ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ
  • ทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว โซเดียม และคอเลสเตอรอลต่ำ
  • ดื่มน้ำ 6-8 แก้ว (แก้วละประมาณ 240 มิลลิลิตร) ต่อวัน
  • ออกกำลังกายบ้าง แต่ควรปรึกษากับแพทย์ก่อน
  • เลิกสูบบุหรี่และเลิกดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนมากเกินไป
  • ถามแพทย์เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาและการผ่าตัดลิ้นหัวใจ
  • ถามแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้รักษา เช่น ยายับยั้ง ACE หรือ ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ (beta-blocker)
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ระบุอาการของภาวะหัวใจโต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีหลายโรคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมีภาวะหัวใจโต ซึ่งได้แก่ โรคลิ้นหัวใจหรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเกิน ความดันโลหิตสูง และภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง คุณยังสามารถเริ่มมีภาวะหัวใจโตได้เมื่อเป็นโรคไทรอยด์หรือโรคโลหิตจางเรื้อรัง หรือมันอาจจะเกิดจากการสะสมเหล็กและโปรตีนผิดปกติมากเกินไปที่หัวใจ
    • ยังมีสถานการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจโต โดยมันอาจจะเกิดจากการตั้งครรภ์ โรคอ้วน ภาวะโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์ สถานการณ์ของชีวิตที่เคร่งเครียด การติดเชื้อบางอย่าง การได้รับสารพิษจากยาและแอลกอฮอล์ และการใช้ยาบางชนิด [1] [2]
  2. มีบุคคลบางกลุ่มที่เสี่ยงที่จะเป็นภาวะหัวใจโต หากคุณมีความดันเลือดสูง หลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจ เลยเคยประสบกับภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ก็มีความเสี่ยงที่จะมีภาวะนี้ นอกจากนี้ คุณยังมีความเสี่ยงหากคนในครอบครัวของคุณเคยมีประวัติว่ามีภาวะหัวใจโต เพราะมันมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ในครอบครัว
  3. ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่โรค แต่มันก็มีอาการบางอย่างที่ผู้มีภาวะนี้จะต้องเผชิญ เช่น การเต้นของหัวใจผิดปกติ หายใจถี่ๆ มึนงง และไอ อาการนั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แฝงอยู่ที่ทำให้คุณมีภาวะนี้
  4. มีอาการแทรกซ้อนหลายอย่างที่สามารถเกิดขึ้นเมื่อมีภาวะหัวใจโต คุณอาจจะมีความเสี่ยงที่เกล็ดเลือดจะจับตัวเป็นลิ่มและหัวใจหยุดเต้น นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเสียงฟู่ของหัวใจเรื้อรัง (persistent heart murmurer) ซึ่งเกิดจากการไหลของเลือดและจังหวะของหัวใจที่ไม่ประสานกันและไม่เป็นปกติ หากปล่อยให้มีภาวะหัวใจโตต่อไปโดยไม่รักษา มันก็สามารถนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันได้
  5. มีหลายวิธีที่แพทย์สามารถวินิจฉัยว่าคุณมีภาวะหัวใจโต ปกติแล้วขั้นตอนแรกจะเริ่มด้วยการเอ็กซเรย์ โดยแพทย์จะดูที่ขนาดของหัวใจของคุณ แพทย์อาจจะทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือใช้คลื่นเสียงความถี่สูงหากการเอ็กซเรย์ไม่ได้ให้ผลที่แน่ชัด นอกจากนี้ แพทย์อาจจะทดสอบสมรรถภาพหัวใจ ตรวจโดยใช้เครื่องซีทีสแกน หรือใช้เครื่อง MRI
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เปลี่ยนการดำเนินชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเปลี่ยนแปลงเรื่องอาหารเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดผลกระทบจากภาวะหัวใจโตและช่วยจัดการกับปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดภาวะนี้ คุณควรทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว โซเดียม และคอเลสเตอรอลในระดับต่ำ คุณควรเพิ่มการทานผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และโปรตีนที่มีประโยชน์
    • คุณควรดื่มน้ำจำนวน 6-8 แก้วต่อวัน (แก้วละ 240 มิลลิลิตร) [7] [8]
    • พยายามทานปลา ผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ และถั่วให้มากขึ้นเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลและโซเดียม รวมถึงลดความดันเลือด
    • คุณอาจจะลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผนการทานอาหารที่เหมาะสมกับสถานการณ์สุขภาพของคุณมากที่สุด
  2. เพิ่มกิจกรรมทางกายให้มากขึ้นในกิจวัตรประจำวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพของคุณ แพทย์ของคุณอาจจะแนะนำประเภทของการออกกำลังกายที่แตกต่างกันไป แพทย์อาจจะแนะนำการออกกำลังกายแอโรบิกเบาๆ และการออกกำลังกายคาร์ดิโอแบบเบาๆ เช่น การเดินหรือว่ายน้ำหากหัวใจของคุณอ่อนแอเกินไปที่จะรับแรงกดขณะออกกำลังกาย
    • แพทย์อาจจะแนะนำให้คุณออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอระดับหนักและฝึกกล้ามเนื้อ เช่น ปั่นจักรยาน หรือการวิ่ง เมื่อคุณแข็งแรงขึ้นหรือคุณต้องการลดน้ำหนัก
    • ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกายใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
    • การทานอาหารที่ถูกต้องและการออกกำลังกายจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักซึ่งนี่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้มีภาวะหัวใจโต [9] [10]
  3. มีพฤติกรรมแย่ๆ หลายอย่างที่คุณควรหลีกเลี่ยงหรือเลิกทำทั้งหมดเมื่อคุณพบว่าตนเองนั้นมีภาวะหัวใจโต คุณควรเลิกสูบบุหรี่ทันทีเพราะว่ามันจะทำให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานหนัก คุณควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนมากเกินไปด้วยเพราะมันจะทำให้หัวใจของคุณเต้นผิดจังหวะและทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักและเสียหาย
  4. ขณะที่คุณพยายามฟื้นฟูสุขภาพร่างกายของคุณเอง คุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์บ่อยๆ เช่นกัน เพราะว่าแพทย์จะเฝ้าระวังภาวะหัวใจของคุณและบอกคุณว่ามันดีขึ้นหรือแย่ลง
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

พิจารณากระบวนการทางการแพทย์และการผ่าตัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปรึกษาเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษา. หากภาวะหัวใจโตของคุณนั้นเป็นสาเหตุทำให้หัวใจล้มเหลวหรือเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่รุนแรง แพทย์อาจจะแนะนำให้คุณฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (Implantable Cardioverter Defibrillator (ICD)) ซึ่ง ICD คืออุปกรณ์ที่มีขนาดเท่ากล่องไม้ขีดที่จะช่วยให้หัวใจของคุณรักษาอัตราการเต้นให้เป็นปกติโดยการใช้ไฟฟ้ากระตุ้น
  2. หากลิ้นหัวใจที่อ่อนแอนั้นเป็นสาเหตุของภาวะหัวใจโต แพทย์ของคุณอาจจะแนะนำการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ในระหว่างขั้นตอนนี้ แพทย์จะผ่าเอาลิ้นหัวใจที่ตีบตันหรือเสียหายออกไปและนำอันใหม่มาแทนที่
    • ลิ้นหัวใจที่นำมาแทนที่นั้นอาจจะมาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตไปแล้ว วัว หรือหมู คุณอาจจะได้รับเป็นลิ้นหัวใจเทียมได้ด้วยเช่นกัน
    • แพทย์ผ่าตัดอาจจะจำเป็นต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจที่รั่ว ซึ่งรู้จักกันในอีกชื่อว่าโรคลิ้นหัวใจเสื่อมแบบทำให้เลือดวนไหลสวนกลับ (valve regurgitation) ภาวะนี้เป็นสาเหตุของภาวะหัวใจโตด้วย มันจะทำให้เลือดไหลรั่วจากลิ้นหัวใจผ่านทางด้านหลัง [15]
  3. หากภาวะหัวใจโตของคุณนั้นเกิดจากโรคหลอดเลือดตีบตัน คุณอาจจะต้องผ่าตัดโดยใช้ขดลวดถ่างขยายหลอดเลือด (coronary stent) หรือการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หากคุณเคยประสบกับภาวะหัวใจล้มเหลวมาก่อนอันเกิดจากภาวะหัวใจโต แพทย์อาจจะแนะนำการผ่าตัดเพื่อติดตั้งเครื่องมือที่มีชื่อว่า Left ventricular assist device (LVAD) อุปกรณ์นี้จะช่วยให้หัวใจที่อ่อนแอของคุณบีบตัวได้อย่างเป็นปกติ
    • การติดตั้งเครื่อง LVAD นั้นเป็นการรักษาภาวะใจล้มเหลวในระยะยาวหรือเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตขณะที่คุณกำลังรอการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
    • การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับการรักษาภาวะหัวใจโตและจะถูกนำมาพิจารณาเมื่อวิธีการอื่นๆ ไม่ได้ผล ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจและระยะเวลาในการรอหัวใจจากผู้บริจาคนั้นค่อนข้างใช้เวลานานหลายปี [16]
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

รักษาโดยใช้ยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากวินิจฉัยแล้วพบว่าคุณมีอาการที่ทำให้มีภาวะหัวใจโต แพทย์อาจจะจ่ายยายับยั้ง ACE หากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอเป็นสาเหตุของภาวะหัวใจโต ยายับยั้ง ACE จะช่วยฟื้นฟูการบีบของหัวใจให้กลับมาเป็นปกติ ยาประเภทนี้จะช่วยลดความดันเลือดด้วย
  2. รักษาแผลที่เนื้อเยื่อหัวใจด้วยยาขับปัสสาวะ. หากคุณมีภาวะหัวใจโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเกิดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม (cardiomyopathy) แพทย์อาจจะจ่ายยาขับปัสสาวะ ยาประเภทนี้จะช่วยลดระดับของน้ำและโซเดียมในร่างกายและช่วยลดความหนาของกล้ามเนื้อหัวใจ
  3. หากอาการที่เห็นได้ชัดที่สุดของภาวะหัวใจโตของคุณคือความดันเลือดสูง แพทย์อาจจะจ่ายยาเบต้า บล็อกเกอร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการโดยรวมของคุณ ยาประเภทนี้จะช่วยทำให้ความดันเลือดให้ดีขึ้นและลดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะนอกเหนือจากลดระดับการเต้นของหัวใจ
    • ยาอื่นๆ เช่น ไดก็อกซิน (digoxin) ก็จะช่วยระบบการสูบฉีดของหัวใจให้ดีขึ้นด้วย นี่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงสถานการณ์ฉุกเฉินที่คุณต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวด้วย [19] [20]
  4. ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะหัวใจโต แพทย์อาจจะจ่ายยาประเภทอื่นๆ เพื่อทำให้อาการของคุณดีขึ้น ถ้าแพทย์กังวลว่าคุณมีความเสี่ยงที่เลือดจะจับตัวเป็นก้อน แพทย์อาจจะจ่ายยากันเลือดแข็งตัว (anticoagulants) ยาประเภทนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของเลือดแข็งตัวที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองแตกหรือหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,356 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม