ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เหล้าโฮมเมดที่มีส่วนผสมของกาแฟอย่างเหล้าคาลัวเป็นของขวัญวันเทศกาลที่ดี หรือจะดื่มในงานปาร์ตี้ก็แจ๋ว ยิ่งไปกว่านั้น สูตรที่คุณผสมเองอาจจะรสชาติ “ดีกว่า” คาลัวจริงๆ ที่ขึ้นห้างขายอีกด้วย ดูอย่างบาร์เทนเดอร์ที่ดีที่สุดยังคิดค้นสูตรเด็ดขึ้นมาเอง แล้วทำไมเราจะทำบ้างไม่ได้ล่ะ อีกอย่าง คาลัวของจริงอาจจะต้องรอ 2-3 อาทิตย์ แต่ว่าคุณสามารถทำเวอร์ชั่นเร่งด่วนพร้อมดื่มได้ทันที มาเริ่มกันเลยดีกว่า

ส่วนประกอบ

  • ผงกาแฟสำเร็จรูป (ห้ามใช้กาแฟฟรีซดราย) 1 ถ้วยตวง (200 กรัม)
  • น้ำตาลทรายขาว 3 ½ ถ้วยตวง (350 กรัม)
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง (0.47 ลิตร)
  • เหล้ารัมยี่ห้อใดก็ได้ ที่มีแอลกอฮอล์ 80 พรูฟ (40%) 2 ถ้วยตวง
  • ฝักวานิลลา 1 ฝักเต็ม
  • กาแฟชงเข้มๆ สดใหม่ 2 ½ ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทรายขาว 4 ถ้วยตวง (400 กรัม)
  • วอดก้าคุณภาพดี 2 ¼ ถ้วยตวง (0.6 ลิตร)
  • ฝักวานิลลา 1 ฝักเต็ม ตัดให้เป็น 3 ท่อน
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง (0.47 ลิตร)
  • เกล็ดกาแฟสำเร็จรูป ¾ ถ้วยตวง (150 กรัม)
  • วอดก้าคุณภาพดี 2 ¼ ถ้วยตวง (0.6 ลิตร)
  • น้ำตาลทรายขาว 4 ถ้วยตวง (400 กรัม)
  • กลิ่นวานิลลา 2 ½ ช้อนชา

แต่ละสูตรข้างต้นจะได้คาลัว 1 ควอท (1 ใน 4 แกลลอน) ให้คูณสองหรือหารครึ่งหากต้องการ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้ผงกาแฟสำเร็จรูป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มโดยต้มน้ำ 2 ถ้วยตวงให้เดือดจัด ยกภาชนะที่ต้มลงจากเตา เติมกาแฟผง 1 ถ้วยตวง น้ำตาลทรายขาว 3 ½ ถ้วยตวง และคนจนละลายเข้ากันดี
    • ถ้าคุณไม่สามารถบริโภคน้ำตาลทรายขาวขัดสีได้ ก็ให้ใช้น้ำตาลทรายแดงแทนได้เลย หรือจะใช้น้ำตาลทดแทนแบบอื่นๆ ก็ได้ มีสูตรที่ต่างออกไปอีกมากมาย และก็ใช้น้ำตาลหลากหลายชนิดที่ต่างกันด้วย
  2. ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิในการทำอาหารวัดอุณหภูมิน้ำ. ในขณะที่น้ำมีจุดเดือดที่ 100 องศา แอลกอฮอล์มีจุดเดือดที่ 78 องศาเท่านั้น ให้รอจนกว่าเบสที่ต้มมีอุณหภูมิต่ำกว่า 78 องศาก่อน จึงค่อยเติมเหล้ารัมลงไป ไม่อย่างนั้นคาลัวจะออกมามีรสชาติ “แย่” ทีเดียว [1]
    • ถ้าไม่มีเครื่องวัดอุณหภูมิในการทำอาหาร ให้รอเบสเย็นประมาณ 15-20 นาที ถ้าไม่แน่ใจว่ามันเย็นพอหรือยัง ให้รอต่อไปอีกหน่อยจะดีกว่า ใส่รัมตอนที่ “เย็นกว่า” ปลอดภัยกว่าใส่รัมตอนที่คุณไม่แน่ใจ (แล้วเบสก็ดูร้อนจริงๆ เสียด้วย)
  3. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    รัมชนิดไหนก็ได้ตามที่คุณชอบเลย โดยปกติแล้วในเคสนี้ถ้าลองใช้รัมที่ระดับกลางๆ สักหน่อยน่าจะปลอดภัยกว่า คุณคงไม่อยากเสียรัมชั้นดีมาทำเครื่องดื่มเลียนแบบคาลัว แต่ก็ไม่อยากให้คาลัวรสชาติเหมือนน้ำคลองเหมือนกัน จึงให้เลือกใช้รัมยี่ห้อทั่วไป
    • คุณจะสังเกตเห็นว่าสูตรถัดไปจะมีวอดก้าอยู่ด้วย ถ้าชอบวอดก้ามากกว่า คุณสามารถใช้สูตรนี้ แล้วแทนที่รัมด้วยวอดก้าก็ได้ และถ้าคุณมีวัตถุดิบและมีเวลา ทำไมไม่ลองทำทั้งสองแบบ แล้วลองชิมดูล่ะว่าชอบสูตรที่ทำจากรัมหรือวอดก้ามากกว่ากัน
  4. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    เทคาลัวของคุณลงในขวดแก้วที่มีฝาปิด ความจุ 1 ควอท. ใส่ฝักวานิลลาลงไปในขวดด้วย เก็บไว้ในตู่เย็นอย่างน้อย 30 วันเพื่อบ่มให้มีรสชาติยิ่งขึ้น คุณอ่านไม่ผิดหรอก การจะทำคาลัวให้อร่อยถูกปากต้องปล่อยให้มันบ่มไว้ อย่างไรก็ตาม ในสูตรที่ 3 ของวิธีทำคาลัวนี้มีสูตรคาลัวพร้อมดื่มทันทีก็จริงอยู่ แต่รสชาติมันก็จะไม่เหมือนคาลัวเป๊ะๆ เสียทีเดียว
    • ต้องใช้เวลาให้บ่มวานิลลาเพื่อคาลัวจะได้มีกลิ่นแบบคาลัวที่แท้จริง จะใช้กลิ่นวานิลลาแทนก็ได้ แต่คาลัวจะขาดกลิ่นหอมเข้มข้นแบบต้นฉบับ
  5. ติดฉลากไว้กับขวดเพื่อบอกชนิดของเหล้าและบอกวันที่ทำขึ้น จะได้ไม่สับสน ฉลากยังช่วยเตือนด้วยว่าครบ 30 วันเมื่อใด จะได้ไม่ต้องนั่งเดา
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้กาแฟที่ชงเสร็จแล้ว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    การจะได้คาลัวรสชาติเข้มข้น คุณควรใช้เบสกาแฟที่มีคุณภาพ และยังต้องเข้มด้วยเช่นกัน กาแฟที่อ่อนจะไม่ทำให้ได้รสชาติในท้ายที่สุด เมื่อต้มเสร็จแล้ว เตรียมพร้อมใช้กาแฟหม้อนั้นๆ “ทันที”
    • ถ้าคุณไม่ถนัดชงกาแฟให้อร่อย (ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด) คุณอาจให้คนที่ชงเก่งๆ ทำให้แทน รสชาติคาลัวในตอนท้ายจะออกมาต่างกันสุดขั้วทีเดียวระหว่างเบสกาแฟรสชาติดีกับไม่ดี [2]
  2. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    เติมน้ำตาล 4 ถ้วยตวงลงไปในกาแฟร้อนๆ ที่เพิ่งต้มเสร็จ และคนจนน้ำตาลละลาย. เมื่อกาแฟหยดสุดท้ายหยดลง ให้เทย้ายไปที่ชามใบใหญ่ เติมน้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวงลงไปและคนให้เข้ากันจนน้ำตาลทั้งหมดละลาย
    • ย้ำกันอีกสักครั้งว่าคุณสามารถใช้น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลดิบได้หากต้องการ แค่รู้ไว้เพียงว่า การเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยจะมีผลต่อรสชาติในแบบที่คุณอาจจะชอบหรือไม่ก็ได้
  3. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    เติมวอดก้าลงไปในกาแฟเมื่อมันเย็นเท่ากับอุณหภูมิห้องแล้ว. เมื่อน้ำตาลละลายหมด และกาแฟไม่อุ่นแล้ว ให้เติมวอดก้า คนให้เข้ากัน
    • บาร์เทนเดอร์บางคนก็เชื่อว่าการผสมวอดก้ากับรัม หรือการผสมวอดก้าต่างยี่ห้อกับรัมต่างยี่ห้อ โดยใช้สูตรเดียวกัน อาจทำให้เกิดรสชาติที่ดีที่สุดได้ ถ้ามีเหล้าเหลือติดก้นขวดสัก 2-3 ขวด ลองผสมกันดูก็น่าจะไม่เสียหายอะไร [3]
  4. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    ขวดความจุ 12 ออนซ์ 3 ขวดจะใส่ได้พอดี เช่นเดียวกับขวดใหญ่ 1 ขวด ตัดฝักวานิลลาออกเป็นสามท่อน ใส่ 1 ท่อนลงไปในขวดแต่ละใบ ปิดฝา ก็จะได้คาลัวแล้ว
    • ขั้นนี้คุณอาจจะใส่แท่งซินนาม่อน เมล็ดโกโก้ (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ) หรือเปลือกส้มลงไปก็ได้ถ้าต้องการ เครื่องดื่มจะให้รสที่เป็นเอกลักษณ์และหวือหวามากขึ้น
  5. การบ่มกลิ่นวานิลลาและการทำให้รสชาติเข้าที่เข้าทางต้องใช้เวลาประมาณนี้เพื่อให้กาแฟให้รสชาติเข้มข้น และมีรสของเหล้า เมื่อถึงเวลา ให้กรองคาลัวก่อนบรรจุกลับใส่ขวดอีกครั้ง
    • ห้องใต้ดินหรือห้องเก็บไวน์เหมาะสมสำหรับเก็บคาลัว แต่คุณก็สามารถเก็บไว้ในตู้ปิดที่ห้องมืดๆ ได้เช่นกัน (หรือจะไว้ใต้เตียงก็ได้) แต่ทางที่ดีก็แปะฉลากไว้เพื่อกันลืมดีกว่า ถ้าเวลาผ่านไปนานๆ เข้าจะได้รู้ว่าข้างในขวดเป็นอะไร
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ทำคาลัวพร้อมดื่ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    ในหม้อต้มใหญ่ตั้งบนไฟปานกลาง ให้ผสมน้ำเปล่า น้ำตาล และเกล็ดกาแฟเข้าด้วยกัน. ถ้าไม่อยากเลื่อนขึ้นไปดูว่าส่วนผสมใช้เท่าไหร่บ้างล่ะก็... มีน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง เกล็ดกาแฟสำเร็จรูป ¾ ถ้วยตวง และน้ำตาลทรายขาว 4 ถ้วยตวง คนไปเรื่อยๆ จนทุกอย่างละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
    • ถ้ากังวลว่าคาลัวพร้อมดื่มจะขาดรสชาติของคาลัวแท้ๆ ไป (ซึ่งโดยปกติแล้วคาลัวที่ใช้เวลาบ่มนานกว่าก็จะให้รสชาติดีกว่า) ควรจะลองใส่เมล็ดโกโก้ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสให้น่าสนใจขึ้น [4]
  2. เมื่อทุกอย่างละลายแล้ว ให้นำลงจากเตา ปล่อยให้ส่วนผสมเย็นลงจนถึงอุณหภูมิห้อง จะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที คุณสามารถใช้เครื่องวัดอุณหภูมิในการทำอาหาร หรือจะลองชิมดูว่าหายร้อนรึยังแทนก็ได้
  3. Watermark wikiHow to ทำเหล้าคาลัว
    เมื่อส่วนผสมเย็นเท่าอุณหภูมิห้อง เติมวอดก้า 2 ¼ ถ้วยตวง (ใช้วอดก้าคุณภาพปานกลางจะดีที่สุด) กลิ่นวานิลลา 2 ½ ช้อนชา คนให้เข้ากัน แต่นแต๊น– เหล้ากาแฟของคุณก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมดื่มได้ทันที
    • ถ้าแขกเหรื่อของคุณไม่ได้จะมาล้อมวงดื่มทันทีหลังทำเสร็จ ให้รินเครื่องดื่มเก็บไว้ในขวด (อาจจะเป็นขวด 12 ออนซ์ 3 ขวด) เพื่อเก็บไว้ดื่มทีหลัง แต่ยังไงซะสูตรนี้มีไว้เพื่อให้ดื่มด่ำกับคาลัวได้ในทันที ดังนั้นให้ถือโอกาสลัดขั้นตอนรอ 2 อาทิตย์ แล้วดื่มโดยเร็วกันเถอะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าอยากได้คาลัวโฮมเมดที่บ่มได้ที่สักชุดหนึ่งไว้สำหรับเทศกาลคริสต์มาส ควรเริ่มทำคาลัวตอนต้นเดือนพฤศจิกายน
  • สามารถเติมกลีเซอรีนเล็กน้อยลงไปในคาลัวได้เพื่อเพิ่มความหนืดให้กับเครื่องดื่ม จะได้ “รสสัมผัส” ในปากเพิ่มขึ้น
  • สามารถใช้ขวดไวน์ไซส์มาตรฐาน (0.75 ลิตร) ในการบรรจุเหล้าโฮมเมดแทนได้ ให้นำฉลากไวน์ของเดิมออก และปิดจุกด้วยฝาปิดสุญญากาศ (หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป)
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามใช้กาแฟชนิดฟรีซดราย
  • การทำคาลัวให้ถูกสุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญมาก เช่นเดียวกับเครื่องดื่มโฮมเมดอื่นๆ
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ขวดแก้วที่ปิดฝาได้ ความจุ 1 ควอท 1 ขวด หรือ ขวดความจุ 12 ออนซ์ 3 ขวด
  • เครื่องวัดอุณหภูมิในการทำอาหาร
  • หม้อต้ม
  • ช้อนไม้
  • ถ้วยตวง
  • ฉลาก (จะมีหรือไม่ก็ได้)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 34,994 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา