ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณกำลังพยายามลดน้ำหนัก การทานอาหารอย่างช้าๆ และระมัดระวังสิ่งที่ทานมากขึ้นจะช่วยให้คุณทานน้อยลงและน้ำหนักลดลง การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พิสูจน์แล้วว่า มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าสมองจะรับรู้ว่าความหิวหายไปแล้ว เวลาที่คุณรีบทานอาหาร สมองของคุณาอาจไม่สามารถบอกได้ว่าจริงๆ ว่าคุณทานอาหารไปแล้วกี่มากน้อย และอาจทำให้คุณทานเยอะเกินไปในที่สุด การศึกษามากมายแสดงให้เห็นว่าการทานให้ช้าลงและใส่ใจสิ่งที่ทานมากขึ้นจะช่วยให้คุณทานน้อยลงและสามารถจัดการกับน้ำหนักของคุณได้ [1] นำวิธีง่ายๆ เหล่านี้มาใช้เพื่อช่วยให้คุณทานอาหารช้าลงเพื่อช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทานช้าๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การศึกษาวิจัยเผยว่าการรับประทานอาหารอย่างน้อย 20-30 นาทีอาจช่วยให้คุณทานน้อยลงได้ ฮอร์โมนที่หลั่งออกจากลำไส้จะไปยังสมองและสั่งการให้รู้สึกพอหรือรู้สึกอิ่ม [2]
    • หากคุณเป็นนักทานเร็ว มีแนวโน้มว่าคุณจะได้ประโยชน์จากการให้เวลากับการทานอาหารแต่ละมื้อมากขึ้น คุณอาจสังเกตเห็นว่า ยิ่งคุณทานช้าลงเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งรู้สึกพอมากขึ้นเท่านั้น
    • วางซ้อมลงขณะที่เคี้ยวแต่ละคำ สิ่งนี้จะช่วยบังคับให้คุณทานช้าลงและได้ใช้เวลาขณะรับประทานอาหาร
    • พูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวขณะรับประทานอาหาร แทนที่จะสนใจแต่จะทานอาหาร ให้คุณพูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนและร่วมวงสนทนาเพื่อช่วยให้คุณทานช้าลง
  2. หลายต่อหลายครั้งที่ใช้ส้อมจ้วงอาหารคำใหญ่ๆ และจ้วงต่อแทบจะทันทีหลังจากนำส้อมเข้าปากไป การทำเช่นนี่จะยิ่งทำให้คุณทานอาหารเร็วขึ้นและมากขึ้น
    • ตักคำเล็กๆ เวลาทานอาหาร คอยสังเกตดูว่าในส้อมของคุณมีอาหารอยู่มากน้อยแค่ไหนในแต่ละคำ พยายามลดปริมาณอาหารลงครึ่งหนึ่ง
    • เคี้ยวให้ละเอียด นี่จะช่วยบังคับให้คุณทานช้าลง นอกจากนี้ การเคี้ยวให้นานขึ้นยังช่วยให้คุณรับรู้รสชาติและเพลิดเพลินกับอาหารของคุณมากยิ่งขึ้น
  3. การดื่มน้ำขณะรับประทานอาหารให้ประโยชน์หลากหลายทั้งต่อเวลาที่ใช้ในการรับประทานอาหารและต่อรอบเอวของคุณ
    • หากคุณวางส้อมระหว่างทานอาหารแต่ละคำเพื่อช่วยให้คุณทานช้าลง ให้จิบน้ำด้วย
    • ยิ่งคุณจิบน้ำระหว่างมื้ออาหารมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งรู้สึกอิ่มน้ำซึ่งไม่ได้ให้แคลอรี่เลยสักนิด
    • นอกจากนี้ ยิ่งคุณดื่มน้ำในแต่ละมื้ออาหารมาก ปริมาณน้ำโดยรวมในระหว่างวันที่คุณดื่มก็เยอะตามไปด้วย ช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายในการดื่มน้ำ 13 แก้วต่อวันได้ [3]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทานอย่างระมัดระวัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งหนึ่งที่การทานอาหารช้าๆ สามารถช่วยให้คุณเข้าใจก็คือ เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกพอกับเมื่อไหร่คุณรู้สึกอิ่ม สิ่งนี้เรียกว่า “กินตามสัญชาตญาณ” คุณฟังเสียงของร่างกายและทานเมื่อมันหิวและหยุดเมื่อมันอิ่ม สิ่งนี้จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้
    • เมื่อคุณทานช้าลง มีแนวโน้มว่าคุณจะทานอาหารน้อยลงด้วย นี่เป็นเพราะสมองและลำไส้สื่อสารกันเมื่คุณทานอาหารมากพอที่จะทำให้รู้สึกพอ หากคุณทานเร็วมากๆ มีแนวโน้มว่าคุณจะทานไปจนกว่าจะอิ่ม [4]
    • หยุดทานเมื่อคุณรู้สึกพอแทนที่จะหยุดเมื่ออิ่ม นี่จะช่วยคุณลดแคลอรี่ที่ไม่จำเป็นออกจากอาหารแต่ละมื้อ
    • ความรู้สึกพอคือความรู้สึกไม่หิว ความรู้สึกเริ่มจะไม่สนใจอาหารของคุณแล้วหรือรู้ตัวว่าอาจจะทานต่อได้อีกสองสามคำแล้วจากนั้นจะอิ่ม
    • ความรู้สึกอิ่มก็เหมือนกับความรู้สึกจุกแน่น ตึง พยายามเลี่ยงที่จะทานอาหารจนถึงจุดนี้เท่าที่จะสามารถเลี่ยงได้
  2. นอกจากการพยายามทานให้ช้าลง การกำจัดสิ่งที่จะให้ดึงดูดความสนใจของคุณออกไปจากบริเวณที่คุณกำลังรับประทานอาหารจะช่วยให้คุณมีสมาธิและจดจ่อกับอาหารและความเร็วในการทานอาหารของคุณ [5]
    • เช่นเดียวกันกับการทานช้าๆ งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าเมื่อคุณมัวสนใจอย่างอื่น คุณอาจลงเอยด้วยการทานมากขึ้นและนี่อาจเป็นเหตุให้คุณน้ำหนักขึ้นได้ในระยะยาว [6]
    • พยายามรับประทานอาหารสัก 20-30 นาทีต่อมื้อ โดยปราศจากสิ่งใดๆ ที่จะดึงดูดความสนใจของคุณ ปิดมือถือ ปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และปิดโทรทัศน์เสีย
  3. หากคุณกำลังฝึกที่จะทานให้ช้าลง คุณอาจสังเกตว่าเมื่อไหร่ที่คุณหิวมากๆ หรือหิวจัด มันยากกว่ามากที่จะควบคุมความเร็วในการกินของคุณ [7] จัดการกับความหิวเสียเพื่อช่วยให้คุณทานช้าลง
    • เรียนรู้สัญญาณความหิวของคุณ หากคุณรู้สึกไม่ปกติ รู้สึกจะเป็นลมหรือคลื่นไส้จะอาเจียนเบาๆ เมื่อคุณหิวจัด ให้สังเกตอาการเหล่านี้ที่จะช่วยส่งสัญญาณทราบว่าคุณต้องการอะไรมาเติมพลังทันที เพื่อที่ในมื้อถัดไปคุณจะไม่ทานเยอะเกินไป
    • เอาใจใส่เวลาอาหารของคุณด้วย ตัวอย่างเช่น หากทานมื้อกลางวันตอน 12 นาฬิกา และอาหารค่ำจะเริ่มเวลา 7:30 นาฬิกา เป็นต้นไป นั่นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่รู้สึกหิวมากหรือหิวจัดในระหว่างเวลาจากมื้อหนึ่งถึงอีกมื้อ
    • เลือกทานขนมขบเคี้ยวหรืออาหารมื้อเล็กๆ ในระหว่างมื้อหลักซึ่งทิ้งระยะเวลาห่างกันมากเพื่อช่วยคุณจัดการให้ระดับความหิวอยู่ในระดับที่เหมาะสมมากขึ้น
  4. คนมากมายที่เข้าสู่โหมดเครื่องยนต์อัตโนมัติระหว่างทานอาหาร การไม่ระวังและคว้าอะไรได้ก็ทานเลยอาจทำให้ลดน้ำหนักำได้ยาก [8]
    • การทานอาหารขณะอยู่ที่คุณในโหมดเครื่องยนต์อัตโนมัติและไม่ใส่ใจอาหารของตัวเองอาจทำให้คุณทานเยอะไปและรู้สึกว่าของที่ทานเข้าไปนั้นไม่พอ สมองของคุณจะไม่รับรู้สัญญาณใดๆ เลย
    • พยายามเลี่ยงการทานอาหารบนรถหรือหน้าโทรทัศน์ สิ่งดึงดูดความสนใจเล่านี้อาจทำให้การเอาใจใส่เป็นไปได้ยากกว่าเดิม
    • และให้บังคับตัวคุณให้จดจ่อกับอาหารของตัวเองด้วย คิดถึงรสชาติอาหารดู เช่น ผิวสัมผัสของอาหารเป็นยังไง? อาหารมีรสชาติอะไรบ้าง? อาหารจานนี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เสริมการลดน้ำหนักของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาหารมีบทบาทสำคัญมากในการลดน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม หากคุณเน้นแต่การทานอาหารให้ช้าและระมัดระวังสิ่งที่ทานอยู่ละก็ การเพิ่มกิจกรรมทางกายร่วมด้วยก็สามารถช่วยเสริมการลดน้ำหนักได้ด้วย [9]
  2. แม้คุณทานอาหารอย่างช้าๆ และเป็นไปได้ว่าทานน้อยลงหน่อยแล้ว มันก็ยังสำคัญอยู่ดีที่โดยรวม คุณควรทานอาหารให้หลากหลายได้สมดุล นี่จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น [13]
  3. จำกัดปริมาณอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และแคลอรี่สูง. แม้แต่อาหารแคลอรี่สูงปริมาณเพียงเล็กน้อย (เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ดหรือของหวาน) ก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะทำให้น้ำหนักคุณไม่ลดลง [19] อาหารเหล่านี้อุดมด้วยแคลอรี่โดยที่ไม่ทำให้คุณอิ่มจริงๆ ด้วย จำไว้ว่าคุณควรทานอาหารที่อุดมด้วยคุณค่าโภชนาการ ไม่ใช่อุดมด้วยแคลอรี่
    • ไม่ใช่ว่าคุณต้องเลี่ยงไม่ทานอาหารเหล่านี้เสียทีเดียว - โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นอาหารโปรดของคุณแล้วด้วย - แต่ให้จำกัดปริมาณเพื่อให้คุณลดปริมาณแคลอรี่โดยรวมได้
    • ระวังอาหารไขมันสูง เช่น อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ด เนื้อติดมัน และเนื้อที่ผ่านการแปรรูป
    • และระวังอาหารแคลอรี่สูงที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม เช่น น้ำหวาน ลูกกวาด คุกกี้ ขนมอบ ไอศครีม และของหวานชนิดอื่นๆ
    โฆษณา

คำเตือน

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอก่อนจะเริ่มลดน้ำหนักไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเพื่อป้องกันความเสี่ยงใดๆ ที่อาจเกิดกับสุขภาพของคุณ หมอของคุณน่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจว่าวิธีนั้นๆ ดีต่อสุขภาพหรือไม่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,662 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา