นแค่เก็บเอาไว้ด้วยน้ำก็พอที่จะเก็บรักษาเอาไว้ได้แล้ว
    • มะกอกสีเขียวที่ทิ้งให้อยู่ในเถาให้สุกงอม จะเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงหรือดำ เมื่อมันสุกงอมเต็มที่แล้ว การเก็บรักษาด้วยน้ำจะไม่ช่วยกำจัดรสขมออกไปได้อีกต่อไป คุณต้องลองเก็บรักษาด้วยวิธีอื่นแทน
  2. ดูให้แน่ใจว่ามันไม่ได้มีรอยช้ำ และลองหารอยที่เกิดจากแมลงหรือนก ถ้าลูกมะกอกเคยผ่านสารเคมีมาก่อน ให้ล้างมันให้สะอาดก่อนที่จะเริ่มถนอมมัน
  3. ในการปล่อยให้น้ำเข้าไปถึงเนื้อในของมะกอกได้นั้น คุณจะต้องทุบหรือกรีดมะกอกออกให้ความชุ่มชื้นเข้าไปถึงภายใน โดยจะใช้ค้อนไม้หรือไม้นวดแป้งที่คนมักจะใช้ทุบที่มะกอกเบาๆ โดยให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่บุบสลาย คุณต้องบิเนื้อออกมาเล็กน้อย แต่อย่าถึงขั้นทุบให้แหลกหรือฉีกจนขาดออกเป็นส่วนๆ และควรระวังอย่าไปทำให้เมล็ดมันเสียหายด้วยล่ะ
    • ถ้าคุณใส่ใจกับเรื่องรูปลักษณ์ของมัน ให้ใช้มีดกรีดลูกมะกอกแทน ด้วยการใช้มีดคมๆ สักเล่มกรีดบนลูกมะกอกสัก 3 รอยให้น้ำสามารถแทรกเข้าไปได้
  4. ใส่ลูกมะกอกลงไปในถังพลาสติกแล้วเทน้ำเย็นตามเข้าไป. โดยให้ใช้กล่องที่สามารถใช้ใส่อาหารได้และมีฝาปิด เมื่อเทน้ำเย็นจนท่วมลูกมะกอกทั้งหมดแล้ว ดูให้ดีว่าไม่มีลูกไหนลอยขึ้นมา หรืออาจต้องถ่วงน้ำหนักมันด้วยอะไรบางอย่างให้ลงไปติดกับพื้นด้านล่าง เพื่อไม่ให้มันลอยขึ้นมาแตะผิวน้ำ หลังจากนั้นนำฝามาปิดไว้หลวมๆ แล้วย้ายถังไปยังที่ที่เย็นและมืด
    • ขอให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้ภาชนะที่สามารถใส่อาหารได้ ซึ่งจะไม่ไปชะล้างสารเคมีลงมารวมกับน้ำที่ใช้ดอง ภาชนะที่เป็นแก้วก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ต้องห้ามให้โดนกับแสงแดด
  5. อย่างน้อยให้เปลี่ยนน้ำวันละครั้ง ด้วยน้ำเย็นใหม่ๆ ห้ามลืมที่จะเปลี่ยนน้ำเด็ดขาด เพราะแบคทีเรียอาจเจริญเติบโตในน้ำเก่าและทำให้ลูกมะกอกเสียได้ ในการเปลี่ยนน้ำนั้น เพียงแค่กรองน้ำออกจากมะกอกด้วยกระชอน ล้างถังให้สะอาด ใส่มะกอกกลับลงไปแล้วเทน้ำเย็นใส่ตามเข้าไปเช่นเคย
  6. หลังจากที่เปลี่ยนน้ำทุกวันได้ประมาณสัปดาห์หนึ่งแล้ว ให้ลองชิมลูกมะกอกเพื่อวัดระดับความขมที่คุณชอบ ถ้าคุณพอใจกับมันแล้ว ก็ถือว่าขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น แต่ถ้าอยากให้ลูกมะกอกขมกว่านี้น้อยลงหน่อย ให้รอไปอีกสักสองสามวัน (โดยต้องเปลี่ยนน้ำทุกวันเช่นเคย) ก่อนที่จะไปต่อยังขั้นตอนถัดไป [1]
  7. ซึ่งจะนำลูกมะกอกใส่ลงไปเก็บในสารละลายนี้ เป็นส่วนผสมของเกลือสำหรับหมักดอง น้ำเปล่า และน้ำส้มสายชู ที่จะทั้งถนอมมะกอกและทำให้ได้รสชาติการดองที่แสนอร่อย ในการทำน้ำหมัก ให้ผสมส่วนผสมต่อไปนี้ (พอสำหรับลูกมะกอกน้ำหนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม):
    • น้ำเย็น 1 แกลลอน (3.8 ลิตร)
    • เกลือหมักดอง 1 ½ ถ้วย
    • น้ำส้มสายชู 2 ถ้วย
  8. กรองมะกอกออกจากน้ำเปล่า แล้วนำไปใส่ในภาชนะที่จะใช้หมัก. ใช้โหลแก้วขนาดใหญ่ที่มีฝาปิด หรือภาชนะใดก็ตามที่คุณต้องการในการหมัก ให้ล้างภาชนะและทำให้แห้งก่อนที่จะใส่ลูกมะกอกลงไป เว้นให้มีที่ว่างสักประมาณนิ้วหนึ่งระหว่างลูกมะกอกกับส่วนบนสุดของภาชนะนั้นๆ
  9. เทน้ำหมักลงในภาชนะให้ท่วมลูกมะกอก แล้วปิดฝาภาชนะ ก่อนที่จะเก็บเอาไว้ในตู้เย็น
    • คุณอาจใส่เปลือกมะนาว, กิ่งโรสแมรี่, กระเทียมย่าง หรือพริกไทยดำลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติที่คุณชอบให้น้ำหมักก็ได้นะ
    • สามารถเก็บมะกอกไว้ในน้ำหมักดองได้ถึงหนึ่งปีในตู้เย็น [2]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ดองมะกอกในน้ำเค็ม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่าจะเป็นลูกมะกอกสีเขียวหรือดำก็ต่างนำมาดองในน้ำเค็มได้ ส่วนผสมระหว่างเกลือและน้ำจะช่วยถนอมมะกอกและให้รสชาติเค็มๆ กับมัน วิธีนี้จะใช้เวลานานกว่าการเก็บรักษาด้วยน้ำ แต่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บลูกมะกอกที่สุกแล้ว มะกอกสายพันธุ์สเปน Manzanillo, พันธุ์ Mission และสายพันธุ์กรีก Kalamata มักนำมามาดองด้วยน้ำเค็มกันทั้งนั้น
    • คอยดูลูกมะกอกให้ไร้รอยช้ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดูร่องรอยจากแมลงและนก ถ้ามะกอกเคยผ่านสารเคมีมาก่อน ก็ให้ล้างให้สะอาดก่อนที่จะเริ่มนำไปดอง
    • คุณอาจอยากแบ่งมะกอกตามขนาดของมันก็ได้ มะกอกชุดหนึ่งจะดองได้ทั่วถึงกันมากกว่าถ้ามีขนาดใกล้เคียงกัน
  2. ในการดองด้วยน้ำเค็ม จะต้องทำให้น้ำเข้าไปในลูกมะกอกด้วย จึงต้องหั่นในแนวตั้งด้วยมีดคมๆ โดยอย่าหั่นเมล็ดมันเด็ดขาด
  3. ต้องใช้ภาชนะที่ลมไม่สามารถเข้าถึงได้ ฉะนั้นโหลแก้วเป็นภาชนะที่เหมาะสมที่สุด ให้ใส่มะกอกลงไปในโหล โดยให้เว้นที่ว่างระหว่างมะกอกกับส่วนบนสุดของภาชนะประมาณหนึ่งนิ้ว
  4. ผสมเกลือสำหรับการหมักดอง ¾ ถ้วยกับน้ำเปล่าอีกหนึ่งแกลลอน แล้วเทลงในโหลให้ท่วมมะกอก ปิดฝาให้แน่นแล้วเก็บไว้ในที่เย็น มืด อย่างตู้เก็บข้าวหรือห้องใต้ดิน
  5. ระหว่างช่วงที่กำลังดองมะกอกอยู่ อย่าเพิ่งไปยุ่งกับโหลดอง เพื่อปล่อยให้เกลือและน้ำซึมเข้าไปในเนื้อมะกอก
  6. หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ให้กรองมะกอกออกจากน้ำเค็มระดับกลางที่ตอนนี้จะมีรสชาติขมเสียยิ่งกว่าขม จากนั้นให้เก็บมะกอกไว้ในโหลแก้วใบเดิม
  7. ผสมเกลือสำหรับหมักดอง 1 ½ ถ้วยเข้ากับน้ำหนึ่งแกลลอน เทน้ำเค็มระดับเข้มข้นให้ท่วมมะกอก แล้วปิดฝาอีกครั้ง
  8. เก็บเอาไว้ในที่เย็นและแดดส่องไม่ถึง เมื่อหมดเวลาสองเดือนแล้ว ให้ชิมรสชาติของมะกอกแล้วตัดสินใจว่าชอบระดับความขมนี้แล้วหรือยัง ถ้ายัง ให้เปลี่ยนน้ำอีกครั้งแล้วดองมะกอกต่อสักเดือนสองเดือน ขั้นตอนนี้สามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ จนกว่าคุณจะรู้สึกพอใจกับรสชาติของมัน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เก็บมะกอกแห้ง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. มะกอกสีดำ ที่เต็มไปด้วยน้ำมัน สามารถนำมาเก็บแบบแห้งโดยใช้เกลือได้ ทั้งสายพันธุ์ Manzanillo, Mission และ Kalamata ก็นิยมนำมาเก็บรักษาในลักษณะนี้ ตรวจสอบให้ดีกว่ามะกอกที่มีนั้นสุกและมีสีเข้มแล้วจริงๆ พยายามให้ไม่มีรอยช้ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และคอยดูร่องรอยที่เกิดจากแมลงหรือนก [3]
  2. ถ้ามะกอกเคยผ่านสารเคมีมาก่อน ให้ล้างให้สะอาดก่อนที่จะเริ่มกระบวนการนี้ จากนั้นตากให้แห้งสนิท
  3. ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักที่ใช้ในครัวเพื่อชั่งให้รู้ว่ามันน้ำหนักเท่าไรกันแน่ คุณต้องใช้เกลือสำหรับหมัก 1 ½ ถ้วย ต่อมะกอก 1 กิโลกรัม
  4. คุณอาจใช้ลังใส่ผลไม้ที่สูงสัก 6 นิ้ว ที่มีแนวแผ่นไม้ 2 แผ่นอยู่ที่แต่ละด้านก็ได้ จากนั้นใช้ผ้าใบปูที่ลังไม้ รวมถึงด้านข้างของลังด้วย แล้วเย็บแม็กหรือตอกตะปูส่วนข้างบนให้ผ้าใบติดกับลังไม้ จากนั้นให้เตรียมลังไม้อีกลังที่เหมือนกับลังแรก
    • อีกทางเลือกหนึ่ง คุณจะปูลังไม้ด้วยผ้าขาวบาง ผ้าเก่าๆ หรือผ้าเช็ดปากก็ได้ ตราบใดที่มันยังเป็นผ้าที่จะช่วยคงเกลือเอาไว้โดยซึมซับน้ำที่จะหยดลงไปในลังได้ด้วย
  5. ผสมเกลือสำหรับหมักดองหรือเกลือโคเชอร์ 1 ½ ถ้วยต่อมะกอก 1 กิโลกรัมในชามใบใหญ่ ผสมให้เข้ากันดีเพื่อให้เกลือติดกับมะกอกทุกลูก
    • ห้ามใช้เกลือบริโภคที่เสริมไอโอดีนเด็ดขาด มันจะส่งผลกับรสชาติของมะกอก โดยคุณต้องใช้เกลือสำหรับหมักหรือเกลือโคเชอร์เท่านั้น
    • ห้ามตักเกลือออกเด็ดขาด เพราะมันจะช่วยไม่ให้ราเจริญเติบโตขึ้น
  6. ใส่ทั้งมะกอกและเกลือลงไปในลังเดียวกัน จากนั้นใช้เกลือหมักปกคลุมข้างบนอีก และใช้ผ้าขาวบางคลุมลังเอาไว้เพื่อกันไม่ให้แมลงลงไปในส่วนผสม
  7. คุณอาจอยากกางผ้าใบออก เพราะน้ำที่ออกมาจากมะกอกเริ่มซึมออกมาที่ผิวหน้าของผ้า แทนที่จะวางลังไว้บนพื้นตรงๆ ให้นำขึ้นไปวางบนที่วางของเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศจะดีกว่า [4]
  8. เทของที่อยู่ในลังแรกไปใส่ในลังที่สอง แล้วทำความสะอาดลังแรกให้สะอาด เขย่าลังเพื่อผสมมะกอก จากนั้นเทกลับไปยังลังเดิม เพื่อให้แน่ใจว่าลูกมะกอกทุกลูกถูกปกคลุมด้วยเกลือ และจะได้เห็นมะกอกที่ได้รับความเสียหายหรือเน่าไปแล้วได้ด้วย โดยให้นำมันออก ไม่ดีหรอกนะที่จะเก็บมันไว้กินทีหลังน่ะ
    • มะกอกที่มีหย่อมวงๆ สีขาวติดอยู่ (อาจเป็นเชื้อรา) ก็ต้องนำออกเช่นกัน โดยเชื้อรามักเกิดขึ้นที่ปลายลำต้นของมะกอก
    • ตรวจสอบลูกมะกอกให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่ามันถูกหมักดองอย่างทั่วถึง ถ้ามะกอกมีจุดที่เหี่ยวและจุดที่อวบ คุณอาจต้องทำให้มันเปียกเล็กน้อย ก่อนที่จะใส่กลับเข้าไปเก็บในเกลือ ซึ่งจะทำให้ส่วนที่ยังอวบอ้วนอยู่เริ่มเหี่ยวลง
  9. ทำซ้ำๆ หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ จนกว่าจะครบหนึ่งเดือน. หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งเดือน ให้ชิมรสชาติของมะกอกและตัดสินใจว่าชอบรสชาตินี้หรือไม่ ถ้ามันยังขมไปนิดหน่อย ให้ดองแห้งแบบนี้ไปอีกสักสองสามอาทิตย์ มะกอกนั้นควรใช้เวลาดองแห้งประมาณหนึ่งเดือนถึงหกสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับขนาดของลูกมะกอก เมื่อดองแห้งเสร็จแล้ว มะกอกจะมีลักษณะที่เหี่ยวและนุ่ม
  10. ได้ทั้งรินน้ำออกจากเกลือด้วยการเทมะกอกลงไปในม่านตาถี่ หรือหยิบลูกมะกอกออกจากน้ำเกลือแล้วสะบัดน้ำออกทีละลูก
  11. เรียงให้มะกอกกระจายอยู่บนกระดาษทิชชู่หรือผ้าเช็ดปากเพื่อให้แห้งสนิท
  12. ผสมมะกอก 1 กิโลกรัมต่อเกลือ 10 กิโลกรัมเพื่อถนอมมะกอกไว้ จากนั้นให้เทลงไปในโหลแก้วแล้วปิดฝาให้สนิท แล้วเก็บเอาไว้ในตู้เย็นอีกหลายๆ เดือนหรือนานกว่านั้น
    • คุณสามารถผสมมะกอกเข้ากับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์และเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติได้เช่นกัน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ดองมะกอกในน้ำด่าง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำด่างเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังไหม้ได้ ให้สวมถุงมือป้องกันสารเคมี และแว่นตานิรภัยเมื่อใดก็ตามที่คุณใช้น้ำด่าง และห้ามใช้ถังใส่มะกอกที่ทำจากพลาสติก หรืออะไรก็ตามที่ทำจากโลหะเด็ดขาด (แม้กระทั่งฝาก็ตาม เพราะน้ำด่างสามารถชะล้างละลายโลหะได้) [5]
    • ห้ามใช้วิธีดองด้วยน้ำด่าง หากต้องเก็บมะกอกหรือสารละลายนี้ไว้ใกล้มือเด็ก
    • ให้ทำกระบวนการนี้ในห้องที่มีการระบายอากาศ เปิดหน้าต่างและพัดลมเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศด้วย
  2. วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดองมะกอกที่มีขนาดใหญ่ เช่น สายพันธุ์ Seville จากสเปน โดยสามารถใช้ได้ทั้งมะกอกดิบและสุก โดยให้คัดมะกอกที่ได้รับความเสียหายหรือลูกที่ช้ำออก และแบ่งลูกมะกอกตามขนาดหากต้องการ
  3. ห้ามใช้ภาชนะที่ทำจากโลหะเด็ดขาด ภาชนะที่เป็นแก้วหรือเซรามิคจะเหมาะที่สุด
  4. เทน้ำ 1 แกลลอนลงไปในภาชนะที่ทนทานต่อด่าง แล้วผสมด่างลงไปประมาณ 28 กรัม จากนั้นสารละลายจะร้อนขึ้นทันที ให้รอให้มันเย็นลงจนเหลืออุณหภูมิสัก 18 ถึง 21 องศาเซลเซียสก่อน แล้วค่อยใส่มะกอกตามลงไป
    • ให้ใส่ด่างลงไปในน้ำเสมอ ห้ามใส่น้ำลงไปในด่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดระเบิดได้
    • ใช้ที่ตวงที่แม่นยำ การใส่ด่างมากเกิดไปจะเป็นอันตรายต่อมะกอกได้ แต่ถ้าใส่น้อยเกินไปก็จะไม่ถือว่าเป็นการดองอย่างถูกต้อง
  5. ให้เทน้ำด่างจนท่วมลูกมะกอก แล้วถ่วงมะกอกให้ลงไปด้านล่าง เพื่อไม่ให้มันลอยขึ้นมาสัมผัสกับอากาศ ที่จะทำให้สีของมะกอกคล้ำขึ้น จากนั้นให้ปกคลุมภาชนะด้วยผ้าขาวบาง
  6. คนส่วนผสมทุกๆ สองชั่วโมงจนกว่าน้ำด่างจะซึมเข้าไปถึงเมล็ด. ในแปดชั่วโมงแรก ให้คนส่วนผสมและปิดผ้ากลับเมื่อคนเสร็จแล้ว แต่พอหลังจากผ่านไปแปดชั่วโมงแล้ว ให้เริ่มตรวจสอบว่าน้ำด่างได้ซึมเข้าไปถึงเมล็ดของมะกอกแล้วหรือยัง สวมถุงมือป้องกันสารเคมี แล้วหยิบมะกอกลูกที่ใหญ่ที่สุดออกมาสักสองสามลูก ถ้ามันสามารถหั่นเมล็ดออกได้อย่างง่ายดาย และมีเนื้อนุ่มสีเขียวอมเหลือง แปลว่ามะกอกนั้นพร้อมแล้ว แต่ถ้าเนื้อตรงกลางยังเป็นสีซีด ให้ใส่กลับลงไปในน้ำด่างแล้วค่อยมาตรวจดูใหม่อีกสองสามชั่วโมงข้างหน้า
    • ห้ามใช้มือเปล่าจับมะกอกเด็ดขาด ถ้าคุณไม่มีถุงมือกันสารเคมี ให้ใช้ช้อนตักมะกอกขึ้นมา แล้วเปิดให้น้ำเย็นไหลผ่านอีกหลายนาทีก่อนที่จะลองตรวจสอบมะกอกดู
  7. ถ้ามะกอกดิบจัด บางทีน้ำด่างอาจไม่สามารถซึมเข้าไปถึงเมล็ดได้แม้หลังผ่านไป 12 ชั่วโมงแล้ว หากเกิดกรณีนี้ขึ้น ให้กรองมะกอกออก แล้วดองในน้ำด่างที่ผสมขึ้นใหม่ หลังจากผ่านไปอีก 12 ชั่วโมง ให้ทำแบบนี้อีกจนกว่าน้ำด่างจะซึมเข้าไปถึงเมล็ดมัน
  8. เปลี่ยนน้ำอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน ขั้นตอนนี้จะช่วยล้างมะกอก และทำให้น้ำด่างค่อยๆ ซึมกลับออกไป ทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนน้ำ สีมันจะดูอ่อนลงทุกครั้ง
  9. ถ้ามันมีรสหวานและเต็มไปด้วยไขมัน โดยไม่มีรสขมหรือรสคล้ายสบู่ ให้ไปยังขั้นตอนต่อไปได้เลย แต่ถ้าหากมันยังมีรสชาติของด่างอยู่ ให้แช่น้ำเปล่าและล้างออกต่อไปจนกว่ามะกอกจะมีรสชาติที่อ่อนลง และน้ำที่ใช้ล้างจะดูสะอาดใส
  10. ใส่มะกอกลงในภาชนะที่ทำจากแก้ว จากนั้นผสมเกลือสำหรับหมัก 6 ช้อนโต๊ะกับน้ำเปล่า 1 แกลลอนแล้วเทให้ท่วมมะกอก ปล่อยดองไว้ประมาณสัปดาห์หนึ่ง มันจะสามารถรับประทานได้แล้วล่ะ ให้เก็บมะกอกเอาไว้ในตู้เย็นพร้อมน้ำดองเค็มอีกประมาณสองสามสัปดาห์
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มะกอกที่เหี่ยวแห้งจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาอวบอ้วนได้อีก หากหมักไว้ในน้ำมันมะกอกอีกสักสองสามวัน
  • ผิวหนังไหม้ที่เกิดจากด่างสามารถรักษาได้ โดยการเปิดน้ำก๊อกให้ไหลผ่านสัก 15 นาที จากนั้นให้ไปพบแพทย์ ห้ามลองถอนพิษมันด้วยน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูเด็ดขาด การผสมกรดลงไปในเบสจะทำให้เกิดอันตรายได้
  • สำหรับการดองเค็ม ส่วนผสมของน้ำเค็มจะถูกต้องสมบูรณ์ เมื่อคุณวางไข่ดิบทั้งเปลือกลงไปแล้วมันลอยขึ้นมาได้
  • ใช้ด่างที่สามารถใช้กับอาหารในการดองมะกอกด้วยน้ำด่างเท่านั้น ห้ามใช้ด่างที่ใช้ลอกท่อ หรือที่ใช้ทำความสะอาดเตาอบมาดองมะกอกเด็ดขาด
  • น้ำเค็มสามารถทำจากน้ำร้อนผสมเกลือแล้วทำให้เย็นลงก่อนเทลงใส่มะกอกได้เช่นกัน
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามชิมรสชาติของมะกอกในขณะที่มันยังแช่อยู่ในน้ำด่าง ให้รอจนกว่าจะแช่น้ำเปล่าไปอีก 3 วันก่อนที่จะลองชิมดู
  • อาจเกิดฝ้าบนพื้นผิวของน้ำเค็มได้ มันไม่ได้อันตรายอะไร ตราบใดที่มะกอกยังจมอยู่ใต้น้ำ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ควรกำจัดออกด้วย
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ถุงมือป้องกันสารเคมี
  • แว่นตานิรภัย
  • ลังไม้ 2 ลัง
  • ผ้าใบไร้รอยขาด, ผ้าขาวบาง, ผ้า หรือผ้าเช็ดปาก


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,743 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา