ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การยืนทำงานนั้นไม่เพียงแต่จะเร่งอาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย มันยังเพิ่มอัตราเสี่ยงการเกิดปัญหาที่ขาและเท้าสารพัดชนิด เพราะมันจะนำอาการตึงลงไปยังกระดูก ข้อต่อ เอ็นยึดกระดูก กล้ามเนื้อและเอ็นยึดข้อ การยืนติดต่อกันเป็นเวลานานยังทำให้ปริมาณเลือดที่จะไหลลงไปยังรยางค์ส่วนล่างนั้นลดน้อยลง ซึ่งทำให้เกิดอาการระบม การยืนเป็นเวลานานยังทำให้เลือดไปสะสมอยู่ที่เท้าหรือรอบตาตุ่ม อาการเท้าแบน, โรครองช้ำ (เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ), อาการนิ้วหัวแม่เท้าเอียง, เท้าบวมน้ำ หรือโรคเส้นเลือดขอด ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่มีความเชื่อมโยงกับการยืนเป็นเวลานานทั้งสิ้น โชคยังดีที่มีหลายวิธีที่จะลดหรือเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาที่เท้าและขาเหล่านี้ถ้าคุณจะต้องยืนทำงานจริงๆ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

นั่งพักให้บ่อยกว่าเดิม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงแม้ว่างานหลายอย่างในโลกสมัยใหม่ส่วนใหญ่จะต้องนั่งอยู่ประจำที่ แต่ก็ยังมีงานบางประเภทที่ต้องยืนมากกว่า อย่างเช่น พนักงานธนาคาร แคชเชียร์ พนักงานโรงงาน เช็ฟ ช่างทำผม และงานในแวดวงค้าขายกับก่อสร้าง นี่แค่ยกตัวอย่างคร่าวๆ อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่ต้องทำงานให้เห็นเนื้องาน มันก็ยังมีโอกาสให้ได้นั่งพักเท้าอยู่บ้าง ฉะนั้นมองหาโอกาสเหล่านี้และให้แน่ใจว่าได้บอกเจ้านายให้รับรู้ เช่น นั่งตอนรับโทรศัพท์หรือกรอกเอกสารก็อาจทำได้ในที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตอนนั้นไม่มีลูกค้าอยู่ในร้าน
    • คนที่มีอายุจะอ่อนแอต่อการบาดเจ็บที่เท้า/ขาจากการยืนนานๆ มากกว่าเพราะเนื้อเยื่อต่างๆ (เอ็นยึดกล้ามเนื้อ เอ็นยึดกระดูก กระดูกอ่อน พังผืด) ได้สูญสิ้นความยืดหยุ่นกับประสิทธิภาพการซึมซับแรงสั่นสะเทือนลงไป [1]
  2. เวลาพักทานอาหาร ให้แน่ใจว่าได้หาที่นั่งและยกเท้าขึ้นในระหว่างทานอาหารและน้ำ คุณอาจกำลังต้องรีบ แต่ใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่น้อยนี้ยกน้ำหนักออกจากส่วนเท้า ถ้าที่ทำงานของคุณไม่ค่อยมีเก้าอี้หรือไม่มีห้องรับประทานอาหาร ก็ให้หาเก้าอี้พับส่วนตัวมาเองเลย หรือหาสถานที่ทานมื้อเที่ยงใหม่ที่สามารถนั่งลงได้
    • ฟู้ดคอร์ทตามห้างสรรพสินค้า โต๊ะปิคนิคตามสวนสาธารณะ น้ำพุ หรือพื้นหญ้าสะอาดใต้ต้นไม้ล้วนแต่เป็นสถานที่ที่จะปลดเปลื้องความหนักหน่วงและมีความสุขกับการทานมื้อเที่ยง
  3. ให้แน่ใจว่าคุณได้นำช่วงเวลาพักที่ได้รับแบ่งสรรมาทั้งหมดมาใช้นั่งตลอดทั้งช่วง ถ้าเลือกได้ก็ให้ยกเท้าสูง ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีกว่าเพราะผลจากแรงโน้มถ่วงที่ลดลง ถอดรองเท้าออกในขณะพักก็จะช่วยให้เท้าได้คลายตัวเย็นลงด้ว
    • ในระหว่างพัก ลองพิจารณาการคลึงฝ่าเท้าบนลูกกอล์ฟ มันจะทำให้รู้สึกดี ผ่อนคลายอาการตึงบริเวณส้นเท้าและบางทีอาจถึงกับช่วยป้องกันโรครองช้ำหรือเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (เนื้อเยื่อพังผืดใต้ฝ่าเท้าเกิดอักเสบและปวด) [2]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เปลี่ยนพื้นผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายปีก่อนโน้น บริษัทส่วนใหญ่จะปูพื้นเป็นพื้นไม้ ซึ่งจะมีการซึมซับแรงกระแทกลงบ้างแม้ว่าจะเดินไปมาลำบากอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ยุคสมัยใหม่นี้มีบริษัทหลายแห่งที่ชอบปูพื้นออฟฟิศด้วยปูน กระเบื้องเซรามิคหรือหินอ่อน ซึ่งแทบไม่มีการซึมซับแรงกระแทกแรงสั่นสะเทือน หรือมีคุณสมบัติเป็นฉนวนเลย ดังนั้น ให้ยืนในบริเวณที่ปูพื้นด้วยวัสดุที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า อย่างเช่นพื้นไม้ ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ งั้นให้เปลี่ยนท่าทางเหมือนออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและอาจลดอาการตึงของกล้ามเนื้อเท้าและขาคุณได้
    • พื้นปูนและพื้นกระเบื้องจะถ่ายเทความเย็นไปที่เท้าคุณได้ง่ายซึ่งไม่ดีต่อการไหลเวียนโลหิตเลย ฉะนั้นยืนตรงจุดที่พื้นอุ่นกว่าจะดีกว่า
    • ถ้าคุณทำงานข้างนอก มองหาพื้นหญ้าให้ยืนในระหว่างทำธุระหรือรอทำงานถัดไป
  2. เสื่อที่ลดความเมื่อยล้าถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดอาการตึงของฝ่าเท้าและขาโดยการทำพื้นให้ซับแรงสั่นสะเทือนเพื่อจะได้ยืนเป็นเวลานานๆ เสื่อแบบนี้ส่วนใหญ่จะทำจากยางหนา แต่ก็มีบ้างที่ทำจากโฟม หนังสัตว์ ไวนิล หรือกระทั่งไม้ ในหลายๆ กรณีนั้น เจ้านายอาจเตรียมเสื่อเหล่านี้ไว้ให้คุณพร้อมถ้าคุณเอ่ยปากร้องขอ เพราะมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดอาการปัญหาของเท้าและขาส่วนล่างอย่างได้ผล [3]
    • เสื่อลดความเมื่อยล้าแผ่นหนาอาจเป็นอันตรายในที่ทำงานได้เหมือนกันถ้ามีใครบังเอิญไปสะดุดเข้า ฉะนั้นจึงควรรับรู้ว่าแผ่นเสื่อของคุณและของผู้ร่วมงานแต่ละคนวางอยู่ที่ไหนบ้าง
  3. มองดูรอบๆ ที่ทำงานแล้วดูว่ามีพรมปูตรงไหนให้คุณได้ไปยืนและยังทำงานได้โดยไม่บกพร่องบ้าง พรม (แม้กระทั่งชนิดผืนบางราคาถูก) ช่วยซับแรงได้ดีกว่าพื้นปูนและจะช่วยให้ฝ่าเท้าและขาคุณรอดพ้นจากการทำงานเป็นเวลานานได้ ถ้าหากที่ทำงานดันไม่ปูพรมเลย สอบถามเจ้านายดูว่าคุณพอจะสามารถนำมาจากบ้านได้ไหม
    • ธุรกิจร้านขายพรมบางแห่งเต็มใจมอบตัวอย่างพรมผืนเล็ก (แต่ใหญ่พอให้ยืนได้) กับคุณฟรีๆ
    • ให้แน่ใจว่าด้านล่างของผืนพรมนั้นไม่ได้เรียบลื่นเกินไปสำหรับพื้น มิฉะนั้นคุณอาจเสี่ยงต่อการลื่นล้มได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

สวมถุงเท้าและรองเท้าที่เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สวมรองเท้าที่ฟิตพอดี.ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่สวมรองเท้าไม่ได้ขนาดพอดี บางทีอาจเป็นเพราะเท้าของพวกเขาพลันมีขนาดโตขึ้น หรืออาจเป็นเพราะรองเท้ากำลังลดราคาอย่างแรง หรือไม่คงเป็นเพราะได้รับช่วงสืบทอดรองเท้าต่อจากญาติสนิทมิตรสหาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ให้สวมรองเท้าที่ฟิตพอดีกับเท้าหลังจากสวมถุงเท้าแล้ว ถ้าคุณจำเป็นต้องเลือกรองเท้าที่ไม่ได้ขนาดของตนเอง งั้นก็ให้เลือกคู่ที่ใหญ่กว่าหน่อยดีกว่าคู่ที่เล็กเกิน เพราะรองเท้าคับๆ มักนำไปสู่การเกิดตุ่มพองและตะคริว
    • ไปลองซื้อรองเท้าในตอนเย็นเพราะมันเป็นเวลาที่เท้าคุณจะขยายใหญ่ที่สุด ส่วนใหญ่แล้วก็เนื่องมาจากอาการบวมและแรงกดจากร่างกายคุณ [4]
    • การยอมมองข้ามสไตล์และแฟชั่นมาเลือกการใช้งานถือเป็นกลยุทธที่ดีที่สุดเมื่อจะหาซื้อรองเท้า
  2. ผู้หญิงมักจะถูกคาดหวังหรือถูกกดดันให้สวมรองเท้าส้นสูงไปทำงาน แต่ส้นที่สูงเกินกว่า 2 นิ้วนั้นจะไปบังคับให้ร่างกายต้องโน้มตัวไปข้างหน้า ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่สมดุลมากมายนับจากฝ่าเท้าขึ้นมาถึงบริเวณหลังส่วนล่าง สถานการณ์แบบนี้จะก่อให้เกิดความตึงเครียดที่ฝ่าเท้า เอ็นร้อยหวายอักเสบ กล้ามเนื้อน่องตึง ปวดหัวเข่า และมีปัญหาที่หลังส่วนล่าง พอๆ กับการเดินแบบไม่ได้สมดุล [5]
    • การสวมรองเท้าส้นแบนก็ไม่ใช่คำตอบเช่นกัน เพราะจะมีแรงกดตรงส้นเท้ามากเกินไป ดังนั้น ให้สวมรองเท้าที่มีส้นยกสูงขึ้นสัก 1/4 หรือ 1/2 นิ้ว
    • รองเท้ากีฬาหรือรองเท้าสำหรับเดินส่วนใหญ่ที่จะมีช่วงหน้าเท้ากว้างเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณต้องยืนนับหลายชั่วโมงในตอนทำงาน
  3. รองเท้าส้นสูงมักจะมีส่วนหน้าเท้าแคบเกินไป ซึ่งจะไปบีบนิ้วเท้าเข้าด้วยกันอย่างผิดธรรมชาติ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดตาปลาที่เจ็บปวดหรือหนังด้าน รองเท้าบู๊ตแบบคาวบอยและรองเท้าแตะแบบรัดส้นบางสไตล์ก็ออกแบบให้หัวชี้แหลมจนเกินไป โดยเฉพาะถ้าคุณต้องยืนนานๆ จึงควรเลือกรองเท้าที่รัดส้นได้แน่น มีพื้นที่หน้าเท้ามากพอให้กระดิกหัวแม่เท้าได้ และเสริมพื้นด้านในเพื่อป้องกันการหมุนของเท้า (การหมุนของเท้าจากด้านนอกเข้าด้านในหรือข้อเท้าบิด)
  4. ถุงน่องรัดเพิ่มความดันนั้นจะเพิ่มซัพพอร์ตให้กับกล้ามเนื้อและการไหลเวียนโลหิตของเท้าส่วนล่าง ซึ่งจะลดอาการเท้าบวมและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น พวกมันมีขายทั้งออนไลน์ ตามร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์และบางครั้งก็มีตามร้านขายยา ทางเลือกอีกอย่างก็คือสวมถุงน่องแบบรั้งหรือถุงเท้าคุณภาพดี
    • ถุงน่องเพิ่มความดันนี้ยิ่งสำคัญสำหรับคนที่มีอาการภาวะเลือดไปเลี้ยงหลอดเลือดดำไม่เพียงพอ (เส้นเลือดขอด) หรือเส้นเลือดโป่งพอง [7]
    • ถุงเท้าหนาคุณภาพดีจะช่วยได้ถ้าคุณรู้สึกปวดส้นเท้าเวลายืน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ลองการบำบัดที่มีประโยชน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จุ่มเท้าและขาส่วนล่างลงในน้ำอุ่นที่ผสมดีเกลือฝรั่งจะช่วยลดอาการปวดบวมได้เป็นอย่างดี [8] เชื่อกันว่าแมกนีเซียมที่มีอยู่ในเกลือจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายถ้าหากคุณประสบปัญหาเท้าปวดบวมก็ให้แช่ในน้ำอุ่นผสมดีเกลือฝรั่งแล้วมาแช่ในน้ำผสมน้ำแข็งต่อจนกระทั่งเท้ารู้สึกชา (ราว 15 นาทีหรือกว่านั้น)
    • ให้เช็ดเท้าจนแห้งสนิทเสมอก่อนจะลุกออกไปจากการแช่เท้าเพื่อป้องกันมิให้ลื่นล้ม
    • การแช่ดีเกลือฝรั่งนั้นเชื่อกันว่าจะช่วยบรรเทาโรคขาอยู่ไม่สุข (restless leg syndrome) ในตอนกลางคืน ซึ่งมีผลกระทบต่อวงจรการนอนหลับ
  2. ไปหาหมอนวดเท้าที่สามารถนวดเท้าและน่องได้ การนวดจะช่วยลดอาการตึงของกล้ามเนื้อและช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น [9] เริ่มด้วยการถูคลึงจากหัวแม่เท้าและนวดไล่ขึ้นมายังส่วนน่องเพื่อจะช่วยไล่เลือดดำกลับเข้าสู่หัวใจ ใช้ลูกกลิ้งไม้คลึงตรงฝ่าเท้าเพื่อจะได้นวดด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเมื่อยมือ ลองพิจารณาการทาเปปเปอร์มินต์โลชั่นที่ฝ่าเท้าด้วย เพราะมันทำให้รู้สึกร้อนซ่าและเพิ่มพลังให้เท้า หลังจากนวดเสร็จ ให้ทำการยืดฝ่าเท้าและน่องทั้งสองข้าง
    • ยืดกล้ามเนื้อน่องโดยการเอนพิงผนังให้เข่าข้างหนึ่งงอและขาอีกข้างเหยียดตรงออกไปทางด้านหลัง ให้เท้าทั้งสองข้างวางราบบนพื้น ทำค้างไว้ 30 วินาทีและทำซ้ำอีกสองสามครั้ง
    • ยืดส่วนล่างของเท้าโดยการพันผ้าขนหนูไว้รอบปลายนิ้วเท้าและพยายามยืดขา ทำค้างไว้ 30 วินาทีแล้วทำซ้ำอีกสองสามครั้ง
  3. กายอุปกรณ์เสริมสำหรับเท้าเป็นแผ่นเสริมใต้ฝ่าเท้าที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรองเท้าของคุณโดยออกแบบให้ซัพพอร์ตวงโค้งของฝ่าเท้า ช่วยซับแรงสะเทือนและมีกลศาสตร์ชีวภาพของเท้าที่ดีกว่า ซึ่งจะช่วยลดอาการปวด ฝ่าเท้า/ขา/หลัง ให้ทุเลาลงและลดความเสี่ยงปัญหาของขาและเท้าหลายอย่าง [10] อุปกรณ์พยุงเท้าจะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการรักษาและป้องกันโรครองช้ำซึ่งเป็นอาการปวดอย่างยิ่งใต้ฝ่าเท้ากับอาการเท้าแบน อุปกรณ์พยุงเท้าที่สั่งทำพิเศษจะมีราคาแพงและไม่อยู่ในการคุ้มครองของประกัน แต่แผ่นเสริมฝ่าเท้าสำเร็จรูปที่วางขายทั่วไปก็อาจพอช่วยได้เช่นกัน
    • ประมาณการกันว่ามีคนราว 2 ล้านคนที่ต้องเข้ารับการรักษาโรครองช้ำในสหรัฐอเมริกาทุกปี [11]
    • คุณอาจจำเป็นต้องซื้อรองเท้าที่ใหญ่กว่าไซส์ปกติเล็กน้อยเพื่อที่จะสอดใส่อุปกรณ์พยุงเท้าได้
  4. โดยทั่วไป คนที่มีน้ำหนักเกินพอดีหรือมีรูปร่างอ้วนจะเจอปัญหาเท้ามากกว่าเพราะด้วยปริมาณแรงกดไปที่เท้ามากกว่านั่นเอง [12] อาการเท้าแบน วงเท้าตก การหมุนข้อเท้าเข้าอย่างรุนแรง และอาการขาเก (เข่าทั้งสองข้างเข้ามาชิดกัน) จะพบได้บ่อยกว่าในคนรูปร่างอ้วน เมื่อเป็นเช่นนั้น ช่วยผ่อนภาระเท้าของคุณโดยการลดน้ำหนักลงบ้าง ลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพิ่มขึ้น (เช่นการเดิน) และลดปริมาณการบริโภคแคลอรี่ลง
    • คนส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยขยับตัวไปไหนมากต้องการพลังงานราว 2,000 แคลอรี่ต่อวันในการรักษาระดับกระบวนการทำงานต่างๆ ของร่างกายและมีพลังงานเหลือพอสำหรับการออกกำลังกายเบาๆ [13]
    • การลดบริโภคแคลอรี่ลงมาวันละ 500 แคลอรี่จะส่งผลให้ลดเนื้อเยื่อไขมันลงได้ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อเดือน [14]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การเปลี่ยนรองเท้าอยู่เป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญในการลดอาการเจ็บปวดที่เท้า โดยเฉพาะในคนที่ต้องทำงานโดยการยืน
  • ในระหว่างทำงาน ให้สลับการทิ้งน้ำหนักจากขาข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งและพยายามยืนให้ขาข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้าอีกข้างแทนที่จะยืนขาสองข้างเท่ากัน
  • ในระหว่างทำงาน พยายามยืนยกขาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย (ถ้าได้ม้าวางเท้าขนาด 6 นิ้วก็วิเศษเลย)
  • การได้ยกเท้าขึ้นเหนือส่วนอื่นของร่างกาย (ทาบกับผนังหรือวางบนหมอน) จะช่วยลดอาการเท้าบวมที่เกิดจากการยืนทำงานลง
  • ถ้าหากคุณมีปัญหาเรื่องสภาพเท้า ให้ไปพบหมอรักษาเท้าเพื่อขอคำแนะนำเรื่องการรักษา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,902 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา