ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ขนมหวานมากมายหลายชนิดมีคาราเมลเป็นส่วนประกอบ หลายครั้งนำไปตกแต่งหน้าขนมเกือบทุกชนิดตั้งแต่แครมบูเล่ (crème brûlée) ไปจนถึงครีมคาราเมล (leche flan) คาราเมลที่หอมหวานและมีรสเข้มนี้ทำได้ไม่ยากหากมีอุปกรณ์และเทคนิคที่ถูกต้อง ลองอ่านบทความต่อไปนี้เพื่อเรียนรู้วิธีการทำคาราเมลได้ที่บ้านของคุณโดยใช้เวลาไม่กี่นาที มีทั้งแบบต้มที่ต้องใช้น้ำหรือแบบคั่วที่ใช้เพียงน้ำตาลเท่านั้น

เลือกวิธี

  1. ทำคาราเมลด้วยการต้ม : มักใช้ทำที่บ้าน เพราะมันง่ายที่จะไม่ทำให้น้ำตาลไหม้ ใช้เวลานานกว่าก็จริง แต่จะทำให้ได้รสชาติมีมิติมากขึ้น
  2. ทำคาราเมลด้วยการคั่ว : ใช้ในหมู่คนทำลูกกวาดเพราะใช้เวลาน้อยกว่า
  3. เติมสีสันให้คาราเมล : ทำคาราเมลด้วยการต่้มแล้วเติมสีผสมอาหาร
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ทำคาราเมลโดยการต้ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วยตวง น้ำ 1/2 ถ้วยตวง และน้ำมะนาวหรือครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
    • ถ้าทำคาราเมลในปริมาณน้อยสามารถเตรียมส่วนผสมเพียงครึ่งจากสูตรด้านบน: น้ำตาล 1 ถ้วยตวง น้ำ 1/4 ถ้วยตวง และน้ำมะนาวหรือครีมออฟทาร์ทาร์ 1/8 ช้อนชา
    • อัตราส่วนน้ำต่อน้ำตาลจะผันตามความข้นของคาราเมลที่คุณต้องการ ยิ่งคุณต้องการคาราเมลแบบเหลวมากเท่าใดให้เติมน้ำมากเท่านั้น
  2. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    ใช้หม้อโลหะคุณภาพดีที่มีปากขอบสูงและมีก้นหนา
    • หม้อที่มีก้นบางราคาถูกจะร้อนง่าย จึงทำให้น้ำตาลไหม้และคาราเมลของคุณเสีย
    • หม้อโลหะสีอ่อน เช่น สเตนเลส เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหม้อสีอื่นเพราะทำให้สามารถเห็นสีของคาราเมลได้ชัดเจน
  3. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    คนด้วยช้อนไม้หรือไม้พายซิลิโคนจนกว่าน้ำตาลจะเริ่มละลาย
    • ในการทำน้ำตาลให้เป็นคาราเมล น้ำตาลจะต้องละลายก่อน ซึ่งต้องใช้ความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 320˚F (160˚C).
    • ถึงตอนนี้ น้ำตาลจะละลายเป็นสีใส
  4. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    เติมน้ำมะนาวหรือครีมออฟทาร์ทาร์ (ควรผสมน้ำเล็กน้อยก่อนนำมาใช้) ลงในน้ำตาลละลาย ซึ่งป้องกันไม่ให้น้ำตาลกลับเป็นก้อนผลึกอีก [1]
  5. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    เมื่อน้ำตาลละลายจนหมดและเริ่มเดือดให้หยุดคน
  6. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    ลดไฟลงเป็นไฟกลางแล้วปล่อยให้เดือดต่อ 8-10 นาที. แต่ต้องไม่ให้น้ำตาลเดือดจัด
    • ระยะเวลาในการต้มจะผันตามปริมาณน้ำและน้ำตาล เตา และปัจจัยอื่นๆ
    • ดังนั้น เวลาทำคาราเมลคุณควรดูสีของน้ำตาลเป็นหลัก
  7. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    ห้ามคนอย่างเด็ดขาดขณะน้ำเดือดและน้ำตาลเริ่มเปลี่ยนเป็นคาราเมล
    • การคนจะยิ่งเพิ่มอากาศในน้ำตาลและลดอุณหภูมิ ซึ่งทำให้น้ำตาลเปลี่ยนสีได้ไม่ดีเท่าที่ควร
    • นอกจากนี้ คาราเมลร้อนจะติดช้อนหรือไม้พายได้ง่าย ทำให้ล้างออกยาก [2]
  8. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    วิธีกะความพอดีของคาราเมลคือตั้งใจดูสีของคาราเมลให้ดี น้ำตาลจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีทองอ่อน และจากสีทองอ่อนเป็นสีอำพันเข้ม การเปลี่ยนสีจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรคอยดูหม้อให้ดี คาราเมลไหม้นั้นรับประทานไม่ได้และต้องทิ้ง
    • ไม่ต้องกังวลถ้าสีอำพันเข้มเกิดขึ้นเป็นริ้วๆ ให้คุณค่อยๆ ยกหม้อขึ้นแล้วเหวี่ยงส่วนผสมเพื่อให้สีเท่ากัน
    • การไม่สัมผัสหรือชิมคาราเมลระหว่างต้มนั้นสำคัญ เพราะถึงตอนนี้ คาราเมลมักมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 340˚F (171˚C) ซึ่งทำให้ผิวพุพองได้
  9. สังเกตน้ำตาลให้ดีจนกว่าจะได้เนื้อคาราเมลสีน้ำตาลเข้มเท่ากัน เมื่อคาราเมลทั้งหม้อมีสีเสมอกันและข้นเล็กน้อย แสดงว่าคาราเมลนั้นได้ที่แล้ว
    • เมื่อคาราเมลมีสีเข้มตามที่ต้องการแล้วให้ยกลงจากเตาทันที
    • ถ้าต้มนานเกินไปคาราเมลจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเกือบดำและมีกลิ่นไหม้ ซึ่งคุณจะต้องเริ่มทำคาราเมลใหม่ตั้งแต่ต้น
  10. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    ถ้าต้องการทำให้แน่ใจว่าน้ำตาลหยุดไหม้จากความร้อนที่หลงเหลืออยู่ในหม้อ ให้วางก้นหม้อในน้ำเย็นจัดประมาณ 10 วินาที
    • แต่ถ้านำหม้อออกจากเตาเร็วเกินไป ให้ทิ้งคาราเมลไว้ประมาณ 1 นาทีเพราะน้ำตาลจะไหม้ต่อได้อีก
  11. นำไปราดแฟลน (ครีมคาราเมล), ทำลูกอมครีมคาราเมล, ทำสปันชูการ์ (spun sugar) หรือราดบนไอศกรีม
    • คาราเมลจะแข็งตัวอย่างรวดเร็วหลังเย็นตัวลง ดังนั้นถ้าทิ้งคาราเมลไว้นานเกินไปก่อนนำมาใช้ คาราเมลจะแข็งจนไม่สามารถนำมาเทหรือปาดได้
    • ถ้าคาราเมลแข็งตัว ให้นำหม้อกลับไปตั้งเตาด้วยไฟอ่อนและรอให้คาราเมลเหลวอีกครั้ง ควรใช้วิธีเหวี่ยงหม้อแทนการคน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำคาราเมลโดยการคั่ว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    เติมน้ำตาลทรายให้หนาเสมอกันในหม้อก้นหนาสีอ่อนหรือกระทะ
    • ปริมาณน้ำตาลที่แน่นอนนั้นไม่สำคัญสำหรับการทำคาราเมลด้วยวิธีนี้เพราะส่วนผสมมีเพียงน้ำตาลเท่านั้น
    • ใช้น้ำตาลประมาณ 1 หรือ 2 ถ้วยตวงตามปริมาณคาราเมลที่คุณต้องการ
  2. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    คอยสังเกตคาราเมลให้ดีขณะคั่ว น้ำตาลจะเริ่มเหลวบริเวณขอบและเปลี่ยนจากสีใสเป็นสีน้ำตาลทอง
    • เมื่อน้ำตาลเริ่มเป็นสีน้ำตาลให้ใช้พายซิลิโคนหรือช้อนไม้คนน้ำตาลที่เหลวที่ขอบเข้าสู่กลางหม้อ
    • วิธีนี้จะทำให้น้ำตาลด้านนอกไม่ไหม้ก่อนน้ำตาลตรงกลางจะละลายหมด
    • ถ้าน้ำตาลในหม้อหนา ต้องคอยระวังน้ำตาลที่ก้นหม้อไม่ให้ไหม้
  3. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    น้ำตาลจะละลายไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลหากน้ำตาลบางส่วนจะเป็นก้อนในขณะที่บางส่วนเหลว ให้ลดไฟลงแล้วคนต่อไป ซึ่งจะทำให้คาราเมลไม่ไหม้ขณะรอให้ก้อนน้ำตาลละลาย
    • ถ้าน้ำตาลที่เป็นก้อนไม่ละลายก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะสามารถกรองออกได้ภายหลัง
    • ระวังอย่าคนคาราเมลบ่อยจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นน้ำตาลจะจับตัวกันเป็นก้อนก่อนละลายหมด
    • แต่ก็ไม่ต้องกังวล ถ้าเกิดน้ำตาลจับกันเป็นก้อนให้เปลี่ยนไปใช้ไฟอ่อนและอย่าคนน้ำตาลจนกว่าน้ำตาลจะละลายอีกครั้ง [3]
  4. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    คอยดูสีคาราเมลให้ดีจนกว่าจะได้สีที่ต้องการ สีต้องไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไป คาราเมลที่ดีจะต้องเป็นสีอัมพันเข้มคล้ายเหรียญทองแดงเก่า
    • สังเกตว่าคาราเมลได้ที่เมื่อคาราเมลเลยจุดเดือดมาเล็กน้อย ถ้ายกออกจากเตาก่อนถึงจุดเดือดคาราเมลจะไม่ได้ที่
    • สามารถสังเกตคาราเมลที่ได้ที่จากกลิ่นได้เช่นกัน คาราเมลควรมีกลิ่นหอมอวลคล้ายกลิ่นถั่วเล็กน้อย
  5. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    เมื่อคาราเมลได้ที่ให้ยกลงจากเตาทันที คาราเมลสามารถเปลี่ยนจากได้ที่เป็นไหม้อย่างรวดเร็ว คาราเมลที่ไหม้จะมีรสขมและไม่สามารนำมาใช้ได
    • ถ้านำคาราเมลไปราดแฟลนหรือครีมคาราเมล สามารถราดคาราเมลจากหม้อลงบนตัวขนมได้ทันที
    • ถ้าทำสปันชูการ์ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือหยุดการไหม้ของคาราเมลโดยการนำหม้อไปแช่ในน้ำเย็นจัด เพราะความร้อนที่หลงเหลืออยู่อาจทำให้คาราเมลไหม้ได้
    • ถ้าทำซอสคาราเมล ให้เติมเนยหรือครีมไปผสมกับคาราเมลทันที เพราะจะช่วยหยุดการไหม้ของคาราเมลและทำให้ได้คาราเมลที่เข้มข้นสำหรับราดหน้าไอศกรีมหรือขนมหวาน แต่ต้องระวังสักนิดเพราะคาราเมลเหลวอาจกระเด็นได้หลังเติมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม
  6. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เติมสีสันให้คาราเมล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    คั่วน้ำตาลโดยใช้ไฟระหว่างไฟอ่อนถึงไฟกลาง
  2. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    โดยเติมสีผสมอาหารทุกๆ 5 นาที
  3. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
  4. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    เติมน้ำ 5 ถ้วยต่อน้ำตาล 1 ออนซ์ (35 กรัม)
  5. น้ำตาลจะมีสีสันจะสวยงามและกลายเป็นคาราเมล
  6. Watermark wikiHow to ทำคาราเมล
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้ไฟอ่อนที่สุดแต่ร้อนพอที่จะทำให้น้ำตาลไหม้เป็นคาราเมลได้ เพราะจะทำให้สามารถควบคุมน้ำตาลได้มากที่สุดและป้องกันการไหม้
  • คาราเมลจะเปลี่ยนจากได้ที่ไปเป็นไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรเฝ้าดูคาราเมลให้ดี เมื่อคาราเมลได้ที่ (หรือใกล้ได้ที่) ให้นำออกจากเตาทันที
  • เติมน้ำมะนาวเล็กน้อยในช่วงผสมน้ำและน้ำตาล น้ำมะนาวจะช่วยเพิ่มกลิ่นเล็กน้อยและป้องกันไม่ให้คาราเมลแข็งตัว
โฆษณา

ข้อควรระวัง

  • การทำคาราเมลต้องใช้สมาธิ ไม่ควรทำอาหารอย่างอื่นที่ใช้เวลาหรือการจดจ่อไปพร้อมๆ กัน เพราะไม่เช่นนั้นคาราเมล ของคุณอาจไหม้ได้
  • อย่าใช้หม้อที่ไม่สะอาดหมดจด เพราะสิ่งตกค้างบนก้นหม้ออาจทำให้น้ำตาลตกผลึกเป็นก้อนได้
  • คาราเมลมีจุดเดือดสูงและทำให้ผิวพุพองได้เมื่อสัมผัส ลองใส่ถุงมือกันความร้อนหรือเสื้อแขนยาวขณะทำคาราเมล หรือเตรียมถ้วยใส่น้ำเย็นไว้ใกล้ตัวสำหรับแช่มือเมื่อเกิดการพุพอง

สิ่งที่ต้องใช้

  • ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทรายขาว
  • น้ำ
  • น้ำมะนาว (ไม่บังคับ)
  • หม้อก้นหนา
  • ไม้พายซิลิโคนหรือช้อนไม้
  • น้ำเย็นจัด (ไม่บังคับ)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 122,056 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา