อาการหูอื้อ (เรียกอีกอย่างว่าอาการเสียงดังในหู) ที่คุณรู้สึกหลังจากได้ยินเสียงเพลงดังๆ มักเกิดจากปลายประสาทเล็กๆ ในหูชั้นในได้รับความเสียหาย อาการเสียงดังในหูอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเสียหายทางประสาทที่ซุกซ่อนอยู่ หรือปัญหาอื่นๆ ในระบบไหลเวียนภายในร่างกายของคุณ [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล แม้วิธีการที่ได้ผลในการแก้อาการหูอื้อมักเป็นการป้องกันเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังพอมีขั้นตอนที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อแก้อาการเสียงดังในหูได้แม้ความเสียหายจะเกิดขึ้นแล้วก็ตาม ไม่รอช้า เลื่อนลงไปอ่านข้อเสนอแนะและเทคนิคที่เป็นประโยชน์กันเลยดีกว่า
ขั้นตอน
-
ลองใช้เทคนิคการเคาะกะโหลก. ถ้าคุณเพิ่งกลับมาจากดูคอนเสิร์ตหรือเที่ยวผับโดยที่ยังรู้สึกหูอื้อไม่หาย นั่นเพราะเส้นขนเล็กๆ ภายในคอเคลีย (cochlea) ถูกกระทบกระเทือน จนทำให้เกิดการอักเสบและเส้นประสาทถูกกระตุ้น โดยสมองของคุณจะแปลงอาการอักเสบนี้ออกมาเป็นเสียงอื้อหรือเสียงดังต่อเนื่อง แต่ไม่ต้องกังวลไป เทคนิคต่อไปนี้สามารถช่วยให้เสียงน่ารำคาญเหล่านี้มลายหายไปได้
- ใช้ฝ่ามือปิดหู โดยให้นิ้วหันกลับและวางอยู่ทางด้านหลังของกะโหลกศีรษะ และให้นิ้วกลางชี้เข้าหากันตรงด้านหลังสุดของกะโหลก
- วางนิ้วชี้ไว้ด้านบนนิ้วกลาง
- เคลื่อนนิ้วในจังหวะเคาะ โดยกระดกนิ้วชี้ลงจากนิ้วกลางไปที่ด้านหลังกะโหลก การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้จะทำให้เกิดเสียงเหมือนการตีกลอง และเพราะนิ้วจะกระแทกเข้ากับกะโหลกของคุณด้วยในขณะเดียวกัน เสียงที่เกิดขึ้นจึงอาจดังพอสมควร ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
- เคาะนิ้วลงบนด้านหลังกะโหลกอย่างต่อเนื่องประมาณ 40-50 ครั้ง หลังจากทำไปได้สัก 40 หรือ 50 ครั้งแล้ว เราลองมาดูกันสิว่าอาการหูอื้อทุเลาลงบ้างรึเปล่า
-
ลองรอสักพัก. อาการหูอื้อที่เกิดจากการได้ยินเสียงดังๆ มักหายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง ลองเบี่ยงเบนความสนใจออกจากเสียงในหูด้วยการพักผ่อนและอยู่ในห่างจากสิ่งที่อาจทำให้อาการแย่ลง แต่ถ้ายังหูอื้อไม่หายหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม
-
หลีกเลี่ยงเสียงดังและปกป้องหูของคุณเวลาต้องเจอเสียง. การต้องเจอเสียงดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะนำไปสู่การเกิดอาการหูอื้อระยะยาว ถ้าต้องเจอเสียงดังบ่อยๆ ให้แน่ใจว่าได้สวมที่อุดหู
- หาที่อุดหูยางที่พอดีกับรูหูหรือหาที่สวมครอบหูก็ได้
โฆษณา
-
พบแพทย์เพื่อรักษาอาการที่ซุกซ่อนอยู่. เสียงดังในหูหรือหูอื้อมักเกิดจากอาการที่สามารถรักษาให้หายได้ การรักษาอาการที่ซุกซ่อนอยู่นี้จึงอาจช่วยบรรเทาหรือทำให้อาการหูอื้อหายขาดได้ในที่สด
- ให้คุณหมอขจัดขี้หูออกจากหู หรืออาจทำด้วยตัวเองด้วยความระมัดระวัง การแคะขี้หูที่ค้างสะสมอยู่มากเกินไปอาจช่วยให้อาการเสียงดังในหูทุเลาลงได้
- ให้คุณหมอตรวจเส้นเลือด เพราะอาการของเส้นเลือด เช่น เลือดไหลเวียนน้อยลง ฯลฯ อาจทำให้อาการเสียงดังในหูทรุดหนักได้
- ให้คุณหมอตรวจสอบปฏิกิริยาของยาที่คุณใช้อีกครั้ง ถ้าหากคุณกำลังใช้ยาหลายตัว อาจจะลองปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจทำให้มีอาการหูอื้อ
- ให้แน่ใจว่าได้บอกหมอถึงอาการอื่นที่คุณมี ภาวะผิดปกติของขากรรไกร (โรค Costen’s) นั่นมีส่วนเชื่อมโยงกับอาการหูอื้อ
- การเกร็งของกล้ามเนื้อ tensor tympani หรือ stapedius ในหูชั้นในอาจส่งผลให้หูอื้อได้
-
ดูการบำบัดแบบไบโอฟีดแบ็ครักษาหูอื้อ. ถ้าคุณซึมเศร้า เครียดหรืออ่อนเพลีย คุณอาจอ่อนไหวต่อเสียงในหัวทั่วไปได้ มองหาการบำบัดแบบไบโอฟีดแบ็คจากผู้ให้คำปรึกษาที่อาจช่วยคุณปรับอารมณ์และสถานการณ์ที่ทำให้อาการหูอื้อแย่ลง นี่จะช่วยป้องกันการเกิดหูอื้อและป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำ [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of California San Francisco Health Center ไปที่แหล่งข้อมูล
- จากการวิจัยพบว่าการบำบัดแบบไบโอฟีดแบ็ครักษาอาการหูอื้อได้ผลมาก [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- ปรึกษาแพทย์ให้แนะนำนักบำบัดที่มีประสบการณ์รักษาอาการหูอื้อด้วยการบำบัดแบบไบโอฟีดแบ็ค
-
แก้อาการเสียงดังในหูด้วยกลยุทธระงับเสียง. มีกลยุทธ์ระงับเสียงหลากหลายรูปแบบที่แพทย์นำมาใช้เพื่อกลบเสียงอื้อในหูของคุณ กลยุทธเหล่านี้ประกอบด้วยอุปกรณ์และเทคนิคดังต่อไปนี้
- ใช้เครื่องสร้างสัญญาณรบกวนสีขาว (white noise) เครื่องสร้างสัญญาณรบกวนสีขาวจะสร้างเสียง “เบื้องหลัง” ในรูปแบบต่างๆ เช่น เสียงฝนตก ลมพัดแรง ฯลฯ ซึ่งอาจช่วยกลบเสียงอื้อในหูของคุณได้
- พัดลม เครื่องทำความชื้น เครื่องลดความชื้น และเครื่องปรับอากาศเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องสร้างสัญญาณรบกวนสีขาวได้เช่นเดียวกัน
- ใช้อุปกรณ์กลบเสียง อุปกรณ์กลบเสียงจะติดไว้ที่หูเพื่อสร้างคลื่นสัญญาณรบกวนสีขาวต่อเนื่อง เพื่อกลบเสียงอื้อเรื้อรังในหูของคุณ
- สวมเครื่องช่วยฟัง อุปกรณ์ชนิดนี้จะได้ผลอย่างมากโดยเฉพาะถ้าหากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินร่วมกับอาการหูอื้อ
- ใช้เครื่องสร้างสัญญาณรบกวนสีขาว (white noise) เครื่องสร้างสัญญาณรบกวนสีขาวจะสร้างเสียง “เบื้องหลัง” ในรูปแบบต่างๆ เช่น เสียงฝนตก ลมพัดแรง ฯลฯ ซึ่งอาจช่วยกลบเสียงอื้อในหูของคุณได้
-
ทานยาเพื่อบรรเทาอาการเสียงดังในหู. แม้ยาอาจไม่สามารถทำให้อาการหูอื้อหายขาดได้ แต่ถ้ายาได้ผล มันจะทำให้อาการหูอื้อทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาต้านอาการซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก (tricyclic) ยาต้านอาการซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิกอาจใช้ได้ผลกับเสียงดังในหูขั้นรุนแรง แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ไม่น่าพิศมัยบางประการ เช่น ปากแห้ง มองเห็นภาพเบลอ ท้องผูก และปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาอัลปราโซแลม (Alprazolam) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อซาแนกซ์ (Xanax) มีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายาอัลปราโซแลมสามารถลดอาการเสียงดังในหูอย่างได้ผล แต่เป็นยาประเภทเสพติด อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงที่ไม่น่าพิศมัยด้วยเช่นกัน
-
ลองทานสารสกัดจากใบแปะก๊วย. การทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยวันละ 3 ครั้ง (พร้อมอาหาร) อาจทำให้เลือดไหลเวียนไปยังศีรษะและลำคอน้อยลง จึงช่วยลดอาการหูอื้อจากความดันโลหิตได้นั่นเอง [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โดยอาจจะลองทานใบแปะก๊วยสัก 2 เดือน จากนั้นจึงตรวจเช็คประสิทธิภาพในการรักษา
- ทำตามคำแนะนำจากผู้ผลิตว่าควรใช้ปริมาณเท่าใด
- ให้แน่ใจว่าได้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อมั่นใจว่ามันปลอดภัยต่อคุณ
โฆษณา
-
หลีกเลี่ยงสถานกาณ์ที่อาจทำให้คอเคลียได้รับความกระทบกระเทือนจนทำให้เกิดเสียงดังในหู. เนื่องจากอาการเสียงดังในหูรักษาให้หายได้ยากเอาการ ทางเลือกที่ดีที่สุดคงต้องเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเสียตั้งแต่ต้น หรือป้องกันไม่ให้อาการหนักขึ้น ปัจจัยที่อาจทำให้อาการเสียงดังในหูแย่ลงได้ มีดังต่อไปนี้ [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- เสียงดังๆ: คอนเสิร์ตเป็นตัวการหลักเลยเชียวล่ะ แต่พื้นที่ก่อสร้าง ท้องถนน เครื่องบิน เสียงยิงปืน ดอกไม้ไฟ และเสียงดังอื่นๆ ก็อาจเป็นอันตรายได้เช่นเดียวกัน
- การว่ายน้ำ: เพราะน้ำและสารคลอรีนอาจติดค้างอยู่ในหูชั้นในในขณะที่คุณว่ายน้ำ จนเป็นสาเหตุหรือทำให้อาการเสียงดังในหูแย่ลง แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการสวมที่อุดหูขณะว่ายน้ำ
-
ค้นหาวิธีการระบายความเครียด. ถ้าหากคุณมีอาการหูอื้อต่อเนื่อง ความเครียดอาจทำให้อาการแย่ลงได้เช่นเดียวกัน คุณจึงควรมองหาวิธีการต่างๆ เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ และการนวดบำบัด ฯลฯ เพื่อผ่อนคลายความเครียดของคุณ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
บริโภคแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคตินให้น้อยลง. เพราะปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความเครียดขยายตัว จึงเป็นเหตุให้ความเครียดไหลเข้ากระแสเลือดมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในหูชั้นใน คุณจึงควรจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ หรือชาที่มีคาเฟอีน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มียาสูบเป็นส่วนประกอบเพื่อให้อาการทุเลาลง
-
อยู่ให้ห่างจากเกลือ. เพราะเกลือทำให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายอ่อนแรง ทำให้ความดันขึ้นสูง อีกทั้งยังอาจทำให้อาการเสียงดังในหูแย่ลงได้อีกด้วยโฆษณา
เคล็ดลับ
- การพยายามเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จำเป็นในการแก้อาการหูอื้อ เพราะวิธีการนี้จะช่วยให้คุณห่างไกลจากการติดเชื้อและโรคภัยไข้เจ็บที่อาจเพิ่มระดับเสียงที่ไม่ต้องการ นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงขึ้นยังอาจช่วยให้อาการเสียงดังในหูทุเลาลงได้เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรใช้ชีวิตอย่างใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หมั่นทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระดับที่เหมาะสม และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/tinnitus/basics/definition/con-20021487
- ↑ https://www.ucsfhealth.org/conditions/tinnitus/treatment.html
- ↑ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/19045972
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/tinnitus/basics/treatment/con-20021487
- ↑ http://www.drweil.com/drw/u/QAA43374/Natural-Cures-For-Ringing-In-The-Ears.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/tinnitus/basics/lifestyle-home-remedies/con-20021487
- ↑ http://www.webmd.com/a-to-z-guides/ringing-in-the-ears-tinnitus-home-treatment
โฆษณา