ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การติดสารเสพติดอาจทำให้คุณรู้สึกว่าคุณหมดหวังที่จะเลิกใช้พวกมัน แต่ไม่ว่าคุณจะติดมากเพียงใด คุณสามารถเลิกได้ด้วยความพยายามและความอดทน เริ่มจากการหาว่าทำไมคุณถึงอยากเลิกสารเสพติดซึ่งจะช่วยให้คุณมีความเข้มแข็งพอที่จะเลิกได้ หลังจากนั้นก็วางแผนให้ดี อาจจะปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากกลุ่มผู้เลิกสารเสพติดหรือที่ปรึกษาเมื่อคุณกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ปราศจากสารเสพติด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ตัดสินใจที่จะเลิก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเลิกใช้สารเสพติดคุณจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายที่จะเลิกก่อน คุณอาจไม่สามารถทำทั้งหมดได้ภายในครั้งเดียว แต่การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้คุณรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป [1]
  2. การเขียนรายการสิ่งไม่ดีจากการติดสารเสพติดที่ส่งผลต่อชีวิตคุณจะช่วยให้คุณเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ การเขียนให้เจาะจงดีกว่าการเขียนแบบภาพรวม (“มันทำลายชีวิตฉัน” หรือ “ฉันทำเรื่องต่างๆ ได้ไม่เต็มที่”) เขียนเรื่องราวที่ทำให้เฉพาะ “ชีวิตของคุณ” มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากคุณเริ่มใช้สารเสพติด การเขียนรายการอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่จะช่วยให้คุณผ่านขั้นตอนที่ยากที่กำลังจะมาถึงได้ [2]
  3. คุณจะรู้ว่าคุณติดสารเสพติดก็ต่อเมื่อคุณมีอาการลงแดงเมื่อคุณพยยามจะเลิก [3] อาการลงแดงคืออาการที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกตอนคุณเสพสารเสพติด หากคุณรู้สึกมีกำลังเมื่อคุณเสพสารเสพติด คุณก็จะรู้สึกเหนื่อยไม่มีแรงเมื่อคุณพยายามเลิกใช้สารเสพติด หากคุณรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเมื่อคุณใช้สารเสพติด คุณก็จะรู้สึกวิตกกังวลและโมโหเมื่อหยุดใช้สารเสพติด คุณอาจรู้สึกป่วยแต่คุณควรพยายามต่อไป เพื่อให้ร่างกายของคุณกลับมาเป็นปกอีกครั้ง
    • คอยสำรวจดูผลกระทบจากการติดสารเสพติด ทั้งทางร่างกายและจิตใจ การใช้สารเสพติดอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนัง อวัยวะภายใน ปัญหาในช่องปาก และอาการทางร่างกายอื่นๆ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เช่น คุณน้ำหนักลด หรือหน้าแก่ก่อนวัย เขียนพวกมันลงไป
  4. ผู้ติดสารเสพติดอาจละเลยเรื่องต่างๆ เช่น การเข้าเรียน การทำงาน ครอบครัว และหน้าที่อื่นๆ เช่น การซักผ้า งานบ้าน การบ้าน การดูแลสภาพรถ การจ่ายค่าต่างๆ และอื่นๆ เมื่อติดสารเสพติดแล้วโลกของพวกเขาจะวนเวียนอยู่กับสารเสพติด ต่อให้เลิกได้สักพักก็อาจกลับไปใช้ใหม่ได้ [4] ผู้ที่ติดสารเสพติดไม่ใช่พวกที่ลองเสพหรือใช้เพื่อการทดลอง แต่เป็นการที่ติดอย่างมากจนนำไปสู่หายนะ
    • เขียนลงไปว่าคุณอยู่ที่ทำงานหรือที่โรงเรียนนานแค่ไหนในช่วงหลังๆ จะช่วยตรวจสอบความคุณยังมีความรับผิดชอบอยู่เพียงใด
    • คิดเกี่ยวกับค่าใช้การในการซื้อสารเสพติด เขียนลงไปว่าคุณใช้เงินไปมากเพียงใดเพื่อซื้อสารเสพติดต่างๆ ต่อวัน ต่อเดือน ต่อปี
  5. ลองคิดดูว่าในช่วงหลังๆ คุณได้พบกับเพื่อนหรือครอบครัวบ้างหรือไม่. การตัดขาดจากครอบครัวและเพื่อนเนื่องจากคุณคุณกำลังพยายามเลิกใช้สารเสพติดอยู่ และไม่อยากใช้เวลาร่วมกับใคร นิสัยเช่นนี้อาจทำให้เพื่อนและครอบครัวของคุณเป็นห่วงว่าคุณหายไปไหน และทำไมคุณถึงทำตัวแปลกไป
    • อาจมีการถกเถียงกับผู้อื่นเกี่ยวกับการดื่มหรือการใช้สารเสพติดของคุณ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังติดสารเสพติดอยู่ [5]
  6. ยอมรับว่าคุณกำลังขโมยของใครหรือโกหกใครอยู่. การขโมยและการโกหกผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนสนิทของคุณเช่น เพื่อน หรือคนในครอบครัว เป็นเรื่องปกติที่ผู้เสพสารเสพติดจะขโมบทรพย์สินเพื่อนำเงินไปซื้อสารเสพติดเพิ่มมากขึ้น การใช้สารเสพติดไม่เพียงส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น ยังส่งผลถึงภาพลักษณ์ของคุณว่าคุณอาจกำลังจะขโมยของใครอยู่ก็เป็นได้
    • การโกหกมาพร้อมๆ กับนิสัยผู้ติดสารเสพติด เช่นเดียวกันกับที่พวกเขาจะรู้สึกผิดกับการกระทำของพวกเขา
  7. ระบุว่าครั้งสุดท้ายที่คุณทำงานอดิเรกคือเมื่อใด. คุณอาจเลิกทำงานอดิเรกและความสนใจอื่นไปแล้ว เรื่องจากการใช้สารเสพติดได้กลายเป็นสิ่งสำคัญของคุณ ลองคิดดูว่าหากคุณให้เวลากับงานอดิเรกหรือสิ่งที่คุณสนใจมากเท่าๆ กับการใช้สารเสพติด ( เช่น ปีนเขา เต้นรำ สะสมแสตมป์ ถ่ายภาพ เล่นดนตรี เรียนรู้ภาษาต่างๆ หรืออื่นๆ)
    • ใครก็ตามที่ยังคงรักษางานอดิเรกตัวเองไว้ได้ยังไม่ใช่ผู้ที่ติดสารเสพติด
  8. ซื่อสัตย์เกี่ยวกับผลกระทบจากสารเสพติดต่อชีวิตของคุณ. การใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าคุณจะตระหนักถึงผลเสียที่โรงเรียน ที่ทำงาน ผิดกฎหมาย ทำลายครอบครัวและความสัมพันธ์ และสุขภาพ ผู้คนมากมายถูกจับกุมและค่อยมานึกถึงผลกระทบต่อชีวิต แต่ผู้คนที่เอาแต่พึ่งสารเสพติดนั้นมักจะหลงลืมเรื่องราวเหล่านี้เมื่ออาการอยากยากลับมาอีกครั้ง
    • คุณอาจถูกจับกุมเนื่องจากเมาแล้วขับ หรือมีสารเสพติดควบคุมในร่างกาย
    • ความสัมพันธ์ของคุณอาจมีปัญหาหรือคนรอบตัวของคุณอาจผิดหวัง หากคุณติดสารเสพติด เพื่อนหรือครอบครัวของคุณอาจไม่อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ
  9. เขียนสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเลิกใช้สารเสพติด. เมื่อคุณได้เขียนสิ่งไม่ดีของการใช้สารเสพติดไปแล้ว ให้คุณเขียนว่าเรื่องราวในจะดีขึ้นในด้านใดบ้างหากคุณเลิกใช้สารเสพติด ชีวิตหลังจากการเลิกใช้สารเสพติดของคุณจะเป็นอย่างไร คุณจะสามารถกำจัดสิ่งไม่ดีต่างๆ และพัฒนาตัวเองไปได้ดีขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับการติดสารเสพติด พวกเขาจะสามารถแนะนำแนวทางเกี่ยวกับการรักษาได้
    • แพทย์จะแนะนำให้คุณเข้าใช้ระบบกำจัดของเสียเพื่อที่จะเข้าสู้การรักษาทางการแพทย์ วิธีนี้สำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการเลิกจากการดื่มแอลกอฮอล์ ฝิ่น หรือสารเสพติดประเภทกล่อมประสาท การเลิกสารเสพติดเหล่านี้ในบางครั้งอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ [6] , [7]
  2. บาร์บิตุเรต เมทแอมฟีตะมีน โคเคน ยากล่อมประสาท และแอลกอฮอล์อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ทำให้เกิดอาการชัก หรือในกรณีของโคเคนอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลว เส้นเลือดอุดตัน และอาการชักกระตุกได้ [8] การหยุดยาในความดูแลของแพทย์ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อป้องอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
    • ถึงแม้ว่าสารเสพติดนั้นจะไม่มีผลร้ายแรงถึงชีวิตเมื่อเลิก แต่ก็ยังมีอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นซึ่งจะทำให้การเลิกเป็นเรื่องยาก เช่น การตื่นตระหนกหรือการเกิดภาพหลอน [9]
    • อาการลงแดงเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้คุณไม่หลุดพ้นจากวงจรนี้ การหยุดสารเสพติดในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
    • หากคุณถูกจับมาก่อน ศาลอาจสั่งให้คุณเข้ารับการบำบัดในระหว่างที่คุณอยู่ในเรือนจำ ใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์
  3. โปรแกรมการเลิกใช้สารเสพติดมักมีการช่วยให้คุณหยุดใช้สารเสพติด และการพูดคุยปรึกษาเป็นกลุ่ม การคิดและปรับพฤติกรรมเป็นกลุ่มสามารถช่วยคุณในหลุดพ้นจากวงจรได้เร็วขึ้น
    • ที่ปรึกษายังมีส่วนช่วยในการสัมภาษณ์เพื่อเพิ่มกำลังใจและบอกว่าคุณยังพร่องที่จุดใดพร้อมบอกวิธีการแก้ [10]
    • เพื่อที่จะหาที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการเลิกสารเสพติด คุณควรปรึกษาแพทย์หรือสถานบำบัด
  4. เพื่อที่จะเลิกใช้สารเสพติดนั้น คุณต้องการความช่วยเหลือในหลายส่วน เนื่องจากการติดสารเสพติดส่งผลต่อหลายแง่มุมในชีวิต เตรียมตัวให้พร้อมกับการหาความช่วยเหลือทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ [11]
    • คุณอาจต้องมองหานั่งบำบัด ผู้สอนงาน เทรนเนอร์ ที่ปรึกษาทางการเงิน หรือที่ปรึกษาประเภทต่างๆ ที่สามารถแนะนำในส่วนที่คุณกำลังต้องการได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

เข้าร่วมกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองหากลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดในละแวกบ้านคุณ. จากหลักฐานที่ผ่านมาพบว่าผู้ติดสารเสพติดที่มีเครือข่ายการสนับสนุนที่ดีจะมีโอกาสสูงที่จะเลิกใช้สารเสพติดได้ได้ [12] โปรแกรม 12 ขั้นตอน (12-step programs )คือวิธีการบำบัดด้วยตนเองที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก
    • Alcoholics Anonymous (AA) คือโปรแกรมที่เป็นที่รู้จัก AA และ โปรแกรม 12 ขั้นตอน (12-step programs ) เป็นรายการ 12 ขั้นตอนเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงลักษณะนิสัยส่วนบุคคล [13] สมาคมผู้ติดยาเสพติดนิรนามพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ติดสารเสพ [14]
    • ยังมีองค์กรอื่นที่ให้การสนับสนุนอย่างดี เช่น SMART Recovery กลุ่มนี้จะช่วยระบุระดับการติดสารเสพติดและช่วยบำบัด [15]
    • อย่ากลัวที่ต้องลองผิดลองถูกก่อนที่จะพบสิ่งที่เหมาะกับคุณ
    • เสิร์ช Alcoholics Anonymous Narcotics Anonymous เพื่อหาองค์กรช่วยเหลือต่างๆ
    • ให้คิดเสมอว่าการติดสารเสพติดเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนระบบประสาทและสมองของเรา [16] เมื่อคุณรู้ว่าคุณกำลังป่วยเป็นโรค คุณก็จะเตรียมตัวได้ดีขึ้น
  2. องค์กรต่างๆ มักจะมีผู้สนับสนุนให้กับผู้เข้าร่วม ผู้สนับสนุนเหล่านี้จะช่วยให้คุณผ่านขั้นตอนต่างๆ ได้ [17]
  3. ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นในกลุ่มหรือองค์กร.กลุ่มต่างๆ ที่คุณเข้าร่วมจะทำให้คุณรู้ว่ามีผู้คนจำนวนหนึ่งที่ประสบเหตุการณ์เดียวกับคุณ พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวังเหมือนกับคุณ การให้การรับเป็นเรื่องที่ดีต่อการเยี่ยวยา [18]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

เลิกนิสัยเดิมๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อที่จะเลิกนิสัยเก่าๆ คุณอาจต้องวางแผนทุกๆ ชั่วโมงในแต่ละวัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีนิสัยใหม่ที่ไม่มีสารเสพติดเกี่ยวข้อง เริ่มนิสัยที่ตรงกับเป้าหมายของคุณ เช่น เรียนให้จบ เลี้ยงดูครอบครัว หรือไปทำงาน เพียงเท่านี้คุณก็จะมีนิสัยใหม่ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณไม่สนใจเรื่องสารเสพติด แต่ยังยังช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย
  2. วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นอย่างชัดเจนว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างในหนึ่งวัน ลองใช้แพลนเนอร์ง่ายๆ เพื่อเขียนว่าอะไรบ้างที่คุณต้องทำในสำเร็จในแต่ละวัน
    • หากคุณติดขัด ลองหาที่เขียนว่าใครบ้างที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ อย่าปล่อยให้ตัวเองพบกับทางตัน
    • หากคุณไม่มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่จะช่วยคุณได้ คุณก็ยังสามารถไปหานักบำบัดและให้พวกเขาช่วยคุณหาทางออกได้
  3. สิ่งที่สำคัญอีกอย่างของการเลิกนิสัยเดิมๆ ก็คือ “อย่าหยวนๆ” ดูให้ดีว่าคุณจะไปที่ไหนหรือติดต่อกับใคร การกลับไปอยู่กับคนเดิมๆ สถานที่เดิมๆ ที่มีสารเสพติดอาจเป็นเรื่องยากที่จะขัดขืน แต่หากคุณมีแผนการที่ดี คุณก็จะไม่หลงผิดอีก
    • เช่น อย่าปล่อยให้ตัวเองไปในที่ๆ คุณเคยไปเพื่อทดสอบตัวเอง ในทางกลับกัน อย่าคิดว่าการไปพบกับคนที่ใช้สารเสพติดเป็นเรื่องไม่ร้ายแรงอะไร สิ่งนี้อาจทำให้คุณกลับไปใช้ยาอีกครั้งได้ อย่าตกเป็นเหยื่อ
  4. จำไว้เสมอว่า คุณอาจรู้สึกอยากยา คุณอาจอยากกลับไปใช้สารเสพติดเหมือนเดิม จำไว้ว่าทุกอย่างใช้เวลาในการปรับตัว ทำตามแผนการของคุณเพื่อเลิกจากการติดสารเสพติด
  5. หากคนที่คอยสนับสนุนคุณเพื่อเลิกสารเสพติด อาจเป็นคนในครอบครัว เพื่อน พวกเขาจะต้องอยากเห็นคุณเข้มแข็งอย่างแน่นอน
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

มีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมเพื่อต่อสู้กับความเครียดจากการเลิกใช้สารเสพติด
    • การเข้ายิมหรือหาเทรนเนอร์ส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่ดี วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Lauren Urban, LCSW

    นักบำบัดทางจิตวิทยา
    ลอเรน เออร์บันเป็นนักบำบัดทางจิตวิทยาในบรู๊คลีน นิวยอร์ก ที่มีประสบการณ์บำบัดทั้งเด็ก ครอบครัว คู่สมรส ไปจนถึงบุคคลแต่ละคนมากว่า 13 ปี เธอจบปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์จากมหาวิทยาลัยฮันเตอร์ในปี 2006 และทำงานกระตุ้นลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบข้างและชีวิตของพวกเขา
    Lauren Urban, LCSW
    นักบำบัดทางจิตวิทยา

    ชวนเพื่อนคู่หูไปกับคุณด้วย ลอเรน เออร์เบิน นักบำบัดจิตบอก: “ถ้าคุณมีคู่ซี้ เป็นเรื่องที่ดีมากถ้าจะเอ่ยชวนเขาไปช่วยคุณทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จะดีขึ้นไปอีกถ้าชวนเขาไปร่วมทำกับคุณ”

  2. หานักโภชนาการสักคนในละแวกบ้านคุณเพื่อหาโปรแกรมที่เหมาะกับคุณ บางโปรแกรมจะช่วยทำให้ร่างกายของคุณกลับสู้สภาพเดิมและยังทำให้คุณทานอาหารได้อย่างมีคุณภาพตามหลักโภชนาการที่อาจสูญเสียไปจากการติดสารเสพติด
  3. โยคะคือการออกกำลังกายและทำสมาธิในเวลาเดียวกัน เล่นโยคะ 15 – 30 นาที สองสามวันต่อสัปดาห์จะช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดได้และยังยับยั้งความต้องการที่จะกลับไปใช้สารเสพติดอีกด้วย
  4. การนั่งสมาธิสามารถเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อกำจัดความเครียดและทำให้เรารู้ตัวตลอดเวลา การนั่งสมาธิเพื่อสงลจิตใจยังช่วยลดความต้องการสารเสพติดอีกด้วย
    • หาสถานที่เงียบสงบ นั่ง 10-15 นาที
    • เพ่งสมาธิไปที่ลมหายใจ หายใจเข้า-ออกลึกๆ ช้าๆ
    • เมื่อความคิดต่างๆ เข้ามาในหัวคุณ ปล่อยไปโดยไม่เอาใจไปยึด กลับมาสนใจลมหายใจคุณต่อ
  5. การฝังเข็มเป็นศาสตร์โบรารของจีนที่นำเอาเข็มเล่มเล็กๆ ไปกดยังจุดต่างๆ บนร่างกาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณหายจากอาการต่างๆ ในระยะยาวได้
    • ตรวจสอบดูว่าประกันชีวิตของคุณครอบคลุมการฝังเข็มหรือไม่
  6. พบนักบำบัดนานเท่าที่คุณต้องการ คุณอาจจะนำคนในครอบครัวไปด้วยเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ใช้ชีวิตทุกวันโดยปราศจากสารเสพติด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แผนการนี้รวมถึงการจัดการกับความต้องการและสิ่งล่อตาล่อใจที่อาจเข้ามา การจัดการกับความเบื่อและหมดกำลังใจ และเรียนที่จะมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ( เช่น ในความสัมพันธ์ การเป็นพ่อแม่ การงาน สังคม การติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น)
    • คิดว่าคุณจะจัดการอย่างไรเพื่อให้สารเสพติดออกจากชีวิตคุณไป
    • เขียนความคิดเกี่ยวกับการจัดการสถานการณ์ต่างๆ เช่น บทสนทนาที่เคร่งเครียด การเข้าสังคม และอื่นๆ [20]
  2. เขียนเป้าหมายของคุณที่คุณต้องการทำให้สำเร็จ อาจเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น การอาบน้ำทุกๆ วัน หรือการทานอาหารให้ตรงต่อเวลา หรืออาจเป็นเรื่องที่ใหญ่ขึ้นมา เช่น หางาน หรือไปหาหมอฟัน
    • จดบันทึกความก้าวหน้าทุกสัปดาห์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ตาม วิธีนี้จะทำให้คุณมีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป
  3. หากคุณรู้สึกว่ากำลังจะกลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้ง ให้คุณยอมรับความต้องการนั้น วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้คุณกลับไปใช้สารเสพติดอีก เมื่อคุณกดความต้องการไว้จะทำให้ยิ่งแย่ลง การรู้ว่ามีอยู่และยอมรับมัน จะทำให้คุณควบคุมมันได้ [21]
    • รู้ว่าคุณมีความต้องการที่จะใช้สารเสพติด มีสติและคิดถึงสิ่งที่คุณเผชิญมา
    • ให้คะแนน 1 – 10 กับความต้องการของคุณ ( 1 คือแทบไม่มี 10 คือมากที่สุด ) รอ 10 นาที ทำให้ตัวเองยุ่งกับกิจกรรมต่างๆ เช่นการทำความสะอาดรถ ซักผ้า หลังจากนั้นลองสำรวจความต้องการอีกครั้ง หากยังมีความต้องการที่สูงอยู่ก็ให้หาอะไรทำให้ยุ่งๆ อีกครั้ง [22]
  4. หลีกเลี่ยงผู้คนและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด อย่าไปในที่ที่คุณเคยใช้สารเสพติด อย่าติดต่อกับคนที่คุณเคยดื่มแอลกอฮอล์กับพวกเขา
    • การที่คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นนี้ คุณอาจหางานอดิเรกอื่นๆ มาแทน เช่น การปีนเขา ถักนิตติ้ง หรือทำสวน
  5. ทำให้ตัวเองยุ่งด้วยการทำงาน ถึงแม้ว่าจะเป็นงานพาร์ทไทม์ก็ตาม วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกมีคุณค่า เมื่อคุณสามารถช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายบางส่วนได้
    • ฝากเงินในธนาคารเพื่อเก็บออม
    • คุณอาจจะไปค่ายอาสา หากคุณไม่สามารถหางานได้ การหาความรับผิดชอบให้ตัวเองจะช่วยให้คุณเลิกได้สำเร็จ
  6. เมื่อจุดที่แย่ที่สุดได้ผ่านไป ร่างกายและจิตใจของคุณจะไม่มีอาการอยากยาอีก ใช้เวลาของคุณเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มความสำพันธ์ใหม่ๆ กับคนที่คุณรัก ทำงานให้ดี และหางานอดิเรกทำหรือสิ่งต่างๆ ที่คุณชอบ
    • ในช่วงเวลานี้ คุณยังควรไปพบกับกลุ่มสนับสนุนต่างๆ อยู่ และพบกับนักบำบัดด้วย อย่าคิดว่าตัวเองหายขาดแล้วเพียงแค่หลายๆ อย่างเริ่มดีขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าให้การกลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้งการเป็นจุดจบ เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะหลงลืมบ้าง หากคุณกลับมาใช้สารเสพติดอีกครั้ง หาต้นตอให้พบก่อนที่จะลุกลาม หากคุณกลับมาใช้สารเสพติดอย่างเต็มตัวแล้ว อย่าคิดมาก คุณยังเลิกได้ ลองหาว่าอะไรที่ผิดพลาด และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด สุดแล้วท้ายมันก็คุ้มค่าที่จะทำ [23]
โฆษณา

คำเตือน

  • การเลิกสารเสพติดที่รุนแรงไม่ใช่แค่กำลังใจอย่างเดียว สารเสพติดเหล่านั้นอาจนำไปสู่ความผิดปกติต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ พบผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอความช่วยเหลือ
  • หากคุณพบแพทย์เกี่ยวกับการเลิกสารเสพติดโดยตรง อาจมีประวัติทางการแพทย์ต่างๆ ที่ช่วยคุณได้ การถูกเปิดเผยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่หากคุณยังใช้สารเสพติดเหล่านั้นต่อไป ก็จะยิ่งทำร้ายคุณมากขึ้นเท่านั้น หากคุณถูกเปิดโปงเรื่องติดสารเสพติด ติดต่อทนายความ
  • การเลิกสารเสพติดอาจเป็นอันตรายถึงตายได้ ต้องมั่นใจว่าคุณปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก่อนที่จะเลิกใช้


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,621 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา