ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

รังแคไม่ได้มองเห็นกันง่ายๆ เหมือนดังที่ผู้เป็นรังแคคิด และมาตรการป้องกันเพียงไม่กี่อย่างซึ่งทำได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถช่วยให้คนอื่นมองไม่เห็นว่าคุณมีรังแค ตามปกตินั้น รังแคจะเกิดบนหนังศีรษะ และมีหลากหลายตั้งแต่ที่อาการไม่รุนแรง เป็นเพียงหย่อมเล็กๆ ไปจนถึงที่เป็นสะเก็ดแข็ง ติดแน่นเป็นแผ่นหนา รังแคอาจเกิดได้ในทุกช่วงอายุ แต่ส่งผลกระทบต่อเพศชายมากกว่าไปจนตลอดชีวิต หากพูดแบบใช้ภาษาทางการแพทย์ สาเหตุมากที่สุดของรังแคเกิดจากต่อมไขมันอักเสบ ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะบนหนังศีรษะ ปัญหาต่อมไขมันอักเสบกับรังแคที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษนี้ เป็นผลมาจากผื่นคันที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และเรื้อรัง บริเวณใกล้ผิวหน้าและเกิดขึ้นเฉพาะบนหนังศีรษะเท่านั้น [1] มีเทคนิคและวิธีการบางประการที่คุณสามารถปฏิบัติตามเพื่อช่วยขจัดปัญหาปกติธรรมดานี้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

รับมือกับปัญหารังแคอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถใช้ดราย แชมพูทำความสะอาด และทำให้หนังศีรษะของคุณชุ่มชื้นโดยใส่บนเส้นผมก่อนจะออกจากบ้าน คุณหาซื้อดราย แชมพูได้ตามร้านขายยาหรือออนไลน์ โดยมีทั้งแบบสเปรย์และแบบผง วิธีใช้คือฉีดสเปรย์ใส่เส้นผมสี่ห้าครั้ง หรือโรยผงจำนวนเล็กน้อยลงบนหนังศีรษะ แล้วหวีผมตามหลัง จะช่วยขจัดสะเก็ดรังแคให้หลุดออกจากเส้นผม จงล้างหวีหลังจากใช้หวีผมแต่ละครั้งด้วย [2]
    • อาจใช้แป้งทาตัวเด็กแทนได้ แต่แป้งอาจทำให้ผมสีเข้มหรือดำ กลายเป็นสีเทา ขาว หรือเป็นลายจุดๆ ได้
  2. จงตรวจดูหนังศีรษะส่วนที่มีรังแคมากที่สุดของคุณ แล้วหวีผมปิดบริเวณนั้น การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมอาจช่วยให้คุณทำได้สำเร็จ แต่การจัดทรงผมให้ตั้งขึ้นเป็นทรงยุ่งๆ จะช่วยแก้ปัญหาให้ดูดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว [3]
    • การปกปิดรังแคไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ อย่างแท้จริง และคุณสมควรจำใส่ใจว่าเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาเวลามองผ่านแบบเร็วๆ วิธีดีที่สุดที่จะกำจัดรังแคคือใช้วิธีรักษาอย่างแท้จริงซึ่งจะส่งผลต่อสาเหตุสำคัญที่ซ่อนตัวอยู่
  3. เลือกเสื้อเชิ้ต ชุดกระโปรง หรือเสื้อคลุมใดๆ ที่มีสีขาว เทา หรือ เมทัลลิค เพราะจะทำให้สังเกตเห็นสะเก็ดรังแคสีขาวหรือเหลืองได้ยากมากขึ้น [4]
    • เนื้อผ้าหรือลวดลายบนผ้าอาจช่วยซ่อนรังแคได้เช่นเดียวกัน
  4. คุณสามารถใช้หมวกแก๊ป หมวก หรือผ้าคลุมผม เพื่อปิดบังรังแคบนหนังศีรษะ ตราบใดที่สวมอยู่ จะช่วยลดปริมาณสะเก็ดรังแคที่จะร่วงใส่เสื้อผ้าของคุณ และผู้คนยังจะไม่อาจมองเห็นสะเก็ดรังแคใด ๆ ที่ติดอยู่ตามเส้นผมของคุณด้วย
  5. พกพาลูกกลิ้งทำความสะอาดขนาดจิ๋วใส่กระเป๋าไปด้วยก่อนจะออกไปนอกบ้าน ทุกครั้งที่คุณเห็นสะเก็ดรังแคบนเสื้อผ้า ให้แวะเข้าห้องน้ำ และใช้ลูกกลิ้งทำความสะอาดเก็บรังแค
    • หากคุณเอื้อมมือไม่ถึงแผ่นหลังของตัวเอง จงให้เพื่อนสักคนหรือคนที่คุณรักช่วย [5]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ลดสะเก็ดรังแคให้ลดน้อยลงภายในหนึ่งวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อุ่นน้ำมันแร่ชามเล็กๆ และใช้นวดหนังศีรษะ [6] น้ำมันจะช่วยทำให้หนังศีรษะชุ่มชื้น และลดการตกสะเก็ด หากคุณต้องการใช้น้ำมันตามธรรมชาติ ผลการศึกษาต่างๆ บ่งชี้ว่า น้ำมันที ทรี (Tea Tree Oil) ชนิด 5% ช่วยได้ และบางครั้ง มีคำแนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ กับน้ำมันถั่วลิสงบริสุทธิ์ แต่ยังเป็นที่ขัดแย้งกันอยู่ เพราะอาจกลายเป็นอาหารของรังแค- ทำให้เกิดเชื้อราได้ [7]
    • ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับผลเสียของน้ำมันแร่ เช่น มีสารพิษ หรือจะอุดตันรูขุมขนของคุณ อาจจะไม่เป็นจริง ตราบใดที่คุณใช้น้ำมันแร่บริสุทธิ์ ซึ่งขายเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ในสหรัฐฯนั้น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่อ้างว่าใช้กำจัดรังแคได้จะถูกทดสอบโดย FDA และจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกวางตลาด หากเป็นอันตรายหรือมีสารพิษ [8] [9] [10]
    • จงอุ่นน้ำมันแร่อย่างนุ่มนวล อย่าอุ่นจนร้อนเกินกว่าที่คุณจะจับต้องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าให้ร้อนจนถึงอุณหภูมิที่จะเกิดควัน
  2. ในขณะที่ครีมหมักผมอาจช่วยลดรังแคที่เป็นมากได้เร็วกว่าการใช้แค่เฉพาะแชมพูกำจัดรังแค แต่จะยิ่งได้ผลชะงัดมากขึ้น หากคุณหมักน้ำมันไว้นานหลายชั่วโมง หมวกแก๊ปคลุมผมอาจจะใช้ได้สะดวกเพื่อช่วยให้ผมของคุณสะอาดในช่วงเวลานี้ [11]
  3. ล้างน้ำมันออกด้วยแชมพู หรือผงซักฟอกชนิดอ่อนๆ. หากใช้เพียงแค่น้ำ น่าจะไม่มีประสิทธิภาพที่จะล้างน้ำมันออก แทนที่จะทำเช่นนั้น จงสระด้วยแชมพูหลายๆ ครั้งเพื่อล้างน้ำมันออก หากยังล้างน้ำมันออกได้ไม่ดีพอ ให้ทดลองทิ้งครีมนวดผมไว้บนผมนาน 10 นาที ก่อนจะล้างออก คุณอาจใช้สบู่เหลวสำหรับล้างจานจำนวนเล็กน้อย เป็นทางเลือกสุดท้าย แต่อาจทำให้ผมของคุณเสีย หรือแห้งกรอบ
    • แชมพูที่มีองค์ประกอบหลักเป็นน้ำมันดินอาจใช้ได้ผลเช่นกัน และจะช่วยชะล้างรังแคเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย แต่หลายคนไม่ชอบใจน้ำมันดิน ทั้งเพราะกลิ่นและการที่มันทิ้งคราบเอาไว้ [12]
  4. มีหลายวิธีของการบำบัดด้วยน้ำมัน และการใช้แชมพูรักษาในระยะยาว ที่จะลดรังแคลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากทิ้งไว้นานแปดชั่วโมง หรือตามปกติคือชั่วข้ามคืน จงมองหาแชมพูกำจัดรังแคที่มีทั้งน้ำมันดินจากถ่านหิน (coal tar) และ ยาลอกเนื้อด้าน (keratolytics) หากแชมพูไม่ได้โฆษณาว่ามียาลอกเนื้อด้าน หรือสารที่ลอกเซลล์ผิวหนังที่ตาย ให้มองหาคำว่า ยูเรีย ( urea) กรดซาลิไซลิค (salicylic acid) หรือ ซัลเฟอร์ (sulfur) ในรายการส่วนผสม
    • หาหมวกคลุมผมที่สวมได้พอดีก่อนจะชโลมผมด้วยน้ำมันดิน หากคุณตั้งใจจะนอนหลับโดยผมยังยังหมักน้ำมันดินอยู่ [13]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้แชมพูขจัดรังแค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกแชมพูกำจัดรังแคสำหรับรักษารังแคชนิดไม่รุนแรง. มีสารแตกต่างกันหลายชนิดที่สามารถบำบัดรังแคได้ สำหรับผู้ที่เป็นรังแคไม่มาก ยังไม่ได้มีอาการอักเสบหรือคันมากนัก ให้มองหาแชมพูที่มีกรดซาลิไซลิค (salicylic acid) หรือ ยูเรีย ( urea) ซึ่งจะช่วยขจัดเซลล์หนังศีรษะที่ตายแล้ว เพราะมีโอกาสที่แขมพูจะทำให้หนังศีรษะแห้ง จนมีรังแคมากขึ้นกว่าเดิม มีคำแนะนำให้ใช้แชมพูดังกล่าวร่วมกับครีมนวดผม เพื่อถอนพิษของผลข้างเคียง [14] [15]
  2. หากสะเก็ดรังแคของคุณมีความหนา มีสีขาว และพบบนหนังศีรษะ (ไม่ว่าจะพบโดดๆ หรือเกาะอยู่บนเส้นผม) ปัญหาของคุณน่าจะเกิดจากเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) สายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งเป็นเชื้อราประเภทยีสต์ [16] มาลาสซีเซียคือยีสต์บนผิวหนัง ซึ่งได้ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยต้นเหตุที่ทำให้คนเป็นรังแค ยีสต์ชนิดนี้อาจมีบทบาทในการส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน สำหรับกรณีที่อาการรุนแรง จงใช้แชมพูที่ระบุว่ามีส่วนผสมอย่างน้อย 1% ของคีโตโคนาโซล (ketaconozole) หรือ ไซโคลไพรอก (ciclopirox)ทั้งนี้ ซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium sulfide) (อย่างน้อย 1%) ใช้ได้ผลเช่นกัน แต่ผู้ใช้มักจะไม่ชอบเพราะทำให้เกิดน้ำมันสะสมบนหนังศีรษะ
    • แพทย์อาจออกใบสั่งยาให้คุณใช้แชมพูที่มีฤทธิ์แรงมากขึ้นกว่าที่จะหาซื้อได้ตามปกติ รวมทั้ง แชมพูต่อต้านเชื้อราคีโตโคนาโซล ชนิด 2% ซึ่งส่วนใหญ่ถูกระบุว่าเป็นแชมพู / โฟม ที่ให้ใช้สัปดาห์ละสองครั้งเพื่อบรรเทารังแคตอนแรกเริ่ม หลังจากนั้น แนะนำให้ใช้ได้สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หรือสัปดาห์เว้นสัปดาห์ [17] คุณยังอาจได้ใบสั่งยาจากแพทย์ให้ใช้แชมพูที่มีไซโคลพิรอกซ์ (ciclopirox ) จำนวน 1% ด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้ 2 ครั้ง / สัปดาห์ [18] [19]
    • หากคุณมีผมเส้นหยาบสีดำ ซึ่งอาจจะแห้งมากเกินไปหากสระด้วยแชมพูทุกวัน จงพิจารณาใช้ยาขี้ผึ้งสเตียรอยด์ (topical steroid ointment) แทน ตัวอย่างเช่น ยาฟลูโอซิโนโลน อะเซโทไนด์ (fluocinolone acetonide) [20] ซึ่งอาจใช้เป็นวัสดุจัดแต่งทรงผมสำหรับผู้มีผมแห้ง
  3. เวลาใช้แชมพู ให้คุณทำให้ผมเปียก แล้วนวดแชมพูขจัดรังแคลงบนหนังศีรษะ ปล่อยทิ้งไว้ในเรือนผมนาน 5-10 นาที แล้วล้างออก ใช้แชมพูขจัดรังแควันละครั้ง จนสะเก็ดรังแค อาการคัน และอาการอักเสบลดความรุนแรงลง
    • หากคุณสังเกตเห็นว่าไม่มีพัฒนาการใดๆ หลังจากใช้แชมพูขจัดรังแคนานสี่ห้าวัน จงเปลี่ยนไปทดลองใช้แชมพูที่มีส่วนผสมแตกต่างกันออกไป เพราะรังแคมักเกิดจากยีสต์สายพันธุ์หนึ่ง แชมพูขจัดเชื้อราอาจจะโจมตีปัญหาจากทิศทางที่แตกต่าง [21]
    • บางคนรายงานว่าประสบความสำเร็จเมื่อใช้แชมพูสองยี่ห้อสลับกัน จงสลับยี่ห้อแชมพูในการสระแต่ละครั้ง [22] [23]
  4. หากอาการทุเลาลง ให้ลดปริมาณครั้งของการสระผมด้วยแชมพูลง. หากคุณสังเกตเห็นว่ามีพัฒนาการอย่างสำคัญ จงลดการใช้แชมพูขจัดรังแคลงเหลือเพียงสองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์ หรือยิ่งน้อยลงไปอีก หากคุณสามารถลดรังแคให้อยู่ในปริมาณที่ยอมรับได้ เพราะในเมื่อไม่ได้เป็นรังแคอย่างรุนแรงแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องสระผมทุกวันอีกต่อไป
    • หากคุณกำลังใช้แชมพูที่มีความแรงในระดับที่ต้องใช้ใบสั่งยาของแพทย์ หรือใช้วิธีบำบัดมากกว่าหนึ่งวิธี ให้ลดความถี่ลง หรือหยุดใช้หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ ไม่เช่นนั้น อาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ [24]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การควบคุมรังแคในระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากสะเก็ดรังแคบาง โปร่งใส และพบเฉพาะบนเส้นผม ไม่ใช่บนหนังศีรษะ มีความน่าจะเป็นว่า คุณเป็นรังแคเพราะแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมากกว่า จงตรวจดูว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ มีส่วนผสมของพาราฟินิลีนไดอะมีน (Paraphenylenediamine) อันเป็นสารประกอบที่มักทำให้เกิดรังแคหรือไม่ และจงมองว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผสมแอลกอฮอล์ กับสารเคมีฤทธิ์แรงต่างๆ ที่ใช้ในการย้อมสีผมหรือไม่ รังแคยังอาจเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์หลายๆ ยี่ห้อที่มีส่วนประกอบแตกต่างกันเป็นจำนวนมากเกินไปอีกด้วย [25]
    • ปัญหาชนิดนี้ของหนังศีรษะสามารถบำบัดได้โดยเลิกใช้ หรือเปลี่ยนยี่ห้อผลิตภัณฑ์สำหรับจัดแต่งทรงผม และสระผมของคุณให้บ่อยครั้งมากขึ้น [26]
    • หากคุณไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ชนิดใดสร้างปัญหา ให้ลองหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทีละอย่าง จนพบสาเหตุของปัญหา
  2. ต่อมไขมันอักเสบ (Seborrheic dermatitis) ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้หนังศีรษะมันเยิ้มและระคายเคือง อาจยิ่งเลวร้ายด้วยน้ำมันจากเส้นผมและรูขุมขนของคุณ การสระผมบ่อยๆ จะช่วยกำจัดสารก่อระคายทิ้งไป และช่วยให้หนังศีรษะปลอดจากการก่อตัวของรังแค
    • แม้แต่การสระผมด้วยแชมพู แล้วล้างน้ำออกแบบรีบๆ ก่อนจะออกจากบ้าน ก็อาจช่วยแก้ปัญหารังแคได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
  3. การเปิดหนังศีรษะรับแสงแดดปริมาณปานกลางอาจเป็นประโยชน์ แสงอัลตราไวโอเลตอาจเป็นประโยชน์ในการลดจำนวนสะเก็ดรังแคบนผิวหนังของคุณ แต่การเปิดรับแสงแดดเพิ่มมากขึ้นก็เป็นอันตรายต่อผิวหนัง คุณ จึงไม่สมควรนอนอาบแดดหรืออยู่กลางแดดนานจนเกินไป และจงทาน้ำยากันแดดก่อนจะออกนอกบ้าน กับเปิดผิวรับแสงแดดเพียงช่วงสั้นๆ [27]
  4. หากรักษาตัวเองมานานสี่ห้าสัปดาห์แล้ว คุณยังไม่พึงพอใจกับปริมาณรังแคที่มี จงปรึกษาแพทย์ หาได้ยากที่รังแคจะสร้างปัญหาทางกาย แต่หากคุณอยากจะกำจัดมันด้วยเหตุผลส่วนตัว แพทย์สักคนอาจเขียนใบสั่งยาที่แรงมากขึ้นได้ และอาจจะแนะนำให้คุณบำบัดเพิ่มเติมด้วยสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบ และอาการคันด้วย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากการรักษารังแคด้วยวิธีทางการแพทย์ไม่ได้ผล จงค้นคว้ายารักษาพื้นบ้าน หรือวิธีบำบัดโดยใช้วัตถุดิบในครัวแทน วิธีนี้ยังไม่ได้รับการรับรองด้วยผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ แต่หลายคนรายงานว่า ประสบความสำเร็จเมื่อใช้พวกมัน หากหนังศีรษะของคุณเริ่มแห้งมากขึ้น คันมากขึ้น หรือแดงมากขึ้น จงหยุดใช้ในทันที
  • จงปฏิบัติการคำแนะนำเรื่องวิธีใช้เสมอเมื่อเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ การใช้ยาเหล่านี้บ่อยครั้งเกินไปหรือนานเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่น่าพึงพอใจ


โฆษณา
  1. http://www.drfranklipman.com/3-key-reasons-to-avoid-mineral-oil/
  2. Domino, F. (n.d.). The 5-minute clinical consult standard 2015 (23rd ed.)
  3. Domino, F. (n.d.). The 5-minute clinical consult standard 2015 (23rd ed.)
  4. Domino, F. (n.d.). The 5-minute clinical consult standard 2015 (23rd ed.)
  5. Domino, F. (n.d.). The 5-minute clinical consult standard 2015 (23rd ed.)
  6. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dandruff/basics/treatment/con-20023690
  7. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dandruff/basics/causes/con-20023690
  8. Domino, F. (n.d.). The 5-minute clinical consult standard 2015 (23rd ed.)
  9. Shuster S, Meynadier J, Kerl H, et al. Treatment and prophylaxis of seborrheic dermatitis of the scalp with antipityrosporal 1% ciclopirox shampoo. Arch Dermatol. 2005;141:47–52
  10. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dandruff/basics/treatment/con-20023690
  11. http://www.aafp.org/afp/2000/0501/p2713.html
  12. http://dermnetnz.org/dermatitis/seborrhoeic-dermatitis.html
  13. http://www.paulaschoice.com/expert-advice/hair-care-problems-and-solutions/_/the-dos-and-donts-of-treating-dandruff
  14. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dandruff/basics/treatment/con-20023690
  15. http://www.aafp.org/afp/2000/0501/p2703.html
  16. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dandruff/basics/causes/con-20023690
  17. http://www.paulaschoice.com/expert-advice/hair-care-problems-and-solutions/_/the-dos-and-donts-of-treating-dandruff
  18. Domino, F. (n.d.). The 5-minute clinical consult standard 2015 (23rd ed.)
  19. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dandruff/basics/treatment/con-20023690

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,075 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา