ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
หมดฤดูไปแล้วแต่ยังมีมะเขือเทศ สีเขียว ที่ยังไม่สุกเหลืออยู่อีกเพียบเลยงั้นเหรอ? เรามีคำแนะนำง่ายๆ ในการทำให้มันสุกขึ้นมาฝาก ด้วยการใช้แก๊สเอทิลีนจากธรรมชาติที่บ่มให้สุกขึ้นนั่นเอง
ขั้นตอน
ดาวน์โหลดบทความ
-
เก็บเกี่ยวแบบปกติ. สำหรับแต่ละวิธีจากวิธีเหล่านี้ ให้ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ ให้เก็บผลมะเขือเทศสีเขียวที่มีสีออกส้มๆ ตรงขั้วสักหน่อย แล้วก็มีผลที่นุ่มกว่าผลที่แข็งดิบๆ ไปเลย [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าคุณเก็บมาเร็วกว่านั้น มันก็จะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ และจะไม่สุกให้ด้วย ก็ต้องนำผลสีเขียวมาปรุงอาหารทั้งอย่างนั้นไปเลย
- ถ้าคุณไม่มั่นใจว่ามะเขือเทศผลสีเขียวนั้นโตเต็มที่แล้วหรือยัง ก็ให้ลองผ่าครึ่งดู ถ้าข้างในเป็นสีเหลืองและเนื้อเป็นเจลหรือเป็นเยื่อเหนียวๆ ก็แปลว่าโตพอที่จะทำให้สุกแล้ว [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง แน่นอนว่าผลที่ผ่าไปแล้วก็ไม่สามารถสุกต่ออีกได้ แต่ถือว่าเป็นการช่วยให้ดูผลมะเขือเทศอื่นที่ยังอยู่บนเถาได้ว่ามันสุกแล้วหรือยัง
- ถ้าประเทศที่คุณอยู่มีช่วงเวลาที่อากาศหนาว และคุณรู้ว่ามันจะทำลายมะเขือเทศทั้งหมดของคุณ อย่าทำเพียงแค่เก็บเป็นบางผล แต่ให้ขุดเอาต้นขึ้นจากดิน โดยให้รากบางรากยังยึดอยู่กับดินก่อน จากนั้นปัดดินออกเท่าที่จะทำได้ แล้วแขวนเอาไว้ในสถานที่ที่แห้งและมีที่กำบัง เช่น โรงรถ ระวังอย่าให้แดดส่องจ้าหรือมืดเกินไป ไม่อย่างนั้นต้นมะเขือเทศอาจตายได้ มะเขือเทศจะยังคงสุกขึ้นดีอยู่ตราบใดที่มันยังอยู่บนเถา [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ก่อนจะเก็บมะเขือเทศ ให้กำจัดเถา กิ่ง ก้าน ต้น ใบฯลฯ ออกเสียก่อน. ไม่อย่างนั้นมันอาจไปถูกับมะเขือเทศลูกอื่นและส่งผลกระทบกับกระบวนการสุกของมันได้ ถ้ามะเขือเทศสกปรก ก็ให้ค่อยๆ ล้างมันและตากให้แห้งก่อนจะนำมาทำให้สุก
-
3ใช้หนึ่งในเคล็ดลับด้านล่างในการเก็บมะเขือเทศและทำให้สุกเมื่อมันไม่ได้อยู่บนเถาแล้ว.
-
จับตาดูว่ามีรอยช้ำหรือเชื้อราหรือไม่. ถ้าเจอก็รีบนำมะเขือเทศลูกนั้นออกไปแล้วเพิ่มอากาศให้หมุนเวียนในส่วนของมะเขือเทศที่เหลือซะ ยิ่งเก็บไว้ในที่เย็นเท่าไร ยิ่งใช้เวลาในการสุกมากเท่านั้น ถ้าทำให้สุกในวิธีที่ใช้ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านบวกกับระดับความอุ่นปกติ ก็จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าในบ้านหรือที่เก็บมีอุณหภูมิที่เย็นเกินไป มะเขือเทศอาจไม่สุกหรือออกมารสชาติจืดจางก็เป็นได้โฆษณา
-
รวบรวมโหลแล้วเปิดฝาออก.
-
ใส่กล้วยที่กำลังสุกลงไปในโหลแต่ละใบ.
-
ใส่มะเขือเทศสีเขียวขนาดกลางลงไปสองถึงสี่ลูกต่อโหล. อย่าใส่จนล้นโหลล่ะ ไม่งั้นมะเขือเทศอาจช้ำได้
-
ปิดฝาให้สนิท.
-
เก็บเอาไว้ในที่อุ่น ชื้นเล็กน้อย และไม่โดนแดดโดยตรง. คอยมาตรวจดูบ่อยๆ ด้วย ถ้ากล้วยเริ่มจะเน่าก่อนมะเขือเทศสุก ก็ให้เปลี่ยนเอากล้วยใบใหม่ใส่ลงไป วิธีนี้จะช่วยให้มะเขือเทศสุกภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์โฆษณา
-
เตรียมกล่องลัง. ถ้าเป็นไปได้ ให้วางแผ่นโฟมหรือแผ่นรองผลไม้ไว้เป็นฐานด้วย หรือแค่ปูหนังสือพิมพ์ก็ได้
-
เรียงมะเขือเทศลงไปในกล่องชั้นนึง ให้อยู่ข้างๆ กัน. ถ้าคุณมีมะเขือเทศอยู่จำนวนมาก จะเพิ่มเป็นสองชั้นก็ได้ แต่ต้องอ่อนโยนกับมันหน่อยนะ และอย่าเรียงเกินสองชั้น ไม่อย่างนั้นชั้นล่างสุดจะช้ำเอาได้ หรือว่าจะเพิ่มชั้นด้วยการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขาวดำสัก 6 หน้ากั้นไว้แต่ละชั้นก็โอเค โดยคุณต้องคอยมาดูบ่อยๆ ในขั้นตอนการทำให้มันสุกด้วยนะ และอย่าใส่กล้วยลงไป ยกเว้นว่าคุณจะทำให้มะเขือเทศสุกหลายๆ ลูกในครั้งเดียว
-
ใส่กล้วยลงไปด้วยหากต้องการ. อย่างไรมะเขือเทศก็สุกอยู่แล้ว เพราะมันจะปล่อยแก๊สเอทิลีนออกมาเอง และทำให้มันสุกไงล่ะ อย่างไรก็ตาม การใช้กล้วยร่วมด้วยก็จะทำให้ขั้นตอนผ่านไปไวขึ้น
-
วางกล่องไว้ในที่ที่เย็น และชื้นเล็กน้อย ไม่โดนแดด. ชั้นตู้กับข้าวก็ถือเป็นความคิดที่ดีนะโฆษณา
เคล็ดลับ
- กล้วยที่ใช้จะต้อง"กำลังสุก"นะ ให้ดีที่สุดก็ต้องมีผลสีเหลืองและมีปลายสีเขียวนั่นเอง ผลไม้ทุกชนิดที่กำลังสุกจะปล่อยแก๊สเอทิลีนออกมา และมันก็จะช่วยให้ผลไม้สุกนั่นเอง กล้วยไม่ใช่ผลไม้ชนิดเดียวที่คุณใช้ได้ แต่มันเป็นชนิดที่ปล่อยแก๊สชนิดนี้ออกมาเป็นจำนวนเยอะมากเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น ซึ่งถือเป็น"ตัวช่วย"ที่ดีในการปล่อยเอทิลีนเลยล่ะ และมันไม่เหมือนมะเขือเทศ เพราะกล้วยจะสุกเร็วขึ้นมากหลังจากเราเก็บมาแล้ว
- เพื่อรสชาติที่ดีที่สุด ให้กินมะเขือเทศให้เร็วที่สุดหลังจากมันสุกแล้ว เพราะมันมักจะสูญเสียรสชาติไปเมื่อเก็บเอาไว้ในตู้เย็นสักประมาณอาทิตย์หนึ่ง
- วิธีเหล่านี้ใช้ทำให้พริกเขียวสุกได้เช่นกัน (พวกพืชตระกูลพริกทั้งหลาย)
- ความชื้นก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้มันสุกภายในอาคาร ถ้าชื้นเกินไปก็อาจทำให้ผลเน่าได้ (และยังเรียกแมลงหวี่แมลงวันมาอีกด้วย) แต่ถ้าความชื้นน้อยไป มะเขือเทศก็จะแห้งเหี่ยว ฉะนั้นให้สังเกตระหว่างที่ทำให้มันสุกดีๆ และปรับอะไรต่างๆ ให้เหมาะสมด้วยล่ะ
- วิธีเหล่านี้ถือเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กๆ ได้ดีเชียวล่ะ และยังเป็นวิธีกระตุ้นให้เด็กๆ สนุกไปกับพืชผักสวนครัวของตัวเองได้อีกด้วย
- การเก็บมะเขือเทศเขียวๆ ออกมาสักสองสามสัปดาห์ก่อนที่มันจะเย็นเกินไปจะเป็นการช่วยให้มะเขือเทศที่เหลือบนเถาสุกไวขึ้น เพราะต้นไม้จะทำการจัดสรรพลังงานในส่วนนี้ให้มากขึ้นนั่นเอง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
คำเตือน
- มะเขือเทศที่เจอกับอากาศหนาวๆ ไปแล้วก็ใช้ไม่ได้นะ เก็บมันก่อนจะหนาวเถอะนะ!
- อย่าเสียเวลาไปกับมะเขือเทศลูกที่ติดโรคหรือโดนแมลงเจาะไปเลย หันมาช่วยมะเขือเทศเขียวๆ ที่ยังดีดีกว่า
- แม้ว่ามะเขือเทศจะสุกขึ้นได้จากวิธีต่างๆ ด้านบน แต่รสชาติกับเนื้อสัมผัสก็ย่อมไม่หวานและเนื้อไม่แน่นเท่ามะเขือเทศที่สุกบนเถาวัลย์ตามธรรมชาติหรอก [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าเอาผลมะเขือเทศไปวางจ่อไฟล่ะ ส่วนที่ต้องการแสงแดดก็มีแค่ส่วนต้นเท่านั้นแหละ (โดยเฉพาะส่วนใบ) แต่ถ้าเป็นผล จะสุกได้ดีขึ้นเมื่ออยู่ในที่มืดมากกว่า [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- มะเขือเทศสีเขียว เก็บสดๆ จากเถา (ยกเว้นว่าจะใช้วิธีให้สุกบนเถา)
- วิธีใช้โหล: กล้วยกำลังสุกผลหนึ่งต่อหนึ่งโหล, โหล 1 โหลสำหรับมะเขือเทศขนาดกลางทุกๆ 3 ลูก และโหลต้องมีฝาด้วยนะ
- วิธีใช้กล่องลัง: กล่องลังที่มีที่ว่างให้มะเขือเทศหลายๆ ผล, กล้วยกำลังสุกหลายผลต่อหนึ่งกล่อง ดูตามขนาดกล่อง (ไม่จำเป็น)
- วิธีใช้ถุงพลาสติก: ถุงพลาสติก (ใหญ่ ใส และไว้ใช้ในครัว), กล้วยกำลังสุกหนึ่งผลต่อถุงหนึ่งใบ
- วิธีใช้ถุงกระดาษ: ถุงกระดาษ (แนะนำให้ใช้ถุงสีน้ำตาลสำหรับใส่อาหาร),กล้วยกำลังสุกหนึ่งผลต่อถุงหนึ่งใบ
- วิธีทำให้สุกบนเถา: พลั่วสำหรับขุดเอาต้นขึ้น, เชือกสำหรับแขวน
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://gardening.about.com/od/growingtips/qt/Green_Tomato.htm
- ↑ http://extension.oregonstate.edu/news/story.php?S_No=943&storyType=garde
- ↑ http://gardening.about.com/od/growingtips/qt/Green_Tomato.htm
- ↑ http://www.coopext.colostate.edu/4dmg/VegFruit/ripening.htm
- ↑ http://en.wikipedia.org/wiki/Tomato#Picking_and_ripening
- ↑ http://extension.oregonstate.edu/news/story.php?S_No=943&storyType=garde
โฆษณา
