ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผื่นอาจเกิดได้จากอาการแพ้ การสัมผัสสิ่งที่ระคายเคืองผิว หรือการสัมผัสสารเคมีและสารละลายบางชนิด หากผื่นเกิดจากอาการแพ้หรือการสัมผัสสิ่งที่ระคายเคืองผิว และมีอาการไม่รุนแรงมาก คุณก็สามารถลองรักษาเองด้วยของใช้ในบ้านได้ แต่ถ้าเป็นผื่นแดงที่คัน ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และดูเหมือนจะลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายด้วย คุณก็อาจจะต้องไปพบแพทย์เพื่อรับยาสำหรับใช้รักษาผื่น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รักษาโดยใช้วิธีและของจากธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การประคบถุงน้ำแข็งหรือผ้าเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการผื่นได้ [1] ห่อถุงน้ำแข็งด้วยกระดาษเช็ดมือ ประคบที่ผื่นประมาณ 20 นาที และพักประมาณชั่วโมงหนึ่งก่อนจะประคบอีกครั้ง
    • คุณอาจจะเทน้ำเย็นใส่ผ้าเช็ดตัวสะอาดๆ สักสองถึงสามนาที บิดให้หมาด แล้วประคบผ้าเย็นๆ ที่ผื่นก็ได้
    • เปลี่ยนกระดาษเช็ดมือหรือผ้าผืนใหม่ทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายจนผื่นลามไปยังจุดอื่น
  2. ล้างบริเวณที่เป็นผื่นด้วยน้ำและผึ่งลมให้แห้ง. หากผื่นเกิดจากการสัมผัสกับพืชที่มีพิษ คุณก็ควรล้างบริเวณที่เป็นผื่นด้วยน้ำอุ่นผสมสบู่ และผึ่งลมให้แห้ง อย่าเช็ดด้วยผ้าขนหนู เพราะจะทำให้ยิ่งระคายเคือง วิธีนี้จะช่วยป้องกันการกระจายตัวของผื่น และเมื่อพิษ Urushiol หมดไปจากผิวคุณแล้ว คนอื่นๆ ก็จะไม่ติดเชื้อจากคุณ [2]
    • หากผื่นเกิดจากอาการแพ้ ให้อาบน้ำด้วยน้ำเย็นกับสบู่ที่ไม่ทำให้ผิวแห้ง และผึ่งลมให้แห้ง วิธีนี้จะช่วยบรรเทาผื่นแดงและอาการคัน
    • เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เมื่อตัวแห้งแล้ว เสื้อผ้าคับๆ อาจจะยิ่งระคายเคืองผิว คุณจึงควรใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เมื่อเป็นผื่น หรือใส่เสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น เสื้อยืดผ้าฝ้าย 100% หรือ กางเกงผ้าลินินตัวหลวม
  3. น้ำข้าวโอ๊ตที่มีสารคอลลอยด์ใช้ในการบรรเทาผื่นและอาการคันมานานกว่าศตวรรษแล้ว กลูเตนในข้าวโอ๊ตจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเคลือบผิวคุณเมื่อลงแช่ในอ่าง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผื่นและอาการคันได้ [3]
    • คุณสามารถหาซื้อข้าวโอ๊ตคอลลอยด์สำหรับใช้อาบได้ตามร้านขายยา
    • ผสมข้าวโอ๊ตกับน้ำอุ่นในอ่าง และแช่ตัวลงไปประมาณ 20 นาที
  4. การอาบน้ำในอ่างที่ผสมเบคกิ้งโซดาสามารถช่วยบรรเทาอาการผื่นได้ หากคุณไม่มีข้าวโอ๊ตสำหรับอาบ หรือผิวของคุณไวต่อสารในข้าวโอ๊ตมากไป คุณก็สามารถลองอาบน้ำในอ่างที่ผสมเบคกิ้งโซดาได้ [4]
    • เติมเบคกิ้งโซดาหนึ่งถ้วยในอ่างน้ำอุ่น และแช่ตัวลงในอ่างประมาณ 20 นาที
  5. ชาดอกคาโมมายล์มีสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาอาการได้ คุณสามารถใช้ดื่มหรือทาที่ผิวก็ได้ ชาดอกคาโมมายล์จะช่วยลดการระคายเคือง ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการผื่นได้ด้วย [5]
    • สำหรับการประคบด้วยชาดอกคาโมมายล์ ให้แช่ดอกคาโมมายล์สองถึงสามช้อนชาในน้ำต้มเดือดหนึ่งถ้วยประมาณห้านาที
    • กรองดอกไม้ออกจากน้ำ และปล่อยให้ชาเย็นลงที่อุณหภูมิห้อง
    • เมื่อชาเย็นลงแล้ว ให้จุ่มผ้าฝ้ายสะอาดลงในน้ำชาและบิดให้หมาด
    • ประคบผ้าที่ผื่นประมาณ 10 นาที
  6. การทาเจลจากดอกยานภูเขาทองจะช่วยบรรเทาอาการผื่นได้ สารจากธรรมชาติชนิดนี้ใช้รักษาอาการคันจากการโดนแมลงกัด สิว และแผลพุพองมานานกว่าศตวรรษแล้ว [6] ใช้เจลทาโดยทำตามคำแนะนำจากผู้ผลิต
    • เจลที่ใช้จะต้องไม่มีน้ำมันดอกยานภูเขาทองเกิน 15% เพราะอาจจะระคายเคืองต่อผิวได้
    • คุณสามารถหาซื้อเจลดอกยานภูเขาทองได้ตามร้านอาหารเพื่อสุขภาพ หรือแผนกผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติในร้านขายของชำบางแห่ง
  7. สารสกัด Tea tree extract จะออกฤทธิ์ในระดับจุลชีพ ซึ่งช่วยจัดการกับเชื้อเช่น Candida และ Staphylococcus aureus การรักษาด้วยวิธีนี้จะใช้ได้ผลดีกับการติดเชื้อของเชื้อราที่อาการไม่รุนแรงมากนัก [7] หากคุณมีผื่นที่เกิดจากเชื้อรา เช่นอาการติดเชื้อราที่เท้า โรคน้ำกัดเท้า หรือกลาก การใช้เจล Tea tree oil อาจจะช่วยได้
    • ลองใช้ครีม Tea tree oil 10% ทาที่ผื่นเผื่อจะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ถ้าอาการไม่บรรเทาลงในสองถึงสามวัน ก็ให้ไปพบแพทย์แทน
    • โปรดจำไว้ว่าน้ำมัน Tea tree oil ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการรักษาดีเท่ายาที่แพทย์สั่งจ่ายหรือยาทาตามร้านขายยา
  8. หากคุณสัมผัสกับอากาศที่ร้อนจัด และเกิดผื่นอักเสบตามร่างกาย เช่นเดียวกับอาการวิงเวียนและอ่อนแรง คุณอาจจะเป็นผดร้อน หากคุณมีอาการดังกล่าว ให้คุณหลบแสงแดดและนั่งลงในที่ที่มีอากาศเย็น หรือบริเวณที่มีเครื่องปรับอากาศ คุณควรถอดเสื้อผ้าที่ชื้นเหงื่อออก และอาบน้ำเย็นเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย
    • คุณควรดื่มน้ำเย็นมากๆ เพื่อรักษาน้ำและลดความร้อนในร่างกาย
    • อย่าสัมผัสหรือบีบแผลพุพองหรือตุ่มที่เกิดจากผดร้อน
    • ซื้อยารักษาหรือพบแพทย์ หากผดร้อนไม่บรรเทาลงในเวลาสองถึงสามวัน หรือเมื่อคุณมีอาการรุนแรงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียน ปวดหัว วิงเวียน และคลื่นไส้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้ยาจากร้านขายยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คาลาไมน์โลชั่นสามารถช่วยบรรเทาและลดอาการผื่นได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นผื่นที่เกิดจากการสัมผัสกับพืชที่มีพิษ หรือแมลงกัด [8] [9] คุณสามารถซื้อคาลาไมน์โลชั่นได้ที่ร้านขายยาโดยไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งจากแพทย์
    • ทาโลชั่นที่ผิวสองครั้งต่อวันหรือตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์
  2. หากผื่นเกิดจากอาการแพ้ คุณก็สามารถรักษาได้ด้วยการทานยาต้านฮิสทามีนที่มีขายตามร้านขายยา เช่น ยาแก้แพ้ไดเฟนไฮดรามีน (เบนาดริล) และไฮดรอกไซซีน ยาเหล่านี้จะช่วยลดอาการคันและช่วยจัดการกับปฏิกิริยาที่เกิดจากฮิสทามีนซึ่งพบได้ในอาการแพ้ทั่วไป เช่น อาการแพ้ขนแมว ละอองเกสรดอกไม้ หรือหญ้า [10]
    • ยาต้านฮิสทามีนยังสามารถช่วยลดอาการลมพิษได้ด้วย โดยเฉพาะเมื่ออาการเกิดจากปฏิกิริยาของการแพ้
  3. ทาครีมไฮโดรคอร์ติโซนที่ผื่นซึ่งเกิดจากอาการแพ้. หากคุณสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ขนแมว ละอองเกสรดอกไม้ นิกเกิล และอื่นๆ คุณสามารถลดอาการบวมหรือคันได้ด้วยการทาคาลาไมน์โลชั่นที่ผื่น คุณควรใช้ยาแก้แพ้เพื่อลดอาการอื่นๆ เช่น อาการน้ำมูกไหล ระคายเคืองบริเวณดวงตา และอาการหายใจลำบาก
    • ครีมไฮโดรคอร์ติโซนมีขายตามร้านขายยาหรือตามใบสั่งของแพทย์ คุณสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาหรือรับจากแพทย์โดยตรง ทายาที่ผื่นซึ่งเกิดจากอาการแพ้หนึ่งถึงสี่ครั้งต่อวัน หรือบ่อยครั้งตามคำแนะนำของแพทย์ มันจะช่วยลดอาการระคายเคือง ผื่นแดง อาการอักเสบ และอาการคันที่เกิดจากผื่นได้ [11]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ไปพบแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากผื่นกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหรือไม่มีท่าทีว่าอาการจะดีขึ้นแม้ว่าจะลองรักษาด้วยตัวเองแล้ว ก็หมายความว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องไปพบแพทย์ แพทย์จะตรวจอาการของผื่นและสั่งจ่ายยาที่ช่วยรักษาผื่นได้ [12]
    • หากคุณมีอาการรุนแรง เช่น หายใจไม่ออก กลืนยาก เป็นไข้ หรือผิวและแขนขาบวม แสดงว่าผื่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ร้ายแรงกว่า และควรจะได้รับการตรวจโดยแพทย์
  2. แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังจะเริ่มตรวจจากอาการเบื้องต้นและอาการเด่นอื่นๆ ของผื่น แพทย์จะตรวจว่าผื่นมีรูปร่างโค้งกลม เป็นวงแหวน เป็นเส้นตรง หรือมีรูปร่างคล้ายงู นอกจากนี้แพทย์จะยังตรวจความหนา สี ขนาด อาการกดเจ็บ และอุณหภูมิด้วย (สัมผัสแล้วรู้สึกอุ่นหรือเย็น) สุดท้ายแพทย์จะตรวจการกระจายของผื่นตามร่างกาย และดูว่ามันขึ้นเฉพาะที่บริเวณใดบ้าง [13]
    • แพทย์อาจจะทำการทดสอบผื่นของคุณ เช่น ส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจตัวอย่างผิว และการทดสอบอื่นๆ ในห้องทดลอง แพทย์อาจจะทดสอบอาการแพ้กับคุณ เพื่อตรวจว่าคุณแพ้สารอะไรบ้าง [14]
    • แพทย์อาจจะตรวจเลือดของคุณ เพื่อตรวจว่าผื่นเกิดจากการติดเชื้อหรือโรคที่มีสาเหตุจากไวรัสหรือไม่
  3. หากแพทย์วินิจฉัยว่าผื่นไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากอาการแพ้หรือการระคายเคือง แพทย์ก็อาจจะสั่งจ่ายครีมคอร์ติโซนหรือเจลที่เป็นยาสำหรับรักษาผื่นให้ [15]
    • หากแพทย์วินิจฉัยว่าผื่นเกิดจากโรคผิวหนังอักเสบ แพทย์ก็อาจจะสั่งจ่ายยาสเตอรอยด์สำหรับทา และครีมรักษาโรคผิวหนังอักเสบ
    • หากผื่นเกิดจากการติดเชื้อของเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน แพทย์ก็อาจจะสั่งยาทาหรือยาทานสำหรับรักษาเชื้อราให้
    • หากผื่นของคุณเป็นอาการที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น โรคเริม แพทย์ก็อาจจะสั่งจ่ายยาทาน หรือยาต้านไวรัสในหลอดเลือดดำให้
  4. หากคุณคิดว่าผื่นหรืออาการลมพิษมีสาเหตุจากปฏิกิริยาที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิดที่คุณใช้อยู่หรือเพิ่งใช้ไปในเร็วๆ นี้ คุณก็ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนยา อย่าเปลี่ยนหรือหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ ยาที่มักจะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้มีดังนี้: [16]
    • ยากลุ่ม Anticonvulsants สำหรับรักษาโรคลมชัก ลมบ้าหมู
    • อินซูลินที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน
    • สาร Iodinated x-ray contrast dye ที่ใช้เมื่อคุณต้องเข้ารับการเอ็กซเรย์
    • ยาปฏิชีวนะและยาฆ่าเชื้ออื่นๆ สำหรับรักษาการติดเชื้อ
    • หากคุณแพ้ยา คุณอาจจะมีอาการลมพิษ ผื่น หายใจลำบาก ลิ้น ริมฝีปาก หรือหน้าบวม และระคายเคืองบริเวณดวงตาหรือผิวหนัง
  5. เมื่อแพทย์วินิจฉัยอาการและจ่ายยารักษาผื่นให้คุณแล้ว คุณก็ควรมาพบแพทย์อีกครั้งในสัปดาห์ถัดไปตามเวลานัด แพทย์จะได้ติดตามอาการของคุณและตรวจดูว่ายาที่จ่ายไปได้ผลดีหรือไม่
    • หากวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง ผื่นที่ไม่ติดเชื้อแล้วจะจางและหายไปในเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,087 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา