ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าอยากทำความสะอาดร่างกายแบบล้ำลึกต้องทำยังไง? เคยสังเกตไหมว่ามีหนังสือสอนจัดบ้าน ทำความสะอาดบ้าน และอื่นๆ เต็มไปหมด แต่ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงเรื่องร่างกายเราเลย วันนี้คุณมาถูกที่แล้ว เพราะบทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการชำระล้างร่างกายในแบบที่ถูกต้องให้คุณเอง รวมไปถึงวิธีเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่จะชะล้างสิ่งสกปรกทั้งหลาย และป้องกันไม่ให้กลับมาเยือน สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็คือการทำความสะอาดร่างกายจากภายในนั่นเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

อาบน้ำยังไงให้ถูกวิธี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะชำระล้างร่างกายแบบล้ำลึก เราต้องเข้าใจก่อนว่ากำลังจะทำอะไร ที่ขายๆ กันอยู่มีตัวทำละลาย สบู่ สารทำความสะอาด สครับ และอื่นๆ อีกสารพัด แต่ถ้ามาคิดให้ดี จุดประสงค์ก็คือเพื่อทำความสะอาดนั่นแหละ เพราะงั้นเราจะมาแนะนำกันว่า 3 อย่างที่ต้องทำความสะอาดตอนอาบน้ำคืออะไร โดยแต่ละส่วนก็ต้องใช้วิธีแตกต่างกันไป
    • ขั้นแรกคือ คราบและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดตัวมาทั้งวัน กระทั่งคนที่นั่งในห้องสะอาดๆ ก็ยังมีสิ่งสกปรกให้ต้องชำระล้าง
    • ขั้นที่สองคือ เซลล์ผิวที่ตายแล้ว พวกนี้จะคอยหลุดลอกออกมาจากผิวของเรา
    • สุดท้ายคือ น้ำมันจากผิวหนัง อันนี้อยู่ใต้ผิวหนังด้วย ไม่ใช่แค่ด้านบน
  2. คราบและเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดอยู่ตามผิวหนังของเรา มักติดแน่นทนนานด้วย 2 สาเหตุด้วยกัน คือสิ่งสกปรกหรือฝุ่นผงมักยึดเกาะกันได้ดี แถมพอมาผสมกับน้ำมันตามธรรมชาติจากผิวก็ยิ่งติดแน่น ปกติน้ำมันจากผิวจะเป็นสารคัดหลั่งที่ช่วยปกป้องร่างกายเราจากสิ่งต่างๆ รอบตัว เพราะแบบนี้ สุดท้ายฝุ่นผงผสมน้ำมันเลยกลายเป็นคราบเหนียวเหนอะหนะนั่นเอง
    • สารคัดหลั่งจากร่างกายคนเรามี 2 ประเภท คือน้ำมันกับน้ำ (เหงื่อ) สองอย่างที่ว่ารวมกับฝุ่นผงและสิ่งสกปรกต่างๆ จะชำระล้างได้ง่ายถ้าใช้สารที่ทำให้น้ำมันแตกตัว ละลายน้ำง่าย ทำความสะอาดง่าย เพราะงั้นสบู่นี่แหละเหมาะที่สุด
    • ไม่สำคัญว่าเป็นสบู่กลิ่นไหน แบบก้อน เจล หรือครีม หรือสีอะไร และอื่นๆ แต่เป้าหมายคือต้องทำให้น้ำมันแตกตัว และชะล้างจากร่างกายได้ง่าย แต่การอาบน้ำไม่ใช่แค่นี้ เราจะอธิบายต่อไปว่าทำไม อ่านต่อเลย!
  3. อย่าอาบน้ำบ่อยเกินไป ให้อาบปกติ และอาบให้สะอาด. จริงๆ แล้วเราควรอาบน้ำบ่อยแค่ไหน? ถ้าเมืองร้อนแบบบ้านเรา อาบวันละ 2 ครั้งก็ถือว่าผ่าน แต่ถ้าใครอยู่แต่ในห้องแอร์จนหนาวสั่น แค่วันละครั้งก็เพียงพอ ฝรั่งเองเขาก็เคยวิจัยกันมาว่ามีคนแค่ 60% ที่อาบน้ำทุกวัน แถมมีหลักฐานว่าถ้าอาบน้ำไม่บ่อยเกินไป จะช่วยให้ร่างกายได้กลไกทำความสะอาดตัวเองคืนมา [1] ยิ่งร่างกายทำความสะอาดตัวเองได้ดีแค่ไหน ก็ยิ่งสุขภาพแข็งแรง มีสุขอนามัยที่ดีทั้งนอกและใน
    • ถ้าใครสระผมถี่เกินไป จัดเต็มแชมพู ระวังน้ำมันตามธรรมชาติจะถูกชะออกไปด้วย ทีนี้ร่างกายเลยยิ่งเร่งผลิตน้ำมันออกมาจนเกินพิกัดเพื่อชดเชย ถ้าเว้นว่างจากการอาบน้ำหรือสระผมบ้าง จะพบว่าผิวกลับเหนียว มันเยิ้ม หรือมีกลิ่นตุๆ น้อยลง
    • แต่บางคนก็ต้องอาบน้ำบ่อยกว่าคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกเยอะ ออกตลอด หรือผิวมันเป็นพิเศษ แบบนี้ก็ต้องอาบน้ำ 2 ครั้งต่อวันตามปกติ (หรือทุกครั้งหลังเหงื่อโทรม) ซึ่งก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม โดยเฉพาะต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว อย่าลืมว่าร่างกายคนเราไม่มีเหมือนกัน
  4. แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าต้องใช้แบบไหน? เวลาเลือกสบู่ มี 3 อย่างที่ต้องมองหา คือสบู่ที่ดีต้องขจัดสิ่งสกปรก ทำให้น้ำมันและคราบต่างๆ แตกตัวละลายหายไป สุดท้ายคือล้างออกง่าย ไม่ทิ้งคราบหรือชั้นฟิล์มเคลือบตัว สบู่ต่างๆ มากมายหลายแบบก็มักมีคุณสมบัติที่ว่า ตั้งแต่สบู่ยอดนิยม เห็นกันถี่ๆ ตามโฆษณาและร้านค้า ไปจนถึงสบู่ออร์แกนิกแบบทำมือ
    • สบู่ต่างชนิดก็ทิ้งคราบมากน้อยต่างกันไป วิธีทดสอบง่ายๆ คือหากระจกใส แก้วน้ำ แก้วไวน์ จาน ชาม หรืออื่นๆ ที่ใสปิ๊งมา แล้วลองเอาคราบมันที่เย็นแล้วมาป้ายจุดเล็กๆ (จะเบคอน ไขมัน น้ำมัน ก็ตามสบาย) จากนั้นล้างด้วยน้ำเย็น แล้วลองใช้สบู่ก้อนหรือสบู่เหลวมาถูคราบออกแค่บางส่วน ปิดท้ายด้วยการล้างน้ำให้สะอาดแบบไม่ต้องขัดถูหรือเช็ดให้แห้ง ผึ่งลมไว้เฉยๆ เลย เสร็จแล้วลองเอาแก้วส่องดู เปรียบเทียบคราบไขมันที่หลงเหลือกับบริเวณที่ใช้สบู่ล้างคราบออกไปแล้ว ถ้าสบู่คุณภาพต่ำจะยังทิ้งคราบขุ่นๆ ไว้ แต่ถ้าสบู่คุณภาพดี แก้วจะใสปิ๊งเหมือนเดิม ถ้าสบู่ล้างแก้วยังเหลือคราบ เอาไปฟอกตัวก็ต้องทิ้งคราบไว้เหมือนกัน
    • สบู่กับแชมพูยาเหมาะกับคนที่ผิวแห้ง แตก ลอก แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องนี้ก็เลือกสบู่ออร์แกนิกหรือสูตรธรรมชาติแทน เท่านี้ก็ปลอดภัยกับสภาพผิว
  5. ผิวที่ตายแล้วนี่แหละที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถึงสบู่ต่างๆ จะชอบโฆษณาว่ามีสารต้านแบคทีเรีย ช่วยขจัดกลิ่น แต่บอกเลยว่าแค่รักษาความสะอาดให้ดีๆ ก็ได้ผลแล้ว ลองนึกย้อนไปสมัยเรียนพละหรือเล่นกีฬามหาวิทยาลัยดู ของคู่กันกับทีมกีฬามักเป็นกลิ่นอันประทับใจไม่รู้ลืมของห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า กลิ่นที่ว่าก็มาจากเศษผิวหนังและน้ำมันจากร่างกายที่ติดตามเสื้อผ้า หมักหมมเน่าเสียอยู่ในล็อคเกอร์ไง บรรยากาศอับชื้นกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วนี่แหละ แหล่งเพาะแบคทีเรียชั้นดีเลย
    • ลองผลัดผิวด้วยสครับหรือใยบวบ ปกติผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดผิวจะมีส่วนผสมของเปลือกวอลนัท น้ำตาล หรือวัตถุดิบเป็นเม็ดสากๆ หยาบๆ เอาไว้ขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากร่างกาย มีทั้งแบบโฟมอาบน้ำและสบู่ก้อนธรรมดา ส่วนใยบวบก็มีสัมผัสหยาบนิดๆ ใช้ขัดตัวเพื่อผลัดเซลล์ผิวควบคู่กันไปกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด แต่พอใช้ๆ ไป แบคทีเรียก็ตกค้างตามเส้นใยได้ เพราะงั้นต้องล้างให้สะอาดหลังใช้งาน และหมั่นเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ
    • หรือลอง ทำสครับขัดผิวหน้าง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ก็ใช้ น้ำตาลขัดผิว ซะเลย มีหลายสูตรให้เลือกผสมและใช้งาน แต่สูตรดั้งเดิมแสนง่ายก็คือผสมน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมันมะกอกและน้ำผึ้งพอประมาณ ให้ออกมาข้นพอๆ กับยาสีฟัน
  6. ถ้าอยากชำระล้างร่างกายแบบล้ำลึก ควรอาบหรือแช่น้ำร้อน (อุ่นจัด) เพราะถ้าอาบหรือแช่น้ำเย็นจะล้างไม่ถึงน้ำมันใต้ผิว ต้องใช้อุณหภูมิสูงๆ ให้รูขุมขนเปิดแล้วขับน้ำมัน ชะสิ่งสกปรกออกมา แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตในรูขุมขนได้ ส่วนน้ำมันที่สะสมก็ก่อให้เกิดสิว หรืออาจรุนแรงขนาดเป็นโรคที่ทำลายเนื้อเยื่อจนถึงแก่ชีวิตได้ เพราะงั้นต้องอาบน้ำที่ร้อนพอจะเปิดรูขุมขนได้ การออกกำลังกายก็ช่วยได้เหมือนกัน เพราะส่งผลต่อทั้งต่อมเหงื่อและรูขุมขน แต่จะใช้แค่ความร้อนก็ได้ผลดี จะแช่น้ำให้สบายตัวหรือแค่อาบน้ำฝักบัวก็ไม่ว่ากัน ขอแค่ทำให้เหงื่อออกและรูขุมขนเปิด จะได้ชะล้างสิ่งสกปรก
    • แต่ก็อย่าถึงขั้นอาบน้ำ ร้อนลวก โดยเฉพาะถ้าเป็นคนผิวแห้งอยู่แล้ว แล้วอุณหภูมิที่เหมาะสมคือเท่าไหร่? บอกเลยว่าค่อนข้างต่ำกว่าที่คุณคิด [2] ถ้าน้ำอาบร้อนเกินไป หรือก็คือเกิน 49 องศาเซลเซียส ผิวจะแห้งจนผิวอาจมีปัญหาระยะยาว จริงอยู่ว่าให้อาบน้ำร้อนพอทน อย่าถึงขั้นร้อนลวก แต่ถ้าน้ำอุณหภูมิเท่ากับร่างกายของคุณก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ได้ทำให้รูขุมขนขยาย ท่องไว้ว่าอย่าถึงขั้นลวก แต่ก็ต้องร้อนแบบ รู้สึกว่าร้อน และทำให้เหงื่อออกเพื่อชำระล้างรูขุมขน
    • อาบน้ำร้อนเสร็จให้เปิดน้ำเย็นถึงเย็นเจี๊ยบ ราดตัวสัก 1 - 2 นาที แบบนี้ผิวและรูขุมขนจะกระชับ ไม่เปิดรับฝุ่นผงสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อุตส่าห์ชำระล้างออกไป
  7. ให้ใช้ผ้าหรือฟองน้ำหยาบๆ ขัดผิว เพื่อกำจัดเซลล์ผิวเก่าและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พยายามขัดซ้ำ 2 รอบ รอบแรกตอนอาบน้ำฟอกสบู่ รอบที่ 2 คือตอนล้างตัวขั้นสุดท้าย เน้นตรงรักแร้ หลังใบหู ใต้คางและสันกราม ไปจนถึงข้อพับเข่าและซอกนิ้วเท้า พวกนี้แหละจุดอับที่แบคทีเรียมักเจริญเติบโตจนเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพราะเหงื่อออกแล้วถูกกักหมักหมมในชั้นผิวหนัง เป็นจุดที่ต้องทำความสะอาดดีๆ เวลาอาบน้ำ
    • ฟอกก้นกับขาหนีบให้สะอาดแล้วล้างออกให้หมดจด เพราะสบู่ตกค้างอาจทำให้ระคายเคืองได้
    • เวลาเช็ดตัวต้องแห้งสนิทจนไม่เหลือน้ำหรือเหงื่อจากการอาบน้ำร้อน แล้วค่อยสวมเสื้อผ้า ถ้าชำระล้างร่างกายสะอาดหมดจด ความชื้นจากตัวเราที่เสื้อผ้าดูดซับไปจะแห้งแบบไม่ทิ้งหรือแทบไม่ทิ้งกลิ่นไว้ ปกติคนเราจะผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเพิ่งชำระล้างร่างกายแบบหมดจดมา ก็จะไม่ค่อยติดตามเสื้อผ้าจนหมักหมมเกิดกลิ่น
  8. บางคนชอบดีท็อกซ์ด้วยไอน้ำ เลยชอบอาบน้ำร้อนไปด้วยโดยปริยาย ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีในการเปิดรูขุมขน ให้เหงื่อไหลชำระล้างสิ่งสกปรก แต่ก็ต้องถือเป็นคนละขั้นตอนกัน อย่าไปรวมกับการอาบน้ำ
    • เริ่มขั้นตอนการชำระล้างร่างกายจากการอบไอน้ำหน้า โดยใช้ผ้าร้อนที่หยดน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์หรือทีทรีออยล์ 1 - 2 หยด เป็นวิธีเปิดรูขุมขนและขับพิษในผิวหนังอย่างเห็นผล แถมไม่ทำให้ผิวเสียตอนอาบน้ำ
  9. เริ่มจากราดน้ำให้ผมชุ่มโชก แล้วบีบแชมพูขนาดประมาณเหรียญ 5 ลงในฝ่ามือ จากนั้นเอาไปขยี้ผมให้ขึ้นฟอง นวดหนังหัวประมาณ 1 - 2 นาที อย่าลืมสระตีนผมหลังหูด้วย เพราะน้ำมันจะเยอะเป็นพิเศษ รวมถึงที่ท้ายทอย ยาวไปจนถึงปลายผม
    • ล้างน้ำให้สะอาดจนผมไม่เหลือแชมพู เอามือสางผมไปด้วย ถ้าผมยังลื่นๆ แสดงว่าแชมพูค้างอยู่ ถ้าปล่อยไว้ ใน 24 ชั่วโมงผมจะมันเยิ้ม เสร็จแล้วทำตามขั้นตอนซ้ำ คราวนี้ใช้ครีมนวดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม แล้วล้างออกให้สะอาด
  10. อาบน้ำเสร็จต้องเช็ดตัวด้วยผ้าสะอาดจนแห้งสนิทด้วย ถ้าปล่อยให้ชื้นแฉะ ระวังผิวบริเวณนั้นจะระคายเคืองหรือถลอก ต้องเช็ดตัวให้เร็วที่สุดหลังอาบน้ำ ลองอ่านเคล็ดลับข้อที่ 5 ดู
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

รักษาความสะอาดให้สุขภาพแข็งแรง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความสะอาดแต่ตัว ลืมผ้าเช็ดตัวไปหรือเปล่า? คุณใช้ผ้าเช็ดตัวซ้ำกี่ครั้งก่อนจะเริ่มส่งกลิ่นตุๆ? บอกเลยว่ากว่าจะถึงตอนนั้น เซลล์ผิวที่ตายแล้วกับน้ำมันในผิวก็สะสมหมักหมมเต็มไปหมด จะดีกว่าถ้าก่อนอาบน้ำรู้จักขัดตัวด้วยใยบวบ ฟองน้ำหยาบๆ หน่อย ผ้าขนหนู แปรงขัดตัว และอื่นๆ เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าและเซลล์ผิวที่ตายแล้วกับน้ำมันผิวให้ได้มากที่สุด ก่อน เช็ดตัว
    • เพื่อความสะอาดของร่างกาย ต้องหมั่นซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ จากนั้นตากหรืออบแห้งในเครื่อง แล้วเก็บให้เป็นที่เป็นทาง ถ้าอาบน้ำไม่ละเอียด ต้องซักผ้าเช็ดตัวหลังใช้ไปได้ 2 - 3 ครั้ง ลองอ่านเคล็ดลับข้อที่ 3 ดู
    • ห้ามกองผ้าเช็ดตัวเปียกเรี่ยราดบนพื้นห้องน้ำ ไม่งั้นราจะขึ้น แถมสกปรกอย่าบอกใคร ใช้แล้วต้องรีบตากให้แห้งสนิท
  2. ใช้ผงแร่ธาตุระงับกลิ่นกาย (mineral deodorant) แทนโรลออนหรือสเปรย์. เกลือหินออร์แกนิกที่เป็นผงระงับกลิ่นกาย จะขจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังช่วยชำระล้างต่อมน้ำเหลืองด้วย ตอนเริ่มใช้ผงแร่ระงับกลิ่นกายครั้งแรก ตัวคุณอาจจะมีกลิ่นฉุนสัก 1 - 2 อาทิตย์ แต่อย่าเพิ่งเลิกใช้ เพราะนั่นคือการดีท็อกซ์แบคทีเรียทั้งหมดที่สะสมตอนใช้โรลออนหรือสเปรย์
    • ถ้าอยากระงับกลิ่นระหว่างร่างกายขับสารพิษ ก็ต้องใช้น้ำมันหอมระเหยแบบใช้ในการบำบัดรักษา (เช่น Young Living หรือ Doterra) เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์ กุหลาบ เลมอน หรือ purification blend ทาที่รักแร้โดยตรง จะช่วยได้
    • อย่าใช้สารระงับเหงื่อ (antiperspirant) ถึงโฆษณาจะล้างสมองไปแล้วว่ามีเหงื่อแล้วสกปรก น่ารังเกียจ แต่ถ้าไปใช้สารพวกนี้ เหงื่อจะไม่ออกรักแร้ ทำให้ต่อมน้ำเหลืองอุดตัน ปกติร่างกายคนเราจะมีต่อมน้ำเหลืองทั่วทั้งตัว ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยขับพิษ และขจัดกลิ่นกาย
  3. ทุกครั้งหลังอาบน้ำหรือแช่น้ำ ต้องใช้ครีมหรือมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวให้แข็งแรง ถึงจะเป็นคนผิวมัน ก็ยังต้องใช้ครีมบำรุงเป็นประจำ ผิวจะได้ชุ่มชื้น ไม่ขาดน้ำ ปกติมอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไปที่ขายกันจะมีส่วนผสมของไขมันตามธรรมชาติ (lipid) และสารอื่นๆ ที่ปกติร่างกายผลิต พยายามเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นสูตรน้ำเข้าไว้
    • เน้นหนักจุดที่แห้งแตกเป็นพิเศษ เช่น ส้นเท้า ข้อศอก และเข่า โดยทาครีมบำรุงทุกคืนก่อนนอนอย่าให้ขาด จะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น แข็งแรงสุขภาพดี
  4. ใช้มาสก์แบบแผ่นหรือแบบทา . คุณใช้แผ่นมาสก์หน้าหรือมาสก์หน้าแบบทาได้ตลอดอาทิตย์ เพื่อชำระล้างและกระชับผิวหน้า มีสูตรธรรมชาติหลายสูตรเลยที่ใช้มาสก์หน้าได้ปลอดภัยและเห็นผล เช่น
    • มาสก์หน้าด้วยน้ำผึ้ง เลมอน นม แป้งถั่วลูกไก่ (besan flour) ชาเขียว และผลไม้สดอย่างมะละกอ มะม่วง ส้ม และมะนาวหวาน
    • หรือซื้อแผ่นมาสก์หน้าหรือส่วนผสมสำเร็จที่เขาขายกันมาใช้เลย แต่ต้องอ่านส่วนผสมให้ดีๆ ก่อน เผื่อจะแพ้ หรือเผื่อจะเอามาประยุกต์ตามสูตรตัวเองได้
  5. เลือกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ. ทั้งสบู่ แชมพู ครีมนวด โฟมล้างหน้า สารระงับกลิ่นกาย ไปจนถึงเครื่องสำอางและสเปรย์ฉีดผม ถ้าเลือกดีๆ ก็ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง แต่ถ้าใช้แต่อะไรที่มีสารพิษหรือสารเคมีแรงๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและการทำงานของร่างกาย
    • อย่าใช้แชมพู ครีมนวด หรือสบู่ที่ผสม propylene glycol, sodium laurel (หรือ laureth) sulfate เพราะสารพวกนี้อาจทำคุณผมร่วง ผมแห้งเสีย เกิดการสะสม เกิดอาการคัน ผิวแห้งแตก หรือมีอาการแพ้ได้
    • ลองใช้สูตรธรรมชาติ บางคนมองการทำความสะอาดร่างกายแบบล้ำลึกว่าเป็นการงดใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทั้งหมด ให้ชำระล้างร่างกายด้วยสูตรธรรมชาติแบบทำเอง อย่างแทนที่จะใช้แชมพู ก็เปลี่ยนไปใช้เบคกิ้งโซดา น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล และน้ำอุ่นแทน ถ้าคุณสนใจแนวนี้ ลองอ่านบทความต่อไปนี้ของวิกิฮาว หรือเอาคีย์เวิร์ดไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ตดู
  6. สำคัญมากว่าต้องกินอาหารดีมีประโยชน์และดื่มน้ำมากๆ ถ้าอยากชำระล้างถึงภายใน บอกเลยว่าอาหารการกินมีผลต่อสุขภาพผิวและผมโดยตรงและเป็นอย่างมาก ร่างกายจึงควรได้รับสารอาหารที่จำเป็นควบคู่ไปกับการชำระล้างร่างกาย
    • เวลาคุณจำกัดอาหารจะลดน้ำหนัก มักสูญเสียสารอาหารที่จำเป็น เพราะงั้นห้ามอดอาหารหรืองดแป้งและไขมันไปเลย
    • พยายามเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ในอาหารแต่ละมื้อ ให้ดื่มชาเขียวและกินมะเขือเทศทุกวัน ตอนเช้าท้องว่างให้กินใบกะเพราหรือเมล็ดลูกซัดแช่น้ำ (methi seeds) เพราะปกติเป็นสูตรธรรมชาติสำหรับดีท็อกซ์
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ขัดตัวเพื่อผลัดผิวทุก 1 - 2 อาทิตย์ ก็ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันส่วนเกินได้
  • ควรอาบน้ำร้อน แล้วค่อยสระผมด้วยน้ำเย็น เพราะเกล็ดของเส้นผมจะได้ปิด เลยทำให้ผมนุ่มสลวยเงางาม
  • ติดตามผลการทำความสะอาดร่างกายอย่างถูกวิธี โดยเช็คว่าผ้าเช็ดตัวใช้ได้นานกี่วันก่อนจะกลิ่นเกินทน ถ้ามากสุดไม่เกิน 2 - 3 วัน แสดงว่าต้องปรับปรุงสุขอนามัยของตัวเอง แต่ถ้าใช้ได้นานเป็นเดือน แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว เพราะโดยทั่วไป ผ้าเช็ดตัวจะเริ่มส่งกลิ่นหลังใช้ 3 - 4 ครั้งต่ออาทิตย์ ติดต่อกันนาน 2 - 3 อาทิตย์
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ผสมตัวยาถ้าเป็นโรคผิวหนัง ที่สำคัญคือผิวต่างชนิดก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ถ้าผิวแพ้ง่ายอาจจะใช้สบู่สูตรธรรมชาติจากน้ำมันเปปเปอร์มินต์ไม่ค่อยได้ผล แต่ถ้าเป็นคนผิวแห้งแตกมาก คันคะเยอ ก็ควรใช้ครีมอาบน้ำสูตรข้าวโอ๊ตจะดีกว่า เพราะช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง ยังไงลองปรึกษาคุณหมอโรคผิวหนังว่าผลิตภัณฑ์ไหนเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ และควรใช้วิธีไหนรักษาโรคผิวหนังที่เป็นอยู่
  • เปิดพัดลมหรือใช้ไดร์เป่าลมเย็นระบายอากาศตามร่างกาย ตัวจะได้เย็นและแห้งสบาย ยิ่งถ้าอยู่ในห้องร้อนอบอ้าวเหงื่อชุ่มยิ่งควรทำ!
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังอย่าคุ้ยแคะแกะเกาแผลหรือบริเวณที่แห้งแตก ต้องรักษาความสะอาดให้ดีๆ เพราะสะเก็ดแผลเกิดจากของเหลวในร่างกายที่ทำให้เกิดการแข็งตัว เพื่อปกป้องให้เซลล์ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่มกว่าได้เจริญเติบโต ห้ามไปคุ้ยแคะแกะเกาแผลตกสะเก็ด เว้นแต่หายจนจะสนิทแล้วจริงๆ ให้กดแล้วปล่อยเหมือนเป็นการซับแทน จะทำให้สะเก็ดหลุดง่าย แต่เซลล์ผิวนุ่มๆ ยังคงอยู่ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ปรึกษาคุณหมอได้เลย แต่ปกติไม่น่าห่วงอะไร เวลาทำความสะอาดใช้สบู่อ่อนๆ ถูเบาๆ ก็ปลอดภัยหายห่วงแล้ว
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 24,460 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา