ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ผู้หญิงทุกคนล้วนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปากช่องคลอดด้วยกันทั้งสิ้น แต่ในปัจจุบันมะเร็งชนิดนี้เป็นโรคมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรคมะเร็งปากช่องคลอดจะเกิดขึ้นในคนจำนวนไม่มากนัก แต่ผู้หญิงทุกคนควรมีความเข้าใจและหมั่นสังเกตสัญญาณของมะเร็งปากช่องคลอดให้ดี และเมื่อคุณพบอาการต่างๆ ที่ผิดปกติและดูน่าสงสัย คุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคและยืนยันอย่างชัดเจนว่าเป็นมะเร็งปากช่องคลอดหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการรักษาโรคมะเร็งปากช่องคลอดมักมีโอกาสประสบผลสำเร็จสูงโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของของโรคมะเร็งที่เกิดขึ้น
ขั้นตอน
-
เฝ้าจับตาอาการที่ผิดสังเกต. โรคมะเร็งปากช่องคลอดอาจไม่แสดงอาการใดๆ ในระยะแรกแต่อาจมีสัญญาณเตือนปรากฏขึ้นมาบ้างพอให้คุณทราบ หมั่นเฝ้าจับตาอาการที่ผิดสังเกตเพื่อช่วยให้คุณได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคและรักษาจากแพทย์ได้โดยเร็วที่สุด [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อาการหรือสัญญาณต่างๆ ของโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้แก่ ก้อนเนื้อที่โตขึ้นผิดปกติ อาการคันหรือกดเจ็บที่ผิวหนังบริเวณปากช่องคลอด และการมีเลือดออก [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หมั่นตรวจเช็คสุขภาพของช่องคลอดเป็นประจำเพื่อให้คุณทราบสภาวะปกติของปากช่องคลอดของคุณและสามารถระบุอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ตระหนักถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอด. สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตาม บรรดาแพทย์ต่างระบุว่าปัจจัยและพฤติกรรมบางอย่างของคนเราสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้ การตระหนักถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดจะช่วยให้คุณรับรู้ถึงโอกาสในการเกิดโรคและสามารถรับการตรวจวินิจฉัยโรคและรักษาจากแพทย์ได้อย่างทันท่วงที [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุ โดยอายุเฉลี่ยที่มักได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปากช่องคลอดจะอยู่ที่ประมาณ 65 ปี [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนปาปิลโลมา (Human Papillomavirus) หรือ HPV สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้มากขึ้น [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ผู้ที่มีสูบบุหรี่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากช่องคลอดที่สูงกว่า [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การติดเชื้อเอชไอวีทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงจนส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดเพิ่มขึ้น [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การมีประวัติการเกิดรอยโรคก่อนเกิดมะเร็งหรือโรคผิวหนังที่บริเวณปากช่องคลอด เช่น ไลเคนสเคิลโรซุส (Lichen sclerosus) อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้ [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
คลำหาก้อนเนื้อหรือสิ่งผิดปกติอื่นๆ ที่บริเวณปากช่องคลอด. ก้อนเนื้อหรือสิ่งผิดปกติอื่นๆ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้ ซึ่งคุณสามารถตรวจพบความผิดปกติเหล่านี้ได้โดยใช้นิ้วมือคลำเบาๆ ที่บริเวณปากช่องคลอดของคุณ [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- อย่ามัวแต่รู้สึกประหม่าหรืออึดอัดใจในการสัมผัสปากช่องคลอดของตัวเอง จำไว้ว่าคุณกำลังทำเช่นนี้เพื่อปกป้องสุขภาพของตัวเอง [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ค่อยๆ คลำตามส่วนต่างๆ ของปากช่องคลอดเพื่อหาสิ่งผิดปกติต่างๆ อย่างก้อนเนื้อหรือรอยโรคที่มีลักษณะคล้ายกับหูด รวมทั้งอย่าลืมลองคลำดูที่บริเวณแคมด้วยเช่นกัน [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- คุณควรหมั่นคลำปากช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทราบถึงสภาวะปกติของปากช่องคลอดของคุณ [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดหากคุณพบอาการผิดปกติดังกล่าว [14] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
สังเกตดูอาการเจ็บปวด อาการคัน หรือภาวะเลือดออก. คอยสังเกตดูว่าที่บริเวณปากช่องคลอดของคุณมีอาการเจ็บปวด อาการคัน หรือภาวะเลือดออกที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติหรือเรื้อรังหรือไม่ เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไป [15] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ลองสังเกตคุณดูว่ามีอาการเจ็บปวดยืดเยื้อที่บริเวณกระดูกเชิงกรานหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่คุณกำลังปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ [16] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ระมัดระวังเมื่อมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือน เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้ [17] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดหากคุณพบอาการผิดปกติดังกล่าว [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ตรวจเช็คอวัยวะเพศ. โรคมะเร็งปากช่องคลอดจะเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเพศหญิงที่ประกอบด้วยคลิตอริส แคม ปากช่องคลอด และผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบ [19] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล หมั่นตรวจเช็คอวัยวะเพศของคุณรวมถึงเฝ้าจับตาอาการที่ผิดสังเกตเพื่อช่วยให้คุณสามารถสังเกตเห็นสัญญาณของการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้ทันท่วงที [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณอาจใช้กระจกเพื่อช่วยให้คุณสามารถตรวจเช็คอวัยวะเพศได้ง่ายยิ่งขึ้น
- หมั่นตรวจเช็คผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดเป็นประจำเพื่อให้คุณทราบสภาวะปกติของปากช่องคลอดของคุณและสามารถระบุอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย [21] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- สังเกตดูการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของผิวหนังบริเวณปากช่องคลอด เช่น สีผิวที่เปลี่ยนไปหรือความหนาของผิวที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้สิ่งผิดปกติที่ดูเหมือนหูดหรือแผลเปื่อยก็อาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการเกิดโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้เช่นกัน [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- โรคมะเร็งปากช่องคลอดมักเกิดขึ้นตรงขอบด้านในของแคมซึ่งเป็นรอยพับสองฝั่งของผิวหนังส่วนนอกของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง [23] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- คุณยังสามารถลองถามคู่รักของคุณว่าเคยสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่บริเวณปากช่องคลอดของคุณหรือไม่ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าคู่รักของคุณจะสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างได้เร็วกว่าตัวคุณเอง [24] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดหากคุณพบอาการผิดปกติดังกล่าว [25] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
-
ไปพบแพทย์. หากคุณพบสัญญาณหรืออาการผิดปกติใดๆ ของโรคมะเร็งปากช่องคลอดหรือที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งดังกล่าว คุณควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด โรคมะเร็งปากช่องคลอดมีโอกาสรักษาให้หายดีได้มาก ดังนั้นการรับการวินิจฉัยโรคอย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของขั้นตอนการรักษาให้น้อยลง [26] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- หากเป็นไปได้ให้คุณปรึกษาสูตินรีแพทย์ซึ่งมีเครื่องมือสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งปากช่องคลอดอย่างครบครัน ซึ่งสูตินรีแพทย์อาจตัดสินใจส่งต่อคุณให้เข้ารับการรักษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะท่านอื่นๆ ในกรณีที่มีความจำเป็น
- แพทย์ของคุณจะทำการตรวจร่างกายของคุณเพื่อหาสัญญาณของโรคมะเร็งปากช่องคลอด รวมทั้งอาจสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพต่างๆ ของคุณ เช่น พฤติกรรมสุขภาพและประวัติการเจ็บป่วยในอดีต [27] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- การตรวจร่างกายอาจรวมถึงการตรวจช่องคลอดด้วยเครื่องมือถ่างขยายช่องคลอด [28] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ตรวจค้นหามะเร็งเพื่อการวินิจฉัย. หากแพทย์ตั้งข้อสงสัยว่าคุณอาจเป็นโรคมะเร็งปากช่องคลอด แพทย์ของคุณอาจตัดสินใจตรวจค้นหามะเร็งภายหลังการตรวจร่างกายของคุณซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวที่สามารถยืนยันถึงโรคมะเร็งปากช่องคลอดได้อย่างแน่ชัด [29] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- วิธีการตรวจค้นหามะเร็งปากช่องคลอดที่พบได้บ่อยที่สุดด้วยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ โดยแพทย์จะทำการเก็บเซลล์หรือเนื้อเยื่อบางส่วนตรงปากช่องคลอดและส่งตรวจห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาสัญญาณของโรคมะเร็ง [30] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- หากผลการตรวจยืนยันอย่างแน่ชัดว่าคุณเป็นโรคมะเร็งปากช่องคลอด คุณอาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูว่าเชื้อมะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายแล้วหรือไม่ [31] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- การตรวจค้นหามะเร็งเพิ่มเติมอื่นๆ อาจได้แก่การตรวจภายใน การส่องกล้องปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป การเอกซเรย์ การตรวจซีทีสแกน และการตัดชิ้นเนื้อจากต่อมน้ำเหลือง [32] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
-
รับการรักษา. ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง แพทย์ของคุณจะกำหนดแนวทางการรักษาโดยพิจารณาจากความรุนแรงของโรค การรักษาโรคมะเร็งสามารถทำได้หลายวิธีและอาจประสบผลสำเร็จโดยราบรื่นหากได้รับการวินิจฉัยในช่วงระยะแรกๆ ของการเกิดโรค [33] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- 4 แนวทางมาตรฐานในการรักษาโรคมะเร็งปากช่องคลอด ได้แก่ การผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด และชีวบำบัด [34] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- ในปัจจุบันการผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งปากช่องคลอดที่แพทย์นิยมใช้มากที่สุดและสามารถกำจัดเชื้อมะเร็งออกไปได้โดยไม่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ [35] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- แพทย์ของคุณจะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมตามความรุนแรงของโรคมะเร็งปากช่องคลอด
- พิจารณาการเข้าร่วมการวิจัยทางคลินิกซึ่งจะเปิดโอกาสให้คุณได้ทดลองเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการใหม่ๆ สำหรับโรคมะเร็งในระยะที่ 1 และ 2 อาจสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว ในขณะที่โรคมะเร็งในระยะที่ 3 และ 4 อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดแบบถอนรากถอนโคนควบคู่ไปกับคีโมบำบัดและรังสีรักษา [36] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าละเลยต่ออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะหากเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน มะเร็งชนิดทุติยภูมิอาจลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้
- ไม่มีวิธีใดๆ ที่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัส HPV ให้หายได้ ดังนั้นหากคุณมีอายุต่ำกว่า 30 ปี คุณอาจพิจารณารับการฉีดวัคซีน HPV เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส HPV [37] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/vulvarcancer.html
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/vulvarcancer.html
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/vulvar-cancer/basics/risk-factors/con-20043483
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/vulvar-cancer/basics/risk-factors/con-20043483
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/vulvar-cancer/basics/risk-factors/con-20043483
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/vulvar-cancer/basics/risk-factors/con-20043483
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/vulvar-cancer/basics/risk-factors/con-20043483
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/vulvar-cancer/basics/risk-factors/con-20043483
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/vulvarcancer.html
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/vulvarcancer.html
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/cancer/vagvulv/basic_info/symptoms.htm
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/vulvar-cancer/basics/tests-diagnosis/con-20043483
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_0
- ↑ http://www.cancer.gov/types/vulvar/patient/vulvar-treatment-pdq#link/stoc_h2_3
- ↑ http://www.cdc.gov/hpv/vaccine.html
โฆษณา