ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง เราทุกคนต่างเคยรู้สึกเหมือนโลกสนใจเราไม่มากพออย่างที่ใจเราต้องการ แต่ถ้าคุณตกอยู่ในความหดหู่นี้มานานพอสมควรแล้วล่ะก็ อาจถึงเวลาที่คุณต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง รู้หรือไม่ว่า เพียงปรับแก้วิธีคิดด้วยสูตรลับเร่งด่วน เสริมด้วยปัจจัยทางสังคมอีกแค่ 2-3 อย่าง คุณก็สามารถเป็นคนที่ทั้งโลกหลงรักได้แบบไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมตัวลงสู่สนาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาจเคยมีคนสอนคุณมาแล้วนับล้านครั้งว่า ถ้าอยากให้คนอื่นชอบคุณ คุณจะต้องชอบตัวเองก่อน พูดง่ายแต่ทำยากใช่รึเปล่า แต่คุณก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ลองคิดถึงคนรู้จักที่ไม่ค่อยเห็นคุณค่าของตัวเองดูสิ พวกเขามักจะมองตัวเองในแง่ร้ายไปหน่อย อ่อนไหวต่อคำวิจารณ์ไปนิด และอยู่ด้วยแล้วไม่สนุกเท่าไร ถ้าเพียงแต่เขาลองปล่อยตัวตามสบาย ทั้งโลกก็พร้อมที่จะปฏิบัติกับพวกเขาต่างไปจากเดิม
    • ลองเขียนข้อดีต่างๆ เกี่ยวกับตัวคุณ ทำสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขและมั่นอกมั่นใจ อย่ากลัวที่จะลองสิ่งใหม่และอะไรที่น่ากลัว และอย่าคิดแม้แต่จะข้ามขั้นตอนนี้ไปเชียว เพราะมันสำคัญมาก! คุณไม่จำเป็นต้อง เข้าสังคมเก่ง หรือเป็นคนตลกสุดขั้ว แค่รู้จักเคารพตัวเองในระดับที่พอเหมาะเท่านั้น
  2. เมื่อคุณเริ่มปล่อยตัวตามสบายได้แล้ว จงยึดมั่นในตัวตนอย่างที่คุณเป็นต่อไป การเสแสร้งแกล้งทำนำเสนอตัวเองแบบผิดๆ รวมถึงการพยายามรักษาภาพลักษณ์นั้น นอกจากจะทำให้คุณเหนื่อยเสียเองแล้ว ยังทำให้คุณเบี่ยงออกนอกเส้นทางที่ต้องการไปไกลโขทีเดียว เพราะตัวตนจริงๆ ของคุณนั่นล่ะดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อบกพร่องและทุกสิ่งที่เป็นคุณ แทนที่จะพยายามเป็นที่สองของสิ่งอื่น เรามาเป็นที่หนึ่งในการเป็นตัวของเราเองไม่ดีกว่าหรือ ที่สำคัญคือ เราจะเป็นอย่างอื่นไปเพื่ออะไรกัน
    • เชื่อหรือไม่ งานวิจัยชี้ให้เห็นแล้วว่าการทำให้ตัวเองอับอายต่อหน้าผู้อื่นสามารถทำให้พวกเขารักและเชื่อมั่นในตัวคุณได้! [1] หลังจากลองคิดๆ ดูอีกที เรื่องนี้ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน เพราะมันเป็นการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเราเองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนๆ กับพวกเขา โล่งอกเสียนี่กระไร! เราไม่จำเป็นต้องทำตัวให้สมบูรณ์แบบอีกต่อไป ดีจัง… แค่เป็นคนธรรมดาเหมือนๆ กับคนอื่นก็เพียงพอแล้วล่ะ ยิ่งเป็นตัวของตัวเองได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี
  3. ตรงนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องพื้นฐานของมนุษย์กันสักหน่อย ลองจินตนาการว่าคุณกำลังมีเพศสัมพันธ์กับใครสักคนบนเตียง และอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนไหวร่างกายไปมา แต่คุณไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร คุณจะรู้สึกกังวลเมื่อต้องกระโจนลงบนเตียงกับคนๆ นั้นอีกครั้งรึเปล่า? คงจะไม่ใช่ไหม ก็เหมือนชีวิตคนเรานั่นล่ะ! ทุกคนล้วนอยากอยู่ใกล้ๆ คนที่สามารถสร้างความตื่นเต้นให้ทั้งห้องสดใสขึ้นในพริบตา และไม่มีเหตุผลอะไรที่คนๆ นั้นจะเป็นคุณไปไม่ได้
    • เมื่อเริ่มเข้าใจแล้วว่า สิ่งเล็กๆ ในชีวิตก็สามารถสร้างความตื่นเต้นระทึกใจได้ และที่สำคัญ ชีวิตคนเรามันสั้น เพราะฉะนั้น กาแฟทุกแก้วไม่จำเป็นต้องเป็นแก้วที่ดีที่สุดที่คุณเคยลิ้มลองเสมอไป (ที่จริงมันอาจเป็นแก้วที่ห่วยที่สุดก็ได้) แต่คุณก็ยังตื่นเต้นกับมันได้มิใช่หรือ ยะฮู้! ได้กินกาแฟแล้ว! ในที่สุด! ยากระตุ้นยามเช้าของฉัน! รู้สึกดีอะไรอย่างนี้
  4. ส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของคนอื่นนั่นล่ะ แต่ก็อย่าลืมสงสัยเรื่องราวความเป็นไปของทั้งโลกด้วยนะ และเมื่อได้รับรู้สิ่งใดมา ลอง คิด เกี่ยวกับมันอย่างจริงๆ จังๆ อย่าเพียงแต่รับมันมาดื้อๆ ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจ จงค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับมัน โดยเฉพาะแนวคิดต่างๆ และยิ่งต้องคิดมากเป็นสองเท่าเมื่อได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับคนอื่น
    • เพราะฉะนั้น ในครั้งหน้า ถ้าคุณได้พบกับคนอายุ 24 ที่เล่าให้ฟังถึงเวลาที่เขาใช้ไปกับการทำอีเมลลูกโซ่หรือเป็นรองหัวหน้าแผนกครัวในร้านอาหารฝรั่งเศสที่คุณชื่นชอบ ลองอ้าปากค้างแสดงความเหลือเชื่อนิดๆ แล้วถามไถ่เรื่องราวเพิ่มเติม มาลองทำตัวอยากรู้อยากเห็นกันหน่อยดีกว่า ก็คุณสนใจนี่!
  5. เผื่อคุณจะอาศัยอยู่บนเกาะร้างห่างไกล เลยอยากบอกไว้ว่า สมัยนี้มนุษย์เขาชอบที่จะคบค้าสมาคมกับคนที่ไม่มีกลิ่นตัวแล้วนะจ๊ะ วิทยาศาสตร์เองก็มีงานวิจัยถึงสาเหตุออกมาแล้ว เพราะฉะนั้น จงหมั่นดูแลตัวเองด้วยการอาบน้ำ แปรงฟัน และอย่าลืมเปิดไฟตอนแต่งตัวด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจไม่เต็มใจสละเวลาให้คุณ แล้วจะหาว่าไม่เตือน
    • อย่าลืมใส่ความพยายามลงไปสักนิด (ลองหาอ่านเรื่อง “มากกว่าแค่อาบน้ำ”) เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มักปล่อยปละละเลยเรื่องภาพลักษณ์มากกว่าที่ควรเป็น ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือเรื่อง “Blink” ของมัลคอล์ม แกลดเวลล์ หรือที่นำมาแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ "มหัศจรรย์ความคิดชั่วพริบตา" คุณอาจจะคุ้นเคยกับปรากฏการณ์วูดโรว์ วิลสัน และเรื่องราวที่เขาได้รับเลือกตั้งเพราะภาพลักษณ์ที่ดูดีน่าเชื่อถือและจังหวะเวลาที่เหมาะสม (การรายงานข่าวด้วยภาพถ่ายนับเป็นสิ่งใหม่และได้รับความนิยมมากในยุคนั้น) แต่ถึงแม้จะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน คุณก็น่าจะทราบเรื่องราวของจอห์น เอฟ. เคนเนดี้มาพอสมควร และสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงได้ พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม คนสวย/หล่อก็มักมีข้อได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
  6. เรียนรู้วิธีการและสาเหตุที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ. การมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์มีด้วยกัน 3 ระดับด้วยกัน คือ วัจนภาษา อวัจนภาษา และกึ่งวัจนภาษา [2] คุณคงพอเข้าใจภาษาใน 2 ระดับแรกดีอยู่แล้ว แต่กึ่งอวัจนภาษาคืออะไร สิ่งที่เรียกว่ากึ่งอวัจภาษาคือ “วิธีการ” ที่คุณพูดคำต่างๆ ออกมานั่นเอง พอจะนึกกันออกใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโทน ระดับเสียงสูงต่ำ และจังหวะการพูด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
    • เริ่มต้นด้วยการสังเกตคนที่เป็นที่ชื่นชอบเพราะมีทักษะทั้ง 3 ระดับนี้ พวกเขายืนอย่างไรเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คน และเมื่ออยู่คนเดียว พวกเขาดูเข้าถึงง่ายรึเปล่า ขั้นต่อไปก็สังเกตวิธีการที่พวกเขาพูด พวกเขาพูดอะไรและอย่างไร เมื่อเริ่มสังเกตเห็นรูปแบบที่เหมือนกันแล้ว ทีนี้ก็ลองสังเกตตัวคุณเอง ว่ามีรูปแบบอะไรที่คุณสามารถเอามาเป็นแบบอย่างได้บ้าง
  7. ทำความเข้าใจว่าวิธีการสำหรับหญิงชายนั้นต่างกัน. เรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริงในทุกสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ทำงาน ชายใดที่มีความแน่วแน่จนอาจถึงขั้นโกรธเกรี้ยวในบางครา คนทั่วไปมักจะมองว่าเขามีความมุ่งมั่นสูง แต่ถ้าหญิงใดเกิดแสดงอารมณ์ในลักษณะเดียวกัน เธอกลับถูกมองว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ [3] ดังนั้น คุณจึงควรไตร่ตรองก่อนที่จะรับคำแนะนำใดๆ มา และจะเป็นการดีที่สุดถ้าจะพิจารณาเรื่องเพศร่วมด้วย ไม่ว่าคุณจะสังเกตสิ่งใดอยู่ก็ตาม
    • แม้เรื่องนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ผู้หญิงก็ มัก เป็นที่รักมากกว่าถ้าทำตัวอ่อนลงสักหน่อย เรื่องนี้อธิบายง่ายๆ ได้ด้วยคำแค่ 2 คำ “ฮิลลารี คลินตัน” ผู้หญิงที่ถูกนำมาล้อเลียนมากกว่าใคร ทำไมน่ะหรือ? เพราะเธอไม่ใช่ผู้ชาย แต่ทำตัวเหมือนผู้ชายในโลกของผู้ชาย อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังถือเป็นผู้หญิงที่สุดยอด แถมยังเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเป็นผู้หญิงล่ะก็ อาจจะลองตั้งเป้าไว้ที่บุคลิกกลางๆ ระหว่าง ฮิลลารี คลินตันกับจูน คลีฟเวอร์
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เข้าสู่วงสนทนาอย่างลื่นไหล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองสนอกสนใจงานอดิเรกและความสนใจของคนอื่นดูสิ เพราะเมื่อพวกเขาเห็นว่าคุณชอบพวกเขา เขาก็มักจะชอบคุณตอบ แต่มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตลก เพราะเราจะสัมผัสมันได้เป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น!
    • ถ้ามีคนเดินเข้ามาในห้องและคุณแสดงออกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสทันที พวกเขาก็จะสังเกตเห็นมัน มันคงจะรู้สึกดีใช่ไหมล่ะถ้ามีใครต้อนรับเราดีอย่างนี้ คุณจึงสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกอบอุ่นเล็กๆ ได้ แค่ทำให้พวกเขารู้ว่าคุณสนใจพวกเขาด้วยใจจริง เพราะคุณชื่นชอบพวกเขาจริงๆ ไม่มีสิ่งแอบแฝง และสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้คุณมีจุดอ่อนแต่อย่างใด มันคือการเป็นตัวของตัวเอง
  2. จงอ่อนโยน พูดอย่างที่คุณคิดจริงๆ อย่าสร้างปัญหาให้คนอื่น อย่าโกหกหรือปั่นหัวคนอื่น ปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างที่คุณอยากได้รับการปฏิบัติไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดก็ตาม และไม่ว่าจะก้าวเข้าไปในสถานการณ์ใด เพียงจริงใจและทำตัวอบอุ่นเข้าไว้เท่านั้นเป็นพอ
    • เริ่มต้นด้วยการพยายามใจเย็นและสุภาพกับคนอื่นให้มากที่สุด จงฟังและพยายามให้ความช่วยเหลือเมื่อทำได้ ช่วยเพราะอยากช่วยจริงๆ ไม่ใช่เพราะหวังสิ่งตอบแทน ไม่ว่าคุณจะกำลังอารมณ์เสียขนาดไหน จงปฏิบัติกับผู้อื่นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการทำตัวอ่อนโยนและจริงใจทั้งที่ไม่อยู่ในโหมดที่จะอ่อนโยนได้ มันอาจจะช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์ของคุณได้นั่นเอง
  3. คนส่วนใหญ่ก็ชอบเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น พวกเขาจึงชอบคนที่อยากฟังเรื่องของพวกเขายังไงล่ะ โชคร้ายที่โลกของเรามีคนจำนวนไม่น้อยที่คอยแต่จะหาโอกาสหันเหบทสนทนาเข้าหาตัวเอง เรามาใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้กันหน่อยเป็นไง ด้วยการชักชวนให้พวกเขาเล่าอะไรให้ฟัง! เพียงเกริ่นถามถึงเรื่องอะไรก็ได้เกี่ยวกับพวกเขา จากนั้นก็แค่ปล่อยให้พวกเขาปลดปล่อยออกมาแบบน้ำไหลไฟดับ
    • สมมุติว่าคุณอยู่ที่ทำงาน คุณเดินเข้าไปหาดอกแคร์และทักว่า “ดอกแคร์ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง” แล้วน้องดอกแคร์ของเราตอบกลับมาธรรมดาๆ ว่า “ก็ดีนะ ได้ใช้เวลากับครอบครัวบ้าง” แทนที่คุณจะตอบไปว่า “เหรอ! ดีจัง” ลองเปลี่ยนเป็นคำถามปลายเปิด เช่น “ดอกแคร์ไม่ค่อยได้เจอครอบครัวเหรอ” ไม่กี่อึดใจดอกแคร์ของเราก็จะบ่นยาวเป็นหางว่าวถึงเรื่องราวของลูกพี่ลูกน้องคนที่ 2 ที่ย้ายที่อยู่ไม่หยุดหย่อน และดอกแคร์ก็จะไม่หยุดตราบเท่าที่คุณยังดูสนใจเรื่องราวของเธอ!
  4. วิธีการนี้ถือว่ายากพอตัว เพราะถ้าคุณจริงจังเกินไป คนอื่นอาจจะสับสนว่าตกลงคุณกำลังเล่นมุขหรือเกลียดตัวเองจริงๆ เทคนิคมีอยู่ว่า ถ้าคุณพูดด้วยรอยยิ้มปนเสียงหัวเราะ ก็มักจะปลอดภัยหายห่วง เช่น เมื่อโคแนน โอไบรอันล้อเลียนไมเคิล เฟลปส์ว่าเริ่ม “สุขภาพไม่ดี” เขาก็เสริมต่อทันทีว่า “แต่ถ้าอย่างเขาเรียกสุขภาพไม่ดี อย่างผมนี่คงตายมา 5 ปีแล้ว” [4] การแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนสนุกสนานและสามารถล้อเลียนตัวเองได้นับเป็นคุณสมบัติที่ทำให้คุณเป็นที่ชื่นชอบได้ดีทีเดียว
    • การรับมุขเมื่อคนอื่นล้อเลียนคุณเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่มีประโยชน์ไม่น้อย เพราะเมื่อคนเรารู้จักกันมากขึ้น การหยอกล้อในระดับที่พอควรจะช่วยเสริมความสมัครสมานจนเกิดเป็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นได้ในที่สุด และถ้าคุณสามารถเป็นตัวตลก “ให้” คนอื่นหัวเราะได้ มันจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนสนุกสนาน ไม่เคร่งครัด และสบายๆ กับตัวเอง
    • อย่าลืมใช้มุขประเภทอื่นด้วย! ไม่ว่ามุขอะไรก็ใช้การได้ดีทั้งหมดนั้นล่ะ แต่จะยิ่งดีถ้าคุณใช้มุขที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ในกลุ่มได้ เพราะการทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเราอยู่ในระดับเดียวกัน จะทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณ เพราะฉะนั้น มาทำให้พวกเขาหัวเราะลั่นกันดีกว่า!
  5. จีบแซว . ใครๆ ก็ชอบให้มีคนมาจีบแซวด้วยกันทั้งนั้น เพราะมันทำให้เรารู้สึกดียังไงล่ะ นอกจากจะได้หยอกล้อกันขำๆ แล้ว ยังทำให้รู้สึกว่ามีคนสนใจเพราะเราสวย/หล่อ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ชอบการจีบแซวกัน สิ่งที่จะทำให้หมดสนุกคงจะเป็นการจีบแซวคนที่ไม่เล่นด้วยเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่รอช้า ออกตัวจีบแซวกันเลยดีกว่า เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีเสน่ห์ เปิดใจ แถมยังขี้เล่น เจ๋งอะ!
    • การสัมผัสเป็นอีกหนึ่งวิธีการดีๆ ในการกระชับความสัมพันธ์ที่ได้ผลทันทีทันใด ลองนึกถึงคนที่ทักคุณ โบกมือบ๊ายบาย แล้วก็เดินผ่านไปเฉยๆ กับอีกคนที่ทักทาย ลูบไหล่คุณเบาๆ ด้วยความเป็นมิตร และจึงเดินผ่านไป (อาจจะยิ้มให้และสบตาด้วย) คุณจะรู้สึกผูกพันกับคนไหนมากกว่ากัน
  6. ไม่ต้องถึงขนาดตามปรนนิบัติพัดวีอย่างยิ่งใหญ่ ความจริงนี่ออกจะเป็นอะไรที่ไม่ควรเสียด้วยซ้ำ เพราะสิ่งเล็กๆ มักบอกอะไรได้มากกว่า เพียงมุ่งหน้า ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นอีกสักนิด ทำให้พวกเขารู้ว่าคุณสนใจในตัวตนของเขา จากนั้นพวกเขาก็มักจะสนใจคุณกลับ
    • เรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อ ลองดูนะ น้องดอกแคร์… ใครได้ยินก็ต้องชอบว่าไหม ที่สำคัญ ถ้าคุณเพิ่งรู้จักกัน มันจะทำให้คุณจดจำชื่อของเขาได้อีกด้วย!
    • จดจำรายละเอียด เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหัวหน้าของคุณอาจจะพูดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจว่าลูกสาวของเขากำลังขายคุกกี้ ลองถามเขาดูสิว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ว่าคุณจะโปรดปรานของหวานเป็นชีวิตจิตใจหรือไม่ก็ตาม
  7. บางครั้ง คนที่ขาดความมั่นใจอาจพยายามหาอะไรมาเติมเต็มคุณค่าในตัวเองที่มีอยู่เพียงน้อยนิดด้วยการทำตัวเหมือนหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของตัวเอง เพราะคิดว่าสิ่งนี้ทำให้พวกเขาดูเจ๋งเป้ง ทั้งที่ความจริงแล้วมันทำให้พวกเขาดูเป็นคนเห็นแก่ตัว พวกเขาควรหันมาทำในสิ่งตรงข้าม นั่นคือให้ความสนใจกับคนอื่นเป็นหลัก จากนั้นความรู้สึกสบายใจและได้รับการยอมรับก็จะเพิ่มขึ้นเอง!
    • เมื่อมีคนชื่นชม เพียงตอบกลับไปว่า “ขอบคุณ” แม้นี่อาจเป็นโอกาสดีให้คุณได้พูดสรรเสริญตัวเอง ก็จงปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านพ้นไป เพราะคนอื่นไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคุณกวาดรางวัลมามากแค่ไหน เขี่ยใครตกอันดับมาบ้าง หรือได้ดูได้ทำอะไรมามากมายก่ายกอง เรื่องเหล่านี้จะเผยตัวออกมาเองโดยธรรมชาติในบทสนทนา โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องยัดเยียดมันเข้าไป
  8. มองโลกในแง่ดี . ข้อดีของเรื่องนี้คงไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ มากมาย ที่สำคัญคือ ความสุขและการมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งที่ติดต่อกันได้ง่าย และคนเราก็ชอบคนที่มีความสุขเสียด้วย เพราะถ้าคุณมองเห็นแง่มุมดีๆ ของเรื่องราวบางอย่าง มันก็ช่วยให้โลกสดใสขึ้นได้มิใช่หรือ แม้คุณจะอยากเป็นคนถ่อมตัวจนต้องยอมลดค่าของตัวเอง หรือพยายามทำตัวเป็นคนฉลาดรอบรู้ด้วยการพาลเกลียดไปเสียทุกสิ่ง (เราทุกคนน่าจะพอรู้จักคนประเภทนี้) แต่อย่าเผลอทำอย่างนั้นเป็นอันขาด เพราะมันไม่ดีต่อตัวคุณ ไม่ดีต่อรอยตีนกาบนใบหน้า แถมยังไม่ดีต่อคนรอบๆ ตัว
    • มีคำกล่าวที่ว่า จงรู้จังหวะที่ควรแสดงความเห็นอกเห็นใจ (คุณรู้ใช่ไหมว่ามีคำเตือนบางอย่างที่เราควรจดจำให้ขึ้นใจ) การบ่นเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยรวมผู้คนเป็นหนึ่งได้ เพียงแต่อย่าบ่นอยู่ตลอดเวลาเป็นพอ! การร่วมบ่นในทำนองว่า “ได้ยินว่าหัวหน้าของคุณเพิ่งพรากวันศุกร์สุขสันต์ด้วยการยืนยันว่าทุกคนต้องเลิกงานช้า” ถือว่าใช้การได้ ในขณะที่การบ่นทำนองว่า “ยัยมะลิกินโดนัทชิ้นสุดท้ายไปแล้วใช่ไหม” อาจจะไม่เหมาะเท่าไร ขอย้ำอีกครั้ง อย่าลืมเลือกศึกที่คุณจะร่วมลงสนาม
  9. ไม่มีบทสนทนาใดบนโลกที่จะ (หรือควร) ยืดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มี เป็นศูนย์ ไร้ตัวตน จับต้องไม่ได้ นอกจากนี้ บางบทสนทนาก็ควรจะสั้นกระชับหน่อย เมื่อสัมผัสได้ว่าบทสนทนาของคุณกำลังจะสิ้นสุดลง จงปล่อยให้มันเป็นไป เพียงบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าการสนทนานี้น่าสนใจเพียงใด (เว้นเสียแต่มันจะแย่เอามากๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น จะมัวเสียเวลากับคนผู้นั้นอยู่ไย) และบอกว่าคุณจะมาคุยด้วยอีกในเร็วๆ นี้ เสร็จภารกิจ ปิดจ็อบ!
    • ถ้าการสนทนาเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน เพียงขอตัวออกมาอย่างสุภาพ คำพูดง่ายๆ เช่น “ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ!” นั้นใช้การได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ต้องคิดไปว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับคุณเพียงคนเดียว เพราะแท้จริงแล้ว บทสนทนากว่า 17% ล้วนเต็มไปด้วยความเคอะเขินเก้ๆ กังๆ บางที วิทยาศาสตร์อาจจะอธิบายเรื่องนี้ได้ในที่สุดก็เป็นได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เป็นปรมาจารย์ด้านทักษะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จำได้ไหมว่า ครั้งล่าสุดที่คุณต้องไปเที่ยวกับใครสักคนที่หยาบคายไร้มารยาทสุดๆ คือเมื่อไร เขาอาจเป็นญาติผู้ใหญ่ขี้โมโหที่ถ้าเลือกได้ คุณคงไม่ไปข้องแวะกับเขาเป็นแน่ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จงอย่าทำตัวเป็นคุณปู่อารมณ์ร้าย อย่าลืมใช้คำว่า “ช่วย...” หรือ “ขอบคุณ” และเปิดประตูค้างไว้ให้คนที่เดินตามหลังมา มีเหตุผลอะไรที่เราจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ล่ะจริงไหม
    • การปฏิบัติกับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าราวกับเขาต่ำกว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าประทับใจ เพราะฉะนั้น อย่าลืมให้ทิปพนักงานเสิร์ฟ ถามไถ่ว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง อย่าทำหน้าบึ้งตึงใส่พนักงานร้านขายของเพียงเพราะทางเดินตรงช่อง 6 สกปรก พูดง่ายๆ ก็คือ ให้สุภาพกับทุกคนเข้าไว้
  2. ควบคุมอารมณ์ตัวเอง . เพราะคนที่ใจเย็น สบายๆ และเข้ากับคนง่ายคือคนที่เป็นที่รักได้ง่ายที่สุด ผู้คน (โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จักกัน) อาจจะส่ายหน้าหนีถ้าเห็นว่าคุณอยู่ในโหมดหงุดหงิด เข้าถึงยาก หรือขี้ระแวง เพราะฉะนั้น พยายามเก็บอารมณ์ อย่าโมโหหรือวีนแตกมากเกินไปเมื่อมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ เพราะมันไม่ช่วยอะไร นอกจากจะทำให้คุณเครียดยิ่งกว่าเก่าและพาลทำให้คนรอบตัวที่ไม่รู้จักรู้สึกอึดอัดไปด้วย
    • นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรหลีกเลี่ยงการช่วยที่จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคุณหรอกนะ เพียงแต่ให้ช่วยด้วยวิธีการที่เหมาะสมและสะดวกใจกันทั้ง 2 ฝ่าย เพราะใครๆ ก็อยากอยู่กับคนที่อารมณ์มั่นคงและดูมีความสุขอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น พยายามอย่าฟิวส์ขาดง่ายกับมุขตลกที่ไม่ได้ทำร้ายใคร และลองหามุมตลกๆ ในสิ่งธรรมดาทั่วไปดู
  3. แค่พาตัวเองเข้าไปก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เช่น แค่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอล คุณก็มีกระสุนไว้ยิงเปิดบทสนทนาแล้วจริงไหม นอกจากนี้ มันยังแสดงให้เห็นว่าคุณมีอะไรคล้ายกับพวกเขา และมนุษย์เราก็ชอบทำความรู้จักกับคนที่มีอะไรคล้ายๆ กันซะด้วย! เพราะฉะนั้น ไม่รอช้า มุ่งหน้าเข้าชมรมหรือกลุ่มต่างๆ และเอาตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คน เพราะคงไม่มีใครมาชื่นชอบคุณได้ ถ้าคุณเอาแต่หมกตัวอยู่ที่บ้านคนเดียว!
    • นอกจากนี้ คุณยังได้ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่น่าจะเข้ากับคุณได้ง่าย เพราะการตีสนิทกับคนที่ไม่รู้จักมักจีหรือไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่างอาจจะยากไปสักหน่อย ชมรมหรือกลุ่มต่างๆ จึงเป็นสนามประลองทดสอบท่ายูยิตสูใหม่ๆ ในการเข้าสังคมที่ได้ผลดีทีเดียว
  4. คุณอาจจะเล่าเรื่องราวที่ดีที่สุดและน่าสนใจที่สุดในโลกได้ แต่ถ้ายังเอาแต่ทำหน้านิ้วคิ้วผูกปมจ้องไปที่แก้วกาแฟ ยังไงก็คงไม่มีใครสนใจคุณจริงๆ และในไม่ช้า คุณก็จะกลายเป็นคนบ้าที่นั่งคุยกับแก้วกาแฟคนเดียวตรงมุมห้อง เพราะฉะนั้น เรามายิ้มกันดีกว่า! ให้ผู้คนรับรู้ว่าคุณเป็นมิตรและไม่ได้กำลังเหม่อลอยคิดถึงเรื่องอื่น และเมื่อไรที่พวกเขาพูดกับคุณ อย่าลืมสบตา! ไม่ยากเกินไปใช่ไหม
    • เมื่อไรที่รู้สึกประหม่า เรามักเลือกที่จะหลบเลี่ยงสายตา ถ้านี่เป็นหนึ่งในปัญหาของคุณล่ะก็ พยายามหาโอกาสให้คนอื่นสบตาเพื่อให้ชินเข้าไว้ เพราะถ้าคุณไม่สบตาคนอื่นบ้าง มันอาจจะดูเป็นการหาเรื่องไปหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอีกฝ่ายกำลังพูด! เพราะพวกเขาคงไม่มารับรู้ปัญหาของคุณ และคิดเองเออเองว่าคุณไม่สนใจสิ่งที่เขากำลังพูด กฎพื้นฐานที่ถือว่าใช้การได้ดีทีเดียวคือให้จำไว้ว่า ถ้าเขากำลังพูดเรื่องที่ดูน่าจะมีความสำคัญกับเขา เราต้องพยายามสบตาให้มากหน่อย แต่ถ้าเป็นแค่เรื่องทั่วๆ ไป ก็พอจะถูไถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการปล่อยให้สายตาร่อนเร่ไปเรื่อยๆ ได้
  5. ถ้าอยากให้บทสนทนาของคุณดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือคุณต้องใช้น้ำเสียงที่เหมาะสม ใช้ภาษาท่าทางที่ดูเป็นมิตร และปลดปล่อยออร่าของคนคิดบวก แต่ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็จบกัน เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เพราะฉะนั้น เรามาอ่านประเด็นฮิตเกาะติดกระแสกันหน่อยดีกว่า! ทำตัวสบายๆ นั่งดูทีวีหรืออ่านเรื่องราวบนอินเตอร์เน็ตเล่นไปเรื่อยๆ รับประกันว่าถ้ามีเรื่องราวน่าสนใจให้พูด คุณจะรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน
    • ไม่ใช่ทุกคนจะสนใจอะไรเหมือนๆ กัน ด้วยเหตุนี้ จะให้ทุกคนชอบคุณกันหมดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ การอ่านข่าวการค้นพบล่าสุดของนาซ่าและได้ไปพิพิธภัณฑ์โคนันที่ญี่ปุ่นคงไม่ทำให้คุณได้เข้ากลุ่มที่นั่งดูทองเนื้อเก้าด้วยกันเมื่อคืน แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป ขอแค่หมั่นเสพสื่อที่คุณสนใจ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ
  6. เราทุกคนน่าจะพอรู้จักคนที่ดีเกินไปจนพาลทำร้ายตัวเอง พวกเขาจะเอาแต่ชมคนโน่นคนนี้ไม่หยุดหย่อน ทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองเพื่อให้คนอื่นมีความสุข และไม่ยอมตัดสินใจอะไรเพราะไม่อยากสร้างปัญหา จงอย่าทำตัวแบบนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเป็นกระโถนรองรับทุกสิ่งเพื่อให้คนอื่นพอใจ! คนอื่นจะรักจะชอบคุณมากกว่าถ้าคุณ มี ความกล้าและมีจุดยืนเป็นของตัวเอง เพราะถ้าคนอื่นมองไม่เห็นความเป็นคุณ เขาก็คงไม่รู้จะชอบอะไรในตัวคุณจริงไหม
    • มีเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การพูดย้ำอีกครั้ง นั่นคือ ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ คุณอาจจะเข้ากับคนบางคนได้ และอาจเข้ากับคนบางคนไม่ได้เท่าไร โลกของเราก็เป็นอย่างนี้ล่ะ เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องเครียดไปถ้าคุณเข้ากับใครไม่ได้ ยังมีคนที่เข้ากับคุณได้รออยู่อย่างแน่นอน
  7. จง มั่นใจในตัวเอง เพราะคุณเจ๋งไง. เอาจริงๆ นะ ถ้าคุณคิดว่าคนอื่นไม่ชอบคุณล่ะก็ ขอบอกไว้เลยว่า มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่คุณจะคิดไปเอง คุณมีบุคลิกเฉพาะตัวที่ถือว่ามีค่าบนโลกใบนี้ จงโชว์ทักษะพิเศษของคุณให้ทั้งโลกรับรู้! ใส่เข้าไปให้เต็มที่! เพราะคุณไม่มีทางชนะถ้าไม่ลงสนาม
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เปิดรับความท้าทาย เพราะคนเราชอบคนที่ชอบลองทำสิ่งใหม่ๆ และกล้าที่จะก้าวเข้าไปในพื้นที่ที่อยู่นอกพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง จงกล้าที่จะเสี่ยงและสงสัยกับสิ่งที่ยังไม่รู้ อย่าให้ความสนใจดับมอด แล้วมาดูกันสิว่ามันจะพาคุณไปถึงไหน..
  • เป็นตัวของตัวเองอยู่เสมอ ถ้าคนอื่นชอบในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของคุณ คุณอาจจะคิดว่ามันก็ไม่เห็นเป็นอะไรถ้าฉันจะเสแสร้งแกล้งทำไปเรื่อยๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย แค่อย่ากลัวที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ และอยู่กับคนที่รักคุณอย่างที่คุณเป็นจริงๆ
  • เริ่มจากจุดเล็กๆ กระบวนการปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นอะไรที่ท้าทายค่อนข้างมาก อีกทั้งยังใช้เวลามากพอตัว เพราะฉะนั้น จงอย่าเร่งรัดขั้นตอนจนต้องมานั่งหงุดหงิดเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ให้เริ่มจากตั้งเป้าหมายเล็กๆ กับตัวเองก่อน หรือฝึกฝนในแต่ละขั้นจนมั่นใจว่าทำได้ 100% แล้วจึงไปยังขั้นตอนต่อไป
  • ทุ่มสุดใจไม่ไขว้เขว เพื่อนร่วมทีมคงไม่ชอบคุณเท่าไรถ้าคุณไม่ค่อยมาเล่น/แสดง และไม่ค่อยช่วยอะไรทีม เพราะฉะนั้นจำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า คุณจะต้องทุ่มสุดตัวให้กับทีมหรือชมรมของคุณ
  • อย่าทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนหลายอย่างเกินไป เพราะสิ่งต่างๆ อาจสับสนวุ่นวายจนพาลทำคุณเครียดเสียเอง วิธีการที่ดีที่สุดคือ ให้ทำเพียงอย่างเดียวและทุ่มแบบสุดตัว เมื่อคิดว่าคุณทำตรงนี้ได้ดีพอตัวแล้วจึงลองจัดสรรเวลาทำกิจกรรมอื่นๆ เพิ่ม แต่ก็อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป
  • อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์สุดๆ และช่วยให้คุณประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่ก้าวไป
  • ถ้าการสนทนาเริ่มติดๆ ขัดๆ เพียงยิ้มและถอนตัวออกมาจากการสนทนาด้วยการขอตัวหรือบอกลา
  • ทำตัวเป็นมิตร โดยไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง แค่เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าหลอกใช้เพื่อนของคุณ และอย่าให้คนอื่นหลอกใช้ จงสร้างความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างเท่าเทียมกัน ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองต้องยอมแพ้และคอยไล่ตามเพื่อนอยู่ตลอดเวลา อย่างนี้เรียกว่าความสัมพันธ์อาบยาพิษ ให้ลองพูดเปิดอกกับเพื่อนดู ถ้ามันยังไม่ได้ผล ให้คงความเป็นมิตรและสุภาพกับเขาไว้ เพียงแต่หลีกเลี่ยงอย่าเข้าไปข้องแวะกับเขาให้มากนัก
  • บทความนี้ไม่ได้บอกถึงวิธีการเป็นคนป็อป เราแค่มาบอกเล่าถึงวิธีการเป็นที่ชื่นชอบของคนรอบตัว เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องโมโหหรือหงุดหงิดไป ถ้าคุณไม่สามารถไต่บันไดอันดับคนฮอตได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,103 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา