ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการตั้งแต่น้ำมูกไหล อาการไอระคายเคือง เจ็บคอ และเป็นไข้ (หรือแย่กว่านั้น) อาการเหล่านี้ของไข้หวัดจะทำให้คุณต้องทนทุกข์ไป 2-3 วันแน่ๆ สิ่งที่แย่ที่สุดคือภายใน 1 เดือนคุณสามารถมีอาการเหล่านี้ได้อีก ทำตามเทคนิคที่อยู่ในบทความนี้เพื่อป้องกันไข้หวัดและมีสุขภาพดีตลอดทั้งปี

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 7:

รักษาสุขอนามัยให้ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การล้างมือจะเป็นวิธีการป้องกันการติดต่อได้รับเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ได้ดีที่สุด ใช้น้ำและสบู่ถูมือก่อนที่จะทานอาหาร รวมถึงก่อนและหลังเข้าห้องน้ำ ในการล้างมือของคุณ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ [1]
    • ล้างมือของคุณด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น
    • ใช้สบู่ที่มือ
    • ถูมือให้เป็นฟอง ถูให้ทั่วทุกที่ อย่าลืมถูที่ใต้เล็บ ระหว่างนิ้ว และหลังมือ
    • ถูมืออย่างน้อย 20 วินาที ให้ร้องเพลง “Happy Birthday” เพื่อจะได้รู้ว่าจะต้องถูมือให้นานประมาณนี้
    • ใช้น้ำสะอาดล้างมือ
    • ใช้กระดาษทิชชู่หรือกระดาษอเนกประสงค์ปิดก๊อกน้ำเพื่อที่มือของคุณจะได้ไม่ปนเปื้อนกับสิ่งสกปรกอีก
    • ใช้กระดาษจับลูกบิดหรือกลอนประตูเมื่อเปิดประตูห้องน้ำสาธารณะ
  2. การล้างมือเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรักษาให้มือสะอาด แต่ถ้าคุณไม่สามารถหาสบู่และน้ำได้ คุณสามารถใช้เจลทำความสะอาดมือที่เป็นแอลกอฮอล์ 60% ได้ [2]
    • ถ้ามือของคุณนั้นสกปรกอย่างเห็นได้ชัด การใช้สบู่และน้ำล้างมือนั้นดีที่สุด
  3. อย่าขยี้ตา ถูที่รูจมูก หรือหู ถ้ามือของคุณไม่สะอาด การแพร่เชื้อโรคไปที่ใบหน้าของคุณอาจจะทำให้ติดเชื้อได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 7:

หลีกเลี่ยงผู้ที่ป่วย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองรักษาระยะห่างจากคนอื่นๆ อย่างน้อย 24 นิ้วหรือ 1 ฟุต ไข้หวัดนั้นสามารถติดกันได้ง่ายมากถ้าคุณอยู่ใกล้กับผู้ที่เป็นหวัด
    • เชื้อไวรัสของไข้หวัดนั้นสามารถติดต่อกันได้มากสุด 2 อาทิตย์ ถ้าเพื่อนของคุณมีไข้และมีอาการหวัด เขาก็อาจจะทำให้คนอื่นติดหวัดไปด้วยได้ แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขารู้สึกดีขึ้นแล้ว เขาก็มีโอกาสที่จะทำให้คุณติดเชื้อไวรัสจากเขา
    • ถ้าใครบางคนใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาไข้หวัด เขาก็มีสิทธิ์แพร่เชื้อไวรัสได้เพราะยาปฏิชีวนะไม่ได้รักษาการติดเชื้อไวรัส
  2. เชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นหวัดจะติดอยู่ที่สิ่งของเหล่านั้นเป็นเวลา 24-72 ชั่วโมงก่อนที่อาการหวัดจะปรากฏขึ้น [3] [4]
  3. พยายามไม่ให้ตนเองไปอยู่ในสถานที่อย่างสนามบินและห้างสรรพสินค้า. สถานที่ที่มีคนเยอะๆ ก็จะมีเชื้อโรคไข้หวัดเยอะขึ้น ถ้าคุณกังวลว่าตัวเองจะป่วย ให้อยู่ห่างจากสถานที่ประเภทนี้ให้มากที่สุด [5]
  4. ขณะที่คุณทำทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันหวัด แต่คุณก็อาจจะเสี่ยงที่จะติดโรคถ้าลูกๆ ป่วย เด็กเล็กๆ นั้นมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อหวัดมาจากโรงเรียนหรือศูนย์ดูแลเด็ก ให้เตือนเด็กๆ เกี่ยวกับการล้างมือเพื่อลดความเสี่ยงที่พวกเขาจะป่วย [6]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 7:

เปลี่ยนแปลงการทานอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่การทานอาหารที่ดีอย่างหลากหลายก็จะมีผลดีต่อร่างกายเช่นกัน ให้ทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและลดการทานน้ำตาล อาหารแปรรูป และอาหารทอด [7]
    • ขอให้ระลึกไว้ว่ายังไม่มีการพิสูจน์ว่าการทานอาหารบางอย่างนั้นจะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีได้อย่างสิ้นเชิง [8] แต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพนั้นจะให้คุณค่าอาหารที่จะช่วยระบบภูมิคุ้มกันของคุณสามารถจัดการกับการติดเชื้อได้ ตัวอย่างเช่น คุณทานสตรอเบอร์รี่ถ้วยหนึ่งแต่ไม่ล้างมือเลยทั้งวัน ก็ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีสุขภาพดีและไม่ติดเชื้อ ให้ใช้วิธีต่างๆ ผสมผสานกันก็จะเป็นวิธีที่ป้องกันไข้หวัดได้ดีที่สุด
  2. ทานโยเกิร์ตเพื่อช่วยกระตุ้นแบคทีเรียที่ดีในลำไส้. โยเกิร์ตนั้นเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ดีที่เรียกว่าโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งจะช่วยจัดการกับการติดเชื้อ [9]
  3. อาหารหลายอย่างมีวิตามินที่สำคัญหรือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ในการจัดการกับการติดเชื้อได้ อาหารเหล่านี้ได้แก่ [10]
    • ส้ม: ส้มมักเป็นสิ่งที่ทุกคนนึกถึงเสมอเมื่อพูดถึงวิตามินซี การทานส้มในแต่ละวันหรือดื่มน้ำส้มก็จะทำให้ได้รับวิตามินซีจำนวนมาก
    • แอปเปิ้ล: แอปเปิ้ลมีผลในการต้านอนุมูลอิสระ
    • มะละกอ: มันมีวิตามินซีจำนวนมาก
    • เกรปฟรุต: มันมีวิตามินซีจำนวนมาก แถมยังมีสารอาหารที่ดีอื่นๆ เช่น สารต้านมะเร็ง
    • ปลา: ปลาจะช่วยจัดการกับการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับไข้หวัด การทานปลาน้ำลึกที่มีไขมัน เช่น แซลมอนที่อยู่ตามธรรมชาติ ปลาแมคเคอเรล และปลาใบขนุน [11]
    • กระเทียม: มันมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยต่อสู้กับโรคหวัด
    • พริกขี้หนู: มันมีวิตามินซีมากกว่าส้มเสียอีก
    • นม: การดื่มนมนั้นดีมากเพราะมันมีวิตามินดี
  4. พยายามรักษาตัวเองไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ผู้ชายควรดื่มน้ำ 13 แก้ว (ปริมาณ 240 มิลลิลิตรต่อแก้ว) ต่อวัน ผู้หญิงควรดื่มน้ำประมาณ 9 แก้ว (ปริมาณ 240 มิลลิลิตรต่อแก้ว) ต่อวัน นี่นับทั้งน้ำที่คุณดื่มและของเหลวที่คุณได้รับจากการทานอาหาร [12]
    • น้ำจะป้องกันไม่ให้จมูกและคอแห้ง ซึ่งก็จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเป็นหวัดด้วย
  5. กลั้วน้ำ.ปกติแล้วน้ำนั้นดีต่อสุขภาพของคุณ งานวิจัยของชาวญี่ปุ่นได้แสดงผลว่าการกลั้วน้ำก๊อกธรรมดาสามารถป้องกันหวัดได้ [13] นักวิจัยได้คาดว่าคลอไรด์ที่อยู่ในน้ำจะป้องกันการแพร่เชื้อของไข้หวัดได้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 7:

ทานวิตามินเพิ่ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิตามินจะช่วยให้ร่างกายของคุณจัดการกับไข้หวัดเพราะมันจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของคุณ
    • การทานวิตามินเพิ่มนั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจะช่วยป้องกันไข้หวัดได้ แต่มันดูเหมือนว่าจะย่นเวลาที่คุณป่วยเป็นหวัด [14]
    • อย่าทานวิตามินแยกกัน การทานวิตามินมากเกินไปสามารถทำให้คุณป่วยได้
  2. วิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายของคุณจัดการกับไข้หวัด งานวิจัยบางชิ้นแสดงผลว่าวิตามินซีจะช่วยย่นระยะเวลาที่เป็นหวัดด้วย [15]
    • ดื่มน้ำส้มที่เจือจางแล้วเพื่อเพิ่มปริมาณวิตามินซีและเป็นการดื่มน้ำเพิ่ม อย่าดื่มน้ำผลไม้มากเกินไปเพราะว่ามันมีน้ำตาล
    • ตั้งเป้าว่าควรได้รับวิตามินซี 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน [16]
  3. การมีวิตามินดีในระดับต่ำนั้นเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการติดเชื้อที่สูงขึ้น [17] ให้ออกไปเผชิญกับแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มระดับวิตามินดี เราจะผลิตวิตามินดีเมื่อผิวหนังของเราได้รับแสงอาทิตย์ แค่ออกไปเผชิญกับแสงอาทิตย์ 15 นาที หรือจะลดเวลาลงครึ่งหนึ่งถ้าแขนและใบหน้าของคุณเริ่มแดง นี่ก็เพียงพอต่อการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันแล้ว
    • ถ้าคุณใช้เวลามากกว่า 15 นาทีเผชิญกับแสงแดด ขอให้แน่ใจว่าได้ทาครีมกันแดดด้วย ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าคุณยังคงได้รับประโยชน์จากวิตามินดีที่มาจากแสงแดดแม้ว่าคุณจะทาครีมกันแดดป้องกันผิวก็ตาม
    • ในช่วงฤดูหนาวที่มักจะมีแสงอาทิตย์น้อยลง นักวิจัยได้คันพบว่าผู้คนอาจจะมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นที่จะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น เป็นไข้หวัด นี่เป็นเพราะว่ามีวิตามินดีในระดับต่ำ ให้ทานอาหารเสริมวิตามินดีแบบเม็ดหรือน้ำมันตับปลาในช่วงฤดูหนาว
    • ถามแพทย์เกี่ยวกับการตรวจเช็คระดับวิตามินดีในร่างกายซึ่งสามารถทำได้จากการตรวจเลือด
  4. งานวิจัยบางชิ้นได้แสดงผลว่าสังกะสีจะช่วยป้องกันไข้หวัดหรือช่วยลดระยะเวลาที่เป็นหวัด [18] ทานอาหารที่อุดมด้วยสังกะสี เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ อาหารทะเล ผักโขม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วฝัก [19]
    • อย่าทานสังกะสีมากเกินไป การทานสังกะสีมากกว่า 40 มิลลิกรัมต่อวันอาจจะทำให้รู้สึกปวดหัว ง่วงซึม และมีอาการอื่นๆ
    • งานวิจัยบางชิ้นเผยว่าสังกะสีจะช่วยลดระยะเวลาที่เป็นหวัดในผู้ใหญ่ แต่ไม่ช่วยโรคหวัดในเด็ก [20]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 7:

เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยการนอนหลับให้นานขึ้นกว่าปกติ ร่างกายก็จะได้พักผ่อนเพื่อฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ กิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันจะทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทรุดโทรม ดังนั้นการพักผ่อนที่ดีจึงจะช่วยสร้างและฟื้นูเซลล์เหล่านี้เพื่อจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ วัน [21]
  2. เชื่อหรือไม่ว่าการออกกำลังกายจะช่วยป้องกันหวัดได้ การออกกำลังกายอย่างเป็นประจำจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี ลดความเครียด และกระตุ้นระดับพลังงานของร่างกาย [22] แม้ว่าคุณจะป่วย ก็ขอให้ออกกำลังกาย คุณอาจจะต้องผ่อนแรงออกกำลังกายบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าระดับพลังงานของคุณนั้นอยู่ในระดับต่ำ
    • ตรวจเช็คกับแพทย์ก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกายเป็นกิจวัตรถ้าคุณไม่เคยออกกำลังกายอย่างเป็นประจำมาก่อน
  3. ความเครียดนั้นมีผลกระทบกับคุณในหลายๆ ด้าน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มความเป็นไปได้ที่คุณจะป่วย ความเครียดยังจะยืดระยะเวลาที่คุณจะฟื้นจากโรค ให้ลดความเครียดลงโดยการระบุสาเหตุของความเครียด เรียนรู้วิธีจัดการกับกลไกของร่างกาย เรียนโยคะ และพักผ่อนเมื่อคุณสามารถทำได้ [23]
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 7:

ลองใช้วิธีรักษาจากธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สมุนไพรอย่างไทม์ รากชะเอม กระเทียม เอ็กไคนาเซีย และสารสกัดอัลเดอร์เบอร์รี่ สามารถช่วยป้องกันไข้หวัดและลดเวลาที่เป็นได้ [24] , [25]
    • ต้มสมุนไพรเหล่านี้ชนิดเดียวหรือหลายชนิดก็ได้เป็นชาและดื่มมัน
    • สมุนไพรเหล่านี้มีขายที่ร้านค้าอาหารจากธรรมชาติโดยมีในรูปแบบอาหารเสริมด้วย
    • ถ้าคุณมีความดันเลือดสูงหรือแพ้เกสรดอกไม้ คุณควรที่จะระวังเมื่อทานอาหารเสริมสมุนไพร ให้ปรึกษากับแพทย์ก่อนที่จะใช้การรักษาใดในประเภทนี้
  2. น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการต้านจุลินทรีย์และต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยป้องกันหวัดและลดเวลาที่ติดเชื้อ ให้ทานน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนชาหรือผสมกับชาสมุนไพร [26]
    • หลีกเลี่ยงน้ำผึ้งที่อยู่ในขวดโหลทรงหมี! น้ำผึ้งชนิดนี้ผ่านการกรองมาแล้ว ดังนั้นประโยชน์ต่างๆ จะถูกขจัดออกไป รายงานวิจัยเผยว่าส่วนผสมส่วนใหญ่ในน้ำผึ้งชนิดนี้ไม่ใช่น้ำผึ้งจริงๆ เกือบทั้งหมด ดังนั้นคุณควรที่จะใช้น้ำผึ้งดิบแทนซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้านขายอาหารจากธรรมชาติทั่วไปหรือซื้อจากคนเก็บน้ำผึ้งโดยตรง ปกติแล้วน้ำผึ้งมักจะใส่ในขวดโหลเมสันจาร์ มันค่อนข้างที่จะแพงกว่าถ้าเป็นน้ำผึ้งโหลใหญ่ก็จะมีราคาประมาณ 350 บาท แต่ก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่คุณจะมีน้ำผึ้งติดไว้
  3. บรูเวอร์ยีสต์นั้นเป็นยีสต์ชนิดหนึ่งที่หลงเหลือจากการหมักเบียร์ มันมักจะมีรูปแบบเป็นผงและหาซื้อได้ที่ร้านค้าที่ขายสินค้าจากธรรมชาติ บรูเวอร์ยีสต์นั้นนำมาใช้เพื่อป้องกันและรักษาอาการเจ็บป่วยได้หลากหลาย ซึ่งรวมถึงโรคหวัดด้วย [27] ให้โรยบรูเวอร์ยีสต์ประมาณ 1 ช้อนชาลงบนอาหารในทุกๆ วัน
  4. โสมเป็นรากสมุนไพรที่คนจีนใช้เป็นยาแบบดั้งเดิมเพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยต่างๆ ให้ทานแคปซูลโสมปริมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อป้องกันเมื่อเป็นหวัดระยะแรกๆ [28]
    โฆษณา
วิธีการ 7
วิธีการ 7 ของ 7:

บรรเทาอาการหวัดเมื่อเริ่มเป็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณเริ่มมีอาการของไข้หวัด ให้รีบดื่มน้ำเยอะๆ [29] นี่จะช่วยทำให้น้ำมูกเบาบางลงและบรรเทาอาการเจ็บคอ
  2. ถ้าคอของคุณระคายเคือง ให้ใช้น้ำเกลือกลั้วคอเพื่อบรรเทาอาการ ผสมเกลือที่ใช้ทำอาหาร 1 ช้อนชาลงไปในน้ำอุ่น 1 แก้ว ให้จิบน้ำเกลือและกลั้วคอ จากนั้นบ้วนมันออกมา ให้ทำเช่นนี้ซ้ำหลายๆ ครั้งต่อวัน
  3. ใช้สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกเพื่อบรรเทาอาการแน่นจมูก. ถ้าคุณมีอาการแน่นจมูก ลองใช้สเปรย์น้ำเกลือเพื่อบรรเทาอาการนั้น [30] สเปรย์น้ำเกลือหรือน้ำเกลือหยอดจมูกสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยา
    • ให้ทำตามวิธีการใช้ที่อยู่ที่บรรจุภัณฑ์เมื่อใช้สเปรย์น้ำเกลือ
  4. อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) สามารถใช้รักษาอาการปวดที่ไม่รุนแรงที่เกี่ยวกับไข้หวัดได้
    • คุณสามารถใช้ยาที่ซื้อตามร้านขายยาอย่าง DayQuil หรือ NyQuil เพื่อรักษาอาการหวัดก็ได้
  5. ถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังจะเป็นหวัด ให้เข้านอนให้เร็วๆ ให้พักผ่อนให้เยอะขึ้นเพื่อช่วยให้ร่างกายของคุณจัดการกับไข้หวัด
  6. ใช้ทิชชู่ปิดปากเมื่อไอและจาม นี่จะหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรค การจามใส่ข้อศอกนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคเมื่อคุณไมมีกระดาษทิชชู่ [31]
  7. ถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังจะเป็นหวัด อย่าไปพบแพทย์เพื่อขอยาปฏิชีวนะชุด Z (Z-Pack) ซึ่งเป็นคำทางการแพทย์ในใบสั่งยาให้ยาปฏิชีวนะ [32] ถ้าคุณทานยาปฏิชีวนะทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น แบคทีเรียอาจจะดื้อยาเมื่อใช้ยาปฏิชีวนะรักษา ดังนั้นแบคทีเรียที่ดื้อยาจะขยายตัวเพิ่มขึ้นและเพิ่มความเป็นไปได้ที่แบคทีเรียอื่นๆ ในอนาคตจะดื้อยาด้วย [33]
    • คุณอาจจะมีอาการท้องเสียหรืออาเจียนเมื่อใช้ยาปฏิชีวนะ และอาจมีผลทำให้ร่างกายขาดน้ำ
    • ถ้าคุณเริ่มมีไข้ สาเหตุอาจจะมีมากกว่าโรคหวัด ให้พูดคุยกับแพทย์ถ้าคุณรู้สึกกังวล
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มีความคิดและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ความคิดภายในของคุณมีผลกับสุขภาพได้ [34]
โฆษณา

คำเตือน

  • ให้ปรึกษากับแพทย์เสมอถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสุขภาพ ถ้าคุณมีอาการป่วยอยู่แล้ว คุณควรที่จะยึดวิธีนี้ไว้ มันเป็นวิธีที่ดีที่จะดูแลการใช้ชีวิตให้มีสุขภาพดีในโดยรวม
โฆษณา
  1. http://abcnews.go.com/Health/ColdandFlu/top-fruits-fight-flu/story?id=17826957
  2. http://www.med.umich.edu/umim/food-pyramid/fish.html
  3. http://www.mayoclinic.org/healthy-living/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
  4. http://www.aarp.org/health/conditions-treatments/info-10-2010/gargling_does_help.html
  5. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/in-depth/health-tip/art-20049178
  6. http://www.medscape.com/viewarticle/779063
  7. http://www.huffingtonpost.com/maria-rodale/the-7-best-natural-cold-a_b_1950908.html
  8. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3166406/
  9. http://www.webmd.com/cold-and-flu/news/20110215/zinc-may-prevent-and-shorten-colds?page=2
  10. http://www.healthaliciousness.com/articles/zinc.php
  11. http://www.medscape.com/viewarticle/763394
  12. http://healthysleep.med.harvard.edu/need-sleep/whats-in-it-for-you/health
  13. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/how-to-boost-your-immune-system
  14. http://www.apa.org/helpcenter/stress.aspx
  15. http://annals.org/article.aspx?articleid=746567
  16. http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/common-cold
  17. http://www.huffingtonpost.com/maria-rodale/the-7-best-natural-cold-a_b_1950908.html
  18. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-715-brewer%27s%20yeast.aspx?activeingredientid=715&activeingredientname=brewer%27s%20yeast
  19. http://bodyandhealth.canada.com/channel_section_details.asp?text_id=3872&channel_id=9&relation_id=30073
  20. http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/stop-a-cold?page=5
  21. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/in-depth/health-tip/art-20049170
  22. http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/prevent-flu-cover-up-when-you-say-achoo
  23. http://medshadow.org/medshadow_blog/antibiotics-flu/
  24. http://www.mayoclinic.org/healthy-living/consumer-health/in-depth/antibiotics/art-20045720
  25. https://www.yogaalliance.org/

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,882 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา