ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
งูเป็นสัตว์ที่พบได้ในเกือบทุกมุมโลก ยิ่งถ้าคุณมีสวนใหญ่ๆหลังบ้านและสวนนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและแมลงหลากหลายด้วยแล้ว คุณก็จะมีโอกาสเจอพวกมันบ้างเป็นครั้งคราว การมีอยู่ของงูเป็นเครื่องชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ แต่หากพวกมันอยู่ในสวนหลังบ้านของคุณก็เป็นเรื่องน่ากังวลและอาจถึงขั้นเป็นอันตรายได้ ดังนั้นเราจึงขอนำเสนอวิธีการกำจัดงูออกจากบ้านหรือสนาม และวิธีป้องกันไม่ให้งูกลับมาอีก
ขั้นตอน
-
โทรหาจ.ส. 100*, สวพ. 91, หน่วยกู้ภัยท้องถิ่น หรือ จ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่ามาจับหากเกรงว่างูจะมีพิษ. ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเป็นผู้จัดการกับงูพิษหรือแม้แต่ลูกของงูพิษ พยายามสังเกตว่างูที่คุณต้องการกำจัดเป็นอันตรายหรือไม่ ถ้าไม่มั่นใจว่างูตัวนั้นมีหรือไม่มีพิษ ให้ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อนแล้วโทรหาหน่วยงานข้างต้นที่สามารถช่วยเหลือคุณได้
- พยายามจำกัดพื้นที่ให้งูอยู่ในห้องห้องเดียว ตัวอย่างเช่นถ้าเห็นมันในห้องซักรีด ให้ปิดประตูห้องนั้นแล้วนำผ้าขนหนูมาอุดช่องใต้ประตูไว้ กันไม่ให้งูเลื้อยออกมา
- ให้เด็กและสัตว์เลี้ยงออกไปจากบริเวณที่มีงูจนกว่าหน่วยกู้ภัยจะมาจับ
- ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจว่าจัดการกับงูได้ แม้ว่าคุณคิดว่างูจะไม่มีพิษก็ตาม คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเอง ให้โทรหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยจับและนำมันออกไป
-
นำงูไม่มีพิษออกจากบ้านด้วยตนเอง. งูจำนวนมากที่คนพบในบ้านหรือในสวนของตนนั้นไม่มีพิษ พวกมันมักจะไม่กัด แต่ถ้าโดนกันเข้า จะไม่ส่งพิษผ่านรอยกัดเข้าร่างกายคน ถ้าคุณสะดวกใจที่จะจัดการนำงูออกจากบ้านด้วยตนเอง ลองปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
- ใช้ไม้กวาดต้อนงูไปใบแผ่นพลาสติก แผ่นไม้ หรือวัตถุที่มีพื้นผิวเรียบอย่างอื่น
- ครอบถังขยะหรือถังชนิดอื่นลงไปบนตัวงู
- สอดมือเข้าไปใต้วัตถุที่รองรับตัวงูอยู่ และวางมืออีกข้างไว้บนก้นถัง
- กลับด้านถังขึ้น ให้งูตกลงไปอยู่ในถัง หาฝามาปิดถังไว้
- นำงูไปยังป่าหรือบริเวณที่ไกลออกไปจากบ้านของคุณ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ปล่อยงูออกไปข้างนอก. ถ้าคุณเจองูอยู่ในโรงรถหรือในห้องที่ติดกับด้านนอกบ้าน ให้ปิดประตูที่เชื่อมกับตัวบ้าน และเปิดประตูที่เชื่อมกับด้านนอกบ้านให้งูเลื้อยออกไปได้
-
จับงูด้วยกาวดักสัตว์. ถ้าสงสัยว่าอาจมีงูอยู่ในห้องใต้หลังคา โรงรถ ห้องใต้ดิน หรือที่อื่นๆในบ้าน ให้วางกาวดักสัตว์ไว้ตามแนวกำแพงในบริเวณดังกล่าว หากงูเลื้อยผ่านจะได้ติดอยู่กับกาวดัก [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หลายที่ถือว่ากาวดักสัตว์เป็นเครื่องมือที่โหดร้ายทารุณ เพราะสัตว์อาจได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหรืออาจขาดอากาศหายใจได้ในขณะพยายามดิ้นหนี
- ตรวจสอบกาวดักทุกวันว่ามีงูมาติดอยู่หรือไม่ ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป งูอาจจะตายเพราะอดอาหารและส่งกลิ่นเหม็นได้
- ถ้างูมาติดที่กาวแล้ว ให้นำกับดักบางไว้ในถัง นำออกไปนอกบ้านหรือที่ที่อยากจะปล่อยมัน เทน้ำมันพืชลงไปบนตัวงูเพื่อให้กาวไม่ติดแน่น งูจะสามารถเลื้อยไปได้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ใช้วิธีกำจัดแบบชั่วคราว. ถ้าคุณเจองูไม่มีพิษมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านแล้วอยากให้มันไปอยู่ที่อื่น บางทีแค่เขี่ยๆนิดหน่อยมันก็จะเลื้อยออกไปเองแล้ว วิธีนี้เหมาะสำหรับการกำจัดงูตัวเล็กและงูชนิดอื่นๆที่คุณรู้ว่าไม่อันตราย [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใช้น้ำฉีดใส่งู. ใช้สายฉีดน้ำฉีดใส่งูเบาๆจนมันเลื้อยห่างจากบ้านออกไปทางสวนหลังบ้าน
- ใช้ที่ช้อนใบไม้ คุณสามารถนำงูตัวเล็กที่ไม่มีพิษออกจากชานบ้านหรือสนามหญ้าได้ด้วยการใช้ที่ช้อนใบไม้ พยายามอย่าบีบรัดตัวงูแน่นเกินไปจะได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับกระดูกซี่โครงของมัน แล้วนำไปปล่อยไว้ให้พ้นหลังบ้านหรือไว้ในป่า
-
วางกับดักงู. กับดักงูนอกบ้านมักมาในรูปของกล่องพลาสติกที่มีเหยื่อล่องูอยู่ด้านใน กล่องถูกออกแบบมาให้มีรูปร่างที่สามารถกักงูอยู่ด้านในได้ วางกับดักไว้บริเวณที่เห็นงูป้วนเปี้ยนอยู่ เมื่อดักได้แล้วให้ขับรถนำไปปล่อยไว้ในป่าโฆษณา
-
ตัดเล็มหญ้าและต้นไม้. งูชอบอาศัยอยู่ตามพงหญ้าสูงและพุ่มไม้ ดังนั้นการตัดเล็มบริเวณสวนอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยทำให้ดึงดูดงูน้อยลง หมั่นปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้สวนกลายเป็นที่ซ่อนรังงู
- ตัดหญ้าเป็นประจำ. พงหญ้าสูงและวัชพืชเป็นที่ซ่อนชั้นเลิศของงู พวกมันสามารถเลื้อยไปมาและหลบซ่อนจากเหยื่อได้โดยไม่ต้องเสี่ยงเผชิญกับสายตานักล่าอย่างเช่นนกฮูกหรือนกอินทรี
- เก็บไม้และกองฟืนไว้สูงกว่าพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร เก็บปุ๋ยหมักและหญ้าคลุมดินให้ห่างจากตัวบ้าน
- พิจารณาการถอนพุ่มไม้และต้นไม้สูงอื่นๆที่เห็นว่ามีงูมาอาศัยเป็นประจำ
-
กำจัดแหล่งอาหารของงู. งูกินหนู จิ้งหรีด และแมลงอื่นๆ ถ้าคุณสามารถทำให้สัตว์พวกนี้มีจำนวนน้อยลงได้ งูก็จะไปหาอาหารที่อื่น
- กวาดสนามไม่ให้มีเมล็ดพืช เบอร์รี่ หรือถั่วที่ตกลงมาจากต้นไม้ รวมไปถึงเศษปุ๋ยหมักด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอาหารของหนูและแมลง
- นอกจากนี้ คุณยังสามารถกำจัดหนูและแมลงด้วยการวางกับดักหรือด้วยวิธีอื่นได้
-
ปิดบ้านช่องให้แน่นหนา. ป้องกันไม่ให้งูเข้าบ้านด้วยการตรวจหารอยแตกหรือรูต่างๆตามบ้าน ตรวจดูว่าประตูหน้าต่างปิดแน่นสนิทดีหรือไม่ ติดแผงกั้นไว้ที่ปล่องไฟและท่อต่างๆ ที่ซึ่งงูอาจจะเลื้อยผ่านเข้ามาได้
-
ลองใช้ยาไล่งู. มียาไล่งูหลายประเภทวางขายตามท้องตลาด นอกเหนือไปจากวิธีพื้นบ้านที่คนใช้เพื่อไล่งู อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการจับงูต่างเห็นตรงกันว่าพวกมันใช้ไม่ได้ผล [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หากคุณลองใช้ยาไล่งู ให้พิจารณาใช้วิธีต่างๆ ดังนี้:
- สารละลายที่ทำจากปัสสาวะสุนัขจิ้งจอก เมื่อนำยาไล่งูที่ทำมาจากปัสสาวะสุนัขจิ้งจอกไปพ่นตามบ้านจะช่วยกันไม่ให้งูมาอยู่อาศัยแถวนั้นได้ เพราะในธรรมชาติสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ล่างู
- ผ้าชุบแอมโมเนีย กล่าวกันว่าสารชนิดนี้สามารถไล่สัตว์ได้หลายชนิด วางผ้าชุบแอมโมเนียไว้บริเวณที่พบเห็นงู
- เส้นผมคน โปรยเส้นผมไว้รอบๆสวนหรือบริเวณที่ไม่ต้องการให้มีงูมาอยู่
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าคุณเจองูที่ไม่มีพิษในสนาม ลองคิดดูว่าจะปล่อยให้มันอยู่ของมันไปได้หรือไม่ งูส่วนมากจะไม่เป็นอันตราย และยังช่วยให้สภาพแวดล้อมในสวนดีด้วยการจำกัดจำนวนศัตรูพืชอย่างจิ้งหรีดและสัตว์จำพวกหนู คนทำสวนมักชอบให้มีงูตัวสองตัวเพ่นพ่านบริเวณสวนเพื่อปกป้องดอกไม้และพืชผักจากสัตว์อื่นๆ
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าจัดการกับงูด้วยตนเองหากไม่แน่ใจว่างูนั้นไม่เป็นอันตราย
- เวลาถูกงูไม่มีพิษกัดจะเลือดไหลมากกว่างูมีพิษมาก เพราะน้ำลายของพวกมันมีสารที่ระงับการแข็งตัวของเลือด ยิ่งไปกว่านั้นงูเหล่านี้มักจะกัดซ้ำหลายครั้งอีกด้วย
- ถ้าคุณถูกงูพิษกัด ต้องมีคนสามารถระบุได้ว่างูนั้นเป็นงูอะไร จะเป็นประโยชน์ยิ่งเมื่อรับการรักษา เพราะแพทย์จะสามารถให้ยาต้านพิษที่ถูกต้องตามประเภทงูได้ สำหรับในกรณีของประเทศอังกฤษแล้ว ข้อนี้จะไม่จำเป็น เพราะเกาะอังกฤษมีงูเเอดเดอร์เพียงชนิดเดียว
- อย่าทิ้งสัตว์ใดก็ตามไว้ในกาวดักสัตว์ ตรวจเช็คกับดักสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสัตว์ชนิดใดกำลังทรมานดิ้นรนอยู่ หลายประเทศชี้ว่าการกระทำแบบนี้ทารุณสัตว์ ให้ใช้น้ำมันพืชเทรดสัตว์ที่ติดกาวเสมอ เพื่อให้มันหลุดออกไปได้ สัตว์อาจทำหน้าของมันติดที่กาวจนหายใจไม่ออก หรือดิ้นหนีจนผิวหนังฉีกได้
- ในบางประเทศ ควรระวังเพราะกรมควบคุมสัตว์จะจัดการเฉพาะสัตว์เลี้ยง และจะไม่ช่วยคุณกำจัดงู จึงอาจต้องจ้างคนจับสัตว์ป่าหรือหน่วยงานกำจัดสัตว์รบกวน และจ่ายค่าบริการเอง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://ufwildlife.ifas.ufl.edu/safely_dealing_with_snakes.shtml
- ↑ http://ufwildlife.ifas.ufl.edu/safely_dealing_with_snakes.shtml
- ↑ http://ufwildlife.ifas.ufl.edu/safely_dealing_with_snakes.shtml
- ↑ http://ufwildlife.ifas.ufl.edu/safely_dealing_with_snakes.shtml
- ↑ http://www.aaanimalcontrol.com/professional-trapper/howtogetridofsnakes.htm
- [1]
โฆษณา