ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การรู้ว่าตัวเองกำลังจะตายเป็นเรื่องน่ากลัวมากๆ แต่ไม่ได้มีแค่คุณที่กลัว คุณคงอยากให้ประสบการณ์การตายของคุณเป็นไปอย่างเรียบง่ายและทรมานน้อยที่สุด และโชคดีที่คุณสามารถจัดการกับความเจ็บปวดและความรู้สึกไม่สบายตัวได้เพื่อให้คุณเผชิญหน้ากับความตายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้คุณควรหันมาทำให้ตัวเองรู้สึกสบายและใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ ด้วย และสุดท้ายให้ดูแลความต้องการทางอารมณ์ของตัวเองเพื่อให้ใจของคุณสงบ

หมายเหตุ : บทความนี้พูดถึงการดูแลตัวเองในระยะสุดท้ายของชีวิต ถ้าคุณมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ให้อ่าน บทความนี้ หรือโทรไปที่สายด่วนสุขภาพจิต เบอร์ 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ทำให้ตัวเองรู้สึกสบาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้วันเวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตในที่ที่คุณรู้สึกสบายมากที่สุด. ถ้าคุณเลือกได้ ให้ใช้วันเวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตที่บ้านกับครอบครัว หรือในสถานที่ที่คุณสบายใจ พูดคุยกับทีมรักษาหรือครอบครัวเกี่ยวกับตัวเลือกที่คุณมี จากนั้นให้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง [1]
    • ถ้าคุณอยู่ที่โรงพยาบาล ขอให้ครอบครัวและเพื่อนๆ เอาของที่ทำให้คุณอุ่นใจจากบ้าน เช่น ภาพถ่าย ผ้าห่ม หรือหมอนมาให้
  2. ใช้เวลาทำในสิ่งที่คุณอยากทำ ถ้าคุณมีแรง ให้ทำอะไรสนุกๆ แต่ถ้าคุณเหนื่อย ก็ให้ดูรายการที่ชอบหรืออ่านหนังสือ [2]
    • เช่น ถ้าคุณรู้สึกกะปรี้กะเปร่า คุณก็อาจจะเล่มบอร์ดเกมกับน้องสาว หรือพาสุนัขไปเดินเล่น
  3. เพลงสามารถทำให้หัวใจพองโตและอาจจะทำให้คุณเจ็บปวดน้อยลงได้ เลือกเพลงที่คุณชอบที่สุดหรือทำให้คุณนึกถึงช่วงเวลาดีๆ จากนั้นเปิดเพลงให้บ่อยที่สุดเพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้น [3]

    เคล็ดลับ: คุณอาจจะใช้อุปกรณ์ฟังเพลงสั่งจากเสียงที่เล่นเพลงได้ตามที่คุณสั่ง ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไร ให้ถามคนในครอบครัวหรือเพื่อนให้เขามาติดตั้งให้

  4. คุณอาจจะเหนื่อยเร็วซึ่งเป็นเรื่องปกติ อย่าฝืนตัวเองให้ทำมากกว่าที่ทำไหวในตอนนี้ ให้เวลาตัวเองพักผ่อนเยอะๆ เพื่อที่คุณได้สนุกสนานกับช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ [4]
    • เช่น คุณอาจจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่บนเก้าอี้เอนหรือไม่ก็บนเตียงก็ได้
  5. คุณอาจจะมีปัญหากับการปรับร่างกายให้เข้ากับอุณหภูมิ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็ควรจะมีผ้าห่มหลายๆ ผืนไว้ห่มหรือเอาออกได้ตามต้องการ คุณต้องมีผ้าห่มไว้ใกล้ๆ เสมอเผื่อคุณหนาว [5]
    • อย่าใช้ผ้าห่มที่มีเครื่องทำความร้อนเพราะมันอาจจะร้อนหรือลวกตัวคุณได้
    • ถ้าคุณมีคนดูแล ให้ขอให้เขาช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวขึ้น
  6. ขอให้คนอื่นช่วยเรื่องงานบ้านเพื่อไม่ให้คุณต้องทำงานหนักเกินไป. พยายามอย่าไปกังวลกับงานบ้านจำพวกการทำอาหารหรือทำความสะอาด แต่ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแล เพื่อนๆ หรือครอบครัวในการทำสิ่งต่างๆ และคุณควรกระจายหน้าที่ให้หลายๆ คนมากกว่าเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย [6]
    • ถ้ามีงานบางอย่างไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ความสบายและการพักผ่อนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

บรรเทาความเจ็บปวดหรือความไม่สบายตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปรึกษาแพทย์เรื่องการดูแลแบบประคับประคองเพื่อจัดการกับความเจ็บปวด. คุณอาจจะได้รับการดูแลแบบประคับประคองอยู่แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย! การดูแลแบบประคับประคองช่วยจัดการกับความเจ็บปวดและอาการอื่นๆ ที่มากับความเจ็บป่วยในทุกขั้นตอนของการรักษา ถ้าคุณไม่ได้รับการดูแลแบบประคับประคองอยู่แล้ว ให้ขอให้แพทย์ส่งตัวคุณไป [7]
    • คุณจะได้ทำงานร่วมกับแพทย์ พยาบาล และผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขอื่นๆ ในการบรรเทาอาการเจ็บปวดและรับมือกับอาการอื่นๆ
  2. เตรียมหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายเพื่อให้คนอื่นทำตามความปรารถนาของคุณ. หนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรที่อธิบายว่า คุณต้องการการดูแลในวาระสุดท้ายของชีวิตแบบไหน รวมไปถึงว่าคุณอยากได้รับการรักษาแบบไหน คุณอยากให้มีมาตรการยื้อชีวิตไหม และคุณอยากให้เป็นอย่างไรต่อหากคุณกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ให้สำเนาหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายแก่แพทย์ ทีมรักษา และสมาชิกในครอบครัวไว้ [8]
    • ขอให้คนที่คุณไว้ใจช่วยคุณพิมพ์หนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้าย จากนั้นเขาก็จะทำให้มันมีผลตามกฎหมายและอาจจะให้ทนายความอ่านถ้าจำเป็น
  3. ขอให้แพทย์จ่ายยาแก้ปวดให้เพื่อให้คุณรู้สึกสบายขึ้น. คุณน่าจะต้องใช้ยาแก้ปวดตามแพทย์สั่งเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย เพราะฉะนั้นให้ลองปรึกษาแพทย์ จากนั้นให้รับประทานยาตามวิธีใช้ โดยทั่วไปแพทย์จะสั่งให้คุณรับประทานยาเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อไม่ให้อาการปวดแย่ลง [9]
    • คุณอาจจะต้องรับประทานยาแก้ปวดก่อนที่มันจะกลับมาปวดอีกครั้ง เพราะการป้องกันไม่ให้ปวดนั้นง่ายกว่าการทำให้ความปวดหายไป
    • ถ้ารับประทานยาแก้ปวดแล้วไม่หาย ให้ปรึกษาแพทย์ แพทย์อาจจะจ่ายยาที่แรงกว่าให้ เช่น มอร์ฟีน

    รู้หรือไม่ เวลาที่คุณจัดการกับอาการปวดในช่วงสุดท้ายของชีวิต คุณไม่ต้องกังวลว่าจะติดยาแก้ปวด และคุณสามารถรับประทานยาได้บ่อยเท่าที่แพทย์บอกว่าปลอดภัย

  4. ตอนนี้คุณอาจจะนอนพักผ่อนเป็นเวลานานๆ เพราะฉะนั้นให้นอนลงบ่อยๆ ตามต้องการ และเปลี่ยนท่านอนทุกๆ 30 นาที - 1 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้เป็นแผลกดทับ นอกจากนั้นก็อาจจะใช้หมอนกับหมอนอิงมาหนุนเพื่อให้รู้สึกสบายขึ้น [10]
    • ขอความช่วยเหลือถ้าคุณมีปัญหาในการเปลี่ยนท่านอน คุณอาจจะรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงซึ่งเป็นเรื่องปกติ ซึ่งผู้ดูแล เพื่อนๆ และครอบครัวก็ยินดีที่จะช่วยเหลือคุณ
  5. แก้ปัญหาเรื่องการหายใจด้วยการนั่งและเปิดพัดลมหรือเครื่องเพิ่มความชื้น. คุณอาจจะมีปัญหาเรื่องการหายใจ ซึ่งทำให้รู้สึกไม่สบายตัวมากๆ แต่คุณอาจจะหายใจได้ง่ายขึ้นถ้าคุณนอนพิงหมอนสามเหลี่ยมหรือนอนบนเตียงปรับได้เพื่อยกช่วงตัวบนขึ้น นอกจากนี้ก็ให้เปิดหน้าต่างหรือพัดลมเพื่อให้อากาศถ่ายเท หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือเปิดเครื่องเพิ่มความชื้นเพื่อให้อากาศชื้น ซึ่งจะช่วยให้ทางเดินหายใจดีขึ้น [11]
    • ภาษาทางการแพทย์เรียกว่าการหายใจลำบาก ถ้าคุณหายใจติดขัดแพทย์อาจจะสั่งยาแก้ปวดหรือออกซิเจนให้เพื่อให้คุณสบายตัวขึ้น
  6. ขอให้แพทย์จ่ายยาแก้คลื่นไส้หรือแก้ท้องผูกให้ถ้าจำเป็น. คุณอาจจะมีปัญหาเรื่องท้องไส้อย่างเช่นอาการคลื่นไส้หรือท้องผูก ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ก็ไม่ต้องฝืนรับประทานอาหารถ้าไม่อยาก นอกจากนี้ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง [12]
    • แพทย์อาจจะให้คำแนะนำกับคุณเพื่อช่วยไม่ให้คุณคลื่นไส้หรือท้องผูก
  7. ทาโลชั่นปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันผิวแห้งระคายเคือง. ผิวของคุณอาจจะแห้งมากๆ ได้ซึ่งก็อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บ และในบางครั้งผิวของคุณอาจจะถึงขั้นแตกเลยก็ได้ แต่โชคดีที่คุณสามารถป้องกันได้ด้วยการทาโลชั่นปราศจากแอลกอฮอล์อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง คุณจะใช้มือทาด้วยตัวเองหรือขอให้คนอื่นทาให้ก็ได้ [13]
    • ทาโลชั่นอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าผิวแห้ง เช่น คุณอาจจะทาโลชั่นลงบนมือหลังจากล้างมือ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้เวลากับเพื่อนๆ และครอบครัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การอยู่กับครอบครัวและเพื่อนๆ ทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น แต่พวกเขาก็อาจจะไม่ได้มาหาบ่อยเท่าที่คุณอยากให้มาเพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าคุณต้องการอะไร โทรศัพท์ ทักแชต หรือส่งข้อความไปบอกพวกเขาว่าคุณอยากให้พวกเขามาหา ระบุเวลาที่เหมาะจะมาเยี่ยมและชวนให้พวกเขามาหา [14]
    • บอกว่า “ตอนนี้ฉันอยากเจอครอบครัวมากเลย มาหาฉันตอนมื้อเย็นนะ เราจะได้คุยกัน อาทิตย์นี้เธอว่างวันไหนล่ะ”

    ทางเลือกอื่น: หรือคุณอาจจะอยากอยู่คนเดียวเพื่อพักผ่อนหรือขบคิดก็ได้เช่นกัน บอกคนอื่นว่าคุณต้องการพื้นที่และขอให้พวกเขาปล่อยคุณไว้ตามลำพังสักพัก [15]

  2. การเล่าความรู้สึกของตัวเองออกมาจะช่วยให้ใจคุณสงบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ครอบครัวและเพื่อนๆ มีความทรงจำดีๆ ที่จะอยู่ในใจเขาไปอีกนานแสนนานด้วย เขียนรายการคนที่คุณอยากคุยด้วยก่อนจากไป จากนั้นก็เริ่มติ๊กถูกทีละคน [16]
    • เช่น บอกครอบครัวและเพื่อนๆ ว่าคุณรักพวกเขาแค่ไหน
    • พูด “ขอบคุณ” กับทุกคนที่คุณต้องขอบคุณ
    • ให้อภัยคนที่เคยทำให้คุณเจ็บปวดในอดีต
    • ขอโทษให้กับความผิดพลาดที่คุณเคยทำ
  3. ระบุความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ทำให้ชีวิตของคุณมีความหมาย. ทบทวนชีวิตและความทรงจำที่ดีที่สุด พูดคุยกับเพื่อนๆ และญาติๆ เรื่องประสบการณ์ต่างๆ และบอกเขาว่ามันมีความหมายกับคุณอย่างไร ถ้าทำได้ให้ดูภาพถ่ายเพื่อช่วยให้คุณจำได้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิตของคุณ [17]
    • วิธีนี้จะช่วยให้คุณตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วชีวิตคุณได้รับการเติมเต็มและมีความหมายมากแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกสงบได้
  4. ระบุกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่คุณยังสามารถทำได้ในช่วงวันท้ายๆ ของชีวิต จากนั้นติดต่อเพื่อนๆ หรือครอบครัวเพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น อย่าไปเครียดกับการติ๊กถูกมากนัก แค่สนุกสนานไปกับช่วงเวลาที่มีด้วยการทำในสิ่งที่ทำได้ [18]
    • เช่น ขับรถไปเที่ยวที่เขาเสือ จังหวัดชลบุรี ไปดูพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวเนินนางพญา จังหวัดจันทบุรี หรือไปล่องเรือสำราญ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

รับมือกับความเจ็บปวดทางอารมณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณเศร้า ให้พูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร. คุณอาจจะมีความกลัวหรือความกังวลที่กวนใจคุณ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ พูดคุยกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวว่าคุณรู้สึกอย่างไร จากนั้นขอคำแนะนำหรือแค่ขอให้เขาปลอบคุณ [19]
    • คุณอาจจะพูดว่า “ฉันกังวลว่าใครจะดูแลหมาของฉันหลังจากฉันตาย เธอมีคำแนะนำไหม” หรือ “ฉันกลัวว่าฉันจะต้องกลับไปโรงพยาบาลอีก ฉันขอระบายหน่อยได้ไหม”
  2. ทำงานร่วมกับที่ปรึกษาหรือนักบำบัดหากคุณไม่สามารถยอมรับเรื่องความตายได้. คุณอาจจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับคำวินิจฉัยทางการแพทย์หรือเรื่องที่คุณกำลังจะตาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆ และที่ปรึกษาช่วยคุณได้ หานักบำบัดที่มีประสบการณ์เรื่องปัญหาในวาระสุดท้ายของชีวิตหรือขอให้แพทย์แนะนำให้ [20]
    • ถ้าคุณอยู่ในการดูแลแบบประคับประคอง ในทีมรักษาก็อาจจะมีนักบำบัดอยู่แล้ว ให้พูดคุยกับพวกเขาถ้าคุณต้องการคำปรึกษา
    • การนัดพบนักบำบัดอาจรวมอยู่ในประกันสุขภาพอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสอบสิทธิประโยชน์ด้วย

    เคล็ดลับ: คุณอาจจะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเริ่มพบนักบำบัดในตอนนี้ แต่ความรู้สึกของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การพูดคุยกับนักบำบัดอาจช่วยให้วันท้ายๆ ของชีวิตคุณสงบขึ้น เพราะฉะนั้นการเข้าพบนักบำบัดจึงช่วยคุณได้

  3. ขอให้ผู้นำทางจิตวิญญาณมาพบคุณอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง. เป็นเรื่องปกติที่คุณจะตั้งคำถามเกี่ยวกับศรัทธาหรือความกังวลเรื่องชีวิตหลังความตาย เข้าร่วมชุมชนทางจิตวิญญาณหรือศาสนาเพื่อพูดคุยถึงคำถามใหญ่ๆ และยุติข้อโต้แย้งกับศรัทธาของตัวเอง ผู้นำทางจิตวิญญาณสามารถให้คำตอบ มิตรภาพ และความสบายใจได้ [21]
    • คุณอาจจะเชิญผู้นำทางจิตวิญญาณมาเยี่ยมมากกว่า 1 คนเพื่อที่คุณจะได้พบพวกเขาบ่อยขึ้น
    • ถ้าคุณเหินห่างจากศรัทธาของคุณมานานแล้ว ให้ขออภัยและทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามความเชื่อของคุณ

    เคล็ดลับ: ชวนสมาชิกในชุมชนทางจิตวิญญาณมาพูดคุยกับคุณเรื่องศรัทธาหรือมาสวดมนต์กับคุณ

  4. ตอนนี้คุณอาจจะทรมานมาก แต่การฆ่าตัวตายไม่ใช่การแก้ปัญหา ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เห็นว่าตัวเองจะคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ แต่เชื่อเถอะว่ายังมีหวังอยู่ พูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ ไปที่โรงพยาบาล หรือโทรหาสายด่วนสุขภาพจิตเพื่อขอความช่วยเหลือ [22]
    • ถ้าคุณคิดเรื่องฆ่าตัวตายและต้องการความช่วยเหลือทันที ให้โทรหาสายด่วนสุขภาพจิต เบอร์ 1323 อะไรๆ จะดีขึ้น!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือที่คุณต้องการ ครอบครัวและเพื่อนๆ รักคุณและอยากให้คุณได้รับความช่วยเหลือที่คุณต้องการ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 35,629 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา