ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

วิธีการรักษาที่ดีที่สุดของผู้ที่ปวดไมเกรนบ่อยๆ หรือรุนแรงก็คือการป้องกันไว้ก่อน มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อหยุดไมเกรนก่อนที่มันจะเริ่มต้น ซึ่งที่ดีที่สุดก็คือการหาตัวกระตุ้นส่วนตัวที่ทำให้เกิดไมเกรน การเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตก็พิสูจน์แล้วว่าจะช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของไมเกรนในหลายๆ คน คุณสามารถทำตามวิธีง่ายๆ 2-3 วิธีต่อไปนี้เพื่อค้นหาตัวกระตุ้นไมเกรนและช่วยป้องกันอาการปวดหัวไมเกรน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ควบคุมตัวกระตุ้นทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นสามารถทำให้เกิดไมเกรนได้ มันเกิดขึ้นจากการขาดสารอาหารหรือการทานคาร์โบไฮเดรตขัดสีมากเกินไป ซึ่งก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือด การทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างดมื้ออาหารใดๆ ตลอดทั้งวัน หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตขัดสีอย่างน้ำตาลและขนมปังขาว ขนมปังโฮลเกรนนั้นก็ใช้ได้
    • สำหรับมื้ออาหารเล็กๆ แต่ละมื้อ ให้เลือกอาหารอย่างผักและผลไม้สดที่มีโปรตีนอย่างไข่หรือโปรตีนไร้มัน อาหารเหล่านี้จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ตลอดทั้งวัน [1]
  2. ไทรามีนนั้นเป็นสารที่จะปล่อยสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่านอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) ซึ่งจะนำไปสู่อาการปวดหัว มีอาหารทั่วไปหลายอย่างที่มีไทรามีนหรือไนไทรท์ อาหารอย่าง มะเขือม่วง มันฝรั่ง ไส้กรอก เบค่อน แฮม ผักโขม น้ำตาล ชีสหมัก เบียร์ และไวน์แดงนั้นมีสารนี้
    • อาหารอื่นๆ ที่มีไทรามีนนั้นได้แก่ช็อกโกแลต อาหารทอดน้ำมัน กล้วย ลูกพลัม ถั่วปากอ้า มะเขือเทศ และผลไม้ตระกูลส้ม
    • อาหารที่มีเครื่องปรุงสูงอย่างโมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือสารสังเคราะห์ที่ใส่เพิ่มนั้นก็อาจจะเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้
    • ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง โดยเฉพาะประเภทหมักนั้น มีระดับของไทรามีนอยู่สูง เต้าหู้ ซอสถั่วเหลือง ซอสเทอรายากิ และมิโสะ นั้นเป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง [2] [3]
  3. การแพ้อาหารบางประเภทนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ในคนที่แพ้ ไมเกรนจะถูกกระตุ้นจากอาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับอาการแพ้ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารทุกอย่างที่คุณแพ้และอาหารที่คุณคิดว่าคุณน่าจะแพ้
    • หากคุณพบว่าตัวเองปวดหัวไมเกรน ให้ลิสต์รายชื่ออาหารที่คุณได้ทานตลอดทั้งวัน ด้วยวิธีนี้คุณก็จะสามารถติดตามและเริ่มระบุได้ว่าอาหารอะไรที่ทำให้คุณแพ้ คุณอาจจะไปให้แพทย์ตรวจอาการแพ้ก็ได้
    • อาหารที่มักจะทำให้แพ้นั้นได้แก่ ข้าวสาลี ถั่วเปลือกแข็ง ผลิตภัณฑ์จากนม และธัญพืชบางอย่าง [4]
    • หากคุณรู้ว่าอาหารใดที่ดูเหมือนจะเป็นตัวกระตุ้นไมเกรน ให้เลิกทานมัน หากคุณไม่แน่ใจ ให้ไม่ทานอาหารชนิดนั้นสักพักหนึ่งเพื่อดูว่าคุณรู้สึกอย่างไรและมีการตอบสนองอย่างไร อีกทางเลือกหนึ่ง คุณอาจจะขอให้แพทย์ทำการทดสอบการแพ้อาหาร
    • ระลึกไว้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอาหารที่เป็นสิ่งกระตุ้นหรือตอบสนองเหมือนกัน อาหารที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรนในคนอื่นนั้นอาจจะไม่ได้เหมือนกับของคุณ
  4. ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรนที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการขาดน้ำ เพราะว่าร่างกายนั้นต้องการน้ำมากในวันหนึ่ง ร่างกายตอบสนองต่อการขาดน้ำด้วยการสร้างความรู้สึกปวดและไม่สบาย มันยังทำให้เกิดอาการอื่นๆ เช่น เพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง และมึนงง [5]
    • น้ำเปล่าคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ร่างกายชุ่มชื้น เครื่องดื่มอื่นๆ นั้นที่มีน้ำตาลหรือสารให้ความหวานในระดับต่ำ (หรือไม่มีเลย) หรือเครื่องดื่มที่ปราศจากคาเฟอีนนั้นก็สามารถช่วยให้คุณชุ่มชื้นได้
  5. เมื่อคุณพยายามที่จะป้องกันไมเกรน คุณควรหลีกเลี่ยงไฟสว่าง สีของไฟบางสีสามารถเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้ในบางคน อาการไวต่อแสงเช่นนี้เรียกว่าตาไม่สู้แสง (photophobia) มันจะเกิดขึ้นเมื่อแสงไฟเพิ่มอาการปวดหัวของคุณ เซลล์ประสาทภายในตาที่มีชื่อว่านิวรอนนั้นจะถูกกระตุ้นด้วยไฟจ้า [6]
    • เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น อาจจะต้องใช้ความมืดประมาณ 20-30 นาทีในการเริ่มต้นบรรเทาอาการปวดเพราะว่านิวรอนนั้นยังคงทำงานอยู่ [7]
  6. เพราะว่าแสงไฟจ้าและกระพริบนั้นบางครั้งก็ทำให้เป็นไมเกรนได้ คุณควรสวมแว่นตาในวันที่แดดจ้าหรือในฤดูหนาวที่มีแสงจ้า แสงจากหิมะ น้ำ หรืออาคารนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ การสวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์คุณภาพดีและมีส่วนป้องกันด้านข้าง หากเป็นไปได้ ผู้ป่วยไมเกรนบางคนนั้นพบว่าการใส่แว้นที่มีเลนส์ย้อมสีนั้นก็ช่วยได้ [8]
    • พักสายตาเป็นพักๆ เมื่อดูโทรทัศน์หรือใช้คอมพิวเตอร์ ปรับแสงสว่างและระดับคอนทราสต์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ หากคุณใช้จอแบบสะท้อน ลดการสะท้อนด้วยการใช้ฟิลเตอร์ หรืออาจจะดึงมู่ลี่และม่านเมื่อแสงแดดส่อง
    • สิ่งกระตุ้นที่มองไม่เห็น เช่น กลิ่นแรงๆ ก็สามารถทำให้เกิดไมเกรนได้ในบางคน เมื่อคุณได้เผชิญกับกลิ่นบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นตัวกระตุ้นไมเกรน ให้พยายามหลีกเลี่ยงกลิ่นนั้น [9]
  7. ไมเกรนนั้นสามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยเสียงดังๆ โดยเฉพาะเสียงดังต่อเนื่อง เหตุผลนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าผู้ป่วยไมเกรนนั้นไม่สามารถยับยั้งเสียงดังๆ ได้ ขณะที่คนอื่นๆ เสนอว่าหูด้านในอาจจะเป็นสาเหตุ [10]
  8. การเปลี่ยนแปลงในอากาศนั้นเกี่ยวข้องกับความกดอากาศ มันสามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ อากาศแห้งๆ หรืออุ่นๆ ลมแห้งๆ ก็สามารถส่งผลกับร่างกายของคุณและทำให้ปวดหัว นี่เกิดขึ้นเพราะว่าความไม่สมดุลของสารเคมีที่อยู่ในร่างกายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแรงกด [11]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสมดุลอย่างผลไม้ ผัก โฮลเกรน และโปรตีนที่ดี ทานผักสีเขียวเข้มเยอะๆ เช่น บรอกโคลี่ ผักโขม และคะน้า คุณอาจจะทานไข่ โยเกิร์ต และนมไขมันต่ำ เพื่อได้รับโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ อาหารเหล่านี้มีวิตามินบีซึ่งจะช่วยป้องกันไมเกรน
    • ทานอาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม. แมกนีเซียมจะคลายเส้นเลือดและเพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดทำงานอย่างเหมาะสม อาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียมได้แก่ถั่วเปลือกแข็งอย่างอัลมอนด์และมะม่วงหิมพานต์ โฮลเกรน จมูกข้าวสาลี ถั่วเหลือง อะโวคาโด โยเกิร์ต ดาร์กช็อคโกแลต และผักใบเขียว [12] [13]
    • ปลาที่มีไขมันนั้นจะช่วยป้องกันไมเกรนได้ ให้ทานปลาที่มีไขมันอย่าง แซลมอน ทูน่า ซาร์ดีน หรือแอนโชวี่ 3 ครั้งต่ออาทิตย์เพื่อเพิ่มโอเมก้า 3 และกรดไขมันที่ได้รับ [14] [15]
  2. การใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบนั้นรู้กันว่าจะเป็นตัวกระตุ้นไมเกรน หากคุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถเลิกเองได้ ให้พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับแผนหรือยาที่จะช่วยคุณเลิกสูบบุหรี่ [16]
    • งานวิจัยหนึ่งแสดงผลว่าการสูบบุหรี่เกิน 5 มวนต่อวันนั้นมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นไมเกรน หากคุณไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ ให้ลดปริมาณให้เหลือน้อยกว่า 5 มวนต่อวันก็อาจจะมีประโยชน์บ้าง [17]
  3. คาเฟอีนนั้นเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบกับคนเราในหลายๆ ด้าน บางคนนั้นพบว่าคาเฟอีนกระตุ้นไมเกรน ขณะที่บ่งคนอาจจะรู้สึกว่าคาเฟอีนนั้นช่วยพวกเขาไว้ หากปกติแล้วคุณใช้คาเฟอีนและสงสัยว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นไมเกรน พยายามลดลงเล็กน้อยต่อครั้ง การถอนคาเฟอีนอาจจะยิ่งทำให้เป็นไมเกรนได้ ดังนั้น ให้ตระหนักในเรื่องนี้และถอนตัวเองจากคาเฟอีนอย่างช้าๆ [18] [19]
    • คาเฟอีนนั้นเป็นส่วนผสมหลักในยาบรรเทาไมเกรนหลายตัว ดังนั้นมันก็สามารถช่วยได้ หากคุณดื่มคาเฟอีนทุกวัน คาเฟอีนก็อาจจะไม่ช่วยคุณเพราะว่าร่างกายของคุณสร้างภูมิต้านทานไว้แล้ว
    • ให้บันทึกอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไว้ในไดอารี่ไมเกรนและการทดลองตัดมันออกเพื่อดูผลในกรณีของคุณ
  4. การนอนหลับที่ถูกรบกวนนั้นจะลดพลังงานและความสามารถในการต้านทานสิ่งกระตุ้นบางอย่าง การนอนไม่พอและนอนไม่หลับจะเพิ่มโอกาสที่จะเป็นไมเกรน การนอนมากเกินไปก็จะทำให้เป็นไมเกรนเช่นกัน หากร่างกายของคุณไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ คุณก็จะปวดหัวเพราะว่าการนอนที่ขาดแบบแผน [20] [21]
    • ไมเกรนนั้นอาจจะเกิดขึ้นเมื่อคุณนอนหลับมากกว่าปกติ เปลี่ยนกะการทำงาน หรือมีอาการเจ็ทแล็ก
  5. สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นไมเกรน แอลกอฮอล์นั้นจะกระตุ้นให้ปวดหัว คลื่นไส้ และอาการไมเกรนอื่นๆ ที่มีอาการหลายวัน ในแอลกอฮอล์มีไทรามีนอยู่มาก ซึ่งไทรามีนนั้นก็เป็นส่วนผสมที่กระตุ้นให้ปวดไมเกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเบียร์และไวน์แดง ใช้ประโยชน์จากการจดไดอารี่ไมเกรนเพื่อระบุสิ่งที่ทำให้เริ่มปวดไมเกรน
  6. จัดการหรือหลีกเลี่ยง ความเครียด .ไมเกรนมีแนวโน้มที่จะแย่ลงเมื่อมีความเครียดเพราะว่าการตึงกล้ามเนื้อและการขยายเพิ่มขึ้นของเส้นเลือด การจัดการกับความเครียดผ่านเทคนิคการผ่อนคลาย การคิดในแง่บวก และการบริหารเวลา ก็จะช่วยขจัดไมเกรนออกไปได้ การผ่อนคลายและการใช้ไบโอฟีดแบ็ค (biofeedback) นั้นแสดงผลว่าสามารถช่วยผู้ป่วยไมเกรนในการรักษาโรคไมเกรนเมื่อมันเริ่มเป็น ไบโอฟีดแบ็คนั้นเป็นความสามารถของบุคคลหนึ่งในการควบคุมสัญญาณชีพ เช่น อุณหภูมิ ชีพจร ความดันเลือด โดยใช้เทคนิคการผ่อนคลาย [23] [24]
  7. การออกกำลังกายอย่างเป็นประจำนั้นสามารถลดความถี่ของไมเกรนสำหรับหลายคน มันจะช่วยลดความเครียดและทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น มันยังช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงซึ่งเป็นสาเหตุของไมเกรน อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายอย่างทันทีหรือออกหนักๆ นั้นจะกลายเป็นตัวกระตุ้นไมเกรน เพราะฉะนั้นอย่าออกกำลังกายมากเกินไป นอกจากนี้ ให้อบอุ่นร่างกายช้าๆ และขอให้แน่ใจว่าคุณมีร่างกายอิ่มน้ำดีก่อนและหลังการออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในสภาพที่ร้อนหรือเย็นมากๆ ซึ่งก็อาจจะช่วยได้ [26]
    • ตั้งเป้าที่จะรักษาการวางท่าทาง (posture) ของคุณให้ดี การวางท่าทางที่ไม่ดีจะกระตุ้นอาการปวดหัวเพราะว่าแรงตึงในกล้ามเนื้อ [27]
  8. อากาศแห้งๆ นั้นจะเพิ่มโอกาสในการเป็นไมเกรน นี่เป็นเพราะว่าจำนวนของอิออนบวกที่อยู่ในอากาศ มันจะเพิ่มระดับเซโรโทนินของคุณซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่จะเพิ่มขึ้นระหว่างที่เป็นไมเกรน เพื่อแก้ปัญหานี้ ให้ใช้เครื่องทำความชื้นหรือต้มน้ำบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชื้นไปในอากาศ [28]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ใช้ยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผู้หญิงหลายคนที่เป็นไมเกรนนั้นพบว่าพวกเขามักจะมีอาการปวดหัวไมเกรนและคลื่นเหียนก่อนและระหว่างที่มีประจำเดือน นี่สามารถเกิดขึ้นระหว่างที่ตั้งครรภ์หรือหมดประจำเดือน นักวิทยาศาสตร์คิดว่านี่อาจจะมีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผันผวนของระดับเอสโตรเจนในร่างกาย หากอาการปวดหัวก่อนมีประจำเดือนนั้นเป็นปัญหาสำหรับคุณ คุณอาจจะต้องหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนวิธีที่คุณทานยาคุมที่มีเอสโตรเจน เพราะว่าเอสโตรเจนที่ลดลงอาจจะแย่ลงเมื่อใช้มัน และทำให้ปวดหัวหนักกว่าเดิม
    • ผลิตภัณฑ์ควบคุมการตั้งครรภ์ที่มีเอสโตรเจนสูงและการบำบัดโดยใช้ฮอร์โมนทดแทนนั้นจะทำให้ปัญหาแย่ลงในผู้หญิงหลายคน วิธีที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการหลีกเลี่ยงยาเหล่านี้ หากคุณกำลังใช้มันอยู่และสังเกตการเพิ่มขึ้นของความรุนแรงและความถี่ในการเป็นไมเกรน ให้พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการเลิกใช้ยา [29] [30]
    • ระลึกไว้ว่าการแก้ปัญหานั้นอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนการเลิกใช้ยาคุมในชีวิตประจำวัน ผู้หญิงบางคนพบว่ามันจะช่วยลดการเกิดไมเกรน ขณะที่คนอื่นๆ พบว่าไมเกรนจะถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นแค่เมื่อพวกเขาไม่ทานยาเป็นเวลา 1 อาทิตย์ต่อ 1 เดือน คุณสามารถเปลี่ยนเป็นยาเม็ดหลายๆ ประเภทเพื่อช่วยปัญหานี้หรือคุณอาจจะใช้ยาคุมต่อไปโดยไม่ต้องหยุด พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับทางแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ [31]
  2. หากคุณปวดหัวไมเกรนบ่อยๆ หรือรุนแรง ถามแพทย์เกี่ยวกับยาป้องกันไมเกรน ยาเหล่านี้เรียกว่ายาที่ใช้ป้องกันโรค (prophylactic medications) ซึ่งจะต้องใช้ใบจ่ายยาเท่านั้น ยาหลายตัวนั้นมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังนั้นจึงควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์และหลังจากที่ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีป้องกันอื่นๆ เพราะว่ามียาหลายตัวที่สามารถใช้ได้ และไมเกรนในแต่ละเคสนั้นก็มีความเฉพาะตัว การค้นหาการป้องกันที่เหมาะสมนั้นอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก [32]
    • ยาโรคหัวใจ เช่น ยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (beta blocker) อย่างโพรพราโนลอล (propranolol) และยาในกลุ่มอะทีโนลอลแคลเซียมแชนเนลบล็อกเกอร์ (atenolol calcium channel blockers) อย่างเวอราปามิล (verapamil) และยารักษาความดัน อย่าง ลิซิโนพริล (lisinopril) และแคนดีซาร์แทน (candesartan) สามารถใช้เพื่อช่วยอาการไมเกรนได้
    • ยาต้านชัก เช่น valproic acid และ topiramate ก็สามารถช่วยอาการไมเกรนได้ ขอให้ระวังว่า valproic acid อาจจะทำให้เกิดอันตรายที่สมองหากไมเกรนเกิดขึ้นเพราะความผิดปกติของวัฏจักรยูเรีย (urea cycle)
    • ยาต้านโรคซึมเศร้า เช่น tricyclic amitriptyline และ fluoxetine ได้พิสูจน์แล้วว่ามันมีประสิทธิภาพในหลายกรณีของไมเกรน ยาเล่านี้ในปริมาณยาปกตินั้นมีผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการ แต่ tricyclics แบบใหม่ เช่น nortriptyline ที่ใช้ในปริมาณต่ำนั้นสามารถรักษาไมเกรนนั้นมีผลข้างเคียงที่จำกัดกว่า
    • กัญชานั้นเป็นการรักษาไมเกรนแบบโบราณที่เมื่อไม่นานมานี้ได้ทำให้เกิดความสนใจในทางวิทยาศาสตร์ มันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายของหลายๆ ที่ แต่ถ้ามันถูกกฎหมาย ก็จะสามารถหาซื้อได้โดยใช้ใบจ่ายยา ลองศึกษากฏหมายในพื้นที่ของคุณและพูดคุยกับแพทย์ [33] [34]
  3. ยาที่แพทย์จ่ายให้นั้นไม่ใช่การรักษาเพียงอย่างเดียวที่แสดงผลว่าช่วยอาการไมเกรนได้ สมุนไพรและแร่ธาตุบางอย่างนั้นก็ช่วยทำให้อาการไมเกรนดีขึ้นเช่นกัน งานวิจัยพบความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแข็งแรงระหว่างการขาดแมกนีเซียมและการเริ่มเป็นไมเกรน งานวิจัยบางงานนั้นพบว่าการทานอาหารเสริมแมกนีเซียมนั้นจะช่วยผู้ป่วยไมเกรนได้
    • ระลึกไว้ว่าคุณควรปรึกษากับแพทย์ก่อนใช้อาหารเสริมหรืออาหารสมุนไพรใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ร่วมกับยาที่แพทย์จ่ายให้ [35]
    • อาหารเสริมสมุนไพรหลายอย่างนั้นอ้างว่าสามารถลดความถี่ของไมเกรน สารสกัดจาก feverfew ต้น butterbur และราก kudzu นั้นก็สามารถช่วยได้ ผู้หญิงไม่ควรทานอาหารเสริมเหล่านี้หากตั้งครรภ์อยู่ [36] [37]
    • วิตามินบีที่มีปริมาณยาที่ค่อนข้างสูง (400 มิลลิกรัม) หรือที่รู้จักในชื่อไรโบฟลาวิน นั้นจะช่วยป้องกันไมเกรนได้ [38] [39]
    • งานวิจัยทางด้านการเผาผลาญและตับได้แสดงผลถึงวิธีที่โคเอนไซม์หรือวิตามินบี 6 ช่วยเผาผลาญกรดอะมิโนที่ตับ กลูโคส และการสื่อประสาท วิตามินบี 6 จะช่วยสารเคมีอย่างเซโรโทนินให้รักษาสมดุลในสมอง นี่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหเรื่องสารเคมีไม่สมดุล ที่มันเป็นสิ่งกระตุ้นไมเกรน [40]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

รู้สัญญาณของไมเกรน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณไม่เคยไปวินิจฉัยอย่างเป็นทางการว่าเป็นไมเกรน เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับอาการปวดหัวของคุณ อาหารปวดหัวรุนแรงเรื้อรังนั้นสามารถเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรง เช่น เนื้องอกในสมอง แพทย์ของคุณจะสามารถตัดสาเหตุของอาการปวดหัวอื่นๆ ที่เป็นไปได้ก่อนที่คุณจะเริ่มรักษาอาการไมเกรนด้วยตนเอง
    • แพทย์อาจจะจ่ายยาหรือใช้วิธีการรักษาทางเลือกสำหรับไมเกรน
  2. ไมเกรนนั้นคืออาการปวดหัวที่เริ่มจากมึนงงและจะเพิ่มความรุนแรงจนแย่ลงเรื่อยๆ ระยะเวลามีตั้งแต่ไม่กี่นาทีจนไปถึงเป็นวัน อาการปวดนั้นจะมีลักษณะปวดกระหน่ำ เป็นจังหวะ ปวดตุบๆ อาการปวดอาจจะเคลื่อนที่ไปที่ศีรษะอีกข้างหนึ่ง ไปที่หลังคอหรือหลังศีรษะ หรือด้านหลังดวงตาข้างหนึ่ง มันอาจจะมาพร้อมกับอาการอย่างปัสสาวะมากขึ้น หนาวสั่น เหนื่อยล้า คลื่นเหียน อาเจียน ชา อ่อนแรง เจ็บแปลบเหมือนเข็มทิ่ม ไม่อยากอาหาร เหงื่อออก ไวต่อแสงและเสียง
    • หลังจากที่ไมเกรนบรรเทาลง ก็จะรู้สึกมีความคิดสับสนมึนงง อาจจะอยากนอนและปวดคอ [41]
  3. มีคนบางประเภทที่มีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรน ไมเกรนนั้นพบได้ทั่วไปที่สุดในคนที่อายุระหว่าง 10-40 ปี เมื่อคุณมีอายุ 50 ปี ไมเกรนนั้นก็จะลดลง ไมเกรนนั้นเป็นอาการที่ส่งผ่านในครอบครัว หากพ่อหรือแม่นั้นเป็นไมเกรน ลูกก็มีโอกาส 50% ที่จะเป็นไมเกรน หากทั้งพ่อและแม่นั้นเป็นไมเกรน ลูกก็มีโอกาส 75% ที่จะเป็นไมเกรน [42]
    • ผู้หญิงนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า นี่อาจจะเป็นเพราะว่าความเกี่ยวข้องกับระดับเอสโตรเจนและไมเกรน ผู้หญิงที่กำลังจะมีประจำเดือนมักจะปวดหัวเพราะว่าระดับเอสโตรเจนที่ลดลง [43]
  4. ระยะนี้เกี่ยวข้องกับบางส่วนของการเป็นไมเกรน ระยะอาการนำนั้นคือระยะแรก มันจะเริ่มต้นไปจนถึง 24 ชั่วโมงก่อนที่ไมเกรนจะเริ่มเป็นจริงๆ นี่เกิดขึ้นใน 60% ของผู้ป่วย ให้ดูแลตัวเองเป็นพิเศษด้วยการพักผ่อนและหลีกเลี่ยงความสิ่งกระตุ้นที่เป็นไปได้เมื่อคุณสังเกตสัญญาณเหล่านี้ มันก็จะช่วยป้องกันไมเกรนที่ยาวนานหรือลดความรุนแรงลง เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรักษาให้มีทัศนคติที่ดีหากคุณสังเกตอาการเหล่านี้เพราะความเครียดและกระวนกระวายจะเร่งให้เป็นไมเกรนหรือทำให้แย่ลง
    • อารมณ์เปลี่ยน เช่น ซึมเศร้า มีความสุขจนเคลิ้ม และโมโห นั้นสามารถเป็นสัญญาณแรกๆ ของไมเกรน
    • คุณอาจจะกระหายน้ำมากขึ้นหรือมีภาวะร่างกายคั่งน้ำ (fluid retention) ผู้ป่วยไมเกรนหลายคนสังเกตว่าพวกเขาจะกระหายน้ำกว่าเดิมก่อนที่จะปวดหัวอย่างหนัก คุณอาจจะมีความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงจนสังเกตได้
    • คุณอาจจะเชิญกับอาการเหนื่อยล้า กระสับกระส่าย สื่อสารหรือเข้าใจคนอื่นๆ ลำบาก พูดคุยลำบาก ตึงที่คอ มึนงง แขนขาอ่อนแรง หรือวิงเวียนจนทำให้สูญเสียการทรงตัว หากอาการเหล่านี้เป็นอาการใหม่สำหรับคุณหรือรุนแรงกว่าปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
  5. ระยะออร่านั้นจะเกิดขึ้นหลังจากระยะอาการนำ มีแค่ผู้ป่วยแค่ 15% เท่านั้นที่เผชิญกับระยะนี้ ในระยะนี้ จะเริ่มมีอาการปวดหัวแล้ว ผู้เผชิญกับระยะออร่าจะเห็นจุดหรือแสงไฟและจะสูญเสียการมองเห็น ระยะเวลาจะอยู่ประมาณ 5 นาทีไปจนถึงชั่วโมงก่อนที่อาการไมเกรนจะเริ่มขึ้น [44]
    • ช่วงออร่านั้นมักจะอาการเจ็บเหมือนเข็มทิ่มหรือชาที่ผิวหนังด้วย คุณอาจจะมีอาการถูกรบกวนทางโสตประสาทอีกด้วย
    • ไมเกรนแบบออร่าที่พบได้ยากนั้นมีชื่อว่า "โรคอลิซในดินแดนมหัศจรรย์" ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้ที่เปลี่ยนไปในร่างกายหรือสภาพแวดล้อม ไมเกรนออร่าประเภทนี้จะพบได้บ่อยที่สุดในเด็กๆ แต่บางครั้งก็พบในผู้ป่วยไมเกรนผู้ใหญ่ด้วย [45]
  6. ระยะที่ปวดหัวไมเกรนนั้นจะเกิดขึ้นต่อมาและเป็นช่วงที่แย่ที่สุดสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ ปกติแล้วอาการปวดหัวจะเริ่มตรงจุดหนึ่งของศีรษะและเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นของศีรษะ มันเป็นอาการปวดหัวที่เต้นตุบๆ เป็นจังหวะ การเคลื่อนตัวไปรอบๆ จะทำให้อาการปวดหัวแย่ลง ปัจจัยอื่นอย่างแสงและเสียงก็จะทำให้แย่ลงด้วย
    • ผู้ป่วยจะไม่สามารถสนทนาได้เพราะว่าอาการปวดหัว [46]
    • อาหารท้องเสีย คลื่นเหียน หรือแม้แต่อาเจียนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกับอาการปวดหัว [47] [48]
  7. ระยะสุดท้ายของไมเกรนนั้นคือระยะกลับสู่ปกติ มันเป็นระยะที่ร่างกายจะฟื้นจากอาการเจ็บปวดของไมเกรน ผู้ป่วยหลายคนบอกว่าจะรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากที่ปวดหัวไมเกรน บางคนยังรู้สึกโมโหและอารมณ์เปลี่ยนทันทีหลังจากที่ระยะปวดหัวไมเกรนสิ้นสุด [49]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

สร้างแผนการเพื่อควบคุมไมเกรน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าจะมีตัวกระตุ้นทั่วไปที่ทำให้เกิดไมเกรน คุณจำเป็นต้องรู้แน่ชัดว่าตัวกระตุ้นที่เจาะจงที่ทำให้เกิดไมเกรน การจดไดอารี่บันทึกอาการปวดหัวนั้นจะสามารถช่วยคุณระบุได้ มันยังช่วยคุณและแพทย์ควบคุมประสิทธิภาพของการรักษา การสามารถทบทวนบันทึกของสิ่งที่ทำ สิ่งที่ทาน สิ่งที่ประสบ และความรู้สึกในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้าการเกิดไมเกรนนั้นจะช่วยคุณอย่างมากเกี่ยวกับตัวกระตุ้นส่วนตัว
    • เริ่มเขียนไดอารี่โดยถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มปวดหัว? เป็นบ่อยเท่าไหร่? มีวันที่เจาะจงหรือไม่? เวลาที่ปวด? จะสามารถอธิบายอาการปวดหัวนี้ได้อย่างไร? มีตัวกระตุ้นอะไรบ้าง? ฉันมีอาการปวดหัวหลายๆ แบบหรือไม่? คนอื่นๆ ในครอบครัวเคยปวดหัวหรือไม่? สังเกตว่าการมองเห็นเปลี่ยนไปเมื่อปวดหัวหรือไม่? มักจะเป็นไมเกรนประมาณช่วงที่ประจำเดือนมาหรือไม่?
    • ติดตามวัน เวลาตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุด ระดับของอาการปวดตั้งแต่ 0-10 ตัวกระตุ้น อาการที่มีล่วงหน้า ยาที่คุณใช้ และการบรรเทาของไมเกรน
    • หากคุณใช้สมาร์ทโฟน ก็ใช้แอปพลิเคชั่นสำหรับไมเกรนในการบันทึกอาการปวดหัวไมเกรน ตัวกระตุ้น ออร่า ยา และอื่นๆ คุณสามารถหาแอปพลิเคชั่นสำหรับไมเกรนสำหรับแอนดรอยด์โดยการพิมพ์ค้นหาว่าไมเกรนหรือคีย์เวิร์ดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงในกูเกิลเพลย์สโตร์
  2. มันไม่มีตัวกระตุ้นหนึ่งเดียวสำหรับไมเกรน มันไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอะไรทำให้เกิดไมเกรนและมันก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ไมเกรนนั้นดูเหมือนว่าจะกระตุ้นโดยหลายสิ่งหลายอย่าง มันอาจจะเป็นสิ่งที่คุณทาน ได้กลิ่น ได้ยิน หรือมองเห็น มันมักจะเชื่อมโยงกับรูปแบบการนอนของคุณหรือกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ให้จดบันทึกทุกสิ่งที่คุณทำในแต่ละวันเพื่อหาตัวกระตุ้นส่วนตัวเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก [50] [51]
  3. แม้ว่ามันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงไมเกรนทุกครั้ง แต่มันเป็นไปได้ที่จะควบคุมมัน ให้ไปดูที่ไดอารี่บันทึกอาการไมเกรนของคุณและพยายามหารูปแบบที่เกิดขึ้น มองหารูปแบบเพื่อหาตัวกระตุ้น มองหาเวลาช่วงเฉพาะของวัน อาทิตย์ หรือฤดูที่ทำใหเกิดปัญหามากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ
    • วางแผนวิธีการที่จะจัดการกับการป้องกันไมเกรนเมื่อคุณหารูปแบบได้แล้ว ให้ดำเนินการตามแผนทันที หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และระวังต่อสิ่งที่มีอาการไว บันทึกผลที่ได้และยึดในสิ่งใดๆ ก็ตามที่ได้ผลสำหรับคุณในการบรรเทาไมเกรน
    • การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่เป็นไปได้อาจจะเป็นยาแก้ปวดตั้งแต่เริ่มปวดหัวและบอกคนอื่นถึงอาการปวดที่คุณประสบ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ตัวกระตุ้นไมเกรนบางอย่าง เช่น การเปลี่ยนแปลงของอากาศและประจำเดือนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากคุณได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เหนือการควบคุม คุณอาจจะพบว่าการพักผ่อนและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอื่น อาจจะช่วย
  • ยังไม่มีการทำความเข้าใจตัวกระตุ้นไมเกรนอย่างถ่องแท้ ขณะที่มีการแนะนำอาหารและกิจกรรมที่คุณควรหลีกเลี่ยง แต่มีแค่ตัวกระตุ้นที่คุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงก็คือตัวที่ทำให้ คุณ ปวดหัวไมเกรน
  • บางคนรายงานว่าการกดจุดฝังเข็ม นวด และการรักษาแบบไคโรแพรคติก ดูเหมือนว่าจะสามารถช่วยควบคุมไมเกรนได้ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เสนอว่าวิธีการเหล่านี้มีประโยชน์
  • โชคไม่ดีที่ไม่มีการรักษาไมเกรน แม้ว่าการหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นและการใช้ยาป้องกัน ผู้ป่วยไมเกรนนั้นมักจะประสบกับการปวดหัวไมเกรนบ้างอยู่ดี
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการปวดหัวบางคนนั้นรายงานความสำเร็จในการป้องกันไมเกรนด้วยการฉีดโบท็อกซ์ [52]
โฆษณา

คำเตือน

  • บทความนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปและไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแทนคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษากับแพทย์ก่อนใช้ยาใดๆ หรือก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตอย่างรุนแรง
  • หากคุณใช้ยาแก้ปวดที่ซื้อตามร้านขายยานานกว่าครึ่งเดือน คุณมีความเสี่ยงที่จะปวดหัวอีกครั้งเมื่อคุณเลิกใช้ยาแก้ปวด เมื่อจะถอนจากยาแก้ปวด การใช้การดีท็อกซ์อาจจะเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยเรื่องการปวดหัวหลังจากยาหมดฤทธิ์ ดังนั้นใช้แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาแก้ปวดอื่นๆ แค่จำเป็นเท่านั้น [53] พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาเหล่านี้อย่างปลอดภัย
โฆษณา
  1. http://www.mirxprotocol.com/blog/item/sound-sensitivity-with-migraines-can-be-caused-by-more-than-loud-sounds.html
  2. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/migraine-headache/expert-answers/headaches/faq-20058505
  3. Winnie Yu, What to Eat for What Ails You: How to Treat Illnesses by Changing the Food and Vitamins in Your Diet, Gloucester, MA: Fair Winds Press, 2007,167
  4. http://www.migrainesurvival.com/should-you-be-taking-magnesium
  5. Reader's Digest. Curing Everyday Ailments the Natural Way. Australia: Reader's Digest Pty Limited, 2000, 277
  6. http://migraine.com/migraine-treatment/natural-remedies/fish-oil-for-migraine-headaches/
  7. http://www.sciencedaily.com/releases/2009/06/090624102257.htm
  8. http://www.sciencedaily.com/releases/2009/06/090624102257.htm
  9. Winnie Yu, What to Eat for What Ails You: How to Treat Illnesses by Changing the Food and Vitamins in Your Diet, Gloucester, MA: Fair Winds Press, 2007,168
  10. Beers, Mark H. "Migraine Headaches," in The Merck Manual of Medical Information: 2nd Home Edition . New York: Merk & Company, 2003, 461
  11. Beers, Mark H. "Migraine Headaches," in The Merck Manual of Medical Information: 2nd Home Edition . New York: Merk & Company, 2003, 457
  12. Hirshkowitz, Mark and Patricia B Smith. Sleep Disorders for Dummies. Hoboken, NJ: Wiley Publishing, 2004, 137
  13. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18231712
  14. http://migraine.com/migraine-triggers/emotions-stress/
  15. http://www.everydayhealth.com/headache-migraine/headache-biofeedback-therapy.aspx
  16. http://www.mayoclinic.org/healthy-living/stress-management/in-depth/relaxation-technique/art-20045368
  17. Winnie Yu, What to Eat for What Ails You: How to Treat Illnesses by Changing the Food and Vitamins in Your Diet, Gloucester, MA: Fair Winds Press, 2007,169
  18. http://www.takingcharge.csh.umn.edu/conditions/migraine
  19. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/migraine-headache/expert-answers/headaches/faq-20058505
  20. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/migraine-headache/basics/prevention/con-20026358
  21. Beers, Mark H. "Migraine Headaches," in The Merck Manual of Medical Information: 2nd Home Edition . New York: Merk & Company, 2003, 459
  22. http://www.migrainetrust.org/factsheet-migraine-and-the-contraceptive-pill-10894
  23. http://www.aafp.org/afp/2006/0101/p72.html
  24. http://www.aafp.org/afp/2006/0101/p72.html
  25. Beers, Mark H. "Migraine Headaches," in The Merck Manual of Medical Information: 2nd Home Edition . New York: Merk & Company, 2003, 460
  26. Winnie Yu, What to Eat for What Ails You: How to Treat Illnesses by Changing the Food and Vitamins in Your Diet, Gloucester, MA: Fair Winds Press, 2007,169
  27. http://www.healthy.co.nz/ailment/2056-kudzu-alcoholism-migraines.html
  28. http://www.berkeleywellness.com/supplements/article/can-butterbur-fight-migraines
  29. Winnie Yu, What to Eat for What Ails You: How to Treat Illnesses by Changing the Food and Vitamins in Your Diet, Gloucester, MA: Fair Winds Press, 2007,168
  30. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/natural/957.html
  31. http://migraine.com/migraine-treatment/natural-remedies/vitamin-b6-for-migraine-headaches/
  32. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000709.htm
  33. http://www.webmd.com/migraines-headaches/guide/headaches-faq
  34. http://www.migrainetrust.org/factsheet-menstruation-and-migraine-10883
  35. http://www.migrainetrust.org/symptoms
  36. http://www.migrainetrust.org/symptoms
  37. http://www.migrainetrust.org/symptoms
  38. http://www.migrainetrust.org/symptoms
  39. Beers, Mark H. "Migraine Headaches," in The Merck Manual of Medical Information: 2nd Home Edition . New York: Merk & Company, 2003, 457
  40. http://www.migrainetrust.org/symptoms
  41. http://www.migrainetrust.org/factsheet-migraine-triggers-10505
  42. Beers, Mark H. Migraine Headaches',' The Merck Manual of Medical Information: 2nd Home Edition. New York: Merk & Company, 2003, 457
  43. http://www.webmd.com/migraines-headaches/news/20101018/fda-approves-botox-to-treat-chronic-migraines
  44. http://www.hopkinsmedicine.org/neurology_neurosurgery/centers_clinics/headache/conditions/rebound_headache.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,341 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา