ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการคลื่นไส้เป็นสิ่งที่แย่ที่สุด คุณจะรู้สึกไม่สบาย ไม่ได้ยินอะไร ตัวสั่น และเมื่อได้กลิ่นอาหารก็จะยิ่งทำให้รู้สึกแย่ แต่ไม่ว่าคุณจะมีอาการคลื่นไส้แบบเบาๆ หรือแบบรุนแรง ก็มีวิธีรักษาที่คุณสามารถทำเองได้และช่วยให้คุณกลับมามีแรง เดินเหินได้ และทำงานได้เป็นปกติ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

จัดการกับอาการคลื่นไส้ด้วยการผ่อนคลาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณรู้สึกวิงเวียนจากการคลื่นไส้ พยายามอย่าเคลื่อนไหวมากเกินไป แม้ว่าในท้องของคุณจะปั่นป่วนไปหมด ยกเว้นว่าจะอาเจียนจริงๆ
    • สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำเมื่อมีอาการวิงเวียนคือ ทำให้ศีรษะอยู่นิ่งๆ [1]
    • ค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบ้านหมุน แต่ถ้ามีอาการเดี๋ยวก็จะหายเอง
  2. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    [2] แม้มันจะไม่ได้ช่วยรักษาอาการคลื่นไส้หรือทำให้หายเร็วขึ้น แต่หลายคนพบว่าผ้าชุบน้ำนั้นช่วยผ่อนคลายอาการไม่สบายได้มาก นอนลงหรือเงยศีรษะไปด้านหลังให้ผ้าวางอยู่บนหน้าผากได้ ถ้าแห้งแล้วให้ชุบน้ำใหม่ คุณอาจจะลองเปลี่ยนไปวางผ้าตามส่วนต่างๆ ของร่างกายดูเผื่อจะบรรเทาอาการไม่สบายตัวได้มากขึ้น ลองวางที่คอ ไหล่ แขน หรือท้อง
  3. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ความกังวลจะยิ่งทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลง พยายามหยุดคิดเรื่องที่คุณไม่สบายและการที่มันรบกวนชีวิตคุณ [3] ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ และงีบหลับเพื่อพักระหว่างวัน ไม่ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นหรือแย่ลงหลังจากตื่นขึ้นมา แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องเจอกับอาการคลื่นไส้ในขณะหลับ พยายามหายใจลึกๆ เพื่อรักษาอาการปวดท้อง การหายใจลึกๆ จะทำให้ท้องได้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะมากขึ้น [4] [5]
    • นั่งในที่ที่เงียบสงบ
    • หายใจทางจมูกช้าๆ ให้อกและท้องส่วนล่างยกขึ้นในขณะหายใจเข้า
    • หายใจเข้าให้ท้องพองจนสุด และหายใจออกช้าๆ ทางปาก
  4. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    [6] มีงานวิจัยชี้ว่าการสูดดมไอระเหยจากน้ำมันหอมอย่างเปปเปอร์มินต์และน้ำมันขิงจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ แต่ผลวิจัยก็ยังไม่เป็นที่สรุปแน่ชัด [7] อย่างไรก็ตาม หลายคนรู้สึกดีขึ้นจริงเมื่ออยู่ในที่ที่มีกลิ่นหอม ไม่ว่าจะมาจากน้ำมันหอมระเหยหรือเทียนหอม
    • กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์รอบตัวคุณออกไป ให้ใครสักคนเอาขยะไปทิ้งหรือล้างถังขยะให้ และไม่ควรนั่งในห้องร้อนๆ
    • เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หรือหันพัดลมมาจ่อที่หน้าหรือตัวคุณ
  5. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    บางทีแค่ออกไปเดินเล่นหรือสูดอากาศบริสุทธิ์ก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ ยิ่งคุณทำตั้งแต่เริ่มมีอาการคลื่นไส้ มันก็จะง่ายขึ้น [8] แต่อย่าเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองด้วยการทำกิจกรรมที่ยิ่งทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลง ถ้าทำอะไรแล้วรู้สึกแย่กว่าเดิม ควรหยุดทำทันที
    • พยายามทำอะไรสนุกๆ และลืมเรื่องที่คลื่นไส้ไป จะดูหนัง คุยกับเพื่อน เล่นเกมหรือฟังเพลงที่ชอบก็ได้
    • "ปล่อยออกมาดีกว่าเก็บไว้" ต้องยอมรับว่าคุณอาจจะอาเจียนได้ และมันอาจทำให้รู้สึกโล่งขึ้นก็ได้ การพยายามที่จะไม่อาเจียนอาจจะยิ่งแย่กว่าการอาเจียนออกมาให้มันจบๆ ไปเสียอีก บางคนอาจตั้งใจทำให้อาเจียนเพื่อให้อาการคลื่นไส้หายไปเร็วๆ ในสถานที่และเวลาที่สะดวก
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ให้อาหารและเครื่องดื่มช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ถ้าคุณรู้สึกคลื่นไส้ อาหารอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณอยากจะนึกถึง อย่างไรก็ตาม มันกลับเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะรักษาคุณได้ ความหิวจากการไม่กินอาหารและของว่างมีแต่จะทำให้คุณยิ่งรู้สึกไม่สบาย ดังนั้น โยนความรู้สึกแย่ๆ ต่ออาหารทิ้งไปซะ คุณจะได้กลับมาหายดีเหมือนเดิม [9]
    • กินอาหารมื้อเล็กๆ ระหว่างวัน หรือกินของว่างเพื่อให้ไม่ปวดท้อง แต่อย่ากินเยอะเกินไป และหยุดกินเมื่อรู้สึกอิ่ม
    • หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดๆ หรือของมันๆ และอาหารแปรรูป เช่น มันฝรั่งทอด ของทอด โดนัท พิซซ่า เป็นต้น อาหารประเภทนี้จะยิ่งทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลง [10]
  2. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    แบรท หรือ BRAT มาจาก กล้วย ข้าว แอปเปิลซอส และขนมปังปิ้ง (Bananas, Rice, Applesauce, and Toast) อาหารอ่อนๆ พวกนี้เป็นที่แนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการปวดท้องหรือท้องเสีย เพราะอาหารอ่อนจะย่อยง่ายและกินได้โดยไม่อาเจียน [11] แม้จะไม่ได้ช่วยรักษาอาการคลื่นไส้ แต่มันจะช่วยย่นระยะเวลาการป่วยของคุณ และป้องกันไม่ให้แย่ลงจากการเลือกกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง
    • นี่ไม่ใช่วิธีการกินในระยะยาว
    • คุณควรค่อยๆ เปลี่ยนไปกินแบบปกติภายใน 1-2 วัน
    • คุณสามารถเพิ่มอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่ายเข้าไปด้วยก็ได้ (เช่น ซุปใส แคร็กเกอร์ เป็นต้น)
    • ข้อนี้สำคัญ จำไว้ว่าช่วงที่คุณยังอาเจียนอยู่ ให้ดื่มแต่น้ำเท่านั้น แนะนำให้กินแบรทไดเอ็ตก็ต่อเมื่อไม่มีการอาเจียนมาประมาณ 6 ชั่วโมงแล้ว
  3. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    การวิจัยชี้ว่า ขิงประมาณ 1 กรัม (0.04 ออนซ์) จะช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้อย่างได้ผล [12] กินขิงครั้งละไม่เกิน 1 กรัม วันละไม่เกิน 4 กรัม แต่ถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะกินขิง ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับคนท้องคือตั้งแต่ 650 มิลลิกรัม ถึง 1 กรัม แต่ไม่ควรเกิน 1 กรัม คุณทำให้ขิงเป็นของว่างได้หลายวิธี โดยที่ไม่ให้ปริมาณมากเกินไป
    • กินขิงเคลือบน้ำตาล
    • ทำชาขิงโดยใส่ขิงสดขูดฝอยลงในน้ำเดือด
    • ซื้อจินเจอร์เอลมาดื่ม
    • ไม่ใช่ทุกคนที่จะตอบสนองต่อขิง คนบางส่วนก็ไม่ได้ดีขึ้นหลังจากกินขิง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
  4. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัด แต่ก็มีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ว่าเปปเปอร์มินต์สามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้จริง เปปเปอร์มินต์ถูกใช้แก้อาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ไม่ว่าจะเป็นกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย และมันยังช่วยหยุดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารที่จะทำให้อาเจียนได้ด้วย เม็ดอมรสเปปเปอร์มินต์อย่างเมนทอส (Mentos) หรือทิคแทค (Tic-Tac) ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะของหวานอาจทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลงได้ หมากฝรั่งรสเปปเปอร์มินต์แบบไม่มีน้ำตาลก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ควรระวังเพราะการเคี้ยวจะทำให้อากาศเข้าไปในกระเพาะจำนวนมาก และอาจทำให้ท้องอืด และยิ่งคลื่นไส้ได้ ถ้าคุณยังกินได้แต่ของเหลว ชาเปปเปอร์มินต์ก็เป็นทางเลือกที่ดีมาก
  5. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    การดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้วทุกวันนั้นสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม และจะยิ่งสำคัญเมื่อคุณไม่สบาย ถ้าอาการคลื่นไส้มาพร้อมกับการอาเจียน คุณต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษโดยรักษาความชุ่มชื้นให้ร่างกาย
  6. 6
    ลองกินน้ำหวานไม่อัดลม. น้ำหวานไม่อัดลมอาจมีน้ำตาลสูง แต่มันช่วยรักษาอาการคลื่นไส้ได้ วิธีไล่แก๊สออก ให้นำไปใส่ภาชนะแบบทัปเปอร์แวร์ เขย่า เปิดให้อากาศออก ปิด แล้วเขย่าจนกว่าจะไม่มีแก๊สเหลืออยู่ [13]
  7. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    แม้ว่าการดื่มน้ำจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่เครื่องดื่มบางชนิดก็จะทำให้อาการคลื่นไส้ยิ่งแย่ลงได้ เช่น แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ำอัดลม เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่สามารถรักษาอาการคลื่นไส้ได้ เพราะมันจะยิ่งทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร [14] ถ้าคุณมีอาการคลื่นไส้ร่วมกับท้องเสีย ให้งดดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ จนกว่าจะหายดี น้ำตาลแลคโตสในนมย่อยยาก และจะยิ่งทำให้อาการท้องเสียแย่ลง [15]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

กินยารักษาอาการคลื่นไส้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ถ้าคุณมั่นใจว่าอาการคลื่นไส้นั้นมาจากสาเหตุชั่วคราว ไม่ได้เกิดจากโรคอะไร คุณก็สามารถกินยาที่มีขายทั่วไปได้ พยายามหาสาเหตุของอาการคลื่นไส้ของคุณให้ได้ ว่าเกิดจากการปวดท้องหรือการป่วยจากการเคลื่อนไหว ก่อนที่จะซื้อยามากิน เพราะยาส่วนมากมักจะระบุสาเหตุของอาการไว้อย่างเจาะจงอยู่แล้ว
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าคลื่นไส้จากการปวดท้องหรือทางเดินอาหารอักเสบ สามารถรักษาได้ด้วยยาเปปโต-บิสมอล (Pepto-Bismol) มาล็อกซ์ (Maalox) หรือไมแลนต้า (Mylanta) ส่วนถ้าคลื่นไส้จากการเมารถ ควรกินดรามามีน (Dramamine) [16]
  2. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    กระบวนการทางการแพทย์บางอย่าง เช่น การผ่าตัด หรือการรักษาโรคมะเร็ง อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง และต้องรักษาด้วยยาที่แพทย์สั่ง อาการคลื่นไส้อาจเป็นอาการของโรคได้หลายโรค เช่น โรคไตเรื้อรัง หรือโรคแผลในกระเพาะอาหาร [17] มียาหลายประเภทที่สามารถรักษาอาการคลื่นไส้ได้ และแพทย์จะจัดยาให้เหมาะกับสาเหตุของอาการคุณที่สุด [18]
    • ตัวอย่างเช่น โซฟราน (Zofran) หรือยาออนดาเซทรอน (ondansetron) นิยมใช้เพื่อรักษาอาการคลื่นไส้จากการทำเคมีบำบัดและการรักษาด้วยการฉายแสง [19]
    • ฟีเนอร์แกน (Phenergan) หรือยาโปรเมทาซีน (promethazine) แพทย์จะสั่งจ่ายหลังจากผ่าตัด และเพื่อแก้อาการป่วยจากการเคลื่อนไหว ส่วนยาสโคโปลามีน (scopolamine) จะใช้รักษาอาการป่วยจากการเคลื่อนไหวอย่างเดียว [20] [21]
    • ดอมเพอริโดน (Domperidone) หรือที่ในอังกฤษขายในชื่อโมทิเลียม (Motilium) ใช้รักษาอาการปวดท้องรุนแรง และบางทีก็ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโรคพาร์กินสันด้วย [22]
  3. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    อ่านฉลากยาอย่างละเอียดเพื่อดูคำแนะนำเรื่องขนาดยา และทำตามอย่างระมัดระวัง ส่วนยาที่แพทย์สั่งมักจะมีคำแนะนำแปะไว้บนซองอยู่แล้ว แต่ให้ยึดตามที่แพทย์บอกไว้ เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนขนาดยาเล็กน้อยโดยดูจากประวัติผู้ป่วยของคุณ
    • ยาที่มีความแรงอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่ดีนักหากกินอย่างไม่ถูกต้อง เช่น ถ้ากินยาโซฟรานเกินขนาดอาจทำให้ตาบอดชั่วคราว ความดันต่ำ หน้ามืดเป็นลม และท้องผูกอย่างหนักได้ [23]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

หาสาเหตุของอาการคลื่นไส้ของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    หนึ่งในสาเหตุหลักๆ ของอาการคลื่นไส้ก็คือการป่วย ไข้หวัด ปวดท้อง หรือโรคอื่นๆ สามารถทำให้คุณคลื่นไส้ได้
    • คุณอาจจะต้องวัดไข้ ไม่ใช่ทุกโรคที่จะทำให้เป็นไข้ ดังนั้นการวัดไข้อาจทำให้คุณพอคาดเดาสาเหตุของอาการคลื่นไส้ได้
    • คุณได้กินของหมดอายุหรือเปล่า อาหารเป็นพิษเป็นสาเหตุที่พบบ่อย ลองถามคนอื่นๆ ในบ้านดู ถ้าทุกคนมีอาการปวดท้องหลังจากกินอาหารเย็นเมื่อวาน มันอาจเป็นเพราะอาหารเป็นพิษก็ได้
    • ถ้าคุณมีอาการนานเกิน 2 วัน อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารที่ไม่ใช่แค่ท้องร่วง มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ตั้งแต่สาเหตุธรรมดาๆ ไปจนถึงร้ายแรง คุณอาจจะต้องไปพบแพทย์ และหากมีอาการคลื่นไส้หนักหรือเป็นเวลานาน ควรไปห้องฉุกเฉิน (อ่านเพิ่มเติมได้ด้านล่าง) [24]
  2. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ถ้าคุณมีอาการคลื่นไส้บ่อยๆ ให้จดบันทึกสัก 2-3 สัปดาห์ เพื่อลองหาสาเหตุ ถ้าคุณสงสัยว่าจะมีภูมิแพ้อาหารแฝงหรือโรคอื่นๆ ให้หลีกเลี่ยงหรือจำกัดการกินอาหารชนิดนั้นและปรึกษาแพทย์
    • ภาวะการย่อยแลคโตสผิดปกติ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการคลื่นไส้ [25] โดยส่วนใหญ่ ผู้คนในแถบยุโรปมักจะสามารถในการย่อยนมได้อย่างปกติ แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็ยังมีภาวะย่อยแลคโตสผิดปกติ ลองซื้อยาแลคเตด (Lactaid) หรือแดรี่อีส (Dairy Ease) มากินเพื่อช่วยในการย่อยผลิตภัณฑ์นม หรือกินแต่ผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านกระบวนการโดยใช้เอนไซม์ เช่น โยเกิร์ต และชีส
    • ความไวต่ออาหารหรือการแพ้อาหารนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าคุณสังเกตว่าตัวเองมีอาการคลื่นไส้ทันทีหลังจากกินสตรอว์เบอร์รี่ หรืออาหารที่มีสตรอว์เบอร์รี่ นั่นอาจเป็นสาเหตุของปัญหา
    • ความไวต่ออาหารและภูมิแพ้อาหารแฝงสามารถวินิจฉัยได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
    • ผู้คนบางส่วนนิยมอ้างว่าตัวเองเป็นพวกแพ้กลูเตนโดยที่ไม่ได้มีการทดสอบทางการแพทย์ คุณควรระวังค่านิยมแบบนี้เอาไว้ บางคนทำเหมือนเกลียดกลัวกลูเตนมาก แต่บางครั้งการรักษาก็ใช้เพียงยาหลอก หรือไม่คนเหล่านั้นก็แค่รู้สึกดีขึ้นหลังจากเวลาผ่านไป แล้วคิดว่าการเปลี่ยนอาหารการกินเป็นหนทางรักษา ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนอาหารหรือเพราะร่างกายรักษาตัวได้เองกันแน่
  3. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ก่อนที่จะกินยาเพื่อรักษาอาการคลื่นไส้ คุณควรแน่ใจก่อนกว่าสาเหตุของอาการนั้นไม่ได้มาจากยาตัวใดตัวหนึ่งที่คุณกินอยู่ ยาหลายชนิดอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ เช่น โคเดอีน (codeine) หรือ ไฮโดรโคโดน (hydrocodone) [26] ถ้าคุณทรมานจากอาการคลื่นไส้อย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่คุณกำลังกินอยู่ว่ามันมีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่ แพทย์อาจแนะนำยาตัวอื่นหรือลดปริมาณลงให้ได้
  4. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    [27] บางคนจะมีอาการคลื่นไส้เมื่อเดินทางโดยเครื่องบิน เรือ หรือรถ และยังเกิดได้จากสาเหตุอื่นอย่างการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกด้วย อาการนี้ป้องกันได้โดยการเลือกที่นั่งที่มีการเคลื่อนไหวน้อยสุด อย่างเบาะหน้ารถยนต์ หรือที่นั่งติดหน้าต่างบนเครื่องบิน
    • ลองสูดอากาศบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการหมุนกระจกลง หรือออกไปเดินเล่นสักครู่
    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    • งดอาหารรสเผ็ดหรืออาหารมันๆ
    • พยายามทำศีรษะให้นิ่งที่สุดเพื่อไม่ให้เวียนหัวจากการเคลื่อนไหว
    • ยาต้านฮิสทามีน เช่น ดรามามีน (Dramamine) หรือ แอนติเวิร์ต (Antivert) เป็นยาแก้อาการเมารถที่ใช้ได้ผล หาซื้อได้ตามร้านขายยา ควรกินก่อนออกเดินทางประมาณ 30-60 นาที แต่ยานี้อาจทำให้ง่วงซึมได้
    • สโคโปลามีน (Scopolamine) เป็นยาที่แพทย์จะสั่งจ่ายในกรณีที่มีอาการรุนแรง
    • บางคนจะรู้สึกดีขึ้นได้ด้วยการกินขิงและผลิตภัณฑ์จากขิง ไม่ว่าจะเป็นจินเจอร์เอล (รสธรรมชาติ) รากขิง หรือลูกอมรสขิงก็สามารถช่วยได้
    • หลีกเลี่ยงการเดินทางในขณะที่เพิ่งกินอิ่มหรือตอนท้องว่าง
  5. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    แม้อาการแพ้ท้องจะมีชื่อเรียกว่า “morning sickness” แต่อาการคลื่นไส้อาเจียนนั้นสามารถเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ และจะมาในช่วงแรกๆ ของการตั้งครรภ์ (หรือบางทีก็ช่วงหลัง) อาการนี้จะหายไปหลังจากช่วงสามเดือนแรก ขอให้คุณเข้มแข็งและอดทนเข้าไว้ แต่ถ้ามันรุนแรง เป็นบ่อย หรือมากขึ้นเรื่อยๆ ควรไปพบแพทย์ [28]
    • การกินแคร็กเกอร์ โดยเฉพาะแบบธรรมดาที่เค็มนิดๆ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารหนักๆ ให้กินของว่างทุก 1-2 ชั่วโมงแทน
    • ผลิตภัณฑ์จากขิง เช่น ชาขิง ได้รับการยืนยันแล้วว่าช่วยเรื่องอาการแพ้ท้องได้ [29]
  6. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ถ้าเมื่อคืนก่อนคุณดื่มหนักไป คุณต้องดื่มน้ำชดเชยเพื่อให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น ผลิตภัณฑ์อย่างอัลกา-เซลท์เซอร์ มอร์นิ่ง รีลีฟ (Alka-Seltzer Morning Relief) จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการเมาค้างได้เร็วขึ้น
  7. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ดื่มน้ำเพื่อรักษาอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหาร. [30] โรคไวรัสลงกระเพาะก็สามารถทำให้คลื่นไส้อย่างเบาจนถึงหนักและอาเจียนได้ และมักจะมาพร้อมกับอาการปวดท้อง ท้องร่วง และไข้ขึ้น การอาเจียนและท้องร่วงจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำและเกลือแร่เยอะๆ เพื่อชดเชยน้ำในร่างกาย ถ้าคุณไม่สามารถดื่มน้ำได้ ให้ค่อยๆ จิบทีละน้อยแต่จิบบ่อยๆ แทนการดื่มทีละเยอะๆ
    • อาการที่บ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำ ได้แก่ ปัสสาวะสีเข้ม วิงเวียน และปากแห้ง
    • ควรไปพบแพทย์หากคุณไม่สามารถดื่มน้ำได้
  8. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    ถ้าคุณเพลียแดด หรือเป็นโรคอย่างอื่นที่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ การคลื่นไส้ก็เป็นหนึ่งในอาการที่จะเกิดขึ้นได้
    • อย่าดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว ให้ค่อยๆ จิบทีละนิด หรือดูดน้ำจากน้ำแข็งก้อนแทน คุณจะได้ไม่อาเจียนและอาการแย่ลง
    • ไม่ควรดื่มน้ำเย็นใส่น้ำแข็ง ควรเป็นน้ำเย็นปกติหรือน้ำอุ่นจะดีที่สุด โดยเฉพาะถ้าร่างกายคุณร้อน การดื่มน้ำเย็นจัดๆ จะทำให้เป็นตะคริวที่ท้องและอาเจียนได้
  9. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    อาการที่อันตรายหลายอย่างสามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้ อย่างโรคไวรัสตับอักเสบ ภาวะเลือดเป็นกรด การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง อาหารเป็นพิษ โรคตับอ่อนอักเสบ ลำไส้อุดตัน ไส้ติ่งอักเสบ เป็นต้น ควรไปพบแพทย์หากมีอาการต่อไปนี้ [31]
    • ไม่สามารถกินอาหารหรือดื่มน้ำได้
    • อาเจียนเกิน 3 ครั้งในหนึ่งวัน
    • มีอาการคลื่นไส้เกิน 48 ชั่วโมง
    • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
    • มีไข้
    • ปวดท้อง
    • ไม่ปัสสาวะเป็นเวลา 8 ชั่วโมงหรือมากกว่า
  10. Watermark wikiHow to รักษาอาการคลื่นไส้
    โดยส่วนใหญ่ ถ้ามีอาการคลื่นไส้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องฉุกเฉิน แต่ถ้าคุณมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ คุณอาจต้องไปห้องฉุกเฉินโดยเร็ว [32]
    • เจ็บหน้าอก
    • ปวดท้องหรือเป็นตะคริวที่ท้องอย่างรุนแรง
    • สายตาพร่ามัวหรือหน้ามืด
    • มีอาการสับสน
    • มีไข้สูงและคอแข็งตึง
    • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
    • อาเจียนมีเลือดปนหรือเป็นสีน้ำตาลคล้ำ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าอยากอาเจียนก็ไม่ต้องฝืน เพราะมันแปลว่ามีบางสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในร่างกายคุณ หลังจากอาเจียนแล้วอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้
  • ถ้าคุณพยายามจะนอนแต่ทำไม่ได้เพราะคลื่นไส้ ให้ลองนอนตะแคงซ้ายและงอเข่า เหมือนท่าเด็กทารกนอน
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่
  • กินแคปซูลขิงแห้ง (มีขายตามร้านขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ) เพื่อป้องกันอาการเมารถและคลื่นไส้ มันใช้ได้ผลและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายด้วย
  • อาบน้ำอุ่น
  • ทำร่างกายให้เย็น บางทีการที่ร้อนเกินไปอาจทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้ได้ พยายามดื่มน้ำเย็นหรือเปิดพัดลม
  • ถ้าในห้องร้อนเกินและอากาศไม่ถ่ายเท ให้เปิดหน้าต่างหรือเปิดพัดลม
  • บีบน้ำมะนาวลงบนน้ำแข็งก้อนแล้วอมไว้ อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้
  • หลีกเลี่ยงเสียงดังๆ และแสงจ้าๆ พักผ่อนในห้องที่มืด เงียบสงบ และมีอากาศถ่ายเทจะดีกว่า
  • อย่าเคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะมันไม่เพียงแต่จะทำให้ท้องอืด แต่ยังทำให้กระเพาะของคุณคิดว่าจะมีอะไรให้ย่อย และมันจะหลั่งกรดออกมาซึ่งจะทำให้ยิ่งรู้สึกแย่ลง
โฆษณา

คำเตือน

  • ควรไปพบแพทย์หากมีอาการคลื่นไส้และมีไข้ร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ
  • ถ้าอาการคลื่นไส้ของคุณมาจากการตั้งครรภ์ ควรเลี่ยงทุกอย่างที่มีสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ หรืออะไรก็ตามที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง
  • การรู้สึกคลื่นไส้ซ้ำๆ หรือเป็นเวลานานอาจเป็นอาการของโรคได้หลายชนิด ตั้งแต่ไข้หวัด อาหารเป็นพิษ ไปจนถึงโรคทางเดินอาหาร หรือเนื้องอก ถ้าคุณคลื่นไส้โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด คุณควรไปพบแพทย์ และถึงแม้ว่าจะรู้สาเหตุ เช่น เมารถหรือเมาเรือ คุณก็ควรไปพบแพทย์หากอาการนั้นยังไม่หายไปภายใน 1-2 วัน
โฆษณา
  1. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000122.htm
  2. http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
  3. https://nccih.nih.gov/health/ginger
  4. https://medlineplus.gov/ency/patientinstructions/000122.htm
  5. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000122.htm
  6. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-gastroenteritis/basics/art-20056595
  7. https://familydoctor.org/antiemetic-medicines-otc-relief-for-nausea-and-vomiting/
  8. http://www.mayoclinic.org/symptom-checker/nausea-or-vomiting-adult/related-factors/itt-20009075
  9. http://www.aafp.org/afp/2004/0301/p1169.html
  10. http://www.webmd.com/drugs/2/drug-30/zofran-oral/details
  11. http://www.webmd.com/drugs/2/drug-6606/phenergan-oral/details
  12. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a682509.html
  13. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/domperidone-oral-route/description/drg-20063481
  14. http://www.rxlist.com/zofran-drug/overdosage-contraindications.htm
  15. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/viral-gastroenteritis/symptoms-causes/syc-20378847
  16. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/lactose-intolerance/basics/lifestyle-home-remedies/con-20027906
  17. https://provider.ghc.org/open/caringForOurMembers/patientHealthEducation/conditionsDiseases/nauseaMedicine.pdf
  18. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-motion-sickness/basics/ART-20056697?p=1
  19. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/morning-sickness/basics/definition/con-20033445
  20. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003119.htm
  21. http://www.webmd.com/digestive-disorders/gastroenteritis
  22. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000122.htm
  23. http://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/when-to-see-doctor/sym-20050736
  24. http://www.earthclinic.com/CURES/nausea.html#APPLESAUCE

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,828 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา