ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ตับของเรามีหน้าที่หลายอย่างในการดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ตับต้องคอยแปรสภาพทุกอย่างที่คุณกิน ดื่ม และซึมผ่านผิวหนัง เพราะงั้นเลยตกเป็นเหยื่อของสารพิษอยู่บ่อยๆ สัญญาณที่บอกว่าตับอ่อนแอ ก็คือเกิดอาการแพ้ ขาดสารอาหาร คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง ไปจนถึงมีนิ่วในถุงน้ำดี การดีท็อกซ์ตับจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ ตามร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหรือร้านขายยา จะมีผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ดีท็อกซ์ตับโดยเฉพาะให้ได้ซื้อหามาใช้กัน แต่จริงๆ แล้วคุณสามารถทำเครื่องดื่มหรืออาหารดีท็อกซ์ตับเองก็ได้ ใช้แค่ไม่กี่วัตถุดิบ บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการให้คุณเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เกรปฟรุตกับดีเกลือฝรั่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การดีท็อกซ์ 24 ชั่วโมงนี้ จะช่วยขับพิษจากตับ รวมถึงขับนิ่วในถุงน้ำดีด้วย
    • ดีท็อกซ์แล้วช่วยลดหรือแก้ปัญหาสิวเรื้อรังไม่ยอมหาย เชื้อรา และอาการต่างๆ ของภาวะลำไส้รั่ว
    • ดีท็อกซ์ตับด้วยวิธีนี้ ต้องใช้ดีเกลือฝรั่ง (Epsom salts) น้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ (extra virgin) และเกรปฟรุตลูกใหญ่ 1 ลูก
  2. Watermark wikiHow to ดีท็อกซ์ตับด้วยเครื่องดื่มและอาหาร
    หลายวันก่อนจะเริ่มดีท็อกซ์ ให้กินแอปเปิ้ลเยอะๆ และดื่มน้ำแอปเปิ้ลให้ได้มากที่สุด เพื่อเตรียมตับให้พร้อมรับการดีท็อกซ์
    • วันสุดท้ายก่อนเริ่มดีท็อกซ์ ให้ดื่มน้ำแอปเปิ้ล 8 ออนซ์ ทุก 2 - 3 ชั่วโมง
    • เช้าวันที่จะเริ่มดีท็อกซ์ ให้กินอาหารเช้าเบาๆ และต้องไม่มีไขมัน เช่น สมูธตี้เพื่อสุขภาพ หรือซีเรียลโฮลเกรน พร้อมผลไม้
  3. Watermark wikiHow to ดีท็อกซ์ตับด้วยเครื่องดื่มและอาหาร
    ตอนบ่าย 2 ของวันที่เริ่มดีท็อกซ์ ให้ผสมดีเกลือฝรั่ง 4 ช้อนโต๊ะในน้ำ 3 ถ้วยตวง
    • จากนั้นเทน้ำเกลือลงในขวดโหลใหญ่ๆ หรือเหยือก แล้วแช่ตู้เย็นไว้ และอย่ากินอาหารอะไรหลังบ่าย 2 โมง
    • พอ 6 โมงเย็นให้ดื่มน้ำเกลือ 3/4 ถ้วยตวง ถ้ารสชาติเหลือรับ อนุโลมให้เติมวิตามินซีผงลงไปเล็กน้อย พอถึง 2 ทุ่ม ก็ให้ดื่มน้ำเกลืออีก 3/4 ถ้วยตวง
  4. Watermark wikiHow to ดีท็อกซ์ตับด้วยเครื่องดื่มและอาหาร
    พอ 3 ทุ่ม 45 นาที ให้คั้นน้ำเกรปฟรุตลูกใหญ่ 1 ลูก (จะได้น้ำเกรปฟรุตประมาณ 1/2 - 3/4 ถ้วยตวง) แล้วเทใส่ขวดโหลไว้
    • ผสมน้ำมันมะกอกลงไป 1/2 ถ้วยตวง ปิดฝา จากนั้นเขย่าแรงๆ จนเข้ากัน
    • ดื่มน้ำเกรปฟรุตผสมน้ำมันมะกอกนี้ (ใช้หลอดดูดก็ได้) แล้วเข้านอนทันที ขั้นตอนนี้สำคัญมากถ้าอยากดีท็อกซ์ให้ได้ผลดี
    • นอนตะแคงขวา โดยชันเข่าขวาขึ้นมาแนบอก ท่านี้อาจจะลำบากหน่อย แต่ขอให้พยายามนอนให้หลับ
  5. เช้าวันต่อมา ให้ดื่มน้ำเกลืออีก 3/4 ถ้วยตวงทันทีหลังตื่นนอน แล้วดื่มน้ำเกลือที่เหลือในอีก 2 ชั่วโมงถัดมา
    • พอผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง ก็กลับไปดื่มน้ำผลไม้ได้ และอีก 2 ชั่วโมง ค่อยกลับไปกินอาหารตามปกติ แต่ต้องเป็นน้ำและอาหารเบาๆ และดีต่อสุขภาพ
    • ถ้าถ่าย 1 - 2 ครั้งตอนเช้าวันที่ดีท็อกซ์ตับ ก็ถือว่าปกติ รวมถึงอาจจะมีก้อนสีเขียวๆ กลมๆ ปนมาในอึด้วย พวกนี้คือนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งถือว่าปกติ แปลว่าดีท็อกซ์ตับได้ผลดี (แต่หลายแหล่งก็ยังถกกันอยู่ ว่าตกลงเป็นนิ่วจริงหรือเป็นสารตกค้างจากเครื่องดื่มดีท็อกซ์ แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมและใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล) [1]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

น้ำแครนเบอร์รี่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สูตรนี้ใช้ดีท็อกซ์ตับและลำไส้ใหญ่ ช่วยขับของเสียเป็นพิษที่ตกค้าง ท้องจะได้ไม่อืด รู้สึกมีแรง ถ้าอยากลดน้ำหนักก็ทำได้ง่าย
    • ถ้าจะดีท็อกซ์ด้วยวิธีนี้ ต้องดื่มน้ำแครนเบอร์รี่แบบไม่เติมน้ำตาล ซินนามอน (อบเชย) ขิงบด จันทน์เทศ ส้ม 2 - 3 ลูก มะนาว 2 - 3 ลูก และหญ้าหวาน (stevia) หลายๆ ซอง
  2. ต้องเตรียมตับโดยกินอาหารดีมีประโยชน์ 7 วันก่อนเริ่มดีท็อกซ์ จะได้ไม่รู้สึกเพลีย เหนื่อย เฉื่อยชา ในวันที่ต้องดีท็อกซ์จริงๆ
    • กินผักใบเขียวเยอะๆ (ผักกาดหอม, กะหล่ำปลี, ผักเคล) ผักตระกูลกะหล่ำ (บร็อคโคลี่, กะหล่ำดอก, กะหล่ำดาว) ผลไม้รสเปรี้ยว อาหารที่อุดมซัลเฟอร์ (ไข่, กระเทียม และหัวหอม) และอาหารที่ช่วยซ่อมแซมตับ (หน่อไม้ฝรั่ง, หัวบีท, ขึ้นฉ่าย)
    • ดื่มน้ำเยอะๆ (72 ออนซ์ของเหลวต่อวัน หรือประมาณ 9 ถ้วยตวง) และงดอาหารไขมันสูงหรืออาหารสำเร็จรูป ที่ผ่านกระบวนการ ไปจนถึงคาร์โบไฮเดรตขัดสีและกลูเต็น นอกจากนี้ให้งดดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และยาต่างๆ ที่ไม่จำเป็น
  3. Watermark wikiHow to ดีท็อกซ์ตับด้วยเครื่องดื่มและอาหาร
    ในเช้าของวันที่จะดีท็อกซ์ ให้ทำน้ำแครนเบอร์รี่ ขั้นแรกให้เจือจางน้ำแครนเบอร์รี่แบบไม่ผสมน้ำตาลกับน้ำกรอง ให้เหลือความเข้มข้นแค่ 1/4 น้ำแครนเบอร์รี่ที่ได้ต้องมีปริมาณ 72 ออนซ์ของเหลว หรือประมาณ 9 ถ้วยตวง เทน้ำแครนเบอร์รี่ลงในหม้อแบบมีด้ามจับ แล้วยกขึ้นตั้งไฟกลางจนพอเดือด
    • เติมอบเชยบด ขิงบด และจันทน์เทศบด อย่างละ 1 ช้อนชา ลงใน tea ball หรือลูกบอลกรองชา แล้วใส่ในน้ำแครนเบอร์รี่ที่กำลังเดือด ถ้าอยากได้สูตรเข้มข้น ก็ให้ใส่เครื่องเทศต่างๆ ลงในน้ำแครนเบอร์รี่โดยตรง จากนั้นเคี่ยวต่อประมาณ 15 - 20 นาที แล้วยกลงจากเตามาพักไว้ให้เย็น
    • พอน้ำแครนเบอร์รี่เย็นแล้ว ให้คั้นน้ำส้มกับน้ำมะนาวใส่ลงไป ชิมรส ถ้าอยากให้ออกหวาน ก็เติมหญ้าหวานลงไป 1 - 2 ซอง
  4. Watermark wikiHow to ดีท็อกซ์ตับด้วยเครื่องดื่มและอาหาร
    วันที่เริ่มดีท็อกซ์ ให้ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ทีละ 1 แก้ว (8 ออนซ์)
    • ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่สลับกับน้ำกรองธรรมดาตลอดวัน จนดื่มได้อย่างน้อย 72 ออนซ์ของเหลว (9 ถ้วยตวง) ทั้ง 2 อย่าง บอกกันตรงนี้เลยว่าลุกไปเข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่นแน่!
    • ควรกินอาหารเสริมดูแลลำไส้ใหญ่ (เช่น ผงเทียนเกล็ดหอย (psyllium husks) 2 ช้อนชา หรือเมล็ดแฟลกซ์ (ลินิน) บด 2 ช้อนโต๊ะ) 2 ครั้งต่อวันร่วมด้วย (เช้า-เย็น)
  5. ช่วง 3 วันหลังดีท็อกซ์ ให้กินอาหารตามที่แนะนำช่วง 1 อาทิตย์ก่อนดีท็อกซ์ ไม่งั้นจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร
    • นอกจากนี้ให้เพิ่มแบคทีเรียดีในมื้ออาหารด้วย เช่น กะหล่ำปลีดอง (sauerkraut) แบบออร์แกนิก หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ (live, active cultures) [2]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนนิยมใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (apple cider vinegar) ดีท็อกซ์ตับและขับสารพิษจากเลือดกันมายาวนาน
    • ประโยชน์ของการดีท็อกซ์ตับด้วยวิธีนี้ยังมีอีกคือ ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น แถมห่างไกลสิว
    • จะดีท็อกซ์ตับด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเห็นผลดี ก็ต่อเมื่อกินอาหารครบหมู่ด้วย
  2. ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแท้ๆ ที่ไม่ผ่านการกรอง. เพราะมีสารอาหารสูงกว่า
    • เขย่าขวดก่อนเท ตะกอนจะได้ไม่นอนก้น ที่เห็นขุ่นๆ ที่ก้นขวดคือ "mother" หรือหัวเชื้อ เป็นส่วนอุดมสารอาหารที่สุดของน้ำส้มสายชู
  3. Watermark wikiHow to ดีท็อกซ์ตับด้วยเครื่องดื่มและอาหาร
    เป็นวิธีดีท็อกซ์ตับที่ทำได้ทุกวัน ต่อเนื่องในระยะยาว และไม่ต้องอดอาหารก่อนแต่อย่างใด
    • วิธีใช้ก็คือผสมน้ำส้มสายชู 2 - 3 ช้อนชากับน้ำ 8 ออนซ์ จากนั้นดื่มก่อนอาหารทุกมื้อ
    • หรือผสมน้ำส้มสายชู 1 - 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำแก้วใหญ่ๆ แล้วดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน ตอนท้องว่าง
  4. นอกจากใช้ดื่มแล้ว คุณยังผสมน้ำส้มสายชูในอาหารแบบอื่นๆ ได้ด้วย เช่น
    • ชงชา โดยผสมน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำร้อน แล้วเติมน้ำผึ้งเพิ่มความหวาน
    • ทำน้ำสลัด โดยผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำมันแฟล็กซีดกับน้ำผึ้ง [3]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

อาหารดีท็อกซ์ตับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ช่วงดีท็อกซ์ตับ แนะนำให้เพิ่มกระเทียมเข้าไปในอาหารแต่ละมื้อ เพราะจะไปกระตุ้นเอนไซม์ในตับ ยิ่งช่วยขับสารพิษ นอกจากนี้กระเทียมยังมี 2 สารประกอบตามธรรมชาติ ชื่อ allicin กับ selenium ที่ช่วยให้ตับทำงานดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น [4]
  2. เช่น ปวยเล้ง ผักเคล ผักสลัดร็อคเก็ต ใบแดนดิไลออน และผักชิโครี่ พวกนี้ช่วยดีท็อกซ์ตับได้ดีมีประโยชน์หลายอย่าง ช่วยกำจัดโลหะหนัก ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าหญ้า (ที่อันตรายต่อตับมาก) นอกจากนี้ยังกระตุ้นการสร้างและการไหลเวียนของน้ำดี
  3. เพราะมีโปรตีนพิเศษชื่อ glutathione ซึ่งจะไปยึดเกาะกับสารพิษ แล้วกำจัดออกมาจากร่างกาย จะกินเกรปฟรุตทั้งลูก หรือดื่มน้ำเกรปฟรุตคั้นสดสักแก้วตอนมื้อเช้าก็ได้ นอกจากช่วยดีท็อกซ์ตับแล้วยังเพิ่มวิตามินซี เพกติน (pectin) และสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกาย
  4. เพราะมี glutathione สูง glutathione ก็คือสารประกอบที่ช่วยปกป้องตับจากสารพิษต่างๆ ให้ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ บางงานวิจัยก็แนะนำว่า ถ้ากินอะโวคาโด 1 - 2 ลูกต่ออาทิตย์ ติดต่อกันอย่างน้อย 30 วัน จะช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูตับได้ [5]
  5. เพราะมี glutathione, กรดอะมิโนชื่อ l-arginine และกรดไขมันโอเมก้า-3 ทั้งหมดนี้ช่วยดีท็อกซ์ตับ ลดแอมโมเนีย เพราะถ้าสูงจะเกิดได้หลายโรค ง่ายๆ แค่เคี้ยววอลนัท 1 กำมือแทนของว่าง หรือใช้โรยหน้าสลัดก็ได้ [6]
  6. ขมิ้น/ขมิ้นชัน (turmeric) เป็นเหมือนสุดยอดอาหารดีท็อกซ์ตับ เพราะช่วยปกป้องตับจากสารพิษต่างๆ และช่วยเรื่องสร้างเซลล์ตับทดแทน นอกจากนี้ยังกระตุ้นการสร้างน้ำดี เสริมสร้างการทำงานของถุงน้ำดี ซึ่งเป็นอีกอวัยวะที่ช่วยกรองสารพิษจากร่างกาย ลองเติมขมิ้นในแกงถั่วหรือสตูผักดู จะได้อร่อยและดีท็อกซ์ตับไปในตัว
  7. มีอาหารและส่วนผสมบางอย่างที่สร้างภาระให้กับตับ ทำให้สารพิษสะสมในตับ ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาหารที่ว่าก็เช่น อาหารที่ผ่านกระบวนการ อาหารมันๆ อย่างเนื้อสัตว์ที่ผ่านการถนอมอาหาร (ไส้กรอก หรือเนื้อกระป๋อง) อาหารทอดแบบน้ำมันท่วม (deep fried) มาร์การีน (เนยเทียม) และน้ำมันพืชเติมไฮโดรเจน รวมถึงอาหารที่แต่งรสใส่สี
  8. มีอาหารเสริมที่ทำจากสมุนไพรหลายอย่าง ที่ช่วยดีท็อกซ์และฟื้นฟูตับ ตัวที่ดังๆ ก็เช่น กรดมาลิก, โกโบ, รากแดนดิไลออน และ milk thistle (ตระกูลเดซี่) พวกนี้หาซื้อได้ทั้งตามร้านขายยาและในเน็ต แต่ต้องทำตามคำแนะนำการใช้งานและคำเตือนอย่างเคร่งครัด [7]
  9. ชาสมุนไพรบางชนิด ว่ากันว่าช่วยขับพิษและไขมันที่สะสมในตับได้ รวมถึงเพิ่มระดับน้ำในร่างกายด้วย ชาที่เหมาะจะใช้ดีท็อกซ์ตับ ควรมีส่วนผสมอย่างรากแดนดิไลออน ขิง กานพลู รากโกโบ คาโมไมล์ ซินนามอน (อบเชย) และหญ้าหางม้า พยายามดื่มชาสมุนไพรให้ได้วันละ 2 ถ้วยขึ้นไป ถ้าอยากเติมความหวาน ให้ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณหาซื้อน้ำมันแฟล็กซ์สกัดเย็น, แลคโตบาซิลลัส acidophilus, กรดอะมิโน Ornithine ในรูปของแคปซูล และ Milk Thistle (ตระกูลเดซี่) ได้ตามแผนกขายสินค้าสุขภาพ หรือง่ายที่สุดคือออนไลน์
  • แนะนำให้ดีท็อกซ์ลำไส้ใหญ่และไตก่อนดีท็อกซ์ตับ เพราะตอนดีท็อกซ์ตับ จะมีการขับสารพิษปริมาณมากออกจากกระแสเลือด ไตที่คอยกรองต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด จะได้กรองและขับสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนลำไส้ใหญ่ก็มีหน้าที่ล้างสารพิษร่วมด้วย
  • พยายามหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงและยา acetaminophen
  • เวลาผสมสูตรดีท็อกซ์ตับ จะผสม Milk Thistle ในรูปของแคปซูลหรือแบบน้ำ ให้ผสมแบบแคปซูล 120 มก. ทั้งหมด 2 แคปซูล หรือหยดแบบน้ำ 5 หยดในส่วนผสมที่จะใช้ดีท็อกซ์ Milk Thistle จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอเพราะสารพิษที่ร่างกายรับเข้าไป
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,094 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา