ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด คุณอาจจะอยากเป็นนักเบสบอลมืออาชีพ เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงระดับโลก หรือแค่เป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะเป็นได้ การบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเอง นั้นอาจเป็นงานช้างที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้หากคุณกำจัดนิสัยไร้ประโยชน์ทั้งหมดที่ถ่วงคุณไว้ไม่ให้ไปไหน เอาลักษณะนิสัยภายในออกมาใช้เพื่อเริ่มสร้างตัวตนให้กลายเป็นคนในแบบที่คุณอยากเป็น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

สำรวจสิ่งที่คุณมี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความลับของการเป็นคนในแบบที่คุณอยากเป็นก็คือ การจำไว้ว่าคุณเป็นคนในแบบที่คุณอยากเป็นอยู่แล้ว! คุณเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว คุณแค่ต้องรู้วิธีที่จะเป็นคนๆ นี้ได้ ทุกอย่างที่คุณปรารถนานั้นอยู่ในตัวคุณหมดแล้ว และทรัพยากรทั้งหมดที่คุณต้องใช้เพื่อสร้างตัวตนที่คุณอยากเป็นก็อยู่ข้างในตัวคุณด้วยเช่นกัน [1]
    • สิ่งที่คุณมองหาไม่ได้อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ ถ้าระดับความรักตัวเอง ความมั่นใจ หรือความอุดมสมบูรณ์ของคุณขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่อยู่ภายนอกตัวคุณ คุณก็จะมีชีวิตที่หวาดกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกพรากจากคุณตลอดเวลา พลังงานภายในที่แท้จริงมาจากการเชื่อว่า ทรัพยากรที่ต้องใช้เพื่อสร้างตัวเองในแบบที่คุณอยากเป็นนั้นอยู่ในตัวคุณอยู่แล้ว
  2. มีคำกล่าวที่ว่า "สิ่งเดียวที่รั้งคุณไว้ก็คือตัวคุณ" ซึ่งเป็นเรื่องจริง แต่คุณต้องหยุดและทบทวนคุณลักษณะหรือนิสัยที่ไม่ได้สะท้อนตัวตนในแบบที่คุณอยากเป็น ซึ่งคุณอาจจะต้องถึงขั้นคุยกับคนที่คุณรักสัก 2- 3 คนและถามพวกเขาว่า พวกเขาสังเกตเห็นคุณลักษณะไร้ประโยชน์ที่อาจจะรั้งคุณไว้บ้างหรือเปล่า คุณลักษณะที่พบได้ทั่วไปที่อาจรั้งคุณไว้ได้แก่ :
    • ความสงสัยตนเอง เป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ทำให้คุณหยุดนิ่ง ไม่มีวันเปลี่ยนและไม่มีวันไปถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง ถ้าคุณทุกข์ใจจากการกลัวความล้มเหลวหรือความรู้สึกไม่มั่นคง คุณต้องสู้กับมันเดี๋ยวนี้ วิธีที่จะ สู้กับความสงสัยตัวเอง ก็คือ การมองหาหลักฐานความสำเร็จของตัวเอง ระบุความสำเร็จอันงดงามที่คุณเคยได้รับมาแล้ว จากนั้นขอให้เพื่อนสนิท 2 – 3 คนบอกว่ามีอะไรเกี่ยวกับตัวคุณที่พวกเขาชื่นชมบ้าง [2]
    • การผัดวันประกันพรุ่ง นิสัยที่ไม่พึงประสงค์นี้มาจากการพูดกับตัวเอง คุณบอกตัวเองว่าคุณทำงานภายใต้แรงกดดันได้ดี หรือว่างานนี้ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ เพราะฉะนั้นยังไม่ต้องทำตอนนี้ก็ได้ จากอีกหนึ่งชั่วโมงค่อยทำก็กลายเป็นหลายวัน รู้ตัวอีกทีก็อดตาหลับขับตานอนทำให้เสร็จภายในคืนเดียว เอาชนะการผัดวันประกันพรุ่งด้วยการพยายามค้นหาว่า ทำไมคุณถึงไม่ยอมทำงานตั้งแต่แรก จากนั้นเปลี่ยนวิธีการมองงานใหญ่ๆ และแทนที่จะพยายามทำงานให้เสร็จรวดเดียว บอกตัวเองว่าถ้าคุณทำงานย่อยๆ เสร็จ คุณจะพักได้ นอกจากนี้ให้เอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน ไม่ใช่มีแต่สิ่งที่ทำให้คุณเสียสมาธิ
    • ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับความทรงจำอันเจ็บปวดที่คุณฝังไว้ในก้นบึ้งหัวใจ ความกลัว ความหดหู่ หรือมีการใช้สารเสพติด คุณอาจจะไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่ได้รับการฝึกอบรม ซึ่งจะช่วยแนะนำวิธีผ่านกระบวนการเยียวบาดแผลเก่าๆ เพื่อที่คุณจะได้มีอนาคตที่สดใสและมีชีวิตชีวาอย่างที่คุณปรารถนา
  3. ทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ต้องทำ คุณมีเหตุผลของตัวเองว่าทำไมคุณถึงเกิดมาอยู่บนโลกใบนี้ และคุณก็ต้องหาเหตุผลเฉพาะตัวนั้นให้เจอ เหมือนที่ Pablo Picasso ประกาศว่า "ความหมายของชีวิตคือการหาพรสวรรค์ของตัวเอง และเป้าหมายของชีวิตก็คือการแบ่งปันพรสวรรค์นั้นกับผู้อื่น" ประเมินตนเองเพื่อให้ใกล้ชิดกับความจริงของตัวเองและใกล้ชิดกับตัวตนที่คุณถูกกำหนดมาให้เป็นมากขึ้น ถามตัวเองว่า :
    1. คุณตื่นเช้ามาเพื่ออะไร อะไรทำให้คุณรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่จริงๆ
    2. สมัยเรียนคุณชอบวิชาอะไรมากที่สุด คุณอยากเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม
    3. งานอะไรที่คุณเคยทำแล้วรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย
    4. กิจกรรมอะไรที่คุณทำจนลืมเวลาเพราะว่าคุณสนุกกับมันมากๆ
    5. คนอื่นๆ มักจะบอกว่าคุณเก่งด้านไหน
    6. ความคิดอะไรที่คุณให้ความสนใจอย่างยิ่งยวด
    7. คุณมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดอะไร
  4. กำจัดความคิดที่ขัดแย้งกับความจริงของคุณออกไป. เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดลบ วิจารณ์ หวาดกลัว หรือมีความคิดที่เป็นอันตรายต่อตนเอง ก็เท่ากับว่าคุณกำลังตัดขาดจากความจริงของคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณบอกตัวเองว่าคุณทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่ได้หรอก หรือคุณมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่ได้หรอก สิ่งที่คุณบอกตัวเองก็จะกลายเป็นคำทำนายที่เป็นจริงเพราะว่าคุณเชื่อแบบนั้น คุณจะไม่มีวันไปถึงจุดหมายได้ด้วยวิธีนี้ ความจริงของคุณก็คือ คุณมีความสามารถที่จะเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากเป็น ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือเชื่อมั่นในสิ่งนี้ และเชื่อว่าคุณทำได้
    • ในการที่จะเลิกคิดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองนั้น ต้องเริ่มจากการพยายามระบุความคิดนั้นให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยท้าทายมัน [3] ถ้าคุณพบว่าตัวเองกำลังพูดว่า "ฉันทำไม่ได้หรอก" เวลาที่ลองทำอะไรใหม่ๆ ให้หาหลักฐานที่บอกว่าคุณทำไม่ได้ หลายคนวิจารณ์ตัวเองเชิงลบที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองเลย พยายามตระหนักถึงความคิดเหล่านี้ให้ได้ และแทนที่ความคิดเหล่านี้ด้วยการพูดเชิงบวกกับตนเอง เช่น "ฉันก็กลัวอยู่หรอกนะ แต่ฉันก็คงจะไม่มีวันรู้ว่าฉันจะทำมันได้ดีหรือเปล่าถ้าฉันไม่ลองทำ"
    • บางครั้งการจะเชื่อมั่นในตัวเองก็เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเวลาที่คุณพูดเชิงลบกับตัวเอง ขณะที่คุณเรียนรู้ที่จะท้าทายการวิจารณ์ตัวเองเชิงลบ ให้เริ่มนึกภาพตัวเองไปสู่เป้าหมายนั้น การจินตนาการภาพเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทรงพลังและช่วยให้คุณมั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น [4]
    • ในการฝึกจินตนาการภาพนั้น ให้คุณหาห้องเงียบๆ และนั่งในท่าสบายๆ หลับตา หายใจลึกๆ มองเห็นตัวเองไปถึงเป้าหมาย ลองฝึกจากเป้าหมายเล็กๆ ก่อน เช่น ลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลกรัมหรือเทอมนี้ได้เกรด 4.0 จินตนาการภาพตัวเองไปถึงเส้นชัย แต่ก็ย้อนกลับมาที่ระหว่างทางและนึกภาพขั้นตอนเล็กๆ ทุกขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณไปถึงเส้นชัยนั้น (เช่น กินอาหารที่ถูกต้องและออกกำลังกาย หรือทบทวนทุกวันและเรียนพิเศษเพิ่ม)
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายคนมองข้ามเสียงสัญชาตญาณเล็กๆ ในใจที่รักและเอ็นดูเรา มันเตือนให้เราใจร่มๆ และเชื่อใจตัวเอง แต่สังเกตไหมว่าเรามักจะได้ยินแต่เสียงที่โพล่งเข้ามาดังๆ ในใจเราและบอกให้เราลงมือทำอะไรสักอย่าง เสียงนี้ทำให้เราไม่เชื่อใจตัวเอง และล่อลวงเราให้เอาแต่เดินตามเส้นทางวัตถุและโลกที่ตื้นเขิน
    • ฝึกแยกแยะเสียงที่ดุดันและเต็มไปด้วยคำวิจารณ์ที่ผลักดันคุณ กับเสียงนุ่มๆ ที่หล่อเลี้ยงใจคุณด้วยความรักและการสนับสนุน จากนั้นตัดสินใจดีๆ ว่าคุณจะเลือกฟังเสียงไหน
  2. คุณไม่สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดของตัวเองได้ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร หลายครั้งในชีวิตที่เป้าหมายของเราเปลี่ยน และบางครั้งเราก็อาจรู้สึกหลงทางและไม่รู้ว่าเรากำลังทำไปเพื่ออะไร แต่การรู้ว่าเราไม่ต้องการอะไรนั้นจะผลักเราไปสู่ทิศทางที่เราควรไป และทำให้คุณได้กำหนดขอบเขตของตัวเอง [5] [6]
  3. วิทยาศาสตร์เผยว่า คนที่คิดบวกนั้นมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนกว่าและมีความสุขทั้งทางกายและทางใจได้มากกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย การเห็นว่ายังมีน้ำอยู่ตั้งครึ่งแก้วคือการยิ้มบ่อยๆ หักห้ามใจไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นในเชิงแข่งขัน และมองหามุมดีๆ ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ [7]
    • วิธีหนึ่งที่ได้รับการรับรองจากงานวิจัยว่า สามารถช่วยให้เรามองโลกในแง่ดีได้มากขึ้นก็คือ การฝึกนึกภาพอนาคตของตัวเองในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ [8] ในการฝึกแบบนี้ ให้คุณเขียนสิ่งที่คุณคิดออกมาอย่างละเอียดเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเป็นเวลา 20 นาที “คิดถึงชีวิตในอนาคตของตัวเอง จินตนาการว่าทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเท่าที่จะดีได้ คุณทุ่มเทและประสบความสำเร็จเป้าหมายทุกอย่างในชีวิต คิดถึงสิ่งนี้ในฐานะความเป็นจริงที่เกิดจากสิ่งที่คุณฝันเอาไว้ทั้งหมด จากนั้นเขียนทุกอย่างที่คุณจินตนาการออกมา” ฝึกแบบนี้ 3 วันติดต่อกัน
  4. จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่กล้าลงมือทำอะไรเพราะกลัวจะล้มเหลวหรือเปล่า เรียนรู้ที่จะกล้าและใช้ประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ที่เข้ามาในเส้นทางของคุณให้มากขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่ไปถึงจุดนั้นด้วยการเลือกทำแต่สิ่งที่ปลอดภัยตลอดเวลา อ่านสถานการณ์และคนเพื่อดูว่า โอกาสไหนที่คุ้มค่ากับเวลาของคุณ จากนั้นก็ลงมือวางกลยุทธ์เพื่อเอาชนะได้เลย [9] [10]
    • คนที่กล้าเสี่ยงคือคนที่ทดลองวิธีการ แก้ไขวิธีการ และพัฒนาวิธีการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จากวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดเสมอ อย่าหยุดทดลอง
    • คาดหวังความสำเร็จ แต่ก็พร้อมยอมรับความล้มเหลว คุณควรนึกภาพตัวเองไปถึงเป้าหมายอยู่เสมอ แต่ความล้มเหลวก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยอมรับและรับมือกับความผิดพลาดอย่างไม่กังวล และรับรู้มันในฐานะช่วงที่เวลาที่สอนให้คุณปรับปรุงทักษะและกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม
    • การอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตลอดเวลาอาจนำไปสู่ความเบื่อหน่ายและการไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น [11] ก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยด้วยการริเริ่มทำสิ่งใหม่และทำโปรเจ็กต์ที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ประจำของคุณ ถ้าคุณเป็นอาสาสมัคร ให้เลือกทำงานกับกลุ่มคนที่คุณเคยมีอคติด้วยมาก่อน (คนที่ใช้สารเสพติด คนไร้บ้าน เป็นต้น) อีกวิธีที่จะช่วยทำให้กิจวัตรของคุณเปลี่ยนไปได้ก็คือ เลิกทำงานเบื้องหลัง ก้าวมาสู่ตำแหน่งผู้นำที่คุณต้องรับผิดชอบมากขึ้นและมีคนหลายคนพึ่งพาคุณมากขึ้น
  5. เป็นที่รู้กันว่า คนที่กล้าเสี่ยงมักจะพูดคำว่า "ได้" มากกว่า "ไม่" ซึ่งแนวโน้มนี้สร้างขึ้นจากการไม่ยอมปล่อยให้ความกลัวหรือความสงสัยมาทำให้พวกเขาต้องพลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้เติบโต แต่ถ้าคุณตั้งเป้าที่จะบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเอง คุณต้องเรียนรู้ที่จะแสดงเสียงของตัวเองและพูดคำว่า "ไม่" บ้าง เคารพตัวเองและยกระดับค่านิยมหลักของคุณด้วยการปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ได้นำคุณไปสู่เป้าหมาย [12]
    • แน่นอนว่าจะต้องมีบางเวลาที่คุณอยากจะพูดคำว่า "ได้" เพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ ในสถานการณ์เหล่านี้ การตอบรับว่าจะทำอะไรให้อาจนำคุณไปสู่เป้าหมายก็ได้ หากการมีคนๆ นั้นอยู่ในชีวิตช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับคุณ
    • ถ้าคุณมั่นใจว่าการพูดว่า "ไม่" นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณ ให้พูดว่าไม่โดยไม่ต้องแก้ตัวหรือขอโทษเลย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เสริมสร้างบรรยากาศที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนที่คุณใช้เวลาด้วยส่วนใหญ่คือเงาสะท้อนตัวตนของคุณ เหมือนคำโบราณที่ว่า "กาอยู่ส่วนกา หงส์อยู่ส่วนหงส์" ตรวจสอบวงสังคมของคุณว่า คนที่ล้อมรอบตัวคุณทุกวันหรือทุกสัปดาห์นั้นเป็นภาพแทนตัวคุณได้ดีหรือเปล่า คนเหล่านี้ควรมีลักษณะและนิสัยที่คุณชื่นชม นิสัยที่วันหนึ่งคุณอาจจะซึมซับ หักห้ามใจไม่ให้พาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่อาจจะอยู่ด้วยแล้วสนุกและน่าตื่นเต้นชั่วครั้งชั่วคราว แต่กลับดึงคุณไว้ไม่ให้เจอศักยภาพของตัวเอง [13]
    • Hans F. Hansen เคยบอกไว้ว่า "คนอื่นถ้าไม่ให้แรงบันดาลใจคุณก็มีแต่จะทำให้คุณเหนื่อยเปล่า เพราะฉะนั้นเลือกให้ดีๆ" นำคำพูดนี้มาใช้ในชีวิตด้วยการประเมินคนที่ใกล้ชิดกับคุณที่สุดก่อน คิดดูว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับคนเหล่านี้ พวกเขานำพาให้ชีวิตของคุณดีขึ้นและสร้างแรงกระตุ้นให้คุณหรือเปล่า พวกเขาสนับสนุนให้คุณมีนิสัยที่ดีต่อตัวคุณและเป็นบวกหรือไม่
    • ถ้าคนที่อยู่รอบตัวคุณมีแต่ทำให้คุณเสียเวลาเปล่าหรือทำให้ชีวิตคุณตกต่ำ การเก็บคนเหล่านี้ไว้ในชีวิตก็อาจจะต้องแลกกับการไปไม่ถึงศักยภาพของตัวเอง ตัดสินใจดูว่าคุณจำเป็นต้องตัดขาดการติดต่อกับคนที่ไม่ได้เป็นภาพแทนของชีวิตในแบบที่คุณต้องการหรือเปล่า
  2. ค้นหาความสามารถและพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครของคุณ และใช้มันทุกวัน วิธีนี้จะทำให้คุณได้ลับคมความสามารถและทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิม การที่คุณทำตามจุดแข็งของคุณคือการที่คุณได้มอบส่วนที่ดีที่สุดในตัวคุณให้กับโลกใบนี้ นอกจากนี้คุณยังได้เพิ่มความมั่นใจในตนเองและรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จมากกว่าเดิมด้วย [14]
    • แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการวิเคราะห์จุดอ่อนของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ การรู้ว่ามีส่วนไหนที่คุณยังต้องพยายามอยู่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่การรู้และการเล่นกับจุดแข็งของตัวเองจะทำให้คุณตระหนักถึงความฝันและความสมบูรณ์ของชีวิต ลองนึกดูสิว่ามันจะต้องมีเหตุผลที่คุณเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านนี้แน่ๆ เพราะฉะนั้นใช้มันซะ!
  3. ขณะที่คุณกำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางความสมบูรณ์ของชีวิต อย่าลืมหาเวลาพักเพื่อดูแลตัวเองบ้าง การมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ นั้นเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่ทุกคนต่างต้องพักและดูแลตัวเองเพื่อให้กลับคืนสู่บังเหียนได้เต็มที่ 100% เมื่อคุณรู้สึกเครียดหรือรู้สึกว่าอะไรๆ มันประดังประเดเข้ามามากเกินไป ให้หันกลับมาหาวิธีดูแลตัวเองสักเล็กน้อยเพื่อให้จิตใจปลอดโปร่งและคลายพลังงานเชิงลบ เพื่อไม่ให้มันมามีผลต่องานที่คุณกำลังทำเพื่อตัวเอง [15]
    • การดูแลตัวเองนั้นจะเป็นกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ทำแล้วเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีด้านจิตใจ ร่างกาย หรืออารมณ์ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาจจะเป็นการแช่อ่างน้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ เขียนบันทึก ออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ สวดมนต์ หรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ทำแล้วผ่อนคลาย
    • ลองทำกิจกรรมสัก 2 – 3 อย่างเพื่อดูว่ากิจกรรมไหนดีกับคุณมากที่สุดและเลือกทำกิจกรรมนั้นเวลาที่คุณรู้สึกเครียด คุณควรทำกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายทุกวันหรือทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเครียดมากเกินไป
  4. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง บางครั้งเราก็มีเรื่องยุ่งในชีวิตมากมายจนละเลยตัวเองไป ติดต่อกับตัวตนภายในและวินิจฉัยมันอยู่เสมอ มีอะไรที่คุณต้องการไหม อยากพักหรือเปล่า ใช้เวลากับตัวเองและประเมินตัวเองใหม่บ่อยๆ ว่าคุณกำลังมุ่งหน้าไปไหนและคุณชอบเส้นทางที่คุณกำลังไปหรือเปล่า เราทุกคนต่างเป็นผลงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นอย่าทุกข์ใจหากคุณจะต้องเปลี่ยนแผนหรือจัดกลุ่มใหม่ จงเป็นผู้ชนะเพื่อตัวเราเอง! [16]
    โฆษณา


เคล็ดลับ

โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,730 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา