PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

อาการเจ็บคอคือการระคายเคือง หรือการติดเชื้อของลำคอ ซึ่งเกิดจากโรคติดเชื้อแบคทีเรีย โรคติดเชื้อไวรัส หรือการบาดเจ็บ อาการเจ็บคอจำนวนมากเกิดจากไข้หวัดธรรมดา และจะหายไปเองหลังจากหนึ่งถึงสองวัน เมื่อได้พักผ่อนและดื่มของเหลวมากๆ ทว่าอาการเจ็บคอในบางครั้งเรื้อรังมากกว่านั้น และเป็นสัญญาณของโรคติดเชื้อไวรัส หรือโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคติดเชื้อโมโนนิวคลิโอซิส หรือ โรคคออักเสบ จงอ่านขั้นตอนต่างๆ เบื้องล่างสำหรับเคล็ดลับทั่วไป วิธีรักษาด้วยตัวเอง และกรรมวิธีตามคำแนะนำของแพทย์

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

วิธีรักษาด้วยตัวเองเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำน้ำยากลั้วคอจำนวนพอประมาณเพื่อช่วยลดการบวม และบรรเทาอาการไม่สบาย. ผสมเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำอุ่นจำนวน 8 ออนซ์ แล้วอมไว้ที่ด้านหลังของลำคอ กลั้วคอโดยเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย และพ่นน้ำออกมา กลั้วคอทุกๆ ชั่วโมงหรือประมาณนั้น หลังจากนั้น คุณสมควรล้างปากเพื่อไม่ให้ในปากมีรสเค็ม
    • หากต้องการ ให้เติมน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูหนึ่งช้อนชาในน้ำยาที่ใช้กลั้วคอ แล้วกลั้วคอตามปกติ ห้ามกลืน!
  2. อมยาอมแก้เจ็บคอที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยาของแพทย์เพื่อบรรเทาอาการ. ยาอมสมุนไพรจำนวนมากที่คุณสามารถหาซื้อได้ทั่วไป มีส่วนผสมที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ เช่น มะนาว หรือน้ำผึ้ง
    • ลูกอมแก้เจ็บคอหลายชนิด เช่น ซูเครตส์ แมกซิมัม สเตรนจ์ หรือ สเปค-ที นั้นปลอดภัย มีประสิทธิภาพและมียาผสมอยู่ (เป็นยาชาเฉพาะที่) ทำให้ลำคอชาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
    • พยายามไม่ใช้ยาอมที่มียาชานานเกินสามวัน เพราะยาชาอาจปิดบังอาการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรง เช่น โรคติดเชื้อสเตรปโตคอกคัส (คออักเสบ) ซึ่งจำเป็นต้องไปพบแพทย์
  3. สเปรย์พ่นลำคอ เช่น เซปาคอล ช่วยบรรเทาอาการปวดโดยทำให้ด้านในของลำคอชา แบบเดียวกันกับยาอมแก้เจ็บคอ ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ระบุบนฉลากยา และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเรื่องข้อมูลของการใช้ร่วมกันกับยา และ/หรือวิธีรักษาอื่นๆ
  4. คุณสามารถบรรเทาความเจ็บปวดจากภายในลำคอ โดยใช้น้ำชาอุ่นๆ ยาอม และสเปรย์พ่นลำคอ แต่จะดีไหมหากเราจะจัดการกับอาการเจ็บคอจากภายนอก โดยใช้การประคบร้อนรอบๆ ด้านนอกลำคอของคุณ [1] การประคบร้อนนี้อาจเป็นกระเป๋าไฟฟ้าอุ่นๆ สักใบ ขวดน้ำร้อนสักขวด หรือผ้าชื้นๆ อุ่นๆ สักผืน
  5. ทำชุดยาพอกจากชาคาโมไมล์ (หรือใส่ดอกคาโมไมล์แห้ง 1 ช้อนโต๊ะในน้ำเดือด 1-2 ถ้วย แล้วปล่อยแช่ไว้) เมื่อน้ำชาอุ่นพอสัมผัสได้ ให้จุ่มผ้าขนหนูสะอาดๆ ผืนหนึ่งลงในน้ำชา บิดเอาน้ำออก แล้วใช้ผ้าพันรอบคอ ทำซ้ำอีกตามที่จำเป็น [2]
  6. ผสมเกลือสมุทร 2 ถ้วยตวงกับน้ำค่อนข้างอุ่น 5-6 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ชื้นแต่ไม่เปียก ใส่เกลือลงกลางผ้าเช็ดจานสะอาดผืนหนึ่ง ม้วนผ้าเช็ดจานตลอดความยาวแล้วใช้พันรอบลำคอ ใช้ผ้าขนหนูแห้งอีกผืนคลุมปิดอีกชั้นหนึ่ง ทิ้งไว้นานเท่าที่ต้องการ [1]
  7. ใช้เครื่องทำความชื้น หรือการบำบัดด้วยไอน้ำเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ. ละอองน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นที่ปล่อยผ่านเครื่องทำความชื้น ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ทำให้ห้องของคุณเย็นหรือชื้นจนไม่สบายตัว
    • บำบัดด้วยไอน้ำโดยใช้น้ำอุ่นกับผ้าเช็ดจาน. ต้มน้ำ 2-3 ถ้วยจนเดือดอ่อนๆ แล้วนำขึ้นจากความร้อน (หากต้องการ ให้แช่ชาคาโมไมล์ ชาขิง หรือชามะนาวในน้ำด้วย) ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที อังมือเหนือไอน้ำที่ลอยขึ้นมา เพื่อทดสอบดูว่าร้อนเกินไปหรือไม่ เทน้ำลงในชามใบใหญ่ ใช้ยาเช็ดจานสะอาดผืนหนึ่งพันรอบศีรษะของคุณ แล้วอังศีรษะที่มีผ้าพันไว้เหนือไอน้ำที่ลอยขึ้น สูดหายใจลึกๆ ทางจมูกและปากนาน 5-10 นาที ทำซ้ำตามที่จำเป็น [1]
  8. คุณอาจกินยาอะเซตามิโนเฟน กับไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอได้ แต่หลีกเลี่ยงที่จะให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีกินยาแอสไพริน เพราะยาสูตรผสมนี้ได้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับอาการป่วยร้ายแรงชื่อ เรย์ ซินโดรม [3] จงทำตามคำแนะนำเรื่องปริมาณการใช้ยาบนฉลากอย่างเที่ยงตรง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

สุขลักษณะทั่วไปเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. [1] หากเป็นไปได้ ให้พยายามหลับในระหว่างวัน และยังคงนอนหลับตามกำหนดเวลาที่คุณเคยนอนในตอนกลางคืน ในช่วงที่ยังป่วยอยู่นี้ ให้ใช้เวลานอนหลับต่อวันมากกว่าปกติ กล่าวคือระหว่าง 11-13 ชั่วโมง
  2. ไม่ใช่ความลับที่ว่ามือของเราเป็นพาหะนำเชื้อแบคทีเรีย แล้วเราก็ใช้มือแตะใบหน้าและอวัยวะอื่นๆ เพิ่มความเป็นไปได้ที่จะแพร่เชื้อแบคทีเรีย ล้างมือบ่อยๆ หากคุณเจ็บคอหรือเป็นหวัดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค
  3. [1] น้ำอาจช่วยเจือจางสารคัดหลั่งในลำคอ และของเหลวอุ่นๆ จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำคอ การเพิ่มน้ำให้กับร่างกาย จะช่วยให้ร่างกายขจัดการติดเชื้อและช่วยให้หายเจ็บคออย่างรวดเร็ว
    • ดื่มน้ำให้ได้ 3 ลิตร (13 ถ้วย) ต่อวันสำหรับผู้ชาย และ 2.2 ลิตร (9 ถ้วย) ต่อวันสำหรับผู้หญิง [4]
    • ดื่มชาขิงหรือชาคาโมไมล์อุ่นเพื่อช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำคอ [5]
    • ผสมเครื่องดื่มร้อนที่ประกอบด้วยน้ำผึ้งมานูกา มะนาวเลมอนและน้ำอุ่น หากหาน้ำผึ้งมานูกาไม่ได้ ก็ใช้แบบธรรมดาแทนได้ [6]
    • การดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ เช่น เกเตอเรด จะช่วยเพิ่มเติมเกลือ น้ำตาล และแร่ธาตุจำเป็นอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการเพื่อต่อสู้กับอาการเจ็บคอ [7]
  4. อาบน้ำฝักบัวร้อนจนเป็นไอบ่อยๆ การอาบน้ำฝักบัวจะช่วยทำความสะอาดร่างกายของคุณ ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจซึ่งจะทำให้คุณสดชื่น และเปิดโอกาสให้ไอน้ำร้อนๆ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
  5. วิตามินซีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ต่างๆ จากความเสียหายที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ สารอนุมูลอิสระคือพวกสารประกอบที่ก่อตัวขึ้นเมื่อร่างกายของเราเปลี่ยนอาหารที่กินให้เป็นพลังงาน [8] หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าวิตามินซี ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอเป็นพิเศษนี้ยังขัดแย้งกันอยู่ แต่แน่นอนว่าวิตามินซีไม่ได้เป็นผลเสียต่อคอที่เจ็บอยู่ของคุณ [9] คุณจึงอาจกินวิตามินซีได้ด้วย
    • ยังมีอาหารประเภทอื่นๆ ที่อุดมด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ในจำนวนนี้รวมทั้ง ชาเขียว บลูเบอร์รีและแครนเบอร์รี่ ถั่ว (ถั่วเปรู ถั่วแดง และถั่วดำ) อาร์ติโชก ลูกพรุน แอปเปิล และถั่วพีแคน [10]
  6. เป็นชาที่อาจให้ผลดีเพราะกระเทียมเป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ [11]
    • หั่นกระเทียมเป็นชิ้นเล็กๆ (หั่นชิ้นหนาปานกลาง)
    • ใส่กระเทียมที่หั่นแล้วลงในเหยือกหรือถ้วยชา เติมน้ำ
    • ใส่ถ้วยในไมโครเวฟ ต้มให้เดือดนานสองนาที
    • นำถ้วยออกมา ตักชิ้นกระเทียมออกในขณะที่ยังร้อนอยู่
    • เติมถุงชากลิ่นที่คุณชอบ (จะดีมากหากเป็นกลิ่นที่ช่วยดับกลิ่นกระเทียมได้) เช่น ชากลิ่นวานิลลา
    • เติมน้ำผึ้งหรือสารให้ความหวานอื่นๆ (ในปริมาณที่มากพอจะทำให้ดื่มได้อร่อย)
    • ดื่ม (รสชาติดีจริงๆ ต้องขอบคุณถุงชากับสารให้ความหวาน). คุณสามารถดื่มได้หลายถ้วยตามที่ต้องการ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

อาหารที่สมควรหลีกเลี่ยงตอนยังป่วยอยู่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากนม ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกแย่ลง. จากการศึกษาพิสูจน์แล้วว่าไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างอาหารจากนมที่คุณกินเข้าไปกับจำนวนมูกที่คุณมี อย่างไรก็ดี สำหรับบางคนนั้น อาหารที่ทำจากนมทำให้เกิดเสมหะ ลองอาหารจากนมอย่างโยเกิร์ต ชีส หรือนมสักแก้ว ถ้าไม่ได้เป็นอะไรก็กินได้ต่อไป แต่ถ้าคอเจ็บมากขึ้นหรือรู้สึกระคายคอ ก็กินน้อยลงในเวลาที่ป่วย [12]
  2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป เช่น ขนมคัพเค้ก หรือขนมเค้ก ในระหว่างที่กำลังทรมานจากอาการเจ็บคอ. อาหารที่มีน้ำตาลสามารถทำให้ลำคอระคายเคือง แต่กินไอศกรีมหวานเย็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดต่างๆ ที่ปราศจากน้ำตาล เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ [13]
    • ถ้ารู้สึกโหยอะไรหวานๆ เลือกสมูทตี้ผักหรือผลไม้ ถ้าเป็นมื้อเช้า ให้ลองโอ๊ตมีลอุ่นๆ
    • ซุปครีมหรือซุปข้นช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้
  3. อย่าปล่อยให้สัมผัสเย็นๆ ของเครื่องดื่มล่อลวงคุณได้ หากต้องการเพิ่มอุณหภูมิหลักของร่างกาย ให้ลองดื่มน้ำค่อนข้างอุ่น ถึงหากรสชาติจะไม่ได้อร่อยที่สุดก็ตาม [14]
  4. ผลไม้อย่างส้ม มะนาว เลมอน และมะเขือเทศนั้นยิ่งทำให้เจ็บคอมากขึ้น เลือกทานองุ่นหรือน้ำแอปเปิลแทน ซึ่งให้ความสดชื่นโดยไม่มีสภาพความเป็นกรด [15]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

สัญญาณบ่งชี้ว่าคอที่เจ็บต้องการการดูแลจากแพทย์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพราะปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเสียใจภายหลัง แพทย์สามารถตรวจดูคอของคุณ ให้คำปรึกษาเรื่องอาการของโรค และทำการทดสอบต่างๆ ซึ่งหวังไว้ว่าจะช่วยให้คุณฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
  2. อาการคอเจ็บของคุณอาจเป็นแค่คอเจ็บจริงๆ แต่ก็มีโอกาสที่สิ่งซึ่งคุณคิดว่าเป็นอาการคอเจ็บนั้น อันที่จริงเป็นโรคคออักเสบ หรือ อาการติดเชื้ออื่นๆ ซึ่งมีศักยภาพที่จะเป็นอันตราย จงคอยสังเกตหาอาการต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าคุณป่วยเป็นโรคคออักเสบ:
    • จู่ๆ ก็เจ็บคออย่างรุนแรง และอย่างกะทันหัน โดยไม่มีสัญญาณต่างๆ ของไข้หวัดธรรมดา (ไอ จาม น้ำมูกไหล ฯลฯ)
    • มีไข้สูงเกิน 101° ฟาเรนไฮต์ (38.3° เซลเซียส). หากมีไข้ต่ำกว่านี้บ่งชี้ว่ามีโอกาสมากขึ้นว่าน่าจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส ไม่ใช่โรคคออักเสบ
    • ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวม
    • มีจุดสีขาวหรือเหลือง หรือเคลือบบนลำคอ และที่ต่อมทอมซิล
    • คอเป็นสีแดงสด หรือมีจุดสีแดงคล้ำบนเพดานปากด้านหลัง ใกล้ๆ กับลำคอ
    • มีจุดสีแดงแถวคอหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
  3. ตรวจหาสัญญาณต่างๆ ของโรคติดเชื้อโมโนนิวคลิโอซิส หรือโรคโมโน. ซึ่งเกิดจากไวรัสเอปสไตน์-บาร์ [16] ตามปกตินั้น โรคนี้มักพบในวัยรุ่นกับวัยหนุ่มสาว เพราะผู้ใหญ่ส่วนมากมีภูมิคุ้มกันไวรัสชนิดนี้ อาการต่างๆ ของโรคโมโนรวมทั้ง
    • มีไข้สูง ระหว่าง 101° - 104° ฟาเรนไฮต์ (38.3° - 40° เซลเซียส) พร้อมกับอาการหนาวสั่น
    • เจ็บคอและมีแผ่นฝ้าสีขาวบนต่อมทอมซิล
    • ต่อมทอมซิลบวม และมีต่อมน้ำเหลืองบวมทั่วร่างกาย
    • ปวดศีรษะ เหนื่อยอ่อน และหมดแรง
    • เจ็บที่ท้องซีกบนซ้าย ใกล้กับม้าม หากเจ็บม้าม ให้ไปพบแพทย์ทันที เพราะม้ามอาจแตก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พยายามไม่พูดมากนัก จะช่วยให้คุณได้พักคอ การพูดอาจเพิ่มความเครียดเป็นพิเศษให้กับเสียงได้เช่นกัน
  • กินซุป ซุปเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้หายป่วย
  • อาบน้ำฝักบัวที่ร้อนมากๆ ความร้อนของน้ำจะทำให้เกิดไอน้ำ ซึ่งจะช่วยเปิดระบบทางเดินหายใจ ช่วยรักษาและบรรเทาอาการเจ็บป่วยบางประการ
  • ดื่มน้ำส้มคั้นสดใส่น้ำผึ้งและเกลือเล็กน้อยในตอนเช้า
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ยิ่งแย่ลง
  • หากไม่มีชา ให้ลองจิบกาแฟ จะช่วยลำคอได้เช่นกัน และทำให้รู้สึกดีขึ้น
  • ดื่มน้ำให้มากสุดที่จะทำได้ แต่ทำให้แน่ใจว่าน้ำไม่เย็นหรือร้อนเกินไป
  • ทำชาน้ำผึ้งผสมมะนาวให้กับตัวเอง เติมน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะในถ้วย เติมน้ำร้อนและน้ำมะนาวสองผล
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น ให้ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำผลไม้
  • หลีกเลี่ยงการไอมากเกินไป เพราะอาจทำให้คอเจ็บมากขึ้นได้
โฆษณา

คำเตือน

  • หลีกเลี่ยงโซดากับอาหาร และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลปริมาณมากชนิดอื่นๆ เครื่องดื่มโซดาเพียงชนิดเดียวที่ดื่มได้ดีคือ จินเจอร์ เอล ผลการศึกษาหลายฉบับบ่งชี้ว่า ขิงรักษาอาการเจ็บคอและต่อมทอมซิลโตได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 244,854 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา