การมีแก๊สในระบบทางเดินอาหาร (ท้องอืด) มักมีสาเหตุมาจากการหมักบูดของอาหารที่ไม่ได้ย่อยในบริเวณลำไส้ใหญ่โดยจุลินทรีย์ “ที่เป็นมิตร” การหมักบูดนี้ก่อให้เกิดแก๊ส ซึ่งจะบวมพองอยู่ในลำไส้ทำให้เกิดอาการไม่สบายตัว อาหารที่ระบบการย่อยอาหารในมนุษย์เรามักมีปัญหาในการย่อยจนหมดนั้นรวมไปถึงกากใยในพืชที่ย่อยไม่ได้, ปริมาณน้ำตาลฟรุกโตสที่มีมากเกินความต้องการ, น้ำตาลนม (แลคโตส) และกลูเตนโปรตีน [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล การผายลม การปรับเปลี่ยนโภชนาการและยารักษาบางตัวจะช่วยคุณให้หายจากอาการท้องอืดได้
ขั้นตอน
-
อย่ากลัวที่จะผายลม. มันน่าจะเป็นวิธีลดอาการปวดท้องเนื่องจากมีแก๊สได้ตรงเผงที่สุดแล้วโดยการผายลม (หรือตดนั่นเอง) ผู้คนส่วนใหญ่หรือในวงสังคมส่วนมากมักชี้ว่าการผายลมเป็นการไร้มารยาท ดังนั้นควรอดกลั้นและไปผายลมในสุขา วิธีที่จะช่วยให้ลมถูกปล่อยออกมา ก็เช่นออกไปเดินเล่นและ/หรือนวดบริเวณท้องน้อยลงไปเบาๆ ซึ่งจะช่วยดันแก๊สออกจากลำไส้ใหญ่ของคุณ
- แก๊สที่เกิดจากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่นั้นเป็นส่วนผสมของไนโตรเจน, คาร์บอนไดออกไซด์, มีเธนและสารประกอบซัลเฟอร์ อันเป็นตัวที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การผายลมมักจะกลายเป็นเรื่องปกติเมื่อแก่ตัวลง ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะร่างกายผลิตเอ็นไซม์ย่อยอาหารลดน้อยลง
-
ลองลดอาการปวดด้วยการเรอ. อีกวิธีในการปล่อยแก๊ส แต่เป็นทางอีกด้านหนึ่ง โดยการเรอออกมา ถึงแม้การเรออาจไม่ได้ส่งผลอะไรกับลำไส้ใหญ่มากนัก แต่มันช่วยขับแก๊สส่วนเกินในกระเพาะและลำไส้ตอนบนได้แน่ๆ การมีลมในท้องมากเกินไปนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากการกลืนน้ำหรือรับประทานอาหารเร็วเกินไป หรือดื่มน้ำทางหลอด เคี้ยวหมากฝรั่งและการสูบบุหรี่ ลมในท้องนี้สามารถปลดปล่อยได้ทั้งง่ายทั้งไวและไม่เจ็บปวดก็ด้วยการเรอ [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล แม้ว่าการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปจะสามารถทำให้ท้องอืด แต่การจิบน้ำซ่าๆ เหล่านี้สักเล็กน้อยจะช่วยให้เรอและขับแก๊สออกมา
- วิธีแก้ทางธรรมชาติที่บางครั้งอาจช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรอก็มีขิง, มะละกอ, น้ำมะนาวและน้ำใบสาระแหน่
- เช่นเดียวกับการผายลม ผู้คนและสังคมส่วนใหญ่ (แต่ไม่ทั้งหมด) เห็นว่าการเรอในที่สาธารณะเป็นการไร้มารยาท ดังนั้นจึงควรคิดก่อนทำ
-
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส. อาหารบางอย่างมีโอกาสก่อให้เกิดแก๊สในลำไส้สูงเพราะมันย่อยยากหรือมีส่วนประกอบที่อาจสร้างความระคายต่อท้องและลำไส้ อาหารที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวชวนให้ท้องอืดหรือก่อแก๊สก็ได้แก่ ถั่วลิสง ถั่วลันเตา ถั่วเลนทิล ผักกาด กระเทียม บร็อคโคลี กระหล่ำดอก พรุน และเห็ด [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล การรับประทานใยอาหารที่ย่อยไม่ได้ (พบในผักส่วนใหญ่และเปลือกผลไม้บางชนิด), น้ำตาลฟรุคโตส (พบในผลไม้ โดยเฉพาะพวกเบอร์รี่รสหวาน), กับกลูเตน (โปรตีนที่พบในธัญพืชส่วนใหญ่ เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์และข้าวไรย์) มากจนเกินไปก็อาจทำให้ท้องอืด ผายลมบ่อยและท้องร่วง ถ้าคุณชอบทานผักผลไม้สดๆ จึงควรทานแต่น้อย เคี้ยวให้ละเอียดและค่อยๆ กลืน
- คนที่เป็นโรคแพ้กลูเตน (celiac disease) จะมีอาการไวต่อกลูเตน ซึ่งจะก่ออาการระคายลำไส้ ทำให้ปวดท้องและท้องอืด
- โรคลำไส้อื่นๆ ที่ทำให้ท้องอืดง่ายได้แก่ โรคลำไส้หดเกร็ง (IBS), โรคลำไส้ใหญ่เป็นแผลอักเสบ และโรคโครห์น
- เครื่องดื่มที่อาจทำให้ท้องอืดได้แก่ กาแฟ, น้ำที่มีฟรุคโตสสูง, เบียร์ และน้ำอัดลมที่ใช้น้ำตาลเทียม (แอสปาแตมหรือซอร์บิทอล)
-
หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกนมถ้าคุณเป็นพวกแพ้น้ำตาลแลคโตส. การแพ้น้ำตาลแลคโตสคือการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเอ็นไซม์แลคเตสออกมามากพอ (หรือออกมาได้) ซึ่งมันจำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลนม (แลคโตส) แลคโตสที่ไม่ได้ย่อยจะลงไปรวมตัวกันในลำไส้ใหญ่และกลายเป็นแหล่งที่จุลินทรีย์ใช้หมักตัวและเป็นอาหาร ซึ่งทำให้เกิดแก๊สตามมา อาการของการแพ้แลคโตสก็คือ ผายลมบ่อย ท้องอืด ปวดท้อง และท้องร่วง [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงควรลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนมถ้าคุณดูท่าว่าจะแพ้แลคโตส โดยเฉพาะพวกนมวัว ชีส วิปปิ้งครีม ไอศกรีม และมิลค์เชค
- ความสามารถในการผลิตแลคเตสจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังพ้นวัยเด็ก ซึ่งหมายความว่าเมื่อแก่ตัวลง คุณก็จะเสี่ยงต่อการแพ้แลคโตสยิ่งขึ้น [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณต้องการจะบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดแก๊สและการปวดท้องเนื่องจากแพ้แลคโตสแล้วละก็ ลองหาซื้อเอ็นไซม์แลคเตสชนิดแคปซูลจากร้านเวชภัณฑ์และร้านขายยา ทานแคปซูลสักสองสามเม็ดก่อนรับประทานอาหารที่ทำมาจากนม
-
ผสมเบกกิ้งโซดาสักหนึ่งถึงสองช้อนชาลงไปในน้ำ. อาการปวดท้องเนื่องจากลมในกระเพาะอาจเกิดจากกรด เบกกิ้งโซดามีฤทธิ์เป็นเบส ซึ่งจะช่วยลดความเป็นกรด ทำให้ไม่ปวดท้องโฆษณา
-
ปรึกษาแพทย์. นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สและการเป็นคนแพ้แลคโตสแล้ว ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ท้องอืดและปวดท้อง ดังนั้น ถ้าคุณปวดท้องลมเป็นประจำ จึงควรนัดพบแพทย์ให้ตรวจวินิจฉัยเผื่อเจออะไรหนักหนา โรคที่มักทำให้ท้องอืดและปวดท้องได้แก่ อาการลำไส้ติดเชื้อ (ไวรัส, จุลินทรีย์และปรสิต) แผลเปื่อยในท้อง ลำไส้อุดตัน โรคลำไส้หดเกร็ง ลำไส้ใหญ่เป็นแผล โรคแพ้กลูเตนแพ้อาหาร มะเร็งลำไส้หรือมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคในถุงน้ำดี และโรคกรดไหลย้อน [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าหากอาการปวดท้องของคุณเกิดเนื่องจากการติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษ แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะในระยะสั้นให้ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปจะฆ่าจุลินทรีย์ดีและไปก่อให้เกิดโรคในกระเพาะลำไส้มากขึ้นกว่าเดิม [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ยารักษาโรคบางตัวอาจทำให้ท้องอืดหรือผายลมได้ เช่น ยาแก้อักเสบแบบไม่ใช้สเตียรอยด์ (ไอบูโพรเฟน, นาพร็อกเซน), ยาถ่าย, ยาต้านเชื้อรา และสตาตินส์ (สำหรับการมีคอเลสเตอรอลสูง) ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ที่จ่ายยาเหล่านี้ก่อน [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- แพทย์อาจต้องการตัวอย่างอุจจาระและอาจตรวจเลือดเพื่อหาโรคแพ้กลูเตนและตรวจลมหายใจเพื่อหาอาการแพ้แลคโตส ในบางกรณีอาจต้องรับการฉายเอ็กซ์เรย์หรือส่องกล้องไปในลำไส้
-
ปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้กรดเกลือ. การย่อยอาหารปกติ โดยเฉพาะมื้อที่หนักโปรตีน ต้องใช้กรดในกระเพาะสูง ซึ่งก็คือกรดเกลือเข้มข้นนั่นเอง [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การขาดกรดเกลือ (อาการปกติในผู้สูงอายุ) สามารถทำให้ไม่มีกรดมาย่อยโปรตีนได้พอ ซึ่งจะทำให้มันบูดเน่าอยู่ในลำไส้และทำให้เกิดแก๊สได้ หากเป็นเช่นนั้น ลองปรึกษาแพทย์เรื่องตรวจหาปริมาณกรดเกลือในกระเพาะแล้วอาจรับประทานกรดเกลือเสริมถ้าร่างกายคุณผลิตไม่พอตามธรรมชาติ
- เพื่อช่วยย่อยโปรตีน คุณอาจรับประทานอาหารจานเนื้อ เนื้อไก่หรือปลาตั้งแต่ต้นแทนที่จะเป็นขนมปังหรือสลัด กระเพาะอาหารมักหลั่งกรดออกมาในทันทีที่คุณเริ่มทาน แต่คาร์โบไฮเดรตนั้นต้องการกรดเพียงเล็กน้อยในการย่อย (เมื่อเทียบกับโปรตีน)
- บีเทน ไฮโดรคลอไรด์ (Betaine hydrochloride) เป็นกรดเกลือรูปแบบที่นิยมซึ่งคุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารเสริมทั่วไป จำไว้ว่าใช้ทานหลังอาหาร ห้ามทานก่อนหรือในระหว่างมื้ออาหาร
-
ลองพิจารณาการใช้เอ็นไซม์อัลฟ่ากาแลคโตซิเดส (alpha-galactosidase). ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น สาเหตุทั่วไปที่อาหารบางชนิดก่อให้เกิดแก๊สในลำไส้ก็เนื่องมาจากร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยสารประกอบน้ำตาลเชิงซ้อนบางประเภทได้ (เช่นใยอาหารหรือน้ำตาลที่เรียกว่าโอลิโกแซ็คคาไรด์ (oligosaccharides) การใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปที่มีอัลฟ่ากาแลคโตซิเดส (บีนโน, ซันแท็กไซม์. บีนไซม์) สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ เพราะเอ็นไซม์จะย่อยน้ำตาลเชิงซ้อนลงก่อนที่มันจะไปถึงส่วนลำไส้และเริ่มบูดเน่า [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ลองทานยาที่มีอัลฟ่ากาแลคโตซิเดสสักเม็ดก่อนทานอาหารที่มีใยอาหารสูง (ผักผลไม้ส่วนใหญ่) เพื่อช่วยป้องกันการเกิดแก๊สและอาการปวดท้อง
- เอ็นไซม์ย่อยน้ำตาลตัวนี้สกัดมาจากเชื้อราที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่เรียกว่า แอสเปอร์จิลลัส ไนเจอร์ (Aspergillus niger) ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่อ่อนไหวต่อเชื้อราและเพนนิซิลลินได้
- อัลฟ่ากาแลคโตซิเดสจะย่อยกาแลคโตสให้กลายเป็นกลูโคสอย่างมีประสิทธิภาพ แต่มันอาจรบกวนยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์หากคุณเป็นเบาหวานและคิดจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมัน
-
ลองทานโพรไบโอติกดู. อาหารเสริมโพรไบโอติกประกอบด้วยจุลินทรีย์สมบูรณ์ที่พบในลำไส้ใหญ่โดยปกติ จุลินทรีย์”ที่เป็นมิตร”เหล่านี้สามารถถูกกำจัดจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไป, การใช้ยาถ่าย, ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, การบริโภคธาตุหนักและทำให้ลำไส้อักเสบ เมื่อขาดสมดุลย์ของเหล่าจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรเหล่านี้ก็จะนำไปสู่ปัญหาในการย่อยอาหารและอาการลำไส้อักเสบอื่นๆ ถ้าหากคุณคิดว่าตนเองเสี่ยงต่อการขาดจุลินทรีย์ในลำไส้ ก็ควรนึกถึงการใช้อาหารเสริมโพรไบโอติกเพื่อลดอาการท้องอืด [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล โพรไบโอติกนั้นปลอดภัยและหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายอาหารสุขภาพ
- โพรไบโอติกมีทั้งในแบบเม็ด แคปซูล หรือเป็นแป้ง และจะต้องใช้เป็นประจำเพื่อให้ออกฤทธิ์ในลำไส้ใหญ่ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้แบบไหนก็ควรที่จะเป็นแบบเคลือบแผ่นฟิล์มบางๆ หรือเป็นไมโครแคปซูลเพื่อป้องกันการแตกตัวโดยน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ให้มันไปถึงและออกฤทธิ์ในลำไส้ใหญ่ [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อาหารหมักเป็นแหล่งจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรได้อย่างดี ตัวอย่างเช่น โยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ, บัตเตอร์มิลค์, นมเปรี้ยวเคเฟอร์, ผลิตภัณฑ์จากการหมักถั่วเหลือง (นัตโตะ, มิโสะ, ซอสถั่วเหลือง, เต้าหู้), กระหล่ำปลีเปรี้ยว และแม้กระทั่งเบียร์สด
-
หากท้องผูกให้ลองใช้ยาถ่าย. อาการท้องผูกคืออาการที่ลำไส้ไม่มีการขับเคลื่อนหรือไม่ขับอุจจาระ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการรับประทานใยอาหารมากเกินไป (หรือไม่ทานเลย) หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป [14] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล อาการท้องผูกเรื้อรังมักใช้กับการที่ลำไส้ขับเคลื่อนน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน แต่ส่วนใหญ่แล้วอาการท้องผูกจะเกิดเพียงไม่กี่วัน อาการท้องผูกนำไปสู่การปวดเกร็งที่ลำไส้เหมือนกับท้องอืด แต่สาเหตุมักแตกต่างกัน การรักษาก็เช่นใช้ยาถ่ายที่จะช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนของลำไส้ ยาถ่ายนั้นมีทั้งแบบทำให้อุจจาระขยายตัว (ไฟเบอร์คอน, เมตามูซิล, ซิทรูเดล) ทำให้อุจจาระนิ่มลง ช่วยให้ของเหลวไหลผ่านลำไส้ (ยาระบาย) หรือช่วยหล่อลื่นภายในลำไส้ (แว็กซ์เหลว, น้ำมันตับปลา) [15] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารไม่ดีมักจะมีอาการท้องผูกจากการทานใยอาหารไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงแนะนำให้ทานลูกพรุนหรือดื่มน้ำลูกพรุน
- ท้องผูกในเด็กหรือวัยแรกรุ่นนั้นมักเกิดจากการทานใยอาหารมากเกินไป เช่นแคร็อตหรือแอปเปิล
- ถ้าอาการท้องผูกเกิดจากการทานใยอาหารมากเกินไป ก็อาจเกิดลมในกระเพาะและท้องอืดจากจุลินทรีย์ก็ได้ หากเป็นเช่นนั้น คำแนะนำข้างต้นในเรื่องการรักษาอาการปวดท้องจากแก๊สส่วนใหญ่ก็สามารถนำมาใช้ได้
โฆษณา
เคล็ดลับ
- การรับประทานอาหารมากเกินไปและเร็วเกินไปจะทำให้เกิดอาการท้องเฟ้อและปวดท้องโดยไม่เกี่ยวกับประเภทของอาหาร ดังนั้นควรรับประทานอาหารน้อยลงตักคำเล็กลงกว่าเดิมและเคี้ยวช้าๆ
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่งหรือดูดลูกอมชนิดแข็งเพราะคุณมักจะกลืนลมเข้าไปมากกว่าปกติ
- ตรวจสุขภาพฟันอยู่เป็นประจำ เพราะถ้ามันเรียงตัวแย่ คุณก็มีสิทธิกลืนอากาศเวลาดื่มกินมากขึ้นกว่าเดิม
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gas-and-gas-pains/in-depth/gas-and-gas-pains/art-20044739?pg=2
- ↑ http://www.gastroconsultantsqc.com/services/diseases/gas-bloating/
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Flatulence/Pages/Causes.aspx
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gas-and-gas-pains/in-depth/gas-and-gas-pains/art-20044739?pg=2
- ↑ http://www.iffgd.org/site/gi-disorders/functional-gi-disorders/diarrhea/common-causes/
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diarrhea/basics/causes/con-20014025
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gas-and-gas-pains/in-depth/gas-and-gas-pains/art-20044739
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diarrhea/basics/causes/con-20014025
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Flatulence/Pages/Causes.aspx
- ↑ http://www.clinicaleducation.org/resources/reviews/the-role-of-hcl-in-gastric-function-and-health/
- ↑ http://ghr.nlm.nih.gov/gene/GLA
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diarrhea/basics/lifestyle-home-remedies/con-20014025
- ↑ http://www.medscape.com/viewarticle/719654_11
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/constipation/basics/symptoms/con-20032773
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/constipation/basics/treatment/con-20032773
โฆษณา