ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของคุณ สภาพแวดล้อมของคุณ เป้าหมายและความทะเยอทะยานของคุณ และแรงจูงใจที่คุณมีในการบรรลุให้ถึงสุขภาพชีวิตที่ดีต่อไป ชีวิตคือการเดินทาง และหนึ่งในหนทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นคือการยอมรับว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เกินการควบคุมของคุณ [1] สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้คือ ทัศนคติ มุมมอง ความยืดหยุ่น สุขภาพทางอารมณ์ และวิธีที่คุณตอบโต้ต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่ถาโถมใส่คุณ การเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นย่อมต้องอาศัยขั้นตอนไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนง่ายๆ [2]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

รู้ทันตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำความเชื่อในอำนาจภายในตัวตนของคุณออกมาใช้. ความเชื่อในอำนาจภายในตัวตนเป็นคำพูดหรูๆ ที่ใช้เรียกมุมมองที่คุณมีต่อตัวคุณเองในการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตและทัศนคติของคุณต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ [3] ความเชื่อในอำนาจภายในตัวตนที่แข็งแกร่งหมายความว่าคุณสามารถรับผิดชอบสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ และคุณยังมีอารมณ์ที่เด็ดเดี่ยวสำหรับการจัดการปัญหาต่างๆ หรือความยากลำบากที่เข้ามาในชีวิตของคุณ หากต้องการจะเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นแล้วล่ะก็ ถึงเวลาต้องเพิ่มพลังให้ความเชื่อในอำนาจภายในตัวตนของคุณแล้ว
    • ในทางกลับกันถ้าคุณมีความเชื่อในอำนาจภายนอกตัวตน คุณจะรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณนั้นทำให้คุณตกเป็นเหยื่อของสิ่งแวดล้อม และคุณจะไม่รู้สึกว่าชีวิตของคุณมีหน้าที่มากพอที่จะรับมือกับเรื่องท้าทายต่างๆ ที่เข้ามา
    • ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ลองจินตนาการว่าคุณเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มา ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งคุณและคนขับอีกคนต่างมีความผิด ถ้าคุณคุ้นเคยกับความเชื่อในอำนาจภายในตัวตน คุณจะยอมรับสถานการณ์นั้น มีความมั่นใจจนคุณสามารถรับมือกับผลที่ตามมาได้ และยังรู้สึกว่าคุณสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายก็ตาม ถ้าคุณคุ้นชินกับความเชื่อในอำนาจภายนอกตัวตน ความคิดของคุณจะเต็มไปด้วยการคิดว่า “ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับฉันเรื่อยเลยนะ ทำไมไม่มีอะไรเป็นไปตามที่ฉันคิดเลย ฉันมักจะทำทุกอย่างพัง ไม่ว่าฉันจะทำยังไง โลกก็หาเรื่องวุ่นมาให้ฉันตลอดเลย”
  2. ตัดสินใจให้ดีว่าความเชื่อในอำนาจในตัวตนของคุณนั้นอยู่ภายในหรือภายนอก. มีแบบทดสอบใช่หรือไม่ง่ายๆ ให้คุณทำออนไลน์ ที่คุณสามารถรู้ผลภายในสิบนาทีว่าความเชื่อในอำนาจในตัวตนของคุณนั้นอยู่ภายในหรือภายนอก [4] ทำแบบทดสอบแล้วรอดูผลของคุณ เมื่อรู้ผลแล้วคุณจะเริ่มเข้าใจวิธีการไปให้ถึงจุดมุ่งหมายในชีวิต
    • การทำความเข้าใจความเชื่อและความสามารถของคุณเพื่อที่จะรับมือกับความยากลำบาก จะช่วยส่องทางให้คุณเริ่มเปลี่ยนทัศนคติต่อชีวิตในแง่บวกให้มีพลังกว่าเดิม
  3. หาคำตอบให้ได้ว่าทำไมคุณต้องการการเปลี่ยนแปลง. การรู้สึกว่าคุณไม่สามารถควบคุมตัวคุณเองหรือชีวิตของคุณได้สามารถนำไปสู่ความรู้สึกซบเซา ซึมเศร้า หมดหนทางช่วยเหลือ และสิ้นหวัง คุณจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้อย่างไรหากยังติดแหงกกับความรู้สึกเหล่านี้ นี่คุณกำลังใช้ชีวิตหรือกำลังปล่อยให้ชีวิตใช้คุณอยู่กันแน่ ผู้คนส่วนมากมีแนวโน้มที่จะมีความคิดแง่ลบต่อตัวเองเมื่อชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้ การไม่ได้อะไรดั่งใจหวังก็นับเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้สักหน่อย [5]
  4. ถึงตรงนี้คุณคงทราบว่าความเชื่อในอำนาจในตัวตนของคุณอยู่ตรงไหน และคงรู้ว่าทำไมคุณควรเปลี่ยนที่จะเริ่มเห็นความสำคัญของความเชื่อในอำนาจในตัวตนภายใน และการไปถึงจุดมุ่งหมายในชีวิตอย่างมีพลัง ให้เขียนตัวอย่างช่วงเวลาในชีวิตที่ทำให้คุณโมโหหรือผิดหวัง เช่น การสอบที่โรงเรียน การทำงานที่ทำงาน ความภูมิใจในตนเองในความสัมพันธ์ต่างๆ หรือความสำเร็จทั่วไปของคุณ และความสามารถในการรับมือกับชีวิตเมื่อความยากลำบากมาเยือน ให้เขียนตัวอย่างทั้งหมดที่คุณนึกออกที่สามารถเป็นสาเหตุให้คุณรู้สึกกลุ้มใจ กระวนกระวาย โกรธ หรือรู้สึกผิด ต่อจากนั้นให้เขียนว่าการตอบสนองโดยธรรมชาติต่อสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างไร ให้เขียนตัวอย่างให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเป็นสิ่งทีคุณจินตนาการ รวมถึงความคิดที่ซื่อตรงและการตอบสนองของคุณเมื่อชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคาดหวังเอาไว้ด้วย
    • ยกตัวอย่างเช่น คนเรามักจะเครียดกับเรื่องเรียนและเรื่องงาน เช่น ให้เขียนว่า "ถ้าฉันสอบตก ฉันคือไอ้ขี้แพ้และฉันคือไอ้โง่ ข้อสอบนี่ค่อนข้างจะไม่ยุติธรรม ฉันไม่มีเวลาเตรียมตัวสอบมากพอ ฉันทำข้อสอบนี่ไม่ได้" ทั้งหมดนี้เป็นคำพูดทั้งหมดที่จะแบ่งเบาคุณจากความรับผิดชอบต่อผลของการสอบ [6] วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงความรู้สึกของคุณและเริ่มที่จะเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้น
  5. เริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่มุมมองชีวิตที่มีพลังด้วยบันทึกของคุณ พลังจากคำพูดของคุณจะช่วยให้คุณเห็นตัวเลือกที่คุณมีได้อย่างชัดเจนว่าคุณจะมองชีวิตของคุณอย่างไร ขอให้ตระหนักถึงตัวเลือกนั้นๆ และการปลูกฝังพลังที่คุณมีในการทำให้ชีวิตเป็นไปตามทัศนคติของคุณ จะช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปในทางที่ดีขึ้น ใช้บรรดาความรู้สึกที่คุณจดไว้ในบันทึกของคุณ ในการเริ่มที่จะเปลี่ยนการตอบสนองของคุณ จากทัศนคติเกี่ยวกับทางเลือก การเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และความภูมิใจเชิงบวก ตัดสินใจด้วยตัวของคุณเอง เป็นเจ้าของเวลาของคุณเอง รับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยตัวเอง และขอให้คำนึงบทบาทของคุณในฐานะคนๆ หนึ่งอย่างสมเหตุสมผลในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณด้วย
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณจะเขียนเกี่ยวกับการสอบว่า “ฉันไม่ได้อ่านหนังสือสอบเท่าที่ทำได้ เนื่องจากฉันไปดูหนังมา และนั่นก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ทำข้อสอบได้ดีอย่างที่คาดหวังเอาไว้ แต่คราวหน้าฉันจะทำให้ดีกว่านี้ ฉันรู้ดีว่าฉันสามารถทำได้ดีกว่านี้เพราะว่าฉันมีความสามารถในการจัดสรรเวลาและยังมีนิสัยอ่านหนังสือที่ดีกว่านี้ ฉันก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง และฉันก็ทำผิดพลาดบ้างในบางครั้ง ยังมีข้อสอบอีกมากมายให้ฉันทำ ไม่ใช่วันสิ้นโลกเสียหน่อย ฉันสามารถไปคุยกับอาจารย์ได้หากมีอะไรที่ฉันสามารถทำได้เพื่อช่วยคะแนนส่วนนี้” [7]
  6. เปลี่ยนความคิดแง่ลบในชีวิตเป็นความคิดแง่บวก. เริ่มนำทัศนคติใหม่เกี่ยวกับตัวเลือกและการเป็นตัวของตัวเองเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง การเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นเริ่มที่ทัศนคติที่คุณมีต่อตัวเองและชีวิตของคุณ ให้ฟังเสียงที่คุณใช้พูดกับตัวเองในเวลาที่คุณรู้สึกผิดหวังและอารมณ์เสีย ใช้บันทึกของคุณเพื่อที่จะเขียนสิ่งแง่ลบต่างๆ ที่โผล่ขึ้นมาในหัวของคุณทันทีตลอดวัน ตั้งแจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อที่ข้อความ “วันนี้ให้พูดเกี่ยวกับตัวเองในเชิงบวก” แจ้งเตือนทุกชั่วโมง ทำโปสเตอร์ขนาดเล็กที่คุณสามารถแปะบนหัวเตียง ผนังออฟฟิศ หรือในสมุดโน้ตของคุณและเขียนว่า “พูดเกี่ยวกับตัวเองในแง่ดีเท่านั้น”
    • รับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณปฏิบัติต่อตัวคุณเองและวิธีที่คุณพูดกับตัวเอง การรู้สึกว่าคุณสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นจะช่วยเพิ่มการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในชีวิตของคุณได้
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณทำจานตกแตกแทนที่จะคิดว่า “ฉันมันไอ้โง่จอมซุ่มซ่าม” ลองเปลี่ยนการกระทำที่เป็นพิษและเขียนการตีกรอบความคิดเชิงบวกลงในบันทึกของคุณ คุณไม่ใช่ไอ้โง่จอมซุ่มซ่าม คุณคือมนุษย์คนหนึ่งที่ทำจานตกแตกบ้างในบางครั้ง แค่คำพูดง่ายๆ แบบนี้ คุณสามารถเปลี่ยนความรับผิดชอบจากการเป็นไอ้โง่จอมซุ่มซ่ามผู้หมดหนทาง ผู้ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำจานแตก สู่มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบตลอดเวลาและทำผิดพลาดได้ คุณไม่ได้ไร้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณคิดเสมอไปหรอกนะ [8]
  7. การเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณนั้นต้องอาศัยความกล้าหาญ แม้ว่าคุณจะคิดว่าตัวคุณนั้นไม่ได้กล้าหาญเลยสักนิด แต่จริงๆ แล้วคุณกล้าหาญ ในบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ ให้เขียนทุกช่วงเวลาในชีวิตที่คุณรู้สึกกล้าหาญลงไป เขียนถึงทุกเหตุการณ์ที่คุณได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่คุณเคยคิดว่าคุณจะไม่สามารถรับมือได้ หรือเขียนถึงสถานการณ์ที่ทำให้คุณหวาดกลัว แต่คุณก็รอดผ่านมาได้ ยกย่องความกล้าหาญของคุณสำหรับการที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
    • ยกตัวอย่างเช่น เขียนถึงเหตุการณ์ที่คุณมาสอบที่โรงเรียนแม้ว่าคุณจะสอบตกก็ตาม ในบางครั้งแค่การมาสอบก็อาศัยความกล้ามากแล้ว ความกล้าหาญไม่ใช่พรสวรรค์ที่หาได้ง่ายๆ และการมีความกล้าหาญนี้ไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่หวาดกลัวสิ่งใด เพียงแต่การมีความกล้าหาญนั้นหมายความว่าคุณมีพลังที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวและรับมือกับชีวิตได้
    • ลองเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ทำภาพปะติดเล่าเรื่องราวว่าคุณกล้าหาญเพียงไหน เขียนกลอนเกี่ยวกับความกล้าหาญ ทำโปสเตอร์เกี่ยวกับคุณสมบัติแห่งความกล้าหายทั้งหมดที่คุณมี [9]
  8. การเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นนั้น ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือชีวิตที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจนคุณสามารถพออกพอใจกับชีวิตที่ดีขึ้นนี้ได้อย่างผาสุกทันตาเห็น การเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นนั้นต้องอาศัยความกล้าหาญ การเปลี่ยนทัศนคติจากการรู้สึกราวกับว่าคุณไม่สามารถทำอะไรได้เพื่อที่จะก้าวผ่านความยากลำบากในชีวิต จากคุณคนที่ทั้งติดแหงกและซึมเซา สู่การรู้สึกราวกับว่าคุณมีทัศนคติที่ทั้งแข็งแรง ยืดหยุ่นและเป็นบวก และความเชื่อในตัวของคุณเองก็นับว่าสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นกว่าเก่าเช่นกัน
    • คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตไม่ได้ คุณทำนายชีวิตก็ไม่ได้ และแผนที่วางไว้อย่างดิบดีก็มักไม่สำเร็จ แต่คุณสามารถเปลี่ยนตัวเองและวิธีที่คุณมองสถานการณ์ต่างๆ ได้ [10]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ทำความรู้จักตัวของคุณเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พัฒนาลักษณะเฉพาะที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นกว่าเก่า คุณคือใคร คุณอยากเป็นใครบนโลกใบนี้ คุณมองตัวเองอย่างไร คุณคิดว่าคนอื่นมองคุณอย่างไร การสำรวจและการเปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณใช้มองตัวเองและวิธีที่คนอื่นมองคุณนั้นนับว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่แท้จริงได้ และยังกระตุ้นให้คุณเริ่มอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีกว่าเก่าอีกด้วย
  2. ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพของบริกกซ์ เมเยอร์ และ จุง. หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวของคุณเองมากขึ้น ขอให้ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพของบริกกซ์ เมเยอร์ และ จุง ซึ่งเป็นแบบสอบถามสั้นๆ ที่จะช่วยให้คุณมองเห็นองค์ประกอบภายในบุคลิกภาพของคุณ แบบทดสอบใช้ประเภทบุคลิกภาพแบบทั่วไปเพื่อจะอธิบายว่าคุณมีบุคลิกภาพประเภทใด ใช้ผลจากแบบทดสอบสำรวจว่าความรู้สึกที่แท้จริงที่คุณมีต่อตัวเอง วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการทำงานของบุคลิกภาพของคุณ ที่จะส่งผลให้คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้ การรู้ทันและเข้าใจตัวเองนับว่าเป็นจุดก้าวกระโดดในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปในทางบวก
    • แบบทดสอบนี้มีให้คุณทำออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย [11]
  3. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณชื่นชอบเกี่ยวกับตัวเอง. ใช้บันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ เขียนคุณสมบัติเกี่ยวกับตัวคุณที่คุณชื่นชอบ คุณมีจิตใจเมตตาหรือไม่ คุณเป็นผู้สร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นหรือเปล่า ขอให้จำไว้ว่าสติปัญญานั้นมาในหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่การมีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด คุณคิดว่าคุณมีไหวพริบไหม คุยสงสัยบ้างไหม ให้เริ่มเขียนมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเป็น และใช้บันทึกของคุณไล่เขียนถึงสิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเป็นจริงๆ
    • อย่าจำกัดตัวเอง! เขียนออกมาตามใจนึกเกี่ยวกับอะไรก็ตามที่คุณชอบเกี่ยวกับตัวคุณเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คุณชอบทรงผมของคุณไหม นิ้วมือล่ะชอบไหม ชอบเสียงของตัวเองเวลาพูดไหม ชอบสไตล์ของตัวเองไหม คุณคือมนุษย์คนหนึ่งที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ มากมายที่คุณรับรู้เกี่ยวกับตัวของคุณเอง
    • ทำให้ตัวเองประหลาดใจว่าตัวคุณนั้นซับซ้อนเพียงไหน และขุดลึกลงไปเพื่อเผยให้เห็นมุมต่างๆ ของคุณที่คุณชื่นชอบจริงๆ สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในชีวิตของคุณ หมายความว่า การค้นหาตัวตนที่คุณเป็นและยกย่องคนคนนั้น [12]
  4. ตอนนี้คุณมีสิ่งที่ชื่นชอบยาวเป็นหางว่าว ลองเขียนลิสต์ว่าส่วนไหนในบุคลิกภาพของคุณที่คุณต้องการพัฒนา ขอให้จำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการเป็นสิ่งที่คุณต้องการอย่างมากและจะไม่เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน การที่คุณเพียงแค่เขียนว่าคุณเกลียดเวลาที่คุณโกรธลงในบันทึก ไม่ได้แปลว่าคุณจะตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่โดยปราศจากความโกรธ การเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปในบันทึกช่วยให้คุณรู้ทันตัวเอง ซึ่งคุณไม่สามารถเปลี่ยนหรือพัฒนาสิ่งที่คุณไม่รู้ได้
    • อย่ากดดันตัวเองเกินไปนักขณะเขียนบันทึก หลีกเลี่ยงคำพูดไม่ขาวก็ดำหรือแบบสุดโต่ง เช่น “ฉันมันโง่” “ฉันไม่มีวันทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้” ให้จำไว้ว่าคุณเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบและทำพลาดได้ ลองคิดถึงคุณสมบัติในบุคลิกภาพ เช่น ขี้อายให้น้อยกว่านี้หน่อย หัดควบคุมความโกรธมากกว่านี้ ทำอะไรเป็นระบบมากกว่านี้ หรือหัดเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่านี้
    • เราทุกคนล้วนมีข้อบกพร่องกันทั้งนั้น ในการที่จะพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นต้องอาศัยการศึกษาตัวของคุณเองและบุคลิกภาพของคุณเพื่อให้เกิดความก้าวหน้า [13]
  5. พอคุณรู้ว่าคุณอยากเปลี่ยนแปลงจุดไหนแล้ว ให้ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่เอื้อมถึงได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนบุคลิกภาพส่วนเล็กๆ ของคุณได้ ค่อยๆ ดูทีละคุณสมบัติ ยกตัวอย่างเช่น บอกตัวเองว่าวันนี้คุณจะเป็นผู้ฟังดีที่ดีในบทสนทนาสักหน เขียนถึงวิธีการต่างๆ ที่ทำให้คุณเป็นผู้ฟังที่ดีได้ในการปฏิสัมพันธ์ที่คุณทำอยู่ทุกวัน และนำวิธีการเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
    • พอหมดวันให้เขียนบันทึกถึงสิ่งที่คุณประสบพบเจอว่าคุณทำได้ดีแค่ไหน มีจุดไหนที่คุณทำสำเร็จหรือไม่ หรือมีจุดไหนที่คุณไม่ได้เป็นผู้ฟังที่ดีเท่าที่ควรหรือเปล่า จดบันทึกว่าคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อเริ่มเปลี่ยนแปลงมุมต่างๆ ของบุคลิกภาพของคุณ
    • ค่อยเป็นค่อยไป คุณคงไม่อยากกดดันตัวเองอย่างหนักในการพยายามเปลี่ยนทุกอย่างในหนเดียวและคาดหวังความสมบูรณ์แบบ จงคิดบวกไว้เสมอว่าคุณจะเปลี่ยนตัวเองได้ ยิ่งคุณมั่นใจว่าคุณสามารถสร้างตัวตนที่สมเหตุสมผลและสมดังตั้งใจเท่าไหร่ คุณยิ่งได้รับการกระตุ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นเท่านั้น [14]
  6. หาเวลาขอบคุณสิ่งที่คุณเป็นทุกวัน ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นคือการรู้จักตัวเอง ยอมรับทั้งจุดแข็งและข้อบกพร่องของตัวเอง และความสบายใจต่อตัวเอง การยอมรับในตัวเองสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ในชีวิตของคุณ และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่คุณต้องการจะทำ
  7. หากคุณกำลังประสบปัญหาในการเปลี่ยนวิธีคิดต่อตัวเอง หาใครสักคนที่สามารถช่วยเสริมกำลังใจให้คุณได้ อาจจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานที่คุณไว้ใจ ให้ศึกษาหาวิธีเปลี่ยนความคิดแง่ลบที่คุณมีต่อตัวเอง
    • หากคุณรู้สึกราวกับว่าคุณจะได้ประโยชน์จากการเข้ารับการปรึกษา ลองหาที่ปรึกษาที่คุณสบายใจในการปรึกษาหารือด้วย หากคุณรู้สึกหนักอึ้งในการรู้จักตัวของคุณเอง ตัวเลือกของคุณ และอารมณ์ของคุณ คุณอาจต้องการพบนักจิตบำบัด การเปลี่ยนแปลงชีวิตในจุดสำคัญนับเป็นการเดินทางที่ท้าทาย และการเป็นคนเข้มแข็งหมายถึงการรู้ทันว่าคุณสามารถได้รับประโยชน์จากคำแนะนำและความช่วยเหลือเมื่อไหร่ [15]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

การตั้งเป้าหมายระยะสั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลังจากได้รู้จักตัวเอง บุคลิกภาพของคุณ และลักษณะพิเศษของตัวคุณเองมากขึ้นแล้ว คุณสามารถเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ที่คุณต้องการเปลี่ยนในชีวิต ใช้บันทึกของคุณตั้งเป้าหมายระยะสั้นที่คุณสามารถเริ่มเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตอันใกล้ และตั้งเป้าหมายระยะยาวที่ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากเพื่อจะทำให้สำเร็จ
    • มีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่รู้ว่าคุณต้องการให้ชีวิตของคุณเป็นอย่างไร และมีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่กุมพลังในการตัดสินใจสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณให้ดีขึ้นกว่าเก่า
  2. หนึ่งในยอดวิธีที่คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้คือการจัดการสุขภาพกายให้เป็นระบบ ถ้าร่างกายของคุณดีขึ้น จิตใจของคุณก็จะดีขึ้นไปด้วย ตั้งเป้าหมายสำหรับการรักษารูปร่าง เริ่มวางแผนการออกกำลังกายสำหรับการวิ่ง เดิน หรือกิจกรรมทางกาย 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพิ่มการฝึกกล้ามเนื้อเข้าไปเพื่อให้ร่างกายของคุณแข็งแรงยิ่งขึ้น ทั้งยังต้องกินอาหารที่ดีกว่าเก่าเพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพโดยรวมของคุณ
    • ถ้าคุณเป็นคนสูบบุหรี่ ก็ขอให้เลิกซะ การสูบบุหรี่นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณและคนรอบตัวคุณ รวบรวมสิ่งต่างๆ เข้าสู่กิจวัตรประจำวันของคุณเพื่อช่วยให้คุณเลิกบุหรี่ได้ เช่น แผ่นนิโคติน หมากฝรั่ง ยาอม บุหรี่ไฟฟ้า หรือกลุ่มสนับสนุนเลิกบุหรี่ [16]
  3. หากคุณไม่พอใจกับสไตล์ของคุณหรือรูปลักษณ์ภายนอก ให้ลองวางแผนที่จะพัฒนาการแต่งตัวของคุณ เลือกเสื้อผ้าสไตล์ใหม่หรือเปลี่ยนทรงผมที่เหมาะกับบุคลิกลักษณะของคุณและเหมาะกับความรู้สึกที่คุณมีต่อตัวเอง หันมาสวมใส่สิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขและรู้สึกสบายใจกับตัวเอง สวมใส่เครื่องประดับเก๋ๆ ที่แสดงถึงบุคลิกภาพของคุณสักเล็กน้อยทุกวัน
    • ถ้าคุณยังไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างภายในหนเดียว วิธีเหล่านี้สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ หรือการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยได้ เลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับคุณ [17]
  4. สภาพความเป็นอยู่ของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ โดยการใช้ความพยายามสักหน่อย หากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นคนไม่มีระเบียบ ลองเริ่มจากการทำความสะอาดพื้นที่ของคุณ ห้องนอนของคุณ หรือบ้านของคุณให้บ่อยขึ้น การมีที่อยู่ที่สะอาดสะอ้านย่อมช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและสามารถควบคุมชีวิตได้ดีกว่าเก่า พยายามใช้กิจวัตรการทำความสะอาดให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าการรักษาความเป็นระเบียบและความสะอาดในที่อยู่อาศัยได้ สามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและยังช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นอีกด้วย หากคุณเบื่อหน่ายกับดีไซน์เดิมๆ ของคุณ หรือที่อยู่อาศัย ลองตกแต่งพื้นที่ของคุณ หรือห้องนอนให้ทันสมัย เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกสบาย เพิ่มหมอนสักใบสองใบ เปลี่ยนสีผนัง หรือจัดเฟอร์นิเจอร์เสียใหม่เพื่อให้พื้นที่นั้นเข้ากับคุณที่สุด
    • สิ่งแวดล้อมของคุณมีผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่โดยรวมของคุณเช่นกัน และยังสามารถเป็นการแสดงออกที่สร้างสรรค์เพื่อถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงที่คุณอยากให้เกิดขึ้นในชีวิต
    • พยายามเป็นมิตรกับธรรมชาติหรือลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกบ้าง ใช้ไฟฟ้าให้น้อยลงโดยการปิดไฟ ใช้น้ำให้น้อยขณะอาบน้ำ หรือพยายามไม่ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองในที่อยู่อาศัยของคุณ หันมาใช้ถังขยะรีไซเคิลในบ้านหรือในรถยนต์ขณะไปทำงาน วิธีนี้เป็นวิธีแสนง่ายที่คุณสามารถยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของคุณให้ดีขึ้น ทั้งยังได้ช่วยสิ่งแวดล้อมอีกด้วย [18]
  5. การรู้สึกว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้อื่นสามารถช่วยให้คุณประสานสัมพันธ์ได้ทั้งกับผู้อื่นและกับตัวของคุณเอง และยังนับเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ชีวิตและการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ลองเป็นอาสาสมัครที่ศูนย์แจกอาหาร ที่พักของคนไร้บ้าน ที่ลี้ภัยสัตว์ หรือสหกรณ์อาหาร หน่วยงานส่วนใหญ่มีข้อผูกมัดทางเวลาเล็กน้อย คุณสามารถมีส่วนร่วมกับหน่วยงานเหล่านี้สักสัปดาห์ละชั่วโมงก็ได้
    • การเป็นอาสาสมัครจะช่วยสร้างความเชื่อให้คุณเสริมสร้างคุณค่าในตัวเองและเติมพลังให้ความเป็นตัวของตัวเองของคุณ เพราะว่าคุณได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ [19]
  6. หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ขอให้เริ่มสร้างงานอดิเรกใหม่ๆ หรือทำกิจกรรมที่คุณรัก เข้าคอร์สศิลปะไม่ก็คอร์สเต้น ลองเริ่มเรียนดนตรี หรือเรียนเกี่ยวกับนกดูบ้าง อ่านหนังสือให้มากขึ้นหรือไปยังสถานที่ที่คุณอยากไปสำรวจ ไม่สำคัญว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ตราบใดที่คุณอยากจะทำ
    • การเอาใจใส่ให้รู้จักตัวเองอยู่เสมอจะช่วยให้คุณเพิ่มแรงกระตุ้นความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นต่อไป [20]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

การตั้งเป้าหมายระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีเป้าหมายบางอย่างที่ใช้ระยะเวลายาวกว่าเป้าหมายอื่นๆ หากคุณทำงานอย่างไม่มีความสุข ลองคิดหาวิธีที่จะคลี่คลายสถานการณ์ดูนะ ลองคิดถึงเป้าหมายทางอาชีพอื่นๆ ที่สมเหตุสมผล ที่คุณมีอยู่ในหัวเพื่อตัวของคุณเองอยู่แล้ว และลองไปให้ถึงเป้าหมายนั้นดู แต่ถ้าเกิดคุณชื่นชอบกับอาชีพที่คุณกำลังทำอยู่ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ที่ของคุณอยู่ดี ลองมองหาการเลื่อนตำแหน่ง หรือการเปลี่ยนบริษัทดูก็ได้
    • ถ้าคุณอยากแตกต่างจากเดิม ลองศึกษาดูว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ และไปตามทิศทางที่คุณอยากไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
    • จริงอยู่ว่าต้องใช้เวลา ดังนั้นขอให้ค่อยเป็นค่อยไปและตัดสินใจเรื่องการเงินอย่างสมเหตุสมผล ขอให้จำไว้ว่าการใช้เป้าหมายระยะสั้นขณะที่คุณกำลังต้องการความเปลี่ยนแปลงจะช่วยลดระยะเวลาในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกระยะยาวได้ [21]
  2. ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ คุณยังสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ เพื่อที่จะเปลี่ยนสายอาชีพและเส้นทางชีวิตของคุณ ถ้ามีอะไรที่คุณอยากเรียนมาตลอดแต่ไม่เคยมีโอกาส ลองหาคอร์สเรียนพิเศษที่เหมาะกับคุณดู ถ้าคุณต้องการใบปริญญาสำหรับอาชีพใหม่ที่คุณต้องการ หาคอร์สเรียนที่คุณสามารถเรียนได้ทันที
    • ขอให้เชื่อใจในตัวเองและความทะเยอทะยานของคุณ ตัดสินใจหลังจากศึกษาค้นคว้ามาดีแล้ว และดูว่าการศึกษาใดจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายเหล่านี้ได้บ้าง [22]
  3. ตรวจสอบผู้คนในชีวิตคุณ ทั้งผู้คนในสังคม ในครอบครัว และคนใกล้ชิด และตัดสินใจว่าคุณพึงพอใจกับพวกเขาหรือไม่ การเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นยังหมายถึงการคบหากับผู้คนที่มีความปรารถนาเดียวกับคุณ ที่จะพยายามเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่แข็งแรงและสมดังตั้งใจ ใช้เวลาฟังใจของคุณเวลาคุณอยู่กับคนที่คุณใกล้ชิด เลือกสิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย คิดบวก และยังมีสุขภาพใจที่แข็งแรง เอ่ยปากถามผู้คนรอบตัวคุณเพื่อให้ช่วยกันเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณและรอดูว่าพวกเขาจะตอบสนองอย่างไร วิธีนี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าความสัมพันธ์ไหนดีและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ
    • อย่าด่วนตัดสินใจผู้คนในชีวิตของคุณ ใช้เวลาคิดทบทวนแต่ละการตัดสินใจและพิจารณาดูว่าแต่ละความสัมพันธ์ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร หากคุณกำลังรู้สึกว่ามันช่างลำบากเหลือเกินที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณต้องหาใครสักคนที่สามารถคอยสนับสนุนและเติมพลังให้คุณกลายเป็นคนที่คุณอยากเป็นให้ได้ จงให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ประเภทนี้ [23]
  4. ให้ตัดสินใจดูว่าคุณมีความสุขกับที่อยู่ของคุณหรือเปล่า มีที่ไหนอีกไหมที่คุณวาดฝันไว้ว่าคุณจะอยู่ที่นั่น การเปลี่ยนทำเลที่ตั้งสามารถเปลี่ยนชีวิตและทัศนคติได้ แต่การจะย้ายที่อยู่นั้นต้องอาศัยการวางแผน ความรับผิดชอบทางการเงินและความตั้งใจแน่วแน่ การเปลี่ยนที่อยู่อาจเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็สามารถป่วนสมดุลในชีวิตของคุณได้ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ไปในทิศทางที่คุณไม่คาดคิดได้อีกด้วย
    • ศึกษาหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ รวมถึงการคำนึงเรื่องค่าครองชีพ ตำแหน่งงานที่สามารถทำได้ ผลที่ตามมาในชีวิต หรือครอบครัว และยังต้องคำนึงถึงความเครียดจากการย้ายไปสู่สถานที่ใหม่ก่อนจะตัดสินใจ [24]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

ดูแลตัวเองให้ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะดูแลตัวเองและมั่นใจว่าคุณจะไม่เหนื่อยหน่ายและยอมแพ้ขณะที่คุณกำลังออกตัวสู่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นกว่าเก่า จงยกย่องตัวเอง เพราะว่าคุณนั้นกล้าหาญ เพื่อต้อนรับแนวคิดแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย การเรียนรู้เกี่ยวกับตัวของคุณเองและการค้นหาความสามารถที่จะเป็นคนกล้า มีความรับผิดชอบ และมีพลัง อาจเป็นเรื่องยากจนน่ากลัว การซื่อสัตย์กับบุคลิกภาพของคุณ ไม่ใช่เพียงแค่คุณคิดกับตัวเองอย่างไร แต่รวมถึงวิธีที่คนอื่นคิดกับคุณด้วย เรื่องเหล่านี้อาจทำให้เหนื่อยใจได้ การตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลงในชีวิตว่าเป็นเรื่องน่ากลัวแล้ว การเปลี่ยนแปลงต่างหากที่น่าเหนื่อยใจ
    • จงภูมิใจในตัวเองเข้าไว้ โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น ชีวิตนั้นยาก และการมั่นใจในสิ่งที่คุณเป็นนั้นต้องอาศัยความหนักแน่น
  2. หากคุณกำลังรู้สึกหนักอึ้งด้วยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่คุณเลือก ขอให้พกสักหน่อย ลองนั่งดูหนัง อ่านหนังสือ หรือเล่นเกมส์กับเพื่อน ออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆ เพื่อปลดปล่อยและผ่อนคลายดูบ้างก็ได้ ลองคุยกับเพื่อนคนที่มักจะเรียกเสียงหัวเราะจากคุณได้เสมอดูบ้าง ลองแช่น้ำร้อนหรืออาบน้ำร้อนเพื่อทุเลาอาการตึงเครียด
    • หากคุณต้องการเช่นนั้น ลองพูดถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่คุณรู้สึกได้ในตัวคุณให้เพื่อนของคุณฟัง และรอรับฟังคำแนะนำและการสนับสนุนจากพวกเขาดู [25]
  3. มักจะมีบางช่วงของบางวันที่ทุกอย่างดูจะถาโถมเข้ามาเหลือเกิน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ให้จำว่าคุณต้องหายใจ ใช้เวลา 10 นาทีในแต่ละวัน นั่งลงและวางมือบนหน้าท้อง และหายใจเอาความตึงเครียดและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ออกมา จงจำไว้เสมอว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไม่ใช่การเป็นคนสมบูรณ์แบบ ทุกๆ วันคือการเดินทาง หรือแม้แต่วันที่ทำให้คุณรู้สึกติดแหงกและงุ่นง่านก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิม [26]
  4. ขณะที่คุณได้ก้าวหน้าผ่านการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิต หาเวลาให้รางวัลตัวเองเสียบ้าง คุณจะทานขนมหวานสุดโปรดของคุณ ออกไปข้างนอก หรือทำอาหารดีๆ ให้ตัวเองสักมื้อ หรือว่าจะเป็นการซื้อเสื้อตัวใหม่ วิดีโอเกมส์ใหม่ หรืออะไรก็ตามที่คุยเล็งไว้นานแล้ว ขอให้จำไว้เสมอว่าคุณกำลังอยู่บนการเดินทางและคุณก็น่าทึ่งมากที่กำลังเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางนี้ จงให้รางวัลตัวเองสำหรับการออกมาเผชิญกับการเดินทางที่ท้าทายสำหรับเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นกว่าเก่า
    • หากคุณรู้สึกเครียดขึ้นมา ลองนวดให้ตัวเองหรือขอให้คนที่คุณรักนวดให้คุณก็ได้
    โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Luhmann, Maike; Orth, Ulrich; Specht, Jule; Kandler, Christian; and Lucas, Richard E. Studying Changes in Life Circumstances and Personality: It's About Time. European Journal of Personality. May/Jun 2014, Vol. 28, Issue 3, p256-266
  2. Kenneth Bradford, G. and Sterling, Molly Merrill. The Journey Is the Goal: The Legacy of James F. T. Bugental. Journal of Humanistic Psychology. Jul 2009, Vol. 49, Issue 3, p316-328
  3. Chen, Jingqiu and Wang, Lei, Locus of control and the three components of commitment to change. Personality & Individual Differences. Feb 2007, Vol. 42, Issue 3, p503-512.
  4. http://www.oakland.edu/upload/docs/Instructor%20Handbook/Locus%20of%20Control.pdf
  5. Jemmer, Patrick. Self-Talk: The Spells of Psyhco-chaotic Sorcery. European Journal of Clinical Hypnosis. 2009, Vol. 9, Issue 1, p51-58. 8p
  6. http://virgil.azwestern.edu/~dag/lol/ControlLocus.html
  7. Jemmer, Patrick. Self-Talk: The Spells of Psyhco-chaotic Sorcery. European Journal of Clinical Hypnosis. 2009, Vol. 9, Issue 1, p51-58. 8p
  8. Jemmer, Patrick. Self-Talk: The Spells of Psyhco-chaotic Sorcery. European Journal of Clinical Hypnosis. 2009, Vol. 9, Issue 1, p51-58. 8p
  9. Wong, Paul T. P. Meaning Therapy: Assessments And Interventions. Existential Analysis: Journal of the Society for Existential Analysis. Jan2015, Vol. 26 Issue 1, p154-167
  1. Wong, Paul T. P. Meaning Therapy: Assessments And Interventions. Existential Analysis: Journal of the Society for Existential Analysis. Jan2015, Vol. 26 Issue 1, p154-167
  2. http://www.myersbriggs.org/my-mbti-personality-type/mbti-basics/
  3. http://www.mayoclinic.org/healthy-living/stress-management/in-depth/positive-thinking/art-20043950
  4. Van Deurzen, Emmy. Life is for Living. Existential Analysis: Journal of the Society for Existential Analysis. Jul 2009, Vol. 20, Issue 2, p226-239
  5. Padesky, Christine A. and Mooney, Kathleen A. Strengths-Based Cognitive-Behavioural Therapy: A Four-Step Model to Build Resilience. Clinical Psychology & Psychotherapy. Jul/Aug 2012, Vol. 19, Issue 4, p283-290
  6. http://www.helpguide.org/articles/emotional-health/finding-a-therapist-who-can-help-you-heal.htm
  7. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/nicotine-dependence/basics/coping-support/con-20014452
  8. Van Deurzen, Emmy. Life is for Living. Existential Analysis: Journal of the Society for Existential Analysis. Jul 2009, Vol. 20, Issue 2, p226-239
  9. Van Deurzen, Emmy. Life is for Living. Existential Analysis: Journal of the Society for Existential Analysis. Jul 2009, Vol. 20, Issue 2, p226-239
  10. Adler, Alfred. The Practice and Theory of Individual Psychology, 1925
  11. Van Deurzen, Emmy. Life is for Living. Existential Analysis: Journal of the Society for Existential Analysis. Jul 2009, Vol. 20, Issue 2, p226-239
  12. http://www.mindtools.com/page6.html
  13. http://www.mindtools.com/page6.html
  14. http://www.apa.org/helpcenter/lifestyle-changes.aspx
  15. Van Deurzen, Emmy. Life is for Living. Existential Analysis: Journal of the Society for Existential Analysis. Jul 2009, Vol. 20, Issue 2, p226-239
  16. http://www.mindbodygreen.com/0-13868/28-easy-self-care-practices-anyone-can-do.html
  17. http://www.mindbodygreen.com/0-13868/28-easy-self-care-practices-anyone-can-do.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,084 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา