ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ขนมปังอบสดใหม่ถือเป็นความสุขเล็กๆ อย่างหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ และมันยังทำง่ายกว่าที่คุณคิดไว้อีกด้วย คุณสามารถทำขนมปังฝรั่งเศสกรุบกรอบ ขนมปังแถวสำหรับแซนด์วิช รวมถึงขนมปังหวานแสนอร่อยโดยใช้เวลาไม่นาน ด้วยวิธีที่แสนสบายต่อเงินในกระเป๋า และยังทำให้บ้านของคุณตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอบใหม่ของขนมปังแสนหอมกรุ่น ไม่ว่าใครก็สามารถทำขนมปังด้วยส่วนผสมไม่กี่อย่างและรู้ขั้นตอนอีกเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ทำขนมปังฝรั่งเศสแบบพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สำหรับขนมปังฝรั่งเศสแบบพื้นฐาน สิ่งที่คุณต้องการมีดังต่อไปนี้:
    • แป้งอเนกประสงค์ 6 ถ้วย
    • เกลือ 1 ช้อนชา
    • น้ำอุ่น 2 ถ้วย
    • ยีสต์ 3 ช้อนชา หรือ 1 ซอง
  2. ผสมยีสต์กับน้ำอุ่น (37.7- 43.3˚C) ¼ ถ้วยลงในถ้วยหรือชามใบเล็ก อุณหภูมิของน้ำควรแตะแล้วอุ่น แต่ไม่ถึงกับร้อน ถ้าน้ำร้อนเกินไป ยีสต์อาจตายได้ แต่ถ้าเย็นเกินไป ยีสต์ก็จะไม่ถูกปลุกพอให้ขนมปังฟูขึ้นมาได้ มันควรอุ่นพอที่จะจุ่มนิ้วลงไปได้โดยไม่รู้สึกว่าร้อนจนทนไม่ไหว
    • หลังจากผ่านไปนาทีสองนาที ส่วนผสมจะเริ่มข้นขึ้น มีฟองผุดขึ้น และกลิ่นค่อนข้างคล้ายเบียร์ ถ้ามันเริ่มมีฟองอากาศขึ้นและส่วนผสมเริ่มข้นเหนียว แปลว่ายีสต์ได้ถูกปลุกขึ้นแล้ว และพร้อมกับการนำไปใช้
    • ถ้าคุณใช้ยีสต์ยี่ห้อ "Rapid Rise" หรือพวกยีสต์ที่ปลุกตัวเองได้ (ยีสต์แห้ง) ก็ไม่จำเป็นต้องปลุกยีสต์ก่อนที่จะใส่แป้ง ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
  3. ชามต้องใหญ่พอที่จะใส่แป้งและน้ำลงไปได้ครั้งเดียวหมด และคนผสมให้นวลเนียนเข้ากันได้อีกด้วย โดยควรใช้ช้อนไม้ที่แข็งแรงในการผสม เมื่อผสมส่วนผสมแห้งเข้ากันดีแล้ว ใส่ยีสต์ลงไปได้เลย ไม่ว่าจะใช้ยีสต์แห้งหรือส่วนผสมของยีสต์ที่ปลุกแล้วก็ตาม จากนั้นก็คนให้เข้ากันกับแป้ง
    • อีกทางหนึ่ง คุณสามารถผสมแป้งโดว์ในเครื่องผสมอาหารไฟฟ้าทั่วไป หรือยี่ห้อ KitchenAid ที่มันมีหัวตะขอให้เปลี่ยนได้ในการผสมแป้งโดว์ อย่างไรก็ตาม มันก็แค่ขั้นตอนสั้นๆ ในการทำขนมปังฝรั่งเศสเท่านั้นแหละ ฉะนั้นมันจะง่ายกว่าถ้าใช้มือนวดเอา ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เครื่องผสม เพราะอย่างไรมือคุณก็ต้องเปื้อนอยู่แล้ว
  4. ค่อยๆ เทน้ำลงไปในชามด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่คนแป้งด้วยช้อนไม้โดยใช้มือข้างที่เหลือ คุณกำลังจะต้องขึ้นแป้งโดว์และให้ส่วนผสมทั้งหมดรวมเข้ากันเพื่อให้มันนำไปทำเป็นขนมปังได้ ฉะนั้นการให้ช้อนคนอยู่ตลอดนั้นสำคัญมาก ถ้ามีใครสักคนมาช่วยเทน้ำใส่เวลาคุณคนอยู่ก็จะเป็นอะไรที่ดีมาก หรือจะทำกลับกันก็ได้
    • ปริมาณน้ำที่ต้องนำมาใส่ในแป้งโดว์นั้นค่อนข้างไม่แน่นอน (ควรใช้ให้น้อยกว่าในอากาศที่ร้อนชื้น) แต่คุณก็จะทำเป็นเองเมื่อได้ลองฝึกดู ให้ค่อยๆ เทน้ำลงไปช้าๆ และคนไปด้วย พลางมองดูแป้งโดว์ที่รวมตัวกัน เมื่อส่วนผสมของขนมปังในชามเริ่มเข้ากัน ก็ควรหยุดเทน้ำต่อ
    • จุ่มมือทั้งสองข้างลงไปในชาม (ทาแป้งที่มือก่อนนะ) แล้วดึงแป้งโดว์ให้เข้ากัน ดันส่วนที่เป็นแป้งเปียกเข้าไปในก้อนแป้งแล้วเริ่มนวดแป้งโดว์ในชามก่อนที่จะนำมันออกจากชาม
  5. นำแป้งโดว์มาวางไว้บนพื้นสำหรับนวดแป้งที่มีแป้งโรยอยู่. ทิ้งเอาไว้อย่างน้อยห้านาที ในขั้นตอนนี้เส้นใยกลูเตนจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ทำให้ขนมปังมีรสสัมผัสเคี้ยวนุ่ม ซึ่งเส้นใยจะสร้างขึ้นไม่ว่าคุณจะนวดแป้งหรือไม่ ฉะนั้นการทิ้งให้กลูเตนทำงานสักหน่อยจะทำให้นวดได้ง่ายกว่า ทำให้นวดแล้วแป้งขนมปังเข้ากันมากกว่า
    • ในขณะเดียวกัน ให้ล้างทำความสะอาดชามผสมเลย ก่อนที่จะใช้ชามไว้พักแป้งโดว์ให้ขึ้นฟู
  6. การนวดในขั้นต้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมแป้งโดว์ คุณต้องกดนวดลงไปแน่นๆ อย่างน้อย 5-10 นาที หรือจนกว่าแป้งโดว์จะนุ่ม ผิวหน้าของมันควรนุ่มและดูเท่ากัน ไม่ดูเหนียวหรือเป็นก้อนจุดๆ ถ้าผิวแป้งดูแตกเหมือนดวงจันทร์ ให้นวดต่อไป และโรยแป้งเพิ่มหากจำเป็น
    • อาจต้องใช้ความชำนาญในการนวดให้ถูกท่า แต่มันก็เหมือนกับคำแนะนำของมิยากิในภาพยนตร์เรื่องคาราเต้คิดนั่นแหละ คือการหมุนมือซ้ายทวนเข็มนาฬิกา และหมุนมือขวาตามเข็มนาฬิกานั่นเอง คุณต้องดันแป้งโดว์ออกไปแรงๆ กลิ้งมันให้ห่างจากตัวคุณ แล้วก็พับมันขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าแป้งโดว์จะเจ็บ นวดดันผ่านแป้งโดว์ไปสัมผัสกับโต๊ะ ดันแป้งไปข้างหน้าแล้วม้วนแป้งพับขึ้น
    • ขอให้แน่ใจว่ามือคุณเต็มไปด้วยแป้ง และแป้งโดว์ไม่ติดกับพื้นที่เอาไว้นวด ด้วยการโรยแป้งเอาไว้บางๆ ถ้าแป้งโดว์ดูแฉะๆ ให้โรยแป้งลงไปบนผิวแป้งโดว์เพิ่มอีกแล้วก็จัดการนวดต่อ
  7. วางแป้งโดว์กลับเข้าไปในชามหลังจากที่ความสะอาดเรียบร้อยแล้ว (หรืออย่างน้อยแค่ล้างน้ำก็ยังดี) แล้วห่อไว้ด้วยแรปพลาสติก หรือผ้าขนหนู จากนั้นวางเก็บไว้ในที่ที่อุณหภูมิอุ่น แต่ไม่ถึงกับร้อน อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 21.1-23.8 องศาเซลเซียส เพื่อพักให้แป้งโดว์ได้ขึ้นฟู
    • ถ้าบ้านของคุณมีอุณหภูมิที่ต่ำ หรือจะอบขนมปังระหว่างหน้าหนาวแล้วล่ะก็ ที่พักแป้งโดว์ที่ดีคือบนหรือในเตาอบขณะที่ปิดอยู่ ปล่อยให้โคมไฟเล็กๆ ในนั้นทำให้แป้งโดว์ฟูขึ้นเอง
  8. คุณไม่จำเป็นต้องนวดแป้งโดว์ในเวลาไล่เลี่ยนี้ตราบใดที่คุณทำไปแล้วก่อนที่จะพักแป้งโดว์เอาไว้ หมุนพลิกไปมาสักสองสามครั้งบนพื้นที่โรยแป้ง แล้วใส่กลับเข้าไปในชามเพื่อทำการพักครั้งที่สอง จากนี้ก็เหลือแค่การปั้นมันขึ้นมาใหม่เป็นรูปร่างอย่างในตอนแรก มันใช้เวลาไม่นานหรอก และแป้งโดว์จะปั้นได้ง่ายขึ้นอีกมากเลยล่ะ เพราะเนื้อมันจะนุ่มแล้วก็เนียนขึ้น [1]
  9. มีความเห็นต่างกันหลากหลายในการพักแป้งโดว์ครั้งที่สอง คนทำขนมบางคนข้ามขั้นตอนนี้ไปและไปปั้นขนมปังเลย และจะพักแป้งโดว์ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะทำการอบ ขณะที่คนทำขนมบางคนมักจะรอให้แป้งขึ้นฟูถึงสามครั้งเพื่อความมั่นใจ ขนมปังฝรั่งเศสแสนจะกรุบกรอบนั้นมีลักษณะเด่นที่ลมที่อยู่ภายในเนื้อขนมปัง ซึ่งทางเดียวคุณจะได้สัมผัสมันคือจากฟองอากาศเล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากยีสต์ที่ถูกปลุก ถ้าคุณต้องการทำขนมปังฝรั่งเศส "ที่แท้จริง" และมีเวลาแล้วล่ะก็ ให้ทิ้งเอาไว้สักสองครั้งหรือสามครั้ง แต่ถ้าคุณต้องการดมกลิ่นขนมปังร้อนๆ หอมน่ากินภายในเวลาประมาณ 10 นาทีต่อจากนี้ ไปเลย ข้ามขั้นตอนนี้ไป อย่างไรผลก็ยังออกมาดีอยู่น่า
  10. นำแป้งออกจากชามแล้วตัดให้ได้จำนวนแถว บาตา หรือบาแก็ต (ชื่อชนิดของขนมปังฝรั่งเศส) ตามความแตกต่างอย่างชัดเจนที่คุณต้องการจะอบ จากนั้นทำมันให้เป็นรูปร่างซะ
    • การปั้นให้เป็นแบบบูล (แบบกลม) ตัดแป้งแบ่งครึ่ง แล้วปั้นใหม่ให้เป็นก้อนกลมสองก้อนเหมือนที่ผ่านมา จากนั้นวางบนถาดที่โรยด้วยแป้งข้าวโพดแล้วคลุมปิดเอาไว้
    • การปั้นให้เป็นแบบบาแก็ต ตัดแป้งโดว์ออกเป็น 4 ชิ้นขนาดเท่ากัน แล้วนวดให้เป็นแผ่นยาวบางบนพื้นแป้ง อาจต้องใช้ไม้นวดคลึงหลายครั้งหน่อยจนกว่าจะได้ความยาวพอเหมาะ ฉะนั้นเริ่มจากตรงกลางแล้วคลึงไปให้เท่าๆ กันเท่าที่จะทำได้
    • การปั้นให้เป็นแบบบาตา ตัดแป้งโดว์ออกเป็น 4 หรือ 6 ส่วน แล้วนวดคลึงให้สั้นกว่า หน้ากว่าแบบบาแก็ตหน่อย มันไม่มีกำหนดไว้หรอกว่านวดแบบไหนถึงจะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม รสชาติมันก็ออกมาดีอยู่แล้ว
  11. พักแป้งโดว์ทิ้งไว้ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 45 นาที. หลังจากที่วางแป้งโดว์ที่นวดเรียบร้อยลงไปบนถาดพร้อมอบแล้ว ให้คลุมพักเอาไว้อย่างน้อย 45 นาที แล้วหันด้านที่เป็นก้อนอวบขึ้นมาด้านบนก่อนที่จะใส่เข้าไปในเตาอบ
    • คุณจะหั่นบริเวณด้านบนของแถวขนมปังก็ได้ อย่างการกรีดเป็นรูปตัว X หรือรูปร่างแบบที่ต้องการลงไปก่อนจะนำเข้าเตาอบ ทำรอยหั่นเล็กๆ ประมาณครึ่งนิ้วลงไปบนโดว์ ให้ระยะห่างจากรอยหั่นแยกกันกับรอยอื่นประมาณหนึ่งนิ้ว เพื่อให้แป้งโดว์ฟูขึ้นทั่วกันขณะที่อบอยู่
  12. อบในอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสประมาณ 30 นาที หรือจนกว่าผิวขนมปังจะเป็นสีน้ำตาลทอง. ขนมปังจะพร้อมนำออกจากเตาอบเมื่อผิวนอกเป็นสีน้ำตาล และฐานของขนมปังมีความแน่น เมื่อคุณเคาะนิ้วก็ควรจะได้ยินเสียงเคาะเหมือนข้างในกลวงๆ โหวงๆ
  13. ความลับที่ทำให้ผิวนอกของขนมปังกรอบน่ะเหรอ? ไอน้ำไงล่ะ ใช้ขวดสเปรย์ฉีดน้ำใส่ขนมปังเป็นระยะๆ หรือฉีดใส่เข้าไปในเตาอบด้วยน้ำปริมาณเล็กน้อยสักสองสามครั้งขณะที่อบขนมปังอยู่ เพื่อทำให้เกิดหมอกไอน้ำภายในเตาอบ ซึ่งจะทำให้ได้ผิวนอกของขนมปังที่แสนจะกรุบกรอบ เกิดเป็นขนมปังฝรั่งเศสที่สมบูรณ์แบบ
    • อีกทางเลือกหนึ่ง ให้นำกระทะที่ใส่น้ำใส่เข้าไปในเตาอบ โดยวางไว้บนตะแกรงที่อยู่ใต้ขนมปัง แล้วไอน้ำจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาขณะที่กำลังอบอยู่ ให้ลองทำกับเตาอบของคุณเพื่อดูว่าวิธีไหนได้ผลที่สุดสำหรับตัวคุณเอง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การทำขนมปังแซนด์วิชแบบพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขนมปังแซนด์วิชนั้นมีของที่ต้องเตรียมคล้ายๆ กับที่ทำขนมปังฝรั่งเศสนั่นแหละ แต่มีวัตถุดิบเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยที่จะทำให้มีรสหวานและเนื้อสัมผัสที่นุ่มขึ้นมา วัตถุดิบเพิ่มเติมหรือวัตถุดิบที่คล้ายคลึงกันก็จะอธิบายคำแนะนำเอาไว้ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สำหรับวัตถุดิบพื้นฐานในการทำขนมปังแซนด์วิช คุณควรจะมีของดังต่อไปนี้:
    • แป้งอเนกประสงค์ (แป้งขาวหรือโฮลวีตก็ได้) 6 ถ้วย
    • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
    • นม 1 ถ้วย
    • เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
    • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำมัน (ไม่จำเป็น)
    • ไข่ตีแล้ว 1 ฟอง (ไม่จำเป็น)
  2. ใช้น้ำอุ่น 1 ถ้วย (อุณหภูมิประมาณ 37.7- 43.3˚C) โรยผงยีสต์ลงไปในชามของเครื่องผสมหรือชามใบใหญ่ แล้วเทน้ำลงไปเพื่อทำการปลุกยีสต์
  3. อุ่นนมบนเตาแก๊สโดยใช้ไฟแรงจนนมเกือบเดือด จากนั้นให้ปิดไฟแล้วใส่เนยกับน้ำตาลลงไป และผสมให้เข้ากัน คุณไม่อยากจะทำให้นมไหม้หรอก และระวังอย่าให้มันเดือดเกินไปล่ะ เพราะนมจะขึ้นฟองได้เร็วมาก ให้คอยจับตาดูตลอด แล้วปิดไฟให้เร็วที่สุดเมื่อมันเริ่มขึ้นไอ จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นลงสักเล็กน้อยก่อนที่จะผสมรวมเข้าไปในยีสต์
    • หรืออีกทางเลือกหนึ่ง จะอุ่นนมด้วยไมโครเวฟแล้วเติมเนยกับน้ำตาลลงไปเมื่อนมร้อนแล้วก็ได้เช่นกัน [2]
  4. ใส่ส่วนผสมเปียกกับแป้ง 1 ถ้วยลงไปในเครื่องผสม. คนส่วนผสมเป็นเวลาประมาณ 2 นาทีด้วยความเร็วระดับปานกลาง แป้งโดว์จะค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ถึงตอนนั้นให้ทยอยใส่แป้งที่เหลือลงไป หนึ่งถ้วยต่อครั้ง เมื่อใส่แป้งลงไปหมดแล้ว ให้ตีแป้งด้วยความเร็วระดับที่สูงขึ้นเพิ่มอีก 2 นาที
    • ปริมาณแป้งที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับความชื้นนั่นเอง ฉะนั้นให้จับตาดูแป้งโดว์แล้วตัดสินใจเอาเลย สำหรับแป้งสาลีนั้นวิธีจะต่างกันออกไปมาก คือจะใช้ปริมาณน้อยกว่าในการทำแป้งโดว์ขึ้นมา เมื่อจะลองทำขนมปังครั้งแรก มันอาจเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้แป้งสาลีครึ่งหนึ่งและแป้งขาวอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้คุ้นชินกับความแตกต่างนี้
  5. ปั้นก้อนแป้งที่เหลือให้เป็นก้อนโดว์ จากนั้นนำออกมาวางไว้บนพื้นที่จะเอาไว้นวดซึ่งเต็มไปด้วยแป้ง แล้วนวดไปจนกว่าแป้งโดว์จะมีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ถึงขั้นที่กดลงไปแล้วเนื้อเด้งฟูกลับขึ้นมา
    • หรือว่าจะใช้เครื่องตีที่มีหัวตะขอในการนวดแป้งขนมปังก็ได้ ง่ายกว่าใช้มือเยอะ โดยให้นวดแป้งในเครื่องตีประมาณ 10 นาทีเพื่อสร้างเส้นใยกลูเตนขึ้นมา ซึ่งมันจะทำให้ขนมปังเนื้อนุ่มเหนียวอย่างมหัศจรรย์
  6. ทาน้ำมันบนแป้งโดว์แล้วใส่ลงไปในชามที่ชุ่มไปด้วยน้ำมัน. วิธีนี้จะทำให้ผิวนอกของขนมปังแห้งและแตกขณะที่พักแป้งอยู่ เนื่องจากแป้งโดว์แห้งๆ จะทำให้ขนมปังที่อบเสร็จกลายเป็นก้อนเละๆ ไม่น่ากิน เมื่อทาเสร็จแล้ว ให้คลุมชามไว้ด้วยผ้าเช็ดจานสะอาดๆ หรือแรปพลาสติก แล้วนำชามไปวางไว้ในที่ที่อุณหภูมิอุ่นๆ (แต่ไม่ถึงกับร้อน)
    • ทิ้งแป้งโดว์เอาไว้ประมาณ 30 นาทีในขณะที่พักให้มันฟูขึ้น มันควรจะใหญ่ขึ้นถึงสองเท่า หรืออย่างน้อยก็พองตัวขึ้นจนสังเกตได้ ถ้าหากว่าคุณใช้แป้งสาลีปริมาณมาก
  7. ต่อยหมัดของคุณลงไปบนก้อนแป้งโดว์แล้วทับมันจนกว่าแป้งจะกลับไปขนาดเท่าตอนแรก จากนี้คุณไม่ต้องนวดมันแล้ว เพราะแป้งโดว์จะนุ่มและเนื้อเด้งแล้วล่ะ แบ่งแป้งโดว์ออกเป็นสองส่วนขนาดเท่ากันด้วยมีดทำครัวหรือมีดหั่นขนมเพื่อทำแถวขนมปังขึ้นมา
  8. คลึงขนมปังทั้งสองแถวและใส่ลงไปในถาดอบชุ่มน้ำมัน. ทำบนโต๊ะที่ใช้นวดแป้ง โดยคลึงแป้งโดว์ด้วยมือของคุณด้วยการทำให้มันแบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ ก่อนแล้วม้วนพับทั้งสองฝั่งให้มาบรรจบกันตรงกลาง แล้วขยุ้มให้รอยต่อปิดติดกันอย่างสมบูรณ์ เท่านี้ก็จะได้ฐานก้อนขนมปังแล้ว [3]
    • วางแถวขนมปังลงไปในถาดอบที่ทาน้ำมันแล้ว และคลุมเอาไว้อีกครั้งด้วยผ้าเพื่อพักแป้งโดว์ให้ขึ้นฟูอีกครั้งประมาณ 30-45 นาที ตอนนั้นก็ไปทำความสะอาดบนพื้นที่เอาไว้นวดขนมปัง และวอร์มเตาอบซะ
  9. อบขนมปังที่อุณหภูมิ 200 °C ประมาณ 35 นาที หรือจนกว่าจะเป็นสีน้ำตาลทอง. ก่อนที่จะใส่ขนมปังเข้าไปในเตาอบ กรีดแป้งขนมปัง 3 ถึง 4 ครั้งลึกลงไปประมาณครึ่งนิ้วเพื่อทำรอยบนผิวขนมปัง จากนั้นทาผิวข้างบนของขนมปังด้วยไข่ที่ตีแล้วหรือน้ำมัน ถ้าหากคุณต้องการให้ขนมปังมีผิวกรุบกรอบมันวาวอยู่ข้างบนนั่น
    • ขนมปังจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อฐานของมันแน่นพอ และเมื่อเคาะลงไปบนขนมปังก็จะได้ยินเสียงกลวงๆ ข้างใน ถ้าไม่มั่นใจนัก ให้นำขนมปังออกมาจากถาดอบแล้วตรวจสอบด้วยการเคาะด้วยนิ้วสักสองสามครั้ง มันร้อนนะ ระวังด้วยล่ะ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การทำขนมปังที่ใช้เวลาไม่นาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่มีอะไรที่ง่ายไปกว่าการทำขนมปังเบียร์แสนอร่อย เนื้อแน่น อุ่นๆ จากเตา ซึ่งไม่ต้องมานั่งรอให้มันขึ้นฟูอีกแล้ว โดยการผสมแป้งอเนกประสงค์ 3 ถ้วย น้ำตาลครึ่งถ้วย และเบียร์กระป๋องละ 12 ออนซ์ (354 มิลลิลิตร) อีกหนึ่งกระป๋องเข้าด้วยกันในชาม เทส่วนผสมลงในถาดขนมปังแถวที่ทาเนยละลายเอาไว้จนชุ่มแล้ว จากนั้นอบในอุณหภูมิ 190 องศา ประมาณ 45-50 นาที มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้มันวุ่นวายและทำเครื่องเคียงกินคู่กับอาหารเย็นดีๆ ออกมา
  2. ขนมปังโซดานั้นอาจออกรสหวานหรือไม่หวาน ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคุณและวัตถุดิบที่มีอยู่ ตัวอย่างก็เช่น ผสมส่วนผสมแห้งดังนี้ แป้ง 4 ถ้วย กับเกลือและเบกกิ้งโซดาอย่างละช้อนชา จากนั้นใส่น้ำตาลลงไป (1 ช้อนถ้าต้องการขนมปังรสกลมกล่อม และไม่เกิน 4 ช้อนถ้าคุณต้องการให้มันหวานขึ้น) สำหรับส่วนผสมเปียก ให้ผสมนมสดหรือบัตเตอร์มิลค์ (นมที่เกิดจากการหมัก) 2 ถ้วยกับเนยละลาย 4 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันในชาม จากนั้นนวดแป้งเบาๆ แล้วอบในถาดอบชุ่มน้ำมันประมาณชั่วโมงหนึ่งในอุณหภูมิ 190 องศา
    • เพิ่มส่วนผสมเพิ่มเติมทั่วไปอย่างเลมอนหรือผิวส้มขูดและผลไม้แห้งหรือถั่วก็ดี เสิร์ฟพร้อมกับแยมมาร์มาเลดทาอยู่ข้างบน หรือแบบธรรมดาไม่มีอะไรเลยก็ได้
  3. ขนมปังที่ทำได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นตัวช่วยสะสางของในตู้กับข้าวและตู้เย็นอย่างดี โดยการใส่อะไรก็ได้ที่มีอยู่และคิดว่ามันดีลงไปเป็นส่วนผสมไงล่ะ มันอาจเป็นทางเลือกที่ดีในการใช้อะไรก็ได้เพื่อพื้นที่ว่างที่มากขึ้นในตู้ ลองทำขนมปังพวกนี้ดูสิ:
    • ขนมปังซูกินี
    • ขนมปังฟักทอง
    • ขนมปังกล้วย
    • ขนมปังข้าวโพด
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ขนมปังชนิดอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขนมปังกระเทียบเป็นเครื่องเคียงของโปรดกินคู่กับอาหารเย็นได้หลากหลายชนิด และยังทำจากขนมปังหลายชนิดได้อีกด้วย
  2. เป็นขนมปังยีสต์ของชาวยิวที่สุดแสนจะวิเศษ แถมยังเต็มปากเต็มคำ ซึ่งดูคล้ายขนมปังบริโอชแต่มีรสหวานกว่าเล็กน้อย รับรองความอร่อยด้วยรสชาติของเนยและที่ทาขนมปังรสอื่นๆ
  3. ขนมปังชนิดนี้ทำให้คุณได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และทำให้ขนมปังอร่อยขึ้นได้อีกด้วย อย่างเช่น มันอาจเป็นขนมปังกล้วย ขนมปังแอปเปิล ขนมปังมะละกอ หรือกระทั่งขนมปังมะม่วงก็ยังได้
  4. ขนมปังชนิดหนึ่งที่อร่อยก็คงไม่พ้นขนมปังอบเชย ที่มักจะเป็นของโปรดในฤดูหนาวและวันหยุดสำคัญ ทั้งทำง่ายและอร่อยอีกด้วย!
  5. ขนมปังผักนั้นทั้งอร่อยแถมดีต่อสุขภาพอีกด้วย! ตัวอย่างก็เช่นขนมปังฟักทอง ขนมปังข้าวโพด หรือจะเป็นขนมปังแตงกวาซูกินีก็ได้
  6. เจ้าอาหารเช้าที่เต็มไปด้วยเนยและมีผิวกรอบนี้ใช้เวลานานในการเตรียมทำตั้งแต่แรกสักหน่อย แต่มันอร่อยจนแทบทนไม่ได้เชียวล่ะ กินมันเข้าไปทั้งคำเลยสิ!
  7. บิสกิตสไตล์อเมริกันกรุบกรอบร้อนๆ ที่ใช้แป้งหมักเองแบบนี้ เตรียมตัวที่จะได้ลิ้มรสขนมกรอบๆ ชุ่มเนยแล้วหรือยัง?
  8. อา ขนมปังบาแก็ตเคี้ยวกรุบกับเนยกรุ่นๆ มีการทำขนมแบบไหนที่จะสุขได้เท่านี้อีกไหมนะ? รสชาติของขนมปังฝรั่งเศสที่แสนเลิศล้ำยามยกออกมาจากเตาอบใหม่ๆ เมื่อได้เริ่มลงมือทำก็ยากที่จะหยุดกลางคันแล้วล่ะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อะไรที่เป็นของเหลว พอใส่ลงไปมันจะไปเปลี่ยนรสชาติของขนมปังคุณ นมและชอร์ตเทนนิ่ง (ไขมันหรือน้ำมันที่ใช้เป็นส่วนผสมในการทำเบเกอรี่) จะทำให้ได้ขนมปังขาวเนื้อเบา น้ำและน้ำมันมะกอกจะทำให้ได้ขนมปังอิตาลีเนื้อหยาบ คุณสามารถใช้แป้งโฮลวีตหรือแป้งขาว หรือผสมแป้งทั้งสองชนิด (แนะนำให้ผสมส่วนของแป้งโฮลวีตมากกว่า) หรือใส่ธัญพืชอื่นๆ อย่างแฟล็กซีด เมล็ดพืชอื่นๆ และสมุนไพร… เมื่อคุณรู้ว่าจะผสมอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการเลย!
  • สูตรของขนมปังหนึ่งแถวสามารถทำก้อนขนมปังเล็กๆ ได้ถึงโหลนึงเลยนะ โดยใส่มันลงไปบนถาดอบ วางให้ห่างกันสักสองนิ้ว เพื่อที่มันจะได้พองตัวและสัมผัสโดนกันเมื่อคุณพักมันในครั้งที่สอง
  • "แป้งสำหรับเครื่องทำขนมปัง" นั้นมีโปรตีนที่สูง และช่วยให้ยีสต์สร้างกลูเตนขึ้นมามากขึ้น ดีทั้งต่อการทำขนมปังทั้งในและนอกเครื่องทำขนมปัง สำหรับขนมปังอิตาลีที่มีเนื้อแข็งและหยาบนั้น สามารถใช้แป้งสำหรับทำ Pasta dura (ขนมปังที่ทำมาจากแป้ง Semolina เป็นแป้งที่ทำมาจากข้าวสาลีชนิดที่แข็งที่สุด คือข้าวดูรุม) แทนได้ และอย่าใช้ถาดอบขนมปังแถว
  • เพิ่มเติมจากนี้ ให้ทานมลงบนผิวชั้นบนของแถวขนมปัง ถ้าคุณต้องการให้มันนุ่ม หรือทาไข่เพื่อให้แข็งและเป็นมันวาย ถ้าคุณต้องการโรยเมล็ดหรืออะไรก็ตามลงไปบนขนมปัง ให้ทำการที่จะเริ่มอบ พวกเมล็ดดอกป๊อปปี้ ข้าวโอ๊ต หรือเมล็ดงาก็ต่างใช้ได้ทั้งนั้น
  • คุณสามารถทำให้ในเตาอบเป็นที่อุ่นๆ (ในการพักแป้งโดว์) ได้ด้วยการเปิดเอาไว้ที่อุณหภูมิต่ำๆ ประมาณ 5-10 นาที หรือว่าจะใช้ทางเลือกอื่น อย่างไว้บนเครื่องทำความร้อนที่เปิดไว้ต่ำๆ หรือตากไว้กลางแดดจ้า โดยเฉพาะถ้าคุณมีผ้าสีเข้มคลุมแป้งโดว์เอาไว้ด้วยจะดี
  • ขอให้แน่ใจว่าใช้วัตถุดิบได้ถูกต้องแล้ว แป้งเค้กหรือแป้งขนมอบนั้นจะ"อ่อนนุ่ม"เกินไป ขนมปังควรจะต้องมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวนุ่มเหนียวเล็กน้อย ให้หลีกเลี่ยงการใช้แป้งที่ขึ้นฟูได้เอง ไม่ว่าจะแป้งไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้น แต่แป้งขนมปัง (บนฉลากจะเขียนไว้อย่าง "แป้งขนมปัง" "แป้งโปรตีนสูง" หรือ "แป้งสำหรับเครื่องทำขนมปัง") นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมีกลูเตนผสมอยู่มากที่สุด ฉะนั้นก็จะส่งผลดีกว่าในตอนนวดแป้งนั่นเอง
  • การนวดแป้งที่อยู่ตรงหน้าคุณ ให้ใช้ส้นมือ (ส่วนล่างของฝ่ามือ) นาบไปที่แป้งโดว์แล้วกดลงไป เหมือนจะดันโดว์ให้ห่างออกจากตัวคุณ โยกมือกลับมาแล้วทำแบบนั้นใหม่อีกครั้ง อย่าปล่อยแป้งไปกับมือขวาของคุณ ให้คว้าและจับปลายสุดของแป้งหมุนกลับมาทางด้านซ้ายในสัดส่วนประมาณ ¼ จากนั้นพับกลับไปทางเดิม วางส้นมือลงไปแล้วกดอีกครั้ง วิธีนี้สามารถใช้ได้กับแป้งโดว์ทั้งก้อน การหมุนจะทำให้คุณได้แป้งมานวดใหม่
โฆษณา

คำเตือน

  • เมื่อนำขนมปังออกมาจากเตาอบแล้ว อย่าหั่นมันในทันทีเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นขนมปังอาจแตกหรือฉีกออกจากส่วนที่นุ่มข้างใน ต้องทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที การนำผ้าเช็ดจานสะอาดๆ ห่อไว้หลวมๆ ข้างบนจะทำให้ขนมปังยังอุ่น และต้องให้อากาศถ่ายเทได้ด้วย ฉะนั้นส่วนที่เป็นผิวนอกก็จะไม่ชื้นไม่เปียก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 29,453 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา