ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นหนึ่งในโรคลำไส้ที่พบบ่อยที่สุด พบได้มากถึงครึ่งหนึ่งของคนอายุ 50 ปีขึ้นไปเลยทีเดียว ริดสีดวงนอกจากทรมานแล้วคนที่เป็นยังรู้สึกอาย พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอีกต่างหาก แต่บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวารให้คุณเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

รักษาริดสีดวงทวาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ค่อยๆ ซับให้สะอาด อย่าทำผิวระคายเคืองกว่าเดิม ให้ซับด้วยทิชชู่ชุบน้ำ เลือกทิชชู่ที่ไม่แต่งกลิ่นหรือ baby wipe คือทิชชู่เปียกเช็ดก้นเด็ก จะได้อ่อนโยนต่อผิว
  2. เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างสูงประมาณ 10 ซม. (4 นิ้ว) จากนั้นลงไปแช่ให้สบายประมาณ 15 นาที โดยชันเข่าขึ้น ท่านี้จะทำให้น้ำอุ่นสัมผัสกับบริเวณก้นมากที่สุด ช่วยบรรเทาปวดและลดอาการระคายเคือง
    • ผสมดีเกลือฝรั่ง (Epsom salts) ในน้ำสัก 1 กำมือจนเกลือละลาย ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ทำให้ริดสีดวงหดเล็กลงได้
  3. ยาทานี่แหละขั้นตอนสำคัญในการรักษาริดสีดวง ยาทาริดสีดวงมีขายตามร้านขายยาทั่วไป ตัวยาที่นิยมใช้กันก็เช่น
  4. ตอนนั่งที่โถส้วม จะทำให้สบายขึ้น ถุงชาอุ่นๆ ช่วยลดปวด ส่วน tannin ในชาเป็นยาสมานตามธรรมชาติ ช่วยลดปวดบวม
  5. เอาสำลีก้อนชุบ witch hazel แบบยังไม่กลั่นมาแตะๆ ที่ริดสีดวง ช่วยลดปวดบวมได้ เพราะ witch hazel ถือเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มี tannin สูงและใช้แล้วเห็นผลที่สุด
    • หรือซื้อแผ่นเช็ดทำความสะอาดแบบผสม witch hazel จะเป็นเหมือนทิชชู่เปียก ใช้เดี่ยวๆ หรือร่วมกับทิชชู่ธรรมดาก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ป้องกันริดสีดวงทวาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ป้องกันไม่ให้ริดสีดวงโผล่มาแต่แรก จะง่ายกว่ามานั่งรักษาตัวทีหลัง ลองใช้วิธีการต่างๆ ต่อไปนี้ดู ถ้าอยากห่างไกลโรคริดสีดวงทวาร
    • ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว [1] นอกจากไม่เป็นริดสีดวงแล้ว ยังดีต่อสุขภาพโดยรวม
    • กินอาหารที่มีกากใย (ไฟเบอร์) สูง โดยเฉพาะผักผลไม้และธัญพืชโฮลเกรน (เต็มเมล็ด) จะได้ไม่ท้องเสียหรือท้องผูก
    • ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ใช้ยาทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (stool softener) ได้ อย่าไปกังวล
  2. ริดสีดวงบางทีก็เกิดเพราะคุณเบ่งแรงเกินไป ลองปล่อยตัวตามสบายตอนถ่ายท้อง เพราะถ้าเบ่งแรงจะไปเพิ่มแรงดันทำให้เกิดริดสีดวงหรืออาการหนักกว่าเดิม
  3. อย่านั่งนานๆ ลุกไปเดินเล่นหรือขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวบ้าง พอมีแรงกดทับนานๆ ก็ทำให้เกิดริดสีดวงหรืออาการหนักกว่าเดิมได้
  4. ถ้าคันแถวๆ ริดสีดวง ให้ทา witch hazel นิดหน่อย ส่วนเวลาเช็ดก้น ก็อย่าใช้ทิชชู่แห้งๆ
    • ใช้ทิชชู่เปียกหรือทิชชู่ที่นิ่ม ไม่ระคายเคือง พวกแต่งกลิ่นใส่สีนี่ต้องระวัง
  5. ชุดชั้นในผ้าฝ้ายหรือคอตตอนนั้นระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้ยังนุ่ม ไม่ระคายผิวเหมือนใยสังเคราะห์อื่นๆ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

พบแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเป็นริดสีดวงเรื้อรัง เจ็บปวดทรมาน ให้ปรึกษาคุณหมอเรื่องรักษาด้วยความร้อน รวมถึงวิธีอื่นๆ. ถ้าเป็นริดสีดวงเรื้อรังจนใช้ชีวิตประจำวันไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะอาการเจ็บปวดทรมาน ต้องรีบหาหมอ
    • รักษาโดยใช้ความร้อน หรือ "infrared coagulation" เป็นการใช้ความร้อนยับยั้งการไหลเวียนเลือด ไม่ให้ไปเลี้ยงริดสีดวง สุดท้ายจะหลุดออกไปเอง [2] วิธีนี้ใช้รักษาริดสีดวงได้ทีละจุดเท่านั้น
    • ใช้ยางรัดริดสีดวง (rubber band ligation) เพื่อให้เลือดไม่ไปเลี้ยงริดสีดวง จะได้ฝ่อ [3] คุณหมอจะใช้หนังยางรัดรอบริดสีดวง
    • ผ่าตัดเอาริดสีดวงทวารออกไป (surgical hemorrhoidectomy) เป็นการตัดริดสีดวงเป็นจุดๆ ไป โดยใช้ที่เย็บผิวหนัง (stapler) หรือไหมเย็บแผล (sutures) [4]
  2. ริดสีดวงทำให้เลือดรอบๆ รูก้นแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ รวมถึงเกิดแผลเป็นที่เนื้อเยื่อใกล้เคียง ถ้าสำรวจแล้วพบว่ามีลิ่มเลือด ให้หาหมอเพื่อเอาออกและรักษาริดสีดวง
  3. บางทีถ้าเห็นตัวเองถ่ายเป็นเลือดอาจเป็นเพราะริดสีดวง แต่บางทีก็เป็นสัญญาณบอกโรคร้ายแรงกว่านั้น เช่น มะเร็ง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

แนวทางการรักษาของคุณหมอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณหมอจะใช้หนังยางเส้นเล็กๆ รัดริดสีดวง เพื่อไม่ให้เลือดไปเลี้ยง ริดสีดวงจะค่อยๆ ฝ่อ เป็นขั้นตอนที่ต้องทำซ้ำประมาณ 2 - 4 ครั้ง โดยห่างกัน 6 - 8 อาทิตย์
    • ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรง เจ็บไม่มาก ไม่ถึงกับทนไม่ไหว
    • อาจจะมีเลือดออกบ้าง แต่ไม่ค่อยเจอ
  2. ปรึกษาคุณหมอเรื่องรักษาด้วยวิธีอื่นถ้ารัดยางแล้วไม่ได้ผล. ถ้าวิธีแรกไม่ได้ผล คุณหมอก็จะแนะนำให้อีกหลายวิธี ส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงแค่เล็กน้อย และไม่เสี่ยงหรืออันตรายเท่าไหร่
    • Sclerotherapy: เป็นการฉีดสารเคมีเข้าที่ริดสีดวงโดยตรงเพื่อทำให้ฝ่อ
    • Laser/Infrared Coagulation: ฉายแสงให้ริดสีดวงไหม้ ทำให้เกิดแผลเป็น เลือดจะได้ไม่ไปเลี้ยง ริดสีดวงจะฝ่อในที่สุด
    • Cryosurgery: อันนี้เหมือนการจี้หูดด้วยไนโตรเจนเหลว เพื่อให้เกิดแผลเป็นที่ริดสีดวง เลือดจะได้ไม่ไปเลี้ยง [5]
  3. เป็นการผ่าตัดเนื้อเยื่อจากร่างกาย ถ้าคุณหมอกังวลเรื่องริดสีดวงที่ยื่นออกมา ริดสีดวงเรื้อรัง หรือถ้าวิธีอื่นที่ง่ายกว่าไม่ได้ผล ก็มักเลือกวิธีนี้ ซึ่งจะทำให้หายขาดเลย โดยคุณหมอจะผ่าตัดเอาเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงริดสีดวงออก
    • ว่ากันว่า Hemorrhoidectomies หรือการผ่าตัดกำจัดริดสีดวงได้ผลดีถึง 95% และไม่ค่อยมีความเสี่ยง
    • อาจต้องมีการเย็บแผล
    • จะมีการวางยาสลบด้วย แต่คนไข้ส่วนใหญ่กลับบ้านได้ในวันเดียวกัน
    • พอเป็นการผ่าตัดก็แน่นอนว่าจะเจ็บตัวกว่าวิธีอื่น เตรียมลางาน 1 อาทิตย์หรือนานกว่านั้นได้เลย [6]
  4. ปรึกษาคุณหมอเรื่องเย็บกำจัดริดสีดวงทั้งแบบอยู่ข้างในและยื่นออกมา. prolapsed hemorrhoid เป็นริดสีดวงที่ยื่นออกมาจากก้น รักษาได้โดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหมือนแม็กซ์เย็บกระดาษ มาใช้จัดระเบียบริดสีดวง เย็บปิดเส้นเลือดไม่ให้ไปเลี้ยง ตำแหน่งจะอยู่สูงเข้าไปในรูก้น ไม่ค่อยมีปลายประสาท เลยเจ็บตัวน้อยกว่า
    • คุณหมอจะเรียกวิธีนี้ว่า Procedure for Prolapse and Hemorrhoids หรือ PPH
    • PPH จะเลือดออกน้อยกว่า และไม่ค่อยคันหรือเจ็บตัวเท่าการผ่าตัดเต็มรูปแบบ
    • หลัง PPH จะฟื้นตัวเร็วกว่า haemorrhoidectomy หรือการผ่าตัดกำจัดริดสีดวง
  5. ปกติคุณหมอจะไม่ให้ยาแก้ปวด แต่จะจ่ายยาทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มแทน. คุณหมอมักแนะนำให้ซื้อยาแก้ปวดกินเอง เช่น ibuprofen เพราะอาการปวดจะไม่รุนแรงถึงขั้นต้องใช้ยาแรงๆ ของคุณหมอ จากนั้นคุณหมอจะจ่ายยาทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้ท้องผูก คำแนะนำอื่นๆ ก็เช่น
    • ถ่ายทีละน้อยแต่บ่อย
    • แช่น้ำอุ่น วิธีนี้เรียก "sitz bath"
    • อย่านั่งนานๆ โดยเฉพาะอย่านั่งบนพื้นหรือเก้าอี้แข็งๆ
    • กินอาหารไฟเบอร์สูง [7]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

วิธีทางเลือก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สมุนไพรหลายชนิดใช้รักษาริดสีดวงกันมาแต่โบราณ ส่วนใหญ่จะใช้ลดอาการอักเสบและบล็อกเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงริดสีดวง เวลาถ่ายจะได้สบาย เลือดไม่ไหล ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร จะใช้แล้วเห็นผลกว่า นอกจากนี้ให้ควบคุมอาหารการกินไม่ให้ริดสีดวงกลับมาอักเสบอีก [8]
    • Amorphophallus campanulate (บุก)
    • Zingiber officinale (ขิง)
    • Mesua ferrea (บุนนาค)
    • Mimosa pudica (ไมยราบ)
    • Terminalia belerica (สมอพิเภก)
    • Terminalia chebula (สมอไทย)
    • Emblica officinalis (มะขามป้อม)
    • Berberis aristata (ขมิ้น) [9]
    • Plumbago zeylanica (เจตมูลเพลิงขาว)
  2. สารกระตุ้นภูมิหลายอย่างใช้ลดปวดและอักเสบจากริดสีดวงได้เห็นผล มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รับรองด้วย
    • Aesculus Hippocastanum (Horse Chestnut): มีงานวิจัยที่ชี้ว่าวิธีกระตุ้นภูมิแบบ Advanced Resonance นี้ ช่วยให้ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นยิ่งขึ้น [10] , [11]
    • Collinsonia (กะเพราแดง): มีงานวิจัยที่ชี้ว่าวิธีกระตุ้นภูมิแบบ Advanced Resonance นี้ อาจช่วยรักษาบริเวณหูรูดได้ [12]
    • Millefolium (ยาร์โรว์): มีงานวิจัยที่ชี้ว่าวิธีกระตุ้นภูมิแบบ Advanced Resonance นี้ อาจช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น [13]
    • Aloe Socotrina (ตระกูลว่านหางจระเข้): มีงานวิจัยที่ชี้ว่าวิธีกระตุ้นภูมิแบบ Advanced Resonance นี้ ช่วยห้ามเลือดเมื่อหลอดเลือดฉีกขาด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มีหลายวิธีธรรมชาติใช้รักษาริดสีดวงได้ ถ้ารักษาแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า
  • อย่าเการิดสีดวง เพราะอาจทำให้ผนังหลอดเลือดที่บอบบางฉีกขาด ทีนี้จะอันตรายในระยะยาว
  • ดื่มน้ำเยอะๆ ร่างกายเราประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ ถ้ารู้สึกหิวน้ำเมื่อไหร่แสดงว่าอันตรายแล้ว น้ำสำคัญต่อกระบวนการขับถ่าย ถ้าดื่มน้ำน้อย จะทำให้ร่างกายขับของเสียได้ช้าลง ของเสียตกค้างในลำไส้ สุดท้ายก็อึแข็งถ่ายยาก
  • อาบน้ำหรือล้างก้นแล้วต้องซับก้นให้แห้งสะอาด ถ้าปล่อยให้อับชื้น จะทำให้ระคายผิวได้
  • นอกจากอาบน้ำแช่น้ำตามปกติ ให้แช่ sitz bath ร่วมด้วย จะมีอ่างที่เหมือนเก้าอี้ ใช้แช่ตัวเฉพาะก้น สะโพก กับต้นขาในน้ำอุ่น เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาริดสีดวง
  • พอริดสีดวงหายแล้ว สำคัญว่าต้องป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ โดยเฉพาะระวังอย่าให้ท้องผูก ให้กินอาหารไฟเบอร์สูงแต่แรก
  • ครีมหรือเจลยาใช้ทารักษาคนละอาการ (เช่น ถ้าคัน/แสบ ให้ทาเจลเย็นที่มีวิตามินอีหรือว่านหางจระเข้ จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว) ถ้าเจ็บริดสีดวง ให้ทาครีมแก้ปวดแทน
  • ถ้าเป็นไปได้ให้อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะคนที่คันหรือเจ็บริดสีดวงเป็นพิเศษ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าเลือดออกจากก้น อยู่ๆ ก็เจ็บ หรือลักษณะการถ่ายเปลี่ยนไป ให้ไปหาหมอ
  • ครีมหรือเจลเอาไว้ทาภายนอกเท่านั้น ถ้าคันหรือแสบเข้าไปข้างใน ต้องเปลี่ยนไปใช้ยาเหน็บแทน
  • ถ้าเป็นริดสีดวงแล้วปล่อยไว้ไม่รักษา อาจเป็นหนักจนยื่นออกมาหรือกลายเป็นก้อนแข็งและเจ็บ แบบนี้ต้องผ่าตัดเอาออกลูกเดียว
  • เป็นริดสีดวงแล้วไม่ถึงกับต้องไปหาหมอทันที อาการแรกที่มักพบคือมีเลือดสดตอนถ่าย ให้รีบดูแลตัวเอง แต่ถ้าถึงขั้นถ่ายผสมเลือดสีเข้มหรือดำ ต้องหาหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณบอกว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหาร
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,186 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา