ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงขึ้นนั้นเป็นปัญหาที่น่ากังวลเพราะว่ามันสามารถนำไปสู่ความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในสมองแตกที่สูงขึ้น หากคุณต้องการที่จะลดระดับไตรกลีเซอไรด์อย่างรวดเร็ว คุณควรเปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหาร เช่น การงดทานของหวานและเพิ่มปริมาณการทานผักที่มีไฟเบอร์สูง ขณะเดียวกันก็ควรเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต เช่น ออกกำลังกายให้มากขึ้นและเลิกสูบบุหรี่ ในบางกรณียาในกลุ่มไฟเบรต สแตติน และยาอื่นๆ ก็สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ได้ ลองพูดคุยกับแพทย์เพื่อวางแผนการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ตามความต้องการของคุณ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงการทานอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [1] น้ำตาลที่เพิ่มในอาหารหรือน้ำตาลขัดสีอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น ดังนั้นวิธีที่เร็วที่สุดวิธีหนึ่งที่จะลดระดับไตรกลีเซอไรด์ก็คือการลดระดับน้ำตาลที่ได้รับ นี่เป็นเพราะว่าน้ำตาลมักจะเป็นแคลอรี่ที่ไม่จำเป็นและจะถูกเปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์ (ไขมันประเภทหนึ่ง) สะสมในร่างกาย
    • จำกัดปริมาณน้ำตาลให้น้อยกว่า 5 ถึง 10 เปอร์เซนต์ของแคลอรี่ทั้งหมด สำหรับผู้หญิง นี่หมายความว่าคุณสามารถทานน้ำตาลได้มากสุดแค่ 100 แคลอรี่ต่อวัน สำหรับผู้ชาย สามารถทานน้ำตาลได้มากสุด 150 แคลอรี่ต่อวัน
    • หลีกเลี่ยงขนมหวานและน้ำผลไม้ที่มีความเข้มข้นสูง
  2. ข้าวขาวและขนมอบที่ทำจากแป้งขาว หรือ ซีโมลินา (Semolina) สามารถทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นได้ในบางบุคคล หากแพทย์สงสัยว่ามันเป็นปัญหาสำหรับคุณ การลดคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีก็จะส่งผลต่อระดับไตรกลีเซอไรด์อย่างรวดเร็ว
    • แทนที่จะทานคาร์โบไฮเดรตขัดสี ให้เลือกเป็นขนมปังและพาสต้าที่ทำจากโฮลเกรน
    • ลดระดับปริมาณคาร์โบไฮเดรตและบริโภคโปรตีนให้มากขึ้น โปรตีนนั้นมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic index) น้อยกว่าคาร์โบไฮเดรต นั่นหมายความว่ามันจะถูกดูดซึมอย่างช้าๆ ไปในกระแสเลือด นี่จะเป็นประโยชน์ในการลดน้ำตาลในเส้นเลือดรวมถึงลดระดับไขมันในเส้นเลือด (รวมถึงไตรกลีเซอไรด์) ไขมันที่ดีต่อสุขภาพนั้นก็มีประโยชน์เพราะมันจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่และก็จะลดระดับไตรกลีเซอไรด์ตามลำดับ
  3. แอลกอฮอล์นั้นสามารถเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีการตอบสนองต่อแอลกอฮอล์เร็ว จึงเป็นที่แนะนำอย่างยิ่งว่าคุณควรงดแอลกอฮอล์ขณะที่คุณพยายามลดระดับของไตรกลีเซอไรด์
    • หลังจากที่ระดับไตรกลีเซอไรด์ของคุณกลับไปอยู่ในระดับที่รับได้ คุณอาจจะค่อยๆ กลับมาเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือดื่มบ่อยๆ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์มากๆ อจจะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์พุ่งกลับมาอีก
  4. [2] กรดไขมันโอเมก้า 3 นั้นถือว่าเป็นไขมัน "ดี" และการบริโภคไขมันโอเมก้า 3 อย่างเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายของคุณลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ได้
    • ทานปลาที่มีไขมันประมาณ 2 หน่วยต่ออาทิตย์ หากคุณทานเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์
    • ปลาที่มีไขมันโอเมก้า 3 สูง นั้นได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า และปลาเทราต์
    • แหล่งโอเมก้า 3 อื่นๆ นั้นได้แก่ เมล็ดแฟลกซ์บด น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ ถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง วอลนัท และผักใบเขียวเข้ม ลองเพิ่มอาหารเหล่านี้ไปในการทานอาหารในชีวิตประจำวันของคุณ
    • อาหารเสริมโอเมก้า 3 ที่มีคุณภาพดีนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากเพราะมันจะช่วยเพิ่มสัดส่วนระหว่างโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6
  5. โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเลือกโปรตีนจากพืช (แทนที่จะเป็นเนื้อแดง) คุณจะพบว่าทั้งระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์นั้นลดลงอย่างมาก
    • ถั่วฝัก ถั่วฝักเมล็ดกลม และถั่วเหลืองแห้ง นั้นเป็นผลิตภัณฑ์จากพืชที่มีโปรตีนสูง
    • คุณสามารถทานไก่แทนเนื้อแดงได้และนี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์
  6. ไฟเบอร์จะช่วยควบคุมการดูดซึมของอาหารและผ่านเข้าสู่ร่างกาย และอาหารที่มีไฟเบอร์สูงนั้นจะลดระดับทั้งไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลอย่างมาก
    • ไฟเบอร์จะผสมกับน้ำที่อยู่ในลำไส้ของคุณและเกิดเป็นเนื้อเยื่อคล้ายเจลที่ไขมันจะมาเกาะ นี่จะลดเปอร์เซนต์ของไขมัน (รวมถึงไตรกลีเซอไรด์) ที่จะถูกดูดซึมเข้าร่างกายของคุณ ประโยชน์เพิ่มเติมก็คือไฟเบอร์จะช่วยรักษาสุขภาพของทางเดินอาหารและย่อยอาหารด้วย
    • ในการเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ที่ได้รับ ให้เพิ่มปริมาณโฮลเกรนที่คุณทาน คุณควรทานถั่วฝัก ผลไม้ และผัก ให้มากขึ้นด้วย
    • ไฟเบอร์จะทำให้คุณรู้สึกอิ่ม และจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณทานมากเกินไป
    • ดื่มน้ำให้มากขึ้นเมื่อคุณเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ที่ทาน มิฉะนั้นแล้ว คุณอาจจะรู้สึกปวดภายในลำไส้ระดับปานกลางถึงระดับร้ายแรง
  7. ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์นั้นเป็นอันตรายอย่างมากและการลดการทานเท่าที่เป็นไปได้จะส่งผลต่อระดับไตรกลีเซอไรด์อย่างมากในทางที่ดี
    • อาหารสำเร็จรูปและอาหารฟาสต์ฟู้ดนั้นเป็นตัวการสำคัญของไขมันที่ "ไม่ดี" ผลิตภัณฑ์จากสัตว์และอะไรก็ตามที่ทำจากน้ำมันพืชเติมไฮโดรเจน นั้นอาจจะเป็นปัญหาด้วยเช่นกัน รวมถึง เนยขาว ไขมันสัตว์ และมาการีน
    • เลือกเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือเชิงซ้อนแทน [3] ร่างกายของคุณนั้นจำเป็นต้องได้รับไขมันแต่ก็ควรเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพและไม่ควรส่งผลต่อระดับไตรกลีเซอไรด์มากนัก แหล่งของไขมันที่ดีได้แก่น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว น้ำมันวอลนัท และน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์
  8. [4] ฟรุกโตสเป็นน้ำตาลที่พบตามธรรมชาติในผลไม้ส่วนใหญ่และยังอยู่ในน้ำผึ้งและในน้ำตาลทราย การลดระดับฟรุกโตสให้น้อยกว่า 50 ถึง 100 กรัมต่อวันจะช่วยคุณลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ได้เร็วขึ้น
    • ผลไม้ที่มีฟรุกโตสต่ำนั้นได้แก่ แอปริคอต ผลไม้ตระกูลส้ม แคนตาลูป สตรอว์เบอร์รี่ อะโวคาโด และมะเขือเทศ หากคุณกำลังจะเลือกทานผลไม้ ให้เลือกทานผลไม้เหล่านี้
    • ผลไม้ที่มีฟรุกโตสสูงนั้นได้แก่ มะม่วง กล้วย กล้วยกล้าย (Plantains) องุ่น ลูกแพร์ แอปเปิล แตงโม สับปะรด และแบล็กเบอร์รี่ คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงผลไม้เหล่านี้หรืออย่างน้อยควรที่จะลดปริมาณในการทาน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงกิจกรรมและการดำเนินชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [5] ให้ใส่ใจไปที่จำนวนแคลอรี่ที่คุณได้รับต่อวันและดูว่าถ้าคุณสามารถลดมันลงได้ (ปรึกษาแพทย์เพื่อหาเป้าหมายที่ปลอดภัยและเป็นไปได้)
    • นี่เป็นประโยชน์อย่างมากถ้าคุณน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน น้ำหนักที่มากเกินไปเป็นแหล่งของระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงขึ้น
    • โดยปกติแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่ควรตั้งเป้าให้ได้รับแคลอรี่ไม่เกิน 1,200 แคลอรี่ต่อวัน ขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่ควรได้รับแคลอรี่ไม่เกิน 1,800 แคลอรี่ต่อวัน (นี่อาจจะขึ้นอยู่กับระดับของกิจกรรมและปัจจัยอื่นๆ) ถ้าคุณมีความต้องการที่จะลดน้ำหนักหรือลดระดับแคลอรี่ แพทย์ของคุณอาจจะออกแบบการทานอาหารแบบพิเศษที่จะได้รับแคลอรี่ที่น้อยลง แต่คุณไม่ควรไดเอทเองโดยที่ไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์
    • คุณควรจะหลีกเลี่ยงการทานขนมในตอนกลางคืนก่อนที่คุณจะเข้านอน
  2. การทานอาหารที่ปริมาณที่น้อยลงแต่ทานบ่อยขึ้นนั้นเป็นวิธีที่ดีกว่าการทานอาหารมื้อใหญ่ๆ 2-3 มื้อต่อวัน
  3. [6] การออกกำลังกายอย่างพอดีๆ นั้นเป็นส่วนสำคัญในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
    • พยายามไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหม คุณอาจจะคิดว่าการเริ่มต้นโปรแกรมการออกกำลังกายที่ค่อนข้างท้าทายจะช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้เร็วขึ้น แต่นี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีในระยะยาว การเริ่มต้นด้วยบางสิ่งที่ยากเกินไปจะเพิ่มแนวโน้มที่คุณจะล้มเลิกโปรแกรมนั้นได้เร็วขึ้น ให้เริ่มปรับตัวให้คุ้นเคยด้วยการออกกำลังเพียง 10 นาทีในชีวิตประจำวัน จากนั้นค่อยเพิ่มเวลาเป็น 1-2 นาทีทุกอาทิตย์จนกระทั่งคุณสามารถออกกำลังกายได้ 30-40 นาที
    • ออกกำลังกายหลายประเภทเป็นกิจวัตร เช่น เดิน 1 วัน ปั่นจักรยานในอีกวัน และออกกำลังกายตามแผ่น DVD ในวันอื่นๆ ให้ลองทำอย่างสร้างสรรค์ การออกกำลังกายอย่างหลากหลายในโปรแกรมจะทำให้คุณไม่เบื่อ มันอาจจะช่วยให้คุณค้นพบประเภทของการออกกำลังกายที่คุณรู้สึกสนุกกับมันจริงๆ!
  4. [7] การเลิกสูบบุหรี่นั้นเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและรวมถึงการลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ด้วย
    • การสูบบุหรี่นั้นจะนำไปสู่ "ปัจจัยความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด" หลายๆ อย่าง ซึ่งได้แก่ การแข็งตัวของเลือดที่เพิ่มขึ้น ความเสียหายที่หลอดเลือด และการควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือด (รวมถึงไตรกลีเซอไรด์) ที่แย่ลงกว่าเดิม
    • หากคุณสามารถเลิกสุบบุหรี่ได้ มันจะช่วยทำให้สุขภาพของคุณในหลายๆ ด้านดีขึ้นมาก ลองดูว่าคุณสามารถหาโปรแกรมการเลิกสูบบุหรี่ได้ในพื้นที่ของคุณ หรืออาจจะลองไปพบแพทย์ผู้ที่สามารถให้คำแนะนำและการสนับสนุนคุณได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้ยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [8] ยาในกลุ่มไฟเบรตทั่วไปนั้นได้แก่ gemfibrozil และ fenofibrate
    • ไฟเบรตนั้นเป็นกรดคาร์บอกซิลิก (Carboxylic acids) ซึ่งเป็นกรดออร์แกนิกส์ประเภทหนึ่งที่สร้างจากคาร์บอนและออกซิเจน มันมีโครงสร้างแบบแอมฟิพาติก (Amphipathic) นั่นหมายความว่ามันสามารถดูดซึมได้ในทั้งน้ำและไขมัน
    • ยาประเภทนี้จะเพิ่มระดับของ HDL (ไขมันดี) ขณะที่ลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ด้วย โดยมันจะลดการผลิตอนุภาคที่จะเป็นตัวขนส่งไตรกลีเซอไรด์ โดยอนุภาคนี้ถูกสร้างในตับ
    • ขอให้ระวังว่าไฟเบรตนั้นอาจจะรบกวนระบบการย่อยและสร้างความระคายเคืองต่อตับ รวมถึงน้ำดี มันยังอันตรายที่จะใช้ร่วมกับยาเจือจางเลือด และอาจจะเป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อเมื่อใช้ร่วมกับยาสแตติน
  2. ลองใช้กรดนิโคตินิก (Nicotinic acid) .กรดนิโคตินิกที่ใช้ทั่วไปคือไนอาซิน
    • กรดนิโคตินิกคืออีกประเภทหนึ่งของกรดคาร์บอกซิลิก
    • เช่นเดียวกับไฟเบรต กรดนิโคตินิกจะช่วยลดการทำงานของตับในการผลิตอนุภาคที่มีชื่อว่า VLDL ซึ่งย่อมาจาก Very Low Density Lipoproteins (ไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นต่ำ) ที่ทำหน้าที่ขนส่งไตรกลีเซอไรด์
    • กรดนิโคตินิกจะช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL ("คอเลสเตอรอลที่ดี") มากกว่ายาอื่นๆ ในประเภทนี้
    • ปรึกษากับแพทย์ก่อนที่จะใช้ยานี้เพราะมันอาจจะส่งผลกับยาอื่นๆ และมีผลข้างเคียงที่อันตราย [9]
    • ผลข้างเคียงอันตรายที่เป็นไปได้นั้นได้แก่ การหายใจลำบาก เจ็บที่ท้องอย่างรุนแรง ดีซ่าน และมึนงง แม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่ได้พบบ่อย แต่มันก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรู้ไว้
  3. การทานกรดโอเมก้า 3 ให้มากขึ้นจะส่งผลต่อระดับไตรกลีเซอไรด์โดยธรรมชาติ แต่อาหารเสริมที่แพทย์จ่ายให้ที่มีโอเมก้า 3 ในปริมาณมากจะช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • โอเมก้า 3 แบบอาหารเสริมนั้นจะมาในรูปแบบของน้ำมันปลาแบบเม็ด
    • ให้ใช้อาหารเสริมโอเมก้า 3 ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์เพราะมันอาจจะส่งผลกับยาชนิดอื่นๆ ที่คุณใช้อยู่ [10] การได้รับโอเมก้า 3 ที่มากเกินไปจะทำให้เลือดจางและลดระดับความดันของเลือด มันยังนำไปสู่น้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นและจะทำให้การทำงานของตับแย่ลง นอกจากนี้ยังกระตุ้นอาการผิดปกติทางจิตอีกด้วย
  4. [11] ยาในกลุ่มสแตตินที่ใช้กันทั่วไปนั้นคือ atorvastatin ยาในกลุ่มสแตตินอื่นๆ นั้นได้แก่ fluvastatin, lovastatin, pitavastatin, pravastatin, rosuvastatin, และ simvastatin
    • ยาเหล่านี้จะลดระดับคอเลสเตอรอลโดยยับยั้งเอนไซม์ที่มีชื่อว่า HMG-CoA reductase เอนไซม์ตัวนี้มีหน้าที่สำคัญในการผลิตคอเลสเตอรอล
    • หน้าที่หลักของสแตตินคือการลดคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) มันยังสามารถลดไตรกลีเซอไรด์ได้ด้วย แต่ยาชนิดนี้จะได้ผลน้อยกว่ายาประเภทอื่นๆ ที่ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์โดยเฉพาะ
    • ผลข้างเคียงของการใช้สแตตินนั้นหายากแต่ก็รุนแรง กล้ามเนื้อถูกทำลายนั้นเป็นอาการข้างเคียงหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ยาร่วมกับไฟเบรต มันยังทำให้มีปัญหาที่ตับและเพิ่มความเสี่ยงของเบาหวาน
    • ระวังอาการของการได้รับโอเมก้า 3 มากเกินไป ซึ่งอาจจะได้แก่ ผิวมัน สิวอักเสบ อยากอาหาร ผมเหนียวมัน และความรู้สึกที่ซึมเศร้าเอื่อยเฉื่อย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ส่งผลต่อสุขภาพของคุณ เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำความเข้าใจว่าเพราะเหตุใดคุณต้องทำเช่นนั้น ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น "ปัจจัยความเสี่ยง" ที่สำคัญอย่างหนึ่งของโรคหัวใจ (เช่น หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคเส้นเลือดในสมองแตก และโรคหลอดเลือดแดงแข็ง) [12]
  • ไตรกลีเซอไรด์นั้นยังเป็นความเสี่ยงต่อ "กลุ่มอาการทางเมตาบอลิก (metabolic syndrome)" หากมีอาการดังต่อไปนี้ 3 อย่างหรือมากกว่า ความดันเลือดที่สูงขึ้น ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงขึ้น คอเลสเตอรอลประเภท HDL สูงขึ้น รอบเอวที่มากขึ้น หรือระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น นี่จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นกลุ่มอาการทางเมตาบอลิก มันเป็นเพียงแค่ "อาการ" ก็เพราะมันคืออาการเจ็บป่วยที่มาจากการดำเนินชีวิตซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และไขมันที่ตับ รวมถึงมะเร็งหลายประเภท [13] ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณควรหลีกเลี่ยงการมีระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูง
  • หากคุณเริ่มเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงอาหาร และการออกกำลังกาย (รวมถึงการใช้ยาเพิ่มเติมถ้าจำเป็นและได้รับคำแนะนำจากแพทย์) คุณก็จะยิ่งรู้สึกมีความสุขและกำลังเดินหน้าไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์และมีสุขภาพดี บางครั้งการเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด คุณจะรู้สึกมีกำลังใจและรู้สึกเปี่ยมพลังเมื่อคุณสร้างความสำเร็จคืบหน้าไปเรื่อยๆ !
โฆษณา

คำเตือน

  • ให้ปรึกษากับแพทย์ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องอาหารหรือการออกกำลังกาย การเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็ว แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้สุขภาพดีขึ้น ก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของคุณได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,594 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา