ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หูด เพียงได้ยินชื่อก็รู้สึกอึ๋ยแล้ว! หูดนั้นนอกจากจะทำให้ผิวของเราดูไม่สวยแล้วยังน่าหงุดหงิดอีกต่างหาก เพราะมันทั้งกำจัดยากและยังไม่มีวิธีการรักษาที่แน่ชัด หากคุณกำลังรู้สึกอายเพราะมีหูดอยู่บนมือ ใบหน้า เท้า หรืออวัยวะต่างๆ บนร่างกายแล้วล่ะก็ บทความนี้จะมาบอกขั้นตอนพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณสามารถกำจัดหูดออกไปจากชีวิตของคุณได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ใช้วิธีการรักษาที่ได้รับการรับรองจากแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หูดอาจเกิดจากการติดเชื้อ HPV หรือฮิวแมนพาพิลโลมาไวรัส (human papillomavirus) ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของคนเรารักษาหูดให้หายไปเองตามธรรมชาติ หูดบางชนิดสามารถหายไปเองได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยที่เราไม่จำเป็นต้องทำการรักษาใดๆ หากแต่ "ระยะเวลา" ที่ใช้นั้นอาจหมายถึง 2-3 สัปดาห์ ไปจนถึง 2-3 ปีเลยทีเดียว คุณจึงอาจต้องการใช้วิธีที่คุณสามารถทำได้เองเพื่อให้สามารถกำจัดหูดออกไปให้เร็วที่สุด แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการใด คุณก็ต้องใช้เวลาในการเยียวยารักษาอยู่ดี แต่ก็พอมีวิธีที่สามารถกำจัดหูดของคุณออกไปได้เร็วกว่าอยู่เหมือนกัน และวิธีที่เร็วที่สุดนั้น ก็คือการใช้ยา TCA สูตร 100% วิธีการนี้มักใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า 10 วัน และยังทำให้คุณหายขาดอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด โดยเราจะมาพูดถึงประเด็นนี้ในหัวข้อต่อๆ ไปกัน
    • ถ้าคุณมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง หูดมักจะหลุดไปเอง แต่นั่นอาจใช้เวลา 1-3 ปี
  2. ใช้กรดซาลิซิลิก หรือ กรดไทรคลอโรอะซีติค (TCA) สูตร 100%. [1] กรดซาลิซิลิกเป็นส่วนผสมที่พบได้ในยากำจัดหูดส่วนใหญ่ เช่น Compound W และ Occlusal และยังเป็นตัวเลือกที่ใช้ได้ผลดี และใช้เวลารักษาเพียงไม่กี่สัปดาห์
    • เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีวางจำหน่ายโดยทั่วไป มันจึงเป็นวิธีรักษาขั้นแรกที่ดี มันจะช่วยทำให้ผิวเกิดระคายเคือง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองต่อหูด
    • จุ่มผิวบริเวณที่เป็นหูดลงในน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาที จากนั้นใช้แปรงป้ายกรดลงบนหูดในปริมาณพอสมควร แล้วจึงทิ้งให้แห้ง. และปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 1 วัน คุณสามารถลอกหูดออกหรือใช้ตะไบเล็บขูดออกก็ได้ และอย่าลืมตะไบผิวหนังที่ตายแล้วออกมาด้วยนะ
  3. มีงานวิจัยมากมายที่พยายามทดสอบประสิทธิภาพในการนำเทปผ้ามาใช้ในการกำจัดหูด การรักษาโดยการนำเทปผ้ามาปิดแผล (Duct Tape Occlusion Therapy: DTOT) เป็นวิธีการที่นำมาใช้เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของหูด และเพื่อ "บีบเค้น" ไม่ให้เจ้าหูดตัวร้ายได้หายใจ โดยงานวิจัยหนึ่งพบว่า การใช้เทปผ้าร่วมกับยาอิมิควิโมดสูตร 5% เป็นวิธีการที่สามารถกำจัดหูดทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ใช้ระยะเวลานานพอสมควร (อาจนานถึง 6 เดือน) และผู้คนส่วนใหญ่มักใช้ไม่ได้ผล [2]
  4. ลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาแคนทาริดิน (Cantharidin) ซึ่งเป็นสารที่สามารถเผาหูดของคุณให้หายไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ยาตัวนี้มีราคาสูงเอาการ และอาจสูงถึง 17,000 บาทเลยทีเดียว [3] นอกจากนี้ ยาตัวนี้ยังอาจก่อให้เกิดอาการปวดแสบ แต่ข้อดีคือคุณสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 1 วัน
    • แคนทาริดินเป็นที่รู้จักกันในชื่อ 'beetle juice'
    • แพทย์จะทายาแคนทาริดินลงบนหูดของคุณโดยตรง จากนั้นจึงปิดด้วยพลาสเตอร์ยา ในวันถัดไป เมื่อคุณแกะพลาสเตอร์ยาออก ผิวหนังที่ตายแล้วจะหลุดลอกออกมา แต่หากไม่เห็นผลในการทำ 1 ครั้ง คุณอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการอื่น โดยแพทย์สามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่คุณได้
    • ใช้ด้วยความระมัดระวัง มันอาจเปลี่ยนหูดเป็นแผลพุพอง ซึ่งจะทำให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม
  5. อีกวิธีการรักษาที่แพทย์อาจแนะนำคือการใช้ไนโตรเจนเหลว หรือที่เรียกว่าการจี้เย็น (Cryotherapy) เพื่อแช่เยือกแข็งหูด [4] แต่วิธีการนี้อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัว และอาจต้องทำการรักษา 2-3 ครั้งจนกว่าหูดจะหายไปจนหมด แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ได้ผลดีมาก อย่างไรก็ตาม หากวิธีการนี้เกิดใช้ไม่ได้ผลขึ้นมา หูดของคุณมักจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งและใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะเส้นเลือดบริเวณนั้นขยายใหญ่ขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้นก็แทบไม่มีโอกาสรักษาให้หายขาดแล้ว [5]
    • อีกหนึ่งทางเลือกของคุณคือ ร้านขายยาหลายแห่งจะมียาแช่เยือกแข็งชนิดไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ซึ่งใช้สำหรับกระเทาะหูดของคุณออกมา แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณใช้ยาแช่เยือกแข็งชนิดนี้ คุณควรจดจำคำแนะนำเหล่านี้ไว้เสมอ:
      • ทำตามคำสั่งและคำแนะนำที่ปรากฏบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด หลังจากใช้ยา ผิวของคุณควรเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดงในไม่กี่นาที และควรเกิดตุ่มพองขึ้นบริเวณใต้หูด
      • หลังจากนั้น 2-3 วัน ควรปรากฏจุดสีดำเล็กๆ ขึ้นบริเวณใต้หูด นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตัวยากำลังทำงาน ช่วงนี้ให้พยายามหักห้ามใจอย่าดึงหูดออกมานะ
      • หูดควรหลุดออกมาด้วยตัวเอง แต่หากมันไม่ยอมหลุดออกมาเสียที ให้ทายาซ้ำอีกครั้งหลังจากนั้น 2 สัปดาห์ แต่ห้ามทายาซ้ำเกิน 2 ครั้งเป็นอันขาด และหากไม่ได้ผลจริงๆ ควรลองปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
  6. หากวิธีการอื่นไม่ได้ผลแล้วล่ะก็ การเผาหูดอาจเป็นวิธีที่คุณจำเป็นต้องใช้ วิธีการนี้จะทำให้คุณรู้สึกปวดแสบ และการเผาอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ดังนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุดคือการให้แพทย์เป็นผู้ดำเนินการ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีความกล้ามากพอ คุณก็ สามารถ ทดลองทำเองที่บ้านได้เช่นเดียวกัน
    • ไปพบแพทย์ แพทย์สามารถใช้เลเซอร์เผาหูดออก วิธีการนี้ใช้ได้ผลในบางครั้ง แต่แนะนำให้ใช้หลังจากวิธีการอื่นใช้ไม่ได้ผลแล้วจริงๆ
    • ลองทำเองที่บ้าน ด้วยการจุดไม้ขีดไฟแล้วเป่าให้ดับ ในขณะที่หัวไม้ขีดยังร้อน ให้นำมาแตะที่หูดของคุณ วิธีการนี้จะทำให้เกิดแผลพุพองซึ่งจะช่วยให้หูดเริ่มหายไป จากนั้นให้ลอกผิวบริเวณที่ถูกเผาไหม้ออก ทาว่านหางจระเข้ทั่วบริเวณผิวส่วนนั้น แล้วจึงนำพลาสเตอร์ยามาปิดไว้ และทำซ้ำหากจำเป็น แต่ควรลองทำเท่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้เท่านั้นนะ เพราะวิธีการนี้อันตรายเอาการเชียว
  7. หากใจไม่กล้าพอที่จะตัดหูดออกมาด้วยตัวเอง คุณสามารถขอให้แพทย์กำจัดหูดออกโดยใช้วิธีการผ่าตัดศัลยกรรม วิธีการนี้จะได้ผลดีที่สุดหากให้แพทย์เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเพื่อให้แพทย์สามารถฉีดยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดขณะผ่าตัด โดยแพทย์อาจทำการตัดหูดของคุณออกไปโดยใช้:
    • เครื่องจี้ไฟฟ้าและการขูด สำหรับวิธีการนี้ แพทย์จะใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อเผาหูดและตัดออกมาในภายหลัง แต่หูดอาจกลับมาอีกครั้ง เพราะเส้นเลือดบริเวณนั้นยังไม่ได้รับความเสียหาย [6] [7]
    • ศัลยกรรมเลเซอร์ สำหรับวิธีการนี้ แพทย์จะทำการเผาหูดของคุณโดยใช้ลำแสงที่มีความเข้มสูง [7]
  8. แพทย์สามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรักษานี้ โดยวิธีนี้จะอาศัยระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของคุณเพื่อตรงเข้าทำลายหูด
  9. วิธีการนี้เป็นวิธีการรักษารูปแบบใหม่ที่ใช้สำหรับรักษาหูดที่เกิดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ รวมถึงหูดในบริเวณอื่นๆ
  10. ยาชนิดนี้เป็นครีมทาเฉพาะจุดที่ใช้รักษาหูดและมะเร็งผิวหนังบางประเภท โดยอาศัยการกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ยาชนิดนี้ไม่สามารถรักษาหูด แต่อาจช่วยให้หายได้หากใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่นๆ คุณสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาตัวนี้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

วิธีการรักษาที่ยังไม่ได้รับการรับรองแต่ทำได้เองที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้ก้อนน้ำแข็งถูบริเวณหูดของคุณ จากนั้นนำเข็มมาฆ่าเชื้อแล้วจิ้มลงไปในหูดลึกๆ หลายๆ ครั้ง โดยพยายามจิ้มผ่านผิวหนังทุกชั้นภายในหูด การนำไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้ร่างกายของคุณมองเห็นหูดและพยายามต่อสู้กับมัน ซึ่งสามารถทำให้หูดหายออกไปจากร่างกายของคุณได้ในที่สุด วิธีการนี้ได้ผลดีมากสำหรับบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีหูดเป็นจำนวนมาก เพราะการจิ้มหูดเพียง 1 ตุ่มบนร่างกายจะช่วยให้ร่างกายของคุณค้นพบหูดตุ่มอื่นๆ และตรงเข้าทำลายได้ในทันที
  2. บดวิตามินซี 1 เม็ด แล้วหยดน้ำลงไปเพื่อให้ได้ยาป้ายข้นๆ จากนั้นจึงทาลงบนหูดแล้วนำพลาสเตอร์ยามาปิดไว้ ปล่อยทิ้งไว้ในช่วงกลางวัน และเมื่อถึงช่วงกลางคืนจึงเปิดให้ผิวได้หายใจ (แกะพลาสเตอร์ยาออกนั่นเอง)
  3. ฉีกแคปซูลวิตามินอีแล้วถูน้ำมันลงบนหูดในปริมาณเล็กน้อย นำพลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่นมาปิดไว้ แกะพลาสเตอร์ยาออกในช่วงกลางคืนเพื่อเปิดให้ผิวได้หายใจ แล้วจึงทาน้ำมันซ้ำในตอนเช้า โดยให้ทำเช่นนี้ 3 ครั้งต่อวัน
  4. 4
    ใช้น้ำร้อนและหินภูเขาไฟ. แช่หูดลงในน้ำร้อนจนกระทั่งหูดเริ่มนุ่ม จากนั้นนำหินภูเขาไฟผิวหยาบสำหรับผลัดเซลล์ผิวมาขูดบริเวณหูดจนกระทั่งเจอชั้นผิวจริง โดยการขูดนั้น คุณจะทำให้ผิวระคายเคือง ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายตอบสนองต่อหูดเร็วขึ้น
  5. จุ่มสำลีก้านลงในน้ำยาฟอกขาวแล้วนำมาแตะบนหัวหูดเป็นเวลา 15 นาที (อาจจะแสบนิดหน่อยนะ) โดยคุณจำเป็น ต้อง ล้างผิวบริเวณนั้นให้สะอาดหลังจากใช้น้ำยาฟอกขาว
  6. ทาทีทรีออยล์ลงบนหูดในปริมาณเล็กน้อย แล้วนำพลาสเตอร์ยามาปิดไว้ ทำเช่นนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์
  7. กรดในน้ำมันละหุ่งสามารถกัดกร่อนหูด และใช้ได้ผลดีที่สุดกับหูดที่มีขนาดเล็กแบนบนใบหน้าหรือหลังมือของคุณ โดยให้ทาน้ำมันละหุ่งลงบนหูดโดยใช้สำลีก้าน 2 ครั้งต่อวัน
  8. นำแอสไพริน 2-3 เม็ดมาบดให้ละเอียด แล้วหยดน้ำลงไปเล็กน้อย นำตัวยาที่ได้ป้ายลงบนผิวบริเวณที่มีหูด จากนั้นนำพลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่นมาปิดทับ ทิ้งไว้ 1 คืน แอสไพรินเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของกรดซาลิซิลิกที่รับประทานได้ แต่มีราคาต่ำกว่าโลชั่นส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายทั่วไป
  9. ทาเบตาดีน หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าไอโอดีนลงบนหูด แล้วปิดด้วยพลาสเตอร์ยา ปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 1 หรือ 2 วัน จากนั้นจึงเปลี่ยนพลาสเตอร์ยา
  10. ทายาสีฟันลงบนหูดแล้วปิดด้วยพลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่น. ทิ้งไว้ 1 วัน แล้วจึงทำซ้ำจนกระทั่งหูดหายไป
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ใช้อาหารเป็นตัวยารักษาซึ่งยังไม่มีการรับรองผล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปอกเปลือกเลมอนหรือมะนาวบางๆ จนได้ขนาดใหญ่กว่าหูดของคุณเล็กน้อย แล้วปิดทับลงบนหูดโดยใช้พลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่นหรือเทปกาวแปะไว้ เปลี่ยนเปลือกใหม่ประมาณทุกๆ วัน โดยให้ปิดหูดไว้อย่างต่อเนื่องให้นานที่สุด หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ หูดจะหลุดออกมาจนหมด
  2. แปะใบโหระพาบดสดลงบนหูดของคุณโดยใช้เทปปิดแผลชนิดกันน้ำพันไว้ ทำเช่นนี้ในทุกๆ วัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วสารฆ่าเชื้อไวรัสในใบโหระพาจะช่วยฆ่าหูดของคุณ
  3. โดยให้รับประทาน 2 ครั้งต่อวัน ติดต่อกันอย่างน้อยหลายสัปดาห์ หูดควรจะเริ่มหลุดออกในช่วงหนึ่งหรือสองสัปดาห์แรก แต่ให้ทานอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหูดหายไปจนหมด คุณยังสามารถนำน้ำมันกระเทียมมาทาทับบริเวณหูดประมาณ 1 หรือ 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 1 เดือน [8]
  4. รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน. ตัวอย่างดีๆ สำหรับอาหารประเภทนี้คือ กระเทียม มันเทศ ขนมปังโฮลเกรน เมล็ดทานตะวัน และข้าว
  5. ขูดแครอทจนได้เนื้อละเอียด เติมน้ำมันมะกอกลงไปพอให้เป็นยาป้าย จากนั้นทายาป้ายที่ได้ลงบนหูด 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 30 นาที และทำเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
  6. บดมะเดื่อสด แล้วป้ายลงบนหูดของคุณทิ้งไว้เป็นเวลา 30 นาที ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
  7. บีบน้ำมะนาวลงบนหูดของคุณ จากนั้นนำหอมใหญ่สดสับมาวางทับไว้ ทำเช่นนี้เป็นเป็นเวลา 30 นาที หนึ่งครั้งต่อวัน เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
  8. นำหูดของคุณลงไปแช่ในน้ำสับปะรด เพราะในน้ำสับปะรดมีเอนไซม์ที่ช่วยละลายหูดได้
  9. โพแทสเซียมในกล้วยอาจช่วยให้หูดหายเร็วขึ้น
  10. ตัดเอาเฉพาะส่วนเปลือกออกมา โดยให้มีขนาดเล็กกว่าเทปที่คุณจะใช้เล็กน้อย ถูด้านในของเปลือกกล้วยลงบนหูด แล้วจึงนำเทปผ้ามาปิด วางเปลือกกล้วยทิ้งไว้บนหูดเป็นเวลาหนึ่งวันก่อนดึงออก ทำเช่นนี้ซ้ำจนกระทั่งหูดหายไปจดหมด
  11. เคอร์คูมินเป็นสารสกัดจากขมิ้นที่คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ ผสมเคอร์คูมินเข้ากับสารสกัดจากมะละกอ (หรือที่เรียกว่าปาเปน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ในรูปแบบเม็ดหรือบดเป็นผง) และน้ำมันวิตามินอี
    • นำสารสกัดจากต้นโกลเด้นซีลผสมแอลกอฮอล์มาแต้มที่หูดและบริเวณโดยรอบ วิธีการนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันของผิวบริเวณนั้นได้
    • ใช้เข็มหรือเข็มหมุดคมๆ จิ้มลงไปในยาป้ายที่ทำจากเคอร์คูมิน กดเข็มลงไปในหูดให้ลึกที่สุด พยายามจิ้มยาป้ายลงไปในหูดอย่างต่อเนื่อง และจิ้มหลายๆ จุด หากจำเป็น
    • แต้มยาป้ายที่เหลือทั่วบริเวณหูด แล้วนำเทปปิดแผลมาปิดไว้ เทคนิคนี้ใช้ได้ผลดีกับหูดแบนซึ่งพบได้บริเวณหน้าและแขน เป็นที่รู้กันดีว่าหูดแบนนั้นรักษาได้ยากมาก และจะยังคงอยู่บนผิวของเราไปเรื่อยๆ หลังจากร่างกายได้รับภูมิคุ้มกันต้านเชื้อไวรัส วิธีการนี้จะช่วยให้หูดหายไปก่อนที่จะแข็งตัว
  12. นำสำลีก้อน (ขนาดพอให้ปิดหูดได้เท่านั้น) จุ่มลงในน้ำส้มสายชู แล้วนำพลาสเตอร์ยามาปิดไว้เป็นเวลา 1 คืน จำไว้ว่าวิธีการนี้อาจทำให้รู้สึกปวดแสบมาก เปลี่ยนสำลีทุกวัน และแปะไว้ทุกคืนหากสามารถทำได้ หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ เม็ดหูดจะเริ่มหลุดลอกออก คุณสามารถขูดเบาๆ เพื่อเอาหูดออกและเผยผิวสุขภาพดีด้านใต้ เมื่อนำหูดออกแล้ว ให้ปล่อยให้ผิวบริเวณนั้นฟื้นตัว
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ลองใช้วิธีการที่อ่อนโยนกว่าเพื่อนำหูดออก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำหูดแช่ลงในน้ำเกลืออุ่นเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาที เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นนุ่มขึ้น ขูดชั้นผิวที่ตายแล้วบนหูดออกโดยใช้ตะไบเล็บ หินภูเขาไฟ หรือกระดาษทรายที่ไม่หยาบมาก คุณยังสามารถใช้นิ้วของคุณได้เช่นเดียวกัน แต่ควรล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังทำ เพราะหูดสามารถแพร่กระจายได้ง่าย เมื่อหูดเริ่มนุ่มขึ้นแล้วจึงนำเกลือทะเลเม็ดใหญ่มาถู
    • แปะพลาสเตอร์ยาหรือเทปบนหูดเพื่อให้เม็ดเกลืออยู่กับที่ แล้วคอยสังเกตเป็นเวลาหลายวัน และคอยเปลี่ยนพลาสเตอร์ยาใหม่หลังจากอาบน้ำหรือทำเกลือตก
  2. ผสมผงฟูและน้ำมันละหุ่งเข้าด้วยกันจนได้เป็นยาป้าย จากนั้นทาลงบนหูดของคุณในช่วงกลางคืนโดยใช้พลาสเตอร์ยาปิดไว้ แล้วจึงแกะพลาสเตอร์ยาออกในเช้าวันถัดไป คุณสามารถทำซ้ำได้ตามความเหมาะสม
  3. การจุ่มหูดบนฝ่าเท้าลงในน้ำที่ร้อนมากๆ สามารถช่วยให้หูดหายได้ เพราะน้ำร้อนจะทำให้หูดนุ่มขึ้นและอาจช่วยฆ่าเชื้อไวรัส แต่ควรระวังไม่ให้น้ำร้อนเกินไปจนอาจลวกเท้าของคุณ โดยอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ควรต่ำกว่า 140°F (60°C)
  4. เลือกต้นแดนดิไลอันสดมาหนึ่งต้น หักก้านออกเป็นสองท่อนแล้วทาน้ำเลี้ยงสีขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาจากก้านลงบนหูดของคุณ โดยให้ทำเช่นนี้ซ้ำ 3-4 ครั้งต่อวัน จากนั้นนำหินภูเขาไฟมาขูดเพื่อเอาชั้นผิวที่ตายแล้วออก และควรทำอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหูดของคุณหายไป
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

สาเหตุการเกิดและประเภทของหูด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หูดเป็นตุ่มเล็กๆ ที่เติบโตออกมาจากร่างกาย มีต้นตอมาจากเชื้อไวรัสฮิวแมนพาพิลโลมา (HPV) และสามารถแพร่กระจายไปทั่วบริเวณอวัยวะต่างๆ บนร่างกายของคุณ
    • นอกจากนี้ คุณยังอาจแพร่เชื้อไวรัส HPV ไปยังผู้อื่นผ่านรอยบาด แผลเปิด หรือการมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย
  2. หูดมีหลายรูปทรง หลายขนาด และมักขึ้นเป็นตุ่มกลมๆ หรือรีๆ บริเวณผิวของคุณ
    • หูดที่พบได้ทั่วไป: หูดเหล่านี้สามารถปรากฏได้บนทุกส่วนของร่างกาย แต่มักพบเห็นได้บ่อยบนมือของคนเรา หูดจะมีผิวขรุขระและมีลักษณะเป็นตุ่มกลมๆ สีน้ำตาลอมเทา
    • หูดแบน: หูดชนิดนี้มักพบบนใบหน้า ขา และแขนของคนเรา โดยจะมีขนาดเล็ก แบน (ดังชื่อ) และสามารถแพร่กระจายได้เมื่อคุณโกนหนวด
    • หูดบนฝ่าเท้า: หูดชนิดนี้จะขึ้นบริเวณฝ่าเท้าของคุณ มันจะดูเหมือนรอยปะหนาๆ บนผิว และมีจุดดำโดยรอบ หูดในลักษณะนี้อาจทำให้คุณรู้สึกปวดเอามากๆ
    • หูดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์: หูดชนิดนี้พบได้บนอวัยวะสืบพันธุ์และบริเวณโดยรอบระหว่างต้นขา และอาจโผล่ขึ้นมาบริเวณช่องคลอดและช่องทวารหนักได้เช่นเดียวกัน
    • หูดใต้เล็บและบริเวณรอบๆ เล็บ: หูดประเภทนี้จะปรากฏบริเวณใต้เล็บนิ้วมือและเล็บเท้า โดยจะปรากฏเป็นตุ่มหยาบๆ และมีเนื้อผิวไม่สม่ำเสมอ
    • หูดติ่งเนื้อ: มักเกิดบริเวณรอบๆ ปากและจมูก โดยจะมีสีเหมือนผิวของคนเรา และมีติ่งเนื้อโผล่ออกมาจากผิว
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • มีผู้กล่าวว่า การใช้เจลว่านหางจระเข้จะทำให้หูดหลุดออกมาได้ภายใน 1 หรือ 2 วัน
  • วิธีการรักษาส่วนใหญ่นั้นควรทำก่อนเข้านอน คุณจะได้ไม่พยายามไปหยิบหรือดึงพลาสเตอร์ยาออก
  • พยายามดูแลหูดให้แห้งอยู่เสมอ เพราะหูดที่เปียกมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายได้ง่ายกว่า
  • การใช้วิธีการรักษาหลากหลายรูปแบบรวมกันสามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาหูดได้เร็วขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ/อาบน้ำเท้าเปล่าในสระว่ายน้ำสาธารณะ เพราะหูดที่เท้ามักติดเชื้อมาจากที่นั่น ดังนั้น คุณจึงควรสวมรองเท้าว่ายน้ำ รองเท้าแตะ หรือรองเท้าแตะแบบหนีบอยู่เสมอ
  • ล้างผิวบริเวณที่เป็นหูดให้บ่อยที่สุด
  • แช่หูดลงในน้ำอุ่นเป็นเวลา 5 นาที ทายากำจัดหูด (ซึ่งมักจ่ายโดยแพทย์โรคผิวหนัง) แล้วปิดด้วยพลาสเตอร์ยา ทำเช่นนี้ซ้ำในทุกๆ วัน เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน
  • ใช้เทปผ้าสีเงินร่วมกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล พยายามให้มีน้ำส้มสายชูอยู่บนหูดอยู่ตลอดเวลา หรือให้นานที่สุด วิธีการนี้ใช้ได้ผลสำหรับคนจำนวนมากเชียวล่ะ โดยคุณจะเริ่มเห็นผลใน 2-3 วันหากวิธีการนี้ใช้ได้ผลกับคุณเช่นกัน วิธีการนี้มักจะทำให้หูดแข็งตัว กลายเป็นสีดำ และกลายเป็นเซลล์ผิวตายได้ในที่สุด และการใช้ยาแช่เยือกแข็งหูดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์อาจช่วยกำจัดเศษหูดตัวร้ายที่กำจัดออกยากได้
  • ผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่ได้ผลดีเยี่ยมคือ Mediplast ของ Curad ในผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะมีกรดซาลิซิลิก 40% ที่มาในรูปของแผ่นแปะขนาดพอเหมาะ
  • คุณสามารถทายา Occlusal ได้หลายๆ ชั้น แต่ควรรอให้ชั้นก่อนหน้าแห้งเสียก่อน
  • อย่าใช้น้ำยาฟอกขาวรักษาเนื้อเยื่อผิวเป็นอันขาด!
  • การใช้ชีวิตโดยดูแลสุขภาพอยู่เสมอเป็นวิธีการเดียวที่จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ HPV
  • คุณสามารถไปยังโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยในอำเภอหรือเขตของคุณ เพื่อรับการรักษาฟรี (และ/หรือมีค่าใช้จ่ายต่ำ) เช่น ใช้ยาอัลดารา (ยาอิควิโมดแบบทาเฉพาะที่) ยากรดไทรคลอโรอะซีติคสำหรับทาเฉพาะที่ หรือการแช่เยือกแข็งโดยใช้สารไครโอเจน เป็นต้น โดยวิธีการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาล
  • วางเกลือในปริมาณมากพอสมควรลงบนด้านนุ่มของพลาสเตอร์ยา แล้วจึงนำมาวางลงบนหูดของคุณ ทำเช่นนี้ซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะหลังจากแช่น้ำหรืออาบน้ำ
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใช้วิธีการรักษาใดๆ เหล่านี้บนผิวที่อาจเกิดการระคายเคือง หรือบริเวณใดๆ ที่มีการติดเชื้อ ขึ้นผื่นแดง หรือบนไฝ ปาน หรือหูดที่มีขนโผล่ขึ้นมา รวมถึงบนหูดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ หูดบนใบหน้า หรือหูดบริเวณเยื่อบุผิว เช่น ในปาก จมูก และช่องทวารหนัก
  • การเผาหรือการแช่เยือกแข็งเพื่อกำจัดหูดอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ถาวรและทำให้ผิวของคุณเสีย
  • อย่าใช้ถุงเท้า รองเท้า ถุงมือ มีดโกน หรือผ้าขนหนูร่วมกับผู้อื่น เพราะแม้คุณจะมองไม่เห็นหูดแล้ว แต่เชื้อไวรัสอาจยังคงเหลืออยู่
  • หูดอาจเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยมีปัจจัยโดยตรงมาจากการต้านทานเชื้อไวรัสของระบบภูมิคุ้มกันของคุณ
  • เช็ดหูดของคุณให้แห้งหลังจากล้างมือ เพราะหูดมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายได้ง่ายกว่าเมื่อเปียก และการเช็ดมือให้แห้งจะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นได้อีกด้วย
  • ควรไปพบแพทย์ หากเป็นหูดอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสัญญาณว่าอาการจะดีขึ้น
  • ใช้พลาสเตอร์ยาปิดหูดของคุณไว้เสมอ
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • เกลือทะเล
  • ยากำจัดหูด
  • เทปผ้า
  • กระเทียมแบบแคปซูล
  • เปลือกกล้วย
  • น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
  • สำลีก้อน/สำลีก้าน
  • พลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่น
  • ไม้ขีดไฟ
  • แอลกอฮอล์หรือน้ำส้มสายชู


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 52,158 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา