ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การจะกำจัดความคิดและอิทธิพลเชิงลบออกไปจากชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ท่ามกลางคนคิดลบหรือถ้าคุณเองนั่นแหละที่สร้างพื้นฐานนิสัยเชิงลบขึ้นมาแล้ว แต่ด้วยการตระหนักและความพยายามจะช่วยให้คุณพลิกโฉมชะตาชีวิตและเริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตเชิงบวกมากขึ้น การเลือกคนที่คุณจะใช้เวลาด้วยและเลือกว่าจะใช้เวลาเหล่านั้นอย่างไรช่วยให้คุณได้เปิดประตูไปสู่ความเบิกบาน ที่ความอิ่มเอมและความพึงพอใจจะหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตของคุณอย่างไม่ขาดสาย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

กำจัดคนคิดลบออกไปจากชีวิตของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาเวลาชี้ตัวเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศที่เป็นลบที่คุณคลุกคลีอยู่ด้วย ถามตัวเองว่ามีใครที่ไม่ให้ความสำคัญกับเวลาของคุณเป็นประจำบ้างหรือเปล่า หรือว่าคนที่เรียกร้องทั้งแบบตรงๆ และแบบอ้อมๆ ให้คุณเอาพลังงานที่ควรจะทุ่มเทกับงานมาพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจพวกเขาแทน คนพวกนี้อาจจะแสดงความเห็นแก่ตัวด้วยการใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระแต่กลับมาขโมยเวลาของคุณไป พวกเขาอาจจะมาทำงานสาย เวลาเข้าประชุมหรือมีกิจกรรมกลุ่มก็มักจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ และโยนภาระมาให้คุณกับเพื่อนร่วมงานมากจนเกินไป [1]
    • นอกจากนี้คนที่เป็นลบยังอาจแสดงความอิจฉาหรือริษยาคุณ และทำให้คุณรู้สึกแย่กับความสำเร็จในงานของคุณ พวกเขาอาจจะบอกว่าคุณไม่ได้ประสบความสำเร็จหรือคุณไม่ควรจะได้อะไรตอบแทนจากสิ่งที่คุณทำเลยด้วยซ้ำ เช่น ถ้าคุณได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้โบนัส คนที่เป็นลบก็อาจจะบอกคุณว่า "เธอนี่โชคดีจังเลยนะ" หรือ "อย่างเธอนี่ไม่น่าจะได้เงินเยอะขนาดนั้นเลย"
  2. นึกถึงคนที่เป็นลบที่คุณคบหาด้วยที่โรงเรียน. คนที่ว่านี้อาจจะเป็นเพื่อนในกลุ่ม เพื่อนร่วมชั้นเรียน หรือแม้แต่ศาสตราจารย์หรือครู คนที่เป็นลบจะพูดแทรกคุณในห้องเรียน ข่มคุณต่อหน้าคนอื่น หรือพูดว่าความคิดของคุณมันโง่เง่าหรือไม่ถูกต้องเวลาที่คุณแสดงความคิดเห็นที่โรงเรียน พวกเขาอาจจะพยายามทำให้คุณขายหน้าต่อหน้ากลุ่มเพื่อนของคุณ และทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่าด้วย
    • คนที่เป็นลบอาจจะคิดว่าสิ่งที่แย่ที่สุดจะต้องเกิดขึ้น และมองว่าสิ่งต่างๆ มีแค่ดีและแย่เท่านั้น โดยมักจะเน้นไปที่ด้านแย่ๆ คนที่ว่านี้อาจจะเป็นเพื่อนที่ชอบบอกคุณว่า "เราทุกคนก็เกิดคนเดียวตายคนเดียวอยู่แล้ว" หรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่บอกว่าคุณ "ไม่เก่ง" หรือ "ไม่มีอะไรพิเศษ"
  3. คนที่เป็นลบในชีวิตครอบครัวของคุณ เช่นพ่อ/แม่หรือพี่น้องอาจจะพยายามเปลี่ยนแปลงหรือทำให้คุณเชื่อว่า คุณต้องปรับปรุงสิ่งที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ คุณอาจจะสงสัยว่าตัวเองเป็นใครและสงสัยว่าตัวเองยึดมั่นอะไรเพราะอิทธิพลจากคนๆ นี้ และเริ่มรู้สึกว่าความคิดเห็นและความคิดของคุณนั้นไม่สมเหตุสมผลหรือไม่มีค่าพอที่จะแสดงออกมา
    • นอกจากนี้คนที่เป็นลบยังอาจเตือนคุณอยู่เสมอว่า ความคิดเห็นของคุณมันไร้ค่าหรือไม่ถูกต้อง และพยายามจะลดทอนความภาคภูมิใจและความมั่นใจของคุณ พวกเขาอาจจะบอกคุณว่าคุณมัน "โง่" "ไร้ค่า" หรือ "ปัญญาอ่อน" พวกเขาอาจจะไม่สนใจความคิดเห็นของคุณเวลาที่คุณพูดด้วยการบอกให้คุณ "หุบปาก" หรือไม่รับฟังสิ่งที่คุณพูดไปเลย
  4. พยายามใช้เวลาและพลังงานกับคนที่เป็นลบให้น้อยลง. ในการที่จะกำจัดคนที่เป็นลบออกไปจากชีวิตของคุณนั้น อย่างแรกคือคุณควรมีระยะห่างระหว่างคุณกับคนๆ นี้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่โรงเรียน ที่ทำงาน หรือที่บ้าน ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่ใช้เวลาทุกสุดสัปดาห์คลุกอยู่กับเพื่อนคนนี้หรือไม่รับโทรศัพท์เพื่อนที่เป็นลบคนนี้ทันที พยายามให้เวลาและพื้นที่ตัวเองเพื่อปลดปล่อยตัวเองออกจากคนๆ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเธอเป็นเพื่อนสนิทหรือเป็นญาติ [2]
    • นอกจากนี้คุณอาจจะเปลี่ยนแปลงระยะเวลาที่คุณใช้กับคนที่เป็นลบเพื่อให้ชีวิตของคุณเป็นบวกและทำอะไรได้มากขึ้น ชวนคนที่เป็นลบออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่คิดบวกมากกว่า เพื่อให้เธอเห็นว่าการอยู่ท่ามกลางบทสนทนาและทัศนคติที่เป็นบวกนั้นเป็นอย่างไร
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถจำกัดเวลาที่เสียไปกับคนที่เป็นลบได้ด้วยการออกไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่แทนที่จะไปกันสองคน คุณสองคนจะได้มีโอกาสคุยกับคนอื่นด้วย แทนที่จะมามัวพูดเรื่องลบๆ กันสองคน
  5. ถึงคุณจะอยากตัดคนที่เป็นลบออกไปจากชีวิตของคุณ แต่คุณก็อาจจะต้องทำโปรเจ็กต์กับคนที่เป็นลบหรืออยู่กับรูมเมตที่เป็นลบอยู่ดี เพราะฉะนั้นแทนที่จะปล่อยให้ความคิดลบของเขามาทำให้คุณประสาทเสีย คุณอาจจะพยายามสร้างกำแพงเพื่อให้ตัวเองรู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้และปลอดภัยเวลาที่ต้องอยู่กับคนที่เป็นลบ เวลาที่ทำงานกลุ่มด้วยกันก็ให้คุยกับคนอื่นเยอะๆ แทน หรือจัดการตารางชีวิตให้ต่างจากรูมเมตที่เป็นลบเพื่อที่คุณสองคนจะได้ไม่ต้องอยู่บ้านเวลาเดียวกัน [3]
    • พยายามรักษากำแพงนี้ไว้ให้ได้แม้ว่าคนที่เป็นลบจะพยายามปีนข้ามมาก็ตาม เตือนตัวเองว่าการสร้างกำแพงขึ้นมานี้จะช่วยให้คุณสองคนเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ และทำให้คุณสามารถที่จะทำงานหรืออยู่กับคนๆ นี้ได้เมื่อจำเป็นด้วย
  6. สร้างทัศนคติเชิงบวกเมื่ออยู่กับคนที่เป็นลบ. เรียกความเป็นบวกให้กลับมาในชีวิตอีกครั้งด้วยการสร้างทัศนคติที่เป็นบวกและเปิดรับมากกว่าเดิมเวลาที่คุณอยู่กับคนที่เป็นลบ เช่น ถ้าคนที่เป็นลบบ่นเรื่องท้องฟ้าอากาศ ให้บอกเธอว่าพรุ่งนี้อากาศจะสดใสและดีกว่านี้ หรือถ้าคนที่เป็นลบวิจารณ์ใครในทางลบหรือวิจารณ์ใครแบบไม่ไว้หน้า ให้บอกว่าจริงๆ แล้วคนๆ นี้นิสัยดีและมีน้ำใจมาก [4]
    • การตอบโต้กับความคิดเชิงลบด้วยทัศนคติที่เป็นบวกยังช่วยทำให้มุมมองเชิงลบของเพื่อนๆ หรือญาติๆ เป็นเรื่องจริงจังน้อยลง และเป็นการพูดถึงความคิดเชิงลบอย่างตรงประเด็นและเปิดกว้าง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

กำจัดนิสัยและความคิดเชิงลบออกไปจากชีวิตของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทุกคนต่างมีนิสัยส่วนตัวที่ไม่ดี ตั้งแต่ดื่มหนัก สูบบุหรี่จัด ปาร์ตี้หนัก ไปจนถึงกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพหรือมีนิสัยเกี่ยวกับอารมณ์ที่ไม่ดี เช่น การเกลียดตัวเองและความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ ใช้เวลาเขียนนิสัยที่ไม่ดีในชีวิตของคุณที่คุณทำอยู่ในตอนนี้ คิดถึงนิสัยที่ทำให้คุณไม่มีความสุขหรือดูดพลังงานของคุณไปหมด
    • แม้ว่านิสัยที่ไม่ดีอย่างปาร์ตี้หนักกับดื่มหนักอาจเป็นจะเป็นปัญหา แต่นิสัยอื่นๆ อย่างการกินอาหารที่ไม่ดีหรือการมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับคนอื่นก็ทำให้คุณรู้สึกแย่และสร้างความคิดเชิงลบในชีวิตได้
    • เพราะมันง่ายที่จะติดนิสัยไม่ดี พยายามยกระดับสติการรู้ตัวของเราเองในเรื่องเหล่านี้โดยการจดบันทึกว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกหรือแสดงนิสัยที่ไม่ดีออกมา
  2. กิจกรรมจำพวกดื่มหนัก สูบบุหรี่จัด และปาร์ตี้หนักอาจทำให้คุณรู้สึกดีสักครู่ แต่คุณอาจจะตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการเมาค้างปวดหัวตึ๊บๆ และรู้สึกไม่ดี การลดนิสัยเหล่านี้ลงบ้างจะทำให้คุณมีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจจะทำให้คุณก้าวหน้าในอาชีพการงาน ความปรารถนาส่วนตัว และการพัฒนาส่วนบุคคล
    • แทนที่จะเลิกทำกิจกรรมเหล่านี้แบบหักดิบ คุณอาจจะพยายามลดเวลาที่คุณเสียไปกับกิจกรรมเหล่านี้แทน คุณอาจจะไปเตร็ดเตร่แค่สัปดาห์ละ 1 หรือ 2 ครั้งแทนที่จะไปทุกคืนหลังเลิกงาน หรือเลือกไปกับเพื่อนๆ หรือคู่รักสัปดาห์ละ 1 คืน
    • การคลายเครียดด้วยการสังสรรค์กับเพื่อนๆ ไม่ได้หมายถึงการไปดื่มที่บาร์ทุกครั้ง แต่คุณอาจจะใช้เวลาที่บ้านมากขึ้นด้วยการชวนเพื่อนๆ มาที่บ้านเพื่อสังสรรค์ในค่ำคืนที่ผ่อนคลาย หรือสังสรรค์กับเพื่อนด้วยการทำอาหารให้เพื่อนกิน
  3. การพูดเชิงลบกับตัวเองบางครั้งก็แย่พอๆ กับนิสัยเชิงลบ คุณอาจจะเผลอพูดเชิงลบกับตัวเองด้วยการมองแต่ด้านที่เป็นลบของสถานการณ์หรือเหตุการณ์ แทนที่จะเลือกมองด้านบวกของมัน เช่น วันนี้คุณอาจจะทำงานได้ดีและทำงานได้เยอะ แต่แทนที่จะกลับมาบ้านเพื่อฉลอง คุณกลับสนใจแต่ว่าวันต่อไปยังมีอะไรที่ต้องทำให้เสร็จอีก [5]
    • นอกจากนี้คุณอาจจะโทษตัวเองทุกครั้งที่มีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว คิดไปว่าทุกช่วงเวลาแย่ๆ นั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับคุณ เช่น เพื่อนคนนึงอาจจะยกเลิกนัดคุณกับกลุ่มเพื่อนของคุณ แต่แทนที่คุณจะเลิกคิดถึงมัน คุณกลับบอกตัวเองว่าที่แผนต้องเปลี่ยนก็เพราะว่าไม่มีใครอยากจะไปเที่ยวกับคุณ คุณอาจจะคิดไปว่า "ฉันผิดเอง" หรือ "ไม่มีใครชอบฉันหรอก"
    • เวลาที่คุณพูดเชิงลบกับตัวเอง คุณอาจจะบอกตัวเองว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น และหายนะก็กำลังจะมาเยือนคุณในอีกไม่ช้า คุณอาจจะมองโลกในแบบว่าที่ว่าถ้าไม่เป็นแบบนั้นก็ต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งก็คือการที่สถานการณ์หนึ่งจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากดีหรือไม่ดี ไม่มีตรงกลางหรือมีโอกาสที่สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น คุณอาจจะคิดว่า "อะไรๆ ก็แย่ไปหมด" หรือ "อะไรดีๆ น่ะไม่มีวันเกิดกับฉันหรอก"
  4. เปลี่ยนคำพูดเชิงลบให้กลายเป็นแรงผลักดันเชิงบวกด้วยการหันมาพูดแต่สิ่งดีๆ กับตัวเองเพื่อทำให้คุณรู้สึกดี ถ้ามีสิ่งไหนที่คุณไม่มีวันจะพูดกับคนอื่น คุณก็ต้องไม่พูดสิ่งนั้นกับตัวเองด้วย เฝ้าดูความคิดเชิงลบที่เข้ามาในใจ พิจารณาความคิดนั้น และตอบโต้ด้วยความคิดเชิงบวกแทน [6]
    • พูดเชิงบวกกับตัวเองออกมาดังๆ ทุกวัน นึกถึงคำพูดที่ว่า “คุณคิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น” พูดความคิดเชิงบวกออกมาดังๆ ตอนเช้าเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ด้วยคำพูดดีๆ เพื่อทุ่มเทพลังให้กับเรื่องดีๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งก็คือคำพูดที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฉันสามารถ” และ “ฉันจะ” เช่น “วันนี้ฉันจะรับรู้และเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของฉัน” “ฉันเป็นคนเข้มแข็ง แข็งแกร่งดุจหินผา” “ฉันสามารถเอาชนะความคิดเชิงลบได้”
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตเชิงบวก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รับประทานอาหารอย่างสมดุล . ส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตเชิงบวกก็คือ การดูแลตัวเองผ่านสิ่งที่คุณบริโภคทุกวัน การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ทำเองบ่อยๆ ในปริมาณที่พอเหมาะอย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน ในแต่ละวันคุณควรรับประทานโปรตีน ธัญพืช ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์นมให้สมดุล และรับประทานแต่ละมื้อในเวลาใกล้เคียงกันทุกวัน [7]
    • นอกจากนี้คุณก็ควรดื่มน้ำมากๆ ตลอดทั้งวันด้วยเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีวิถีชีวิตที่ต้องใช้กำลังมาก หลีกเลี่ยงน้ำหวานอย่างน้ำอัดลมและเครื่องดื่มอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  2. การนอนหลับพักผ่อนเต็มคืนทำให้คุณแน่ใจได้ว่า คุณจะไม่เหนื่อยล้าในวันถัดไปและไม่มีทัศนคติที่เป็นลบ เตรียมตัวเข้านอนด้วยการนอนตามเวลาเดิมอย่างเคร่งครัดและจัดเตรียมห้องนอนที่ช่วยให้คุณนอนหลับ
  3. พยายามออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์อยู่เสมอเพื่อเพิ่มเอนดอร์ฟินส์และช่วยให้ร่างกายของคุณได้ผ่อนคลายความเครียด เข้าคลาสออกกำลังกายอย่างจริงจัง 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์หรือกำหนดเวลาวิ่งที่จะทำให้คุณได้ออกกำลังกายในช่วงเวลาเดียวกันทุกวัน การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณรู้สึกเป็นบวกกับตัวเองและคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น [8]
  4. สร้างความสัมพันธ์กับคนที่ทำให้คุณยิ้มหรือหัวเราะออกมาดังๆ ได้มากกว่าคนที่ทำให้คุณรู้สึกกดดันและโดดเดี่ยว คุณควรพยายามสร้างกลุ่มสังคมที่คุณรู้สึกว่าตัวเองได้รับการต้อนรับและได้รับการสนับสนุนจากทุกคนที่อยู่รอบข้าง การสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับคนที่เป็นบวกหรือการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วกับคนที่เป็นบวกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจะช่วยให้คุณกำจัดสิ่งที่เป็นลบออกไปได้ [9]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,739 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา