ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณตัดสินใจว่าการมีขาเรียวไม่เบียดกันเป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งที่คุณจะต้องทำให้ได้ เราก็มีทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและการเปลี่ยนวิถีชีวิตที่คุณสามารถนำไปทำได้จริง โดยคุณอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนขาเรียวเพื่อให้ดูมีสุขภาพที่ดี อาจเพียงแค่ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นก็ทำได้ตามชอบ สิ่งสำคัญคือทำให้ได้ตามเป้าหมายในแง่ของการมีสุขภาพที่ดีและการปฏิบัติได้จริง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 6:

รู้ว่าวิธีไหนปฏิบัติตามได้จริงและปลอดภัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้องเข้าใจก่อนว่าช่องว่างระหว่างขาหนีบนั้นไม่ใช้โครงสร้างร่างกายที่คนส่วนมากจะมีได้. ช่องว่างระหว่างขาหนีบที่กว้างอย่างนางแบบทั้งหลายไม่ใช่จะพบได้ทั่วไป ในขณะที่ผู้หญิงและผู้ชายส่วนมากอุตส่าห์ลดไขมันช่วงขาท่อนล่างได้นิดหน่อยแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นช่องว่างระหว่างขาหนีบอยู่ดีแม้น้ำหนักจะลดลงไปหลายปอนด์
    • พันธุกรรมและโครงสร้างร่างกายมีบทบาทสำคัญในการทำให้มีช่องว่างระหว่างขาหนีบ พูดง่ายๆ เลยก็คือผู้หญิงเกือบทั้งหมดจะมีสะโพกที่อยู่ในแนวที่ชิดกันมากเกินไปสำหรับการมีช่องว่างกว้างๆ ระหว่างขาหนีบ แม้จะมีไขมันที่ขาน้อยมาก หากคุณมีสะโพกที่กว้าง ช่องว่างระหว่างขาหนีบก็อาจจะสามารถมีได้หากมีน้ำหนักตัวที่อยู่ในเกณฑ์สมส่วน
  2. การควบคุมอาหารและการออกกำลังกายนั้นจะไม่ได้ช่วยให้มีช่องระหว่างขาได้ภายในข้ามคืน- มันเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ต้องทำเป็นเวลานานไม่ใช่จะแก้กันง่ายๆ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำไว้ว่าควรใช้เวลาสัก 3-4 สัปดาห์ถึงจะเห็นผล แม้ผู้หญิงบางคนจะมีพันธุกรรมที่ทำให้ยากต่อการมีช่องดังกล่าว แม้จะผอมแค่ไหน ไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบไหนก็ไม่เป็นการดีต่อสุขภาพหากต้องการมีช่องระหว่างขาหนีบด้วยการอดอาหารหรือออกกำลังกายจนเหนื่อยล้า
    • สร้างแรงบันดาลใจโดยการหาวิธีควบคุมอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ทำให้รู้สึกดีแทนการมองดูหุ่นดี เพราะจะทำให้มีพลังมากขึ้นหรือใส่เสื้อผ้าแล้วดูดีมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องการแต่การเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็นเป็นทักษะที่จำเป็นจะต้องมีไม่ว่าคุณจะเป็นใคร
  3. อย่าให้เรื่องการมีช่องระหว่างขานี้มาเป็นความกังวล. การมีช่องระหว่างขาหนีบนี้กำลังกลายเป็นเป้าหมายสูงสุดของผู้หญิงบางคน พวกเขาจะต้องการหรือรู้สึกไม่พอใจ ในบางคนที่กังวลมาก พวกเขาจะกังวลมากจนละทิ้งเรื่องสำคัญอื่นๆ ในชีวิตอย่างเช่นสุขภาพหรือการเข้าสังคม ปัญหาของวัยรุ่นและเด็กสาวจำนวนมากคือการพยายามทำให้มีช่องว่างระหว่างขาหนีบด้วยวิธีที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อดอาหาร และมีโอกาสทำให้เกิดภาวะผิดปกติในการรับประทานอาหารได้ [1] [2] อย่าปล่อยให้เรื่องของช่องว่างระหว่างขานี้มาชี้ชะตาของคุณ ต้นขาไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับคุณเลย อย่าให้คนอื่นมาสอนว่าคุณต้องทำอะไร
  4. ขอความช่วยเหลือหากคุณคิดว่าการสร้างช่องว่างระหว่างขาหนีบนั้นกำลังส่งผลเสียต่อสุขภาพ. หากคุณมีช่องระหว่างขาแล้ว แต่เป็นวิธีการที่รู้สึกว่าได้มาด้วยการอดอาหารเพราะร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อให้อยู่ได้อย่างสุขภาพดี ให้ลองไปตรวจเกี่ยวกับโรคคลั่งผอม โรคล้วงคอ และความผิดปกติในการรับประทานอาหารอื่นๆ ซึ่งร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
    • โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น การรับประทานอาหารไม่เพียงพอสามารถทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการของสมอง การทำงานของหัวใจ และแม้แต่สมรรถภาพทางเพศที่ไม่ดี
    • หมั่นสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในการรับประทานอาหาร คุณรู้สึกมีเรี่ยวแรงเมื่ออดอาหารบางมื้อหรือไม่ คุณหมกมุ่นว่ารับประทานไปเท่าไรหรือไม่ คุณหวาดกลัวการเพิ่มของน้ำหนักเป็นอย่างมากหรือไม่ คุณให้ค่าแต่กับน้ำหนักตัวหรือไม่ [3] หากคุณตอบใช่แม้แต่ข้อใดข้อหนึ่ง ให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือปรึกษาสักคนที่สามารถช่วยให้ออกจากปัญหานี้ได้
  5. หากคุณตัดสินใจว่าจะทำให้มีช่องว่างระหว่างขาหนีบแล้ว ให้ใช้ทั้งการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกาย. ลองค่อยๆ ลดน้ำหนักตัวที่เกินมาด้วยอาหารและการออกกำลังกายจนกว่าจะได้ดัชนีมวลกายตามเกณฑ์ของแพทย์ หากคุณยังไม่มีช่องว่างระหว่างขาหนีบ อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจาพันธุกรรมและโครงสร้างของกระดูก
    • แม้จะใช้การออกกำลังกาย แต่ก็ไม่สามารถเป็นไปได้ที่จะให้ได้ผลเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย อย่างเช่น ต้นขา ซึ่งเป็นความเชื่อที่เรียกกันว่าการฝึกเฉพาะจุด การฝึกเฉพาะจุดอย่างบริเวณต้นขาก็ถือว่าได้ผล ด้วยการเปลี่ยนให้กลายเป็นกล้ามเนื้อแต่ก็ทำให้ลดไขมันบริเวณอื่นไปด้วย คุณไม่สามารถที่จะเผาผลาญไขมันเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งของร่างกายด้วยการออกออกกำลังกายอย่างเดียว [4]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 6:

ควบคุมอาหารด้วยวิธีที่ดีต่อสุขภาพ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แทนที่จะจำกัดอาหาร ให้มาสนใจการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ช่วยร่างกายเผาผลาญ (ซึ่งไม่ใช่อาหารจำพวกของหวานแบบที่คุณชอบ) ตัดอาหารดังกล่าวออกไปจากมื้ออาหารของคุณให้หมด:
    • ไขมันทรานส์: ไขมันที่ซ่อนอยู่นี้เป็นเหตุให้เกิดโรคหัวใจและคอเลสเตอรอลสูง พบมากในอาหารจานด่วน ขนมแปรรูป (อย่างเช่นมันฝรั่งทอด) อาหารทอดและเนยขาวหรือมาการีน หากคุณไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่ ให้ตรวจสอบจากข้อมูลโภชนาการ
    • น้ำตาล: น้ำตาลที่แปรรูปจะให้แคลอรี่ที่มากแต่ประโยชน์น้อย หลีกเลี่ยงการใส่น้ำตาลเทียมอย่างเช่น ซูคราโลส แอสปาแตม หรือดีน้ำตาลลงในเครื่องดื่ม เพราะมีบางงานวิจัยพบผลข้างเคียงที่อันตรายของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นได้ อย่างเช่น น้ำตาลเทียมที่พบในเครื่องดื่มพลังงานต่ำนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ลองหันมาใช้ซอสแอปเปิลที่ไม่หวานแทนน้ำตาลในเมนูอาหารจะดีกว่า [5]
  2. ไม่เพียงแต่ใยอาหารจะดีต่อตัวคุณ แต่ยังใช้เวลาย่อยและช่วยเติมเต็มช่วงว่างในกระเพาะอาหารคุณส่งผลให้รู้สึกหิวน้อยลง [6] ลองเลือกจากแหล่งดังต่อไปนี้:
    • ผลไม้และผัก: หลักๆ ก็มักเลือกรับประทานกันได้แก่ คึ่นช่ายฝรั่ง, แอปเปิล, ปวยเล้ง, กะหล่ำปลี, เบอร์รี่, แครอท, ลูกแพร์ และส้ม (และยังมีอื่นๆ อีกมากมาย)
    • ธัญพืชไม่ขัดสี:ลองหาธัญพืชจำพวกสีน้ำตาลแทนขัดขาว: ขนมปังโฮลวีต, ข้าวกล้อง, ทอทิลลาจากธัญพืชและพาสต้าเส้นโฮลวีต
    • รับประทานถั่วเปลือกแข็งและถั่วฝัก ลองเป็นถั่วดำ, ถั่วอัลมอนด์, ถั่วพิสทาชิโอ, ถั่วพีแคน และถั่วเลนทิล
  3. [7] “อาหารคุณค่าสูง” เป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำแต่ใยอาหารสูง บางคนกล่าวไว้ว่าอาหารจำพวกนี้เป็นอาหารที่ร่างกายที่ใช้แคลอรี่มากกว่าในการย่อยเมื่อเทียบกับอาหารอื่น แต่หลายคนก็ยังยืนยันว่าอาหารคุณค่าสูงนี้ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาหารดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพแต่อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่จำเป็นต้องเลือกรับประทานอาหารดังกล่าวแทนอาหารที่แคลอรี่สูงกว่าประเภทอื่นๆ ไปเสียทั้งหมด
    • อาหารที่คุณค่าสูงที่ควรค่าแก่การเพิ่มเข้ามาในโปรแกรมการควบคุมอาหารได้แก่:
      • แอปเปิล, โกจิเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่ และทับทิม
      • ไข่, ถั่วเลนทิล, เนยอัลมอนด์, แซลมอน, และปลาซาร์ดีน
      • ข้าวโอ๊ต, พาสตาเส้นบัควีต, และควินัว
      • คะน้า, พริก, เครื่องเทศ, และอโวคาโด
      • โยเกิร์ตธรรมชาติไขมันต่ำ, พาร์เมซานชีส
      • น้ำมันมะกอก
  4. หากคุณกำลังควบคุมอาหารแบบดีต่อสุขภาพแต่ยังรู้สึกว่าไม่ได้ผลตามที่ต้องการพอ ให้ลองทบทวนสิ่งที่รับประทานเข้าไปทุกวัน แต่ก็มีข้อจำกัดเล็กน้อยอย่างเช่นการรับประทานให้น้อยกว่าแคลอรี่ที่ต้องการต่อวันสักแค่ 200 แคลอรี่ จะทำให้ลดน้ำหนักได้ปลอดภัยและน้ำหนักลดลงได้เรื่อยๆ
    • บันทึกข้อมูลอาหารรายวัน โดยสามารถเขียนลงในสมุดธรรมดาแล้วหาแคลอรี่จากช่องทางออนไลน์ หรือใช้แอพลิเคชันอย่าง MyFitnessPal หรือ Spark People ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ต้องทำให้ได้สม่ำเสมอ
    • หาอัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐานของร่างกายต่อวัน สิ่งนี้จะบอกว่าร่างกายต้องใช้พลังงานเท่าไรในการดำรงชีวิต สิ่งนี้ยังช่วยให้คำนวณอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ได้ถูกต้องยิ่งขึ้นด้วย การรับประทานต่ำกว่าอัตรานี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่คุณสามารถรับประทานได้เป็น 1.2 เท่าของค่านี้ได้ โดยการตัดแคลอรี่ออกประมาณ 200-300 แคลอรี่ด้วยการเผาผลาญออก ต้องมั่นใจว่าคุณคำนวณได้ถูกต้องเพราะเป็นสิ่งสำคัญที่มักทำให้การควบคุมอาหารล้มเหลว 3,500 แคลอรี่เทียบเท่ากับน้ำหนัก 1 ปอนด์ ดังนั้นการตัดออก 300 แคลอรี่ต่อวัน ก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ 1 ปอนด์ หรือ ครึ่งกิโลกรัมในทุกๆ 11 วัน
      • สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้เข้าไปอ่านที่บทความวิธีการคำนวณแคลอรี่ที่ต้องกินเพื่อลดน้ำหนักของวิกิฮาวได้เช่นกัน
    • อะไรที่เคยพลาดมาแล้วให้มันผ่านไป หากมีสิ่งมีล่อใจ อย่าย่อท้อ! ทุกคนสามารถผิดคลาดกันได้ วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือกลับไปควบคุมอาหารให้ได้เหมือนเดิม
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 6:

ทำให้ต้นขามีกล้ามเนื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นั่งบนพื้นหลังเหยียดตรงและยืดตัวตรง งอเข่าสองข้างออกจากกันและให้ส้นเท้าสองข้างมาชิดกัน ลากเท้าสองข้างเข้าหาเชิงกรานให้มากที่สุดเท่าที่ไม่เจ็บและลองกดต้นขาสองข้างลงให้ขนานกับพื้น ค้างไว้ 5-10 วินาที
    • คุณอาจจำเป็นต้องใช้มือจับเท้าสองข้างไว้ในการยืดนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้
    • ทำให้นุ่มนวล คุณอาจจะเคยเห็นคนยืดท่านี้โดยกดเข่าและเด้งเข่ากลับขึ้นมาอย่างรุนแรงเหมือนปีกผีเสื้อ แต่การทำเร็วๆ จะทำให้บาดเจ็บ ใช้การเคลื่อนไหวให้ช้าและถูกต้องแทนจะดีกว่า
    • ทำท่ายืดผีเสื้อนี้ก่อนออกกำลังต้นขา จะช่วยให้ข้อต่อและกล้ามเนื้อคลายตัวและป้องกันการฉีกขาดของกล้ามเนื้อได้
  2. นอนคะแตงทับซ้ายโดยให้เท้าศีรษะพักไว้บนแขนซ้ายที่มีมือซ้ายรองรับอยู่ งอเข่าขวาและยกขาขวาให้สูงเหนือต่อขาซ้ายโดยหน้าแข้งข้างซ้ายยังวางแนบพื้น เหยียดขาซ้ายให้ตรงตลอดการหายใจออกและยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นหายใจเข้าขณะที่เอาขาลง ทำ 10ครั้ง 3 เซตในแต่ละข้าง
    • ให้ลำตัวตรงในขณะที่ยังยกขาได้
    • ยกช้าๆ คุณจะพบว่ายิ่งยกช้าๆ ขาจะทำงานได้ดีขึ้น
    • หากมีปัญหาปวดหลัง ให้ทำความเข้าใจการออกกำลังกายนี้กับแพทย์ให้ดีก่อนทำเอง
  3. คุณสามารถออกกำลังกายท่านี้ได้โดยการนั่งที่โต๊ะทำงาน หรือแบบยากขึ้นด้วยการนอนบนพื้น:
    • นั่งแล้วหนีบ: นั่งยืดตัวตรงบนเก้าอี้ หลังตรงและแขม่วหน้าท้อง ใช้ผ้าเช็ดตัว, หมอน, หรือของชิ้นเล็กๆ มาวางไว้ระหว่างเข่าทั้งสองข้าง ออกแรงหนีบระหว่างหัวเข่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค้างไว้สักครู่ ทำ 20 ครั้ง
    • ยกก้นแล้วหนีบ: นอนหงายงอเข่าสองข้างให้เท้าวางราบกับพื้นด้วยความกว้างเท่าสะโพก นำหมอน, ผ้าเช็ดตัว, หรือวัตถุที่นิ่มๆ มายัดไว้ระหว่างเข่าสองข้าง ยกเชิงกรานขึ้นจนอยู่ในท่าสะพาน (คือท่าที่หลังเข่าถึงแนวหัวไหล่อยู่ในแนวตรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้) และหนีบวัตถุไว้ระหว่างเข่าให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำ 20 ครั้งก่อนจะหย่อนกลับลงหาพื้น
  4. ควรออกให้ได้ 30 นาที ในระดับความหนักปานกลางอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ ไม่เพียงแต่การออกกำลังกายนี้จะช่วยให้มีสุขภาพดีและผอมลง แต่ยังช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อขาอีกด้วย
    • การวิ่ง การเดินเร็ว การเดินบันได การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ และการเต้น เหล่านี้สามารถช่วยให้ขาเรียวเล็กลงได้ [8]
    • หาการออกกำลังกายที่สนุกและคลั่งใคล้ หากสนุกกับการออกกำลังกายจะทำให้ทำได้อย่างสม่ำเสมอ
  5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้ขาใหญ่ขึ้น. ได้แก่สควอท, ลันจ์, งอขา, และเขย่งเท้า รวมถึงอื่นๆ ด้วย เพราะการออกกำลังกายจำพวกนี้จะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและทำให้ดูกระชับได้เป็นอย่างดี โดยไม่ได้ทำให้ขาดูเรียวเล็กหรือทำให้มีช่วงว่างระหว่างขาหนีบ
    • คุณไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเหล่านี้ แต่ทำในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเน้นไปที่การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ต้องใช้ทั้งร่างกาย
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 6:

ทำให้ต้นขาดูเรียวเล็กลงด้วยการแต่งกาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณต้องการมีช่องว่างระหว่างขาหนีบภายในคืนนี้ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือสวมชุดกระชับต้นขา
    • ทางเลือกที่ดีที่สุดคือเลือกชุดแนบตัวสักคู่ที่ใช้สำหรับร่างกายส่วนบนและให้ความอบอุ่นด้วย โดยเลือกชุดกระชับสัดส่วนที่สามารถยืดออกได้มากพอที่จะคลุมต้นขาทั้งหมดได้
  2. ครีมและเวชสำอางนี้มีผลให้เรื่องการกำจัดเซลลูไลท์ส่วนเกินด้วยการทาอย่างสม่ำเสมอ เพราะไขมันที่ต้นขามักจะกลายไปเป็นเซลลูไลท์ได้ บางผลิตภัณฑ์ก็สามารถช่วยเรื่องนี้ได้อย่างมาก
    • มีครีมจำนวนมากที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน คาเฟอีนจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยเผาผลาญเซลลูไลท์ ดังนั้นการทาครีมกำจัดเซลลูไลท์ที่มีส่วนผสมคาเฟอีนบริเวณต้นขาอาจช่วยลดเซลลูไลท์ที่เกิดขึ้นบริเวณขาได้
  3. วิธีการคือขัดไปที่ต้นขาด้วยแปรงแบบเฉพาะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเร่งการกำจัดไขมัน
    • ใช้แปรงแบบพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเทคนิคนี้ ซึ่งแปรงนี้สามารถหาซื้อได้จากกร้านยาหรือร้านผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ห้ามใช้แปรงหวีผมแบบทั่วไป
    • การขัดตัวแบบแห้งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและในทางทฤษฎีสามารถเพิ่มการไหลเวียนและทำให้ผิวเต่งตึงด้วย
  4. ทำให้ขาดูมีมิติเป็นทรงขาด้วยผลิตภัณฑ์เสริมผิวแทน. ผฃิตภัณฑ์เสริมผิวแทนอาจจะไม่สามารถทำให้มีช่องว่างระหว่างขาหนีบได้ แต่หากจำเป็นต้องเห็นขาในชุดว่ายน้ำหรือกระโปรงสั้น ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์เสริมผิวแทนเพื่อให้เกิดมิติดูต้นเขาเรียวและเป็นทรวดทรงได้
    • พ่นสเปรย์ผิวแทนหรือบรอนเซอร์ลงไปบนขาตั้งแต่ส่วนบนของก้นลงมา คุณอาจจะแค่พ่นหรือทาแค่ส่วนของต้นขาเพื่อให้เป็นเงาแต่ความแตกต่างของเฉดสีระว่างต้นขากับน่องมักจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นควรพ่นหรือทาให้ทั่วทั้งขา
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 6:

ทำให้ดูมีช่องว่างระหว่างขาหนีบในรูปภาพที่ถ่าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทราบกันก่อนว่าคุณสามารถสร้างช่องว่างระหว่างขาหนีบในรูปภาพได้ด้วยการจัดท่าถ่ายรูป. หากรูปภาพที่ถ่ายออกมาเห็นช่องว่างระหว่างขาหนีบได้ คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องอดอาหารและทำให้ร่างกายทรมาน เพียงแค่มีเทคนิคง่ายๆ คุณก็สามารถมีได้โดยไม่ต้องพยายามให้ยุ่งยากเลย
  2. ทำให้ขาดูตรงเหมือนหลอดดูดน้ำและแข็งเหมือนหิน
  3. อย่าแอ่นก้นมากเกินไปหรือทำให้ดูชัดเจนเกินไป ทำแค่เล็กน้อยก็เพียงพอ
  4. [9] เคล็ดลับในการแยกส้นเท้าออกจากกัน และให้นิ้วเท้าชิดกัน ทำให้เชี่ยวชาญหรือทำให้ดูเป็นธรรมชาติหรือทำให้ดูน่าเชื่อถือ
  5. หากกล้องถ่ายมุมกดต่ำจะยิ่งดี ควรจัดท่าให้มีช่องว่างระหว่างขาหนีบโดยไม่ดูวุ่นวายและไม่ต้องพยายามมาก ใช้ท่าโพสนี้เพื่อให้เห็นช่องว่างมากขึ้นหากคุณมีอยู่แล้ว
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 6:

รู้เกี่ยวกับผลของฮอร์โมน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีที่แน่นอนที่สุดที่จะมีช่องว่างระหว่างต้นขานั้น ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำหนักตัว แต่คือการมีสะโพกพาย หากคุณยังไม่เป็นวัยรุ่นพอก็เป็นไปได้ที่เชิงกรานของคุณจะยังมีขยายมากพอ เด็กสาวส่วนมากจะหยุดพัฒนาเมื่ออายุประมาณ 16-17 ปี แต่วัยแรกรุ่นยังสามารถพัฒนาได้ไปจนถึงช่วงวัยรุ่นตอนปลายในบางคน เพราะฉะนั้นอดทนรออีกสักหน่อย [10] . Try to be patient!
    • อย่าเพิ่งไปอดอาหาร. วันแรกรุ่นยังมีการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงอยู่ จำเป็นต้องได้รับสารอาหารและแคลอรี่ที่มากในการนำไปใช้ หากไปทรมานตนเองจะทำให้พัฒนาการของร่างกายหยุดชะงักได้
    • ต้องยอมรับว่าวัยแรกรุ่นนั้นต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ไม่ใช่เป็นเดือน คุณอาจจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูร้อนนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงร่างกายของวัยเด็กไปเป็นวัยผู้ใหญ่นั้นใช้เวลาหลายปี อย่าท้อหากการเจริญเติบโตของคุณใช้เวลานานกว่าเด็กสาวคนอื่นๆรอบตัว
  2. หากคุณอายุ 15 แล้วยังไม่มีประจำเดือน ให้ลองนัดพบนรีแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ [11] เพราะอาจมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ทำให้เจริญเติบโตช้าได้.
    • หากเริ่มสงสัยว่าฮอร์โมนมีความไม่สมดุลอย่างรุนแรง ให้นัดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์หรือแพทย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ การตรวจเลือดอย่างง่ายก็สามารถบอกความผิดปกติได้มาก และแพทย์จะให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แทนที่จะนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ให้เปลี่ยนมานั่งบนพื้นแล้วออกกำลังกายแทน
  • เมื่อมีช่องว่างระหว่างขาตามที่ตั้งใจได้แล้ว ก็อย่าหยุดพฤติกรรมการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • การวิ่งเหยาะเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ดีที่มีการลงน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ
  • ต้องมีความสุขกับการออกกำลังกายที่เลือกเพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อเพราะอาจจะทำได้แค่ชั่วคราวก่อนจะสำเร็จเป้าหมาย
  • รู้โครงสร้างร่างกายของตนเอง ผู้หญิงที่มีสะโพกแคบอาจต้องใช้เวลามากในการทำให้มีช่องว่างระหว่างขาหนีบได้ แม้จะรูปร่างผอม เพราะกระดูกขาอยู่ในตำแหน่งที่ขาสองข้างอยู่ชิดกันเกินไป
  • อย่าลืมที่จะพอใจในสิ่งที่คุณเป็นและทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • เต้นบัลเลต์ก็เป็นสิ่งที่ดี การเต้นทุกรูปแบบที่ไม่ใช่ฮิปฮอปล้วนทำให้ขาเรียวได้
  • การมีช่องว่างระหว่างขาหนีบนั้นจำเป็นต้องใช้ความมุ่งมั่นและพยายามอย่างมาก อย่าคาดหวังว่าจะได้ภายในไม่กี่วัน และต้องมั่นใจว่าต้องการจะมีจริงๆ
  • ลองรับประทานเจหรือมังสวิรัติ
  • การวิ่งและหรือการวิ่งเหยาะๆ หรือออกกำลังกายคาร์ดิโอรูปแบบอื่นจะทำให้ขาเรียวลง ทำให้มีโอกาสที่จะมีช่องว่างระหว่างขาหนีบได้มากขึ้น
  • หากกำลังมีปัญหาในการต้องรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างเดียว ให้เริ่มช้าๆ และอาจจะรับประทานชอกโกแลตสักแท่งให้รางวัลตัวเองสัก 2 วันต่อครั้ง เพราะพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ
  • ช่องว่างระหว่างขาหนีบเป็นสิ่งที่ดีก็ต่อเมื่อไม่กว้างเกินไปและไม่ไปกระตุ้นให้เกิดอาการคลั่งผอม หลั่งคุณต้องการให้ทำด้วยการพัฒนาร่างกายเท่านั้น อย่าไปหมกมุ่นหรือกังวลมากเกินไป
  • อย่ารับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ คุณเป็นคนที่รู้ดีที่สุดและหากมันยากที่จะมีช่องว่างระหว่างขาหนีบนี้ก็อย่าไปรู้สึกไม่ดี เพราะมันก็เป็นแค่เพียงกระแสนิยมเท่านั้น
โฆษณา

คำเตือน

  • หลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของความกังวลเรื่องช่องว่างระหว่างขาหนีบนี้ การมีช่องว่างนี้อาจจะเป็นแค่ประเด็นที่น่าสนใจหรือกระแสนิยมในปัจจุบัน แต่การมีช่องที่กว้างก็ดูไม่เป็นธรรมชาติและนำไปสู่การเกิดอันตรายต่อสุขภาพในที่สุด แฟชันตามกระแสนิยมชั่วคราวนั้นไม่ได้มีค่าเลยหากมันเป็นสาเหตุในการทำร้ายร่างกาย
  • หากคุณสงสัยว่าคุณหรือคนที่รู้จักอาจมีปัญหาความผิดปกติในการรับประทานอาหารจากการต้องการมีช่องระหว่างขาหนีบนี้หรือจากการลดน้ำหนักและไขมัน ให้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที
  • ศึกษาอาหารของการที่น้ำหนักลดแบบไม่ดีต่อสุขภาพ หากประจำเดือนไม่มา รู้สึกปวดเมื่อยหรือเจ็บปวดเกือบตลอดเวลา หรือเริ่มรู้สึกฉุนเฉียวง่ายหรือเซื่องซึมบ่อยๆ ให้เพิ่มแคลอรี่จากอาหารและปรึกษาแพทย์ การมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์หรือได้รับอาหารน้อยเกินไปสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงด้านปัญหาทางสุขภาพที่รุนแรงได้
  • หากโดยปกติคุณไม่ได้เป็นคนที่ออกกำลังกาย หรือมีความเจ็บป่วยอยู่ก่อนหน้านี้ ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มวางแผนออกกำลังกาย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,399 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา