ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การถูกปฏิเสธในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นความรัก การงาน เพื่อน การตีพิมพ์หนังสือหรืออะไรก็ตามนั้นไม่ควรจะมีผลกระทบต่อความสุขของคุณ การถูกปฏิเสธอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีนักและบางครั้งก็รู้สึกหยั่งถึงไม่ได้แต่คุณไม่ควรปล่อยให้มันมาพรากความสุขไปจากชีวิตของคุณ ความจริงของชีวิตคือเราจะต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธ มันจะมีโอกาสที่การสมัครงาน การขอออกเดทหรือความคิดสำหรับการเปลี่ยนแปลงของคุณถูกปฏิเสธโดยบางคนในบางสถานที่ มันคงจะดีกว่าถ้าเรายอมรับว่าการถูกปฏิเสธคือส่วนหนึ่งของชีวิตและรับรู้ว่าสิ่งที่สำคัญคือการค้นหาวิธีกลับมาและพยายามอีกครั้ง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การรับมือกับผลลัพธ์ที่ตามมาทันที

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะรู้สึกเสียใจกับการถูกปฏิเสธไม่ว่าจะเป็นต้นฉบับบทความ ความเห็นที่ทำงานหรือถูกปฏิเสธโดยว่าที่คนรัก คุณสามารถโศกเศร้าได้และอันที่จริงแล้วมันดีกว่าถ้าคุณจะให้เวลากับตัวเองเพื่อรับมือและทุกข์ใจ
    • หาเวลาในชีวิตเพื่อรับมือกับการถูกปฏิเสธ เช่น หากวันนั้นคุณสามารถลางานได้ก็ควรลา หรือหากคืนนั้นคุณวางแผนว่าจะออกไปเที่ยวข้างนอกคุณควรอยู่บ้านและดูหนังแทน ไปเดินเล่นหลังจากอ่านจดหมายปฏิเสธหรือปล่อยให้ตัวเองสวาปามช๊อกโกแลตเค้กให้สาสม
    • คุณไม่ควรโศกเศร้ามากเกินไปและมัวแต่นั่งอยู่ในบ้านกล้ำกลืนความทุกข์ไปหลายวัน สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าเดิมในระยะยาว
  2. สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถป่าวประกาศความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธได้เพราะผู้คน (ว่าที่สำนักพิมพ์ สาวที่คุณเคยชอบหรือเจ้านายของคุณ) จะคิดว่าคุณชอบโวยวายและเป็นเจ้าแม่ดราม่าที่รับมือกับชีวิตไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณควรคุยกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว [1]
    • เพื่อนที่คุณต้องการคือคนที่จะพูดกับคุณตรงๆ พวกเขาจะช่วยหาว่าอะไรที่ผิดพลาดไป (หากมีอะไร บางครั้งคุณไม่สามารถแก้ไขอะไรได้และควรปล่อยให้มันเป็นไป) พวกเขายังจะช่วยประคองคุณในช่วงที่คุณโศกเศร้าเพื่อที่คุณจะไม่จมปลักอยู่กับความทุกข์
    • หลีกเลี่ยงการระบายความเศร้าบนสื่อโซเชียล อินเตอร์เนทไม่เคยลืมเรื่องราวต่างๆ และเมื่อคุณพยายามที่จะได้งานใหม่ที่เจ๋งๆ นายจ้างของคุณอาจจะเช็คในอินเตอร์เนทและเห็นว่าคุณรับมือกับการถูกปฏิเสธได้ไม่ดีนัก จงอย่าทำสิ่งนี้ไม่ว่าคุณจะเสียใจหรือโกรธแค่ไหน
    • อย่าบ่นมากเกินไป คุณคงไม่อยากจมปลักอยู่กับการถูกปฏิเสธเพราะไม่เช่นนั้นคุณจะต้องดึงตัวเองมาสู่ภาวะของความถูกต้อง (หรือหดหู่) ที่ท่วมท้น อย่าพูดถึงการถูกปฏิเสธทุกครั้งที่คุยกับเพื่อน หากคุณคิดว่าคุณกำลังเป็นมากเกินไปให้ถามเพื่อนว่า “ฉันกำลังพูดพล่ามเรื่องการถูกปฏิเสธมากไปหรือเปล่า?” หากพวกเขาตอบว่าใช่คุณก็ควรปรับตัวตามนั้น
  3. ยิ่งคุณยอมรับการถูกปฏิเสธและพยายามเดินหน้าต่อเร็วเท่าไหร่ คุณจะยิ่งผ่านมันไปได้เร็วเท่านั้น มันยังหมายความว่าคุณจะไม่ปล่อยให้การถูกปฏิเสธในอนาคตล้มคุณได้
    • เช่น หากคุณไม่ได้งานที่คุณหวังไว้ ให้เวลาตัวเองได้เศร้าและปล่อยมันไป มันถึงเวลาที่จะมองหาสิ่งใหม่หรือดูว่าอะไรที่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้สำหรับอนาคต คุณควรจำไว้ว่าเมื่อสิ่งใดไม่เป็นตามที่หวัง สิ่งอื่นมักจะเข้ามาแทนในแบบที่คุณไม่ได้คาดไว้
  4. จำไว้ว่าการถูกปฏิเสธไม่ได้บ่งบอกความเป็นคุณ การถูกปฏิเสธเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและไม่ใช่การโจมตีเฉพาะบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามที่สำนักพิมพ์ สาวคนนั้นหรือเจ้านายของคุณไม่สนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คุณเสนอ
    • การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความผิดของคุณในฐานะบุคคลหนึ่ง อีกฝ่ายปฏิเสธคุณเพราะบางสิ่งนั้นไม่ใช่สำหรับพวกเขา พวกเขาปฏิเสธข้อเสนอแต่ไม่ได้ปฏิเสธ “คุณ”
    • จำไว้ว่าพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธคุณในฐานะคนๆ หนึ่งได้ เพราะพวกเขาไม่รู้จักคุณ ถึงแม้คุณจะไปเดทด้วยกันสองสามครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณและปฏิเสธคุณเพราะตัวคุณ พวกเขาปฏิเสธสิ่งที่ไม่ใช่สำหรับพวกเขาและคุณควรเคารพการตัดสินใจ
    • เช่น คุณชวนสาวที่คุณชอบมากคนนั้นออกเดทและเธอตอบว่า “ไม่” มันแปลว่าคุณไร้ค่าหรือเปล่า? มันแปลว่าไม่มีใครอยากเดทคุณอีกหรือเปล่า? ไม่ใช่อย่างแน่นอน เธอแค่ไม่สนใจในคำขอออกเดทนั้น (ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม; เธออาจจะมีแฟนแล้วหรือเธออาจไม่สนใจที่จะออกเดท เป็นต้น)
  5. คุณต้องดึงความสนใจออกจากการถูกปฏิเสธหลังจากช่วงเวลาโศกเศร้าที่พอสมควร อย่ากลับไปแก้ไขสิ่งใดก็ตามที่ถูกปฏิเสธโดยทันทีเพราะคุณจะยังพร่ำเพ้อถึงการถูกปฏิเสธนั้นอยู่ คุณต้องการพื้นที่และเวลาเล็กน้อยจากการถูกปฏิเสธ
    • เช่น คุณส่งต้นฉบับนิยายไปยังสำนักพิมพ์และถูกปฏิเสธ หลังจากโศกเศร้าเพียงเล็กน้อยคุณก็ควรเดินหน้าต่อไปยังเรื่องอื่นหรือลองงานเขียนประเภทอื่นๆ (บทกวีหรือเรื่องสั้น)
    • การทำสิ่งที่สนุกเป็นวิธีที่ดีในการดึงความสนใจออกจากการถูกปฏิเสธและช่วยให้คุณสนใจสิ่งอื่นๆ ออกไปเต้น ซื้อหนังสือเล่มใหม่ที่คุณอยากได้มากๆ ไปเที่ยวในวันหยุดและไปทะเลกับเพื่อน
    • คุณไม่สามารถปล่อยให้การถูกปฏิเสธดึงชีวิตของคุณลงมาเพราะคุณจะต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธอีกมากมายในชีวิต (เช่นเดียวกับทุกคน) คุณต้องไม่ปล่อยให้การถูกปฏิเสธทำลายชีวิตคุณโดยการเดินหน้าต่อไปและทำสิ่งอื่นๆ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การรับมือกับการถูกปฏิเสธในระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จำไว้ว่าการถูกปฏิเสธไม่ใช่เรื่องส่วนตัวและมันถึงที่ว่าที่คุณควรเปลี่ยนการถูกปฏิเสธให้เป็นสิ่งอื่นแล้ว คนที่พูดถึง “การถูกปฏิเสธ” มักจะรับมือกับการถูกปฏิเสธได้แย่กว่าคนที่เปลี่ยนการถูกปฏิเสธให้เป็นสิ่งอื่นซึ่งมุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์โดยตรง ไม่ใช่ตัวบุคคล [2]
    • เช่น หากคุณชวนคนไปเดทและเขาปฏิเสธ จงพูดว่า “เขาตอบว่าไม่” แทนคำว่า “เขาปฏิเสธฉัน” วิธีนี้คุณจะไม่เปลี่ยนการถูกปฏิเสธให้เป็นสิ่งที่แย่เกี่ยวกับตัวคุณ (พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธตัวคุณ พวกเขาแต่ปฏิเสธคำเชิญของคุณ)
    • ตัวอย่างอื่นๆ ของวิธีเปลี่ยนการถูกปฏิเสธคือ “มิตรภาพเริ่มห่างเหิน” (แทนการที่เพื่อนปฏิเสธคุณ) “ฉันไม่ได้งาน” (แทนการที่ใบสมัครงานของคุณถูกปฏิเสธ) “สิ่งสำคัญของเรานั้นต่างกัน” (แทนการที่พวกเขาปฏิเสธคุณ)
    • วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือ “มันไม่ได้ผล” เพราะมันผลักความผิดออกจากพวกเขาและตัวคุณ
  2. เมื่อบางอย่างไม่ได้ผลมันไม่ได้แปลว่าคุณควรยอมแพ้แต่คุณควรสังเกตว่าคุณควรหยุดและเดินหน้าต่อเมื่อไหร่ การไม่ยอมแพ้คือการเดินหน้าต่อแต่คุณควรพยายามอีกครั้งเช่นกัน [3]
    • เช่น หากคุณชวนคนไปเดทและเขาปฏิเสธ การไม่ยอมแพ้คือไม่ยอมแพ้ต่อความคิดที่จะตามหารัก เดินหน้าจากพวกเขา (อย่าอ้อนวอนขอโอกาสจากพวกเขา) แต่อย่าหยุดชวนคนอื่นไปเดท
    • อีกหนึ่งตัวอย่างคือหากต้นฉบับของคุณถูกปฏิเสธโดยสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง คุณควรหยุดและพิจารณาถึงสาเหตุที่พวกเขาปฏิเสธแต่คุณควรลองยื่นให้สำนักพิมพ์และตัวแทนแห่งอื่นด้วยเช่นกัน
    • จำไว้เสมอว่า “คุณไม่ได้ถือสิทธิ์ในคำตอบตกลง” เพราะมันไม่ได้ทำให้การมีตัวตนของคุณถูกปฏิเสธ อย่ากลับลำและโทษใครสำหรับการถูกปฏิเสธนี้
  3. อย่างที่กล่าวไว้ว่าการถูกปฏิเสธคือส่วนหนึ่งของชีวิต การพยายามหลีกเลี่ยงหรือนึกถึงมันจะทำให้คุณไม่มีความสุข คุณจำเป็นต้องยอมรับว่าสิ่งต่างๆ จะไม่เป็นไปตามที่คุณหวังและมันไม่เป็นไร เพียงเพราะสิ่งหนึ่งไม่เป็นไปตามที่คุณหวังก็ไม่ได้แปลว่าคุณล้มเหลวหรือจะไม่มีอะไรเป็นไปที่หวัง
    • แต่ละสถานการณ์แตกต่างกัน แม้หนุ่มคนหนึ่งปฏิเสธที่จะไปเดทกับคุณ ไม่ได้แปลว่าหนุ่มทุกคนที่คุณสนใจจะปฏิเสธคุณ หากคุณเริ่มเชื่อว่าคุณจะถูกปฏิเสธตลอดไปมันก็จะเป็นแบบนั้น! คุณจะกำหนดความล้มเหลวให้ตัวเองทุกครั้งไป
    • มุ่งไปข้างหน้า การนึกถึงการถูกปฏิเสธที่ผ่านมาจะทำให้คุณติดอยู่กับอดีตและคุณจะไม่มีความสุขกับปัจจุบัน เช่น หากคุณนึกถึงจำนวนครั้งที่คุณถูกปฏิเสธเรื่องงาน คุณก็จะไม่กล้ายื่นใบสมัครและลองหางานที่อื่นๆ
  4. บางครั้งการถูกปฏิเสธสามารถทำให้คุณตาสว่างและช่วยให้คุณปรับปรุงชีวิต สำนักพิมพ์อาจจะปฏิเสธต้นฉบับของคุณเพราะคุณยังต้องปรับปรุงการเขียน (มันยังไม่สามารถนำไปตีพิมพ์ได้ตอนนี้แต่ไม่ได้แปลว่ามันไม่สามารถถูกนำไปตีพิมพ์ได้ในอนาคต!) [4]
    • ลองถามคนที่ปฏิเสธคุณถึงเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่สนใจ เช่น ใบสมัครงานของคุณอาจจะยังไม่ดีพอแต่คุณถามนายจ้างว่าคุณควรปรับปรุงอย่างไรแทนการคิดว่าจะไม่มีจ้างคุณอีกแล้ว พวกเขาอาจจะไม่ตอบคุณแต่หากพวกเขาตอบพวกเขาก็อาจบอกใบ้ว่าคุณควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้งาน
    • สำหรับเรื่องของความสัมพันธ์คุณสามารถถามว่าทำไมพวกเขาถึงไม่อยากไปเดทกับคุณ แต่มันอาจจะเป็นอะไรธรรมดา เช่น “ฉันไม่คิดกับคุณแบบนั้น” คุณเปลี่ยนใจพวกเขาไม่ได้เพราะฉะนั้นบทเรียนก็คือคุณต้องรับการถูกปฏิเสธให้ได้และต้องมองสิ่งต่างๆ ในแง่บวกสำหรับความสัมพันธ์ในอนาคต (แม้มันจะไม่ใช่กับคนๆ นี้ก็ตาม!)
  5. ถึงเวลาที่คุณต้องลืมการถูกปฏิเสธนั้นแล้ว คุณให้เวลาตัวเองโศกเศร้ามานาน คุณปรึกษากับเพื่อนที่คุณไว้ใจได้ คุณเรียนรู้บทเรียนจากมันและคุณควรหยุดนึกถึงมันได้แล้ว ยิ่งคุณนึกถึงมันมากเท่าไหร่มันจะยิ่งมีอำนาจในชีวิตคุณและคุณจะรู้สึกว่าคุณไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อีก
    • หากคุณพบว่าคุณไม่สามารถลืมเรื่องการถูกปฏิเสธได้คุณก็ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ บางครั้งรูปแบบความคิดต่างๆ (“ฉันดีไม่พอ” เป็นต้น) ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของคุณและการถูกปฏิเสธแต่ละครั้งทำให้มันยิ่งฝังลึกลงไปอีก ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยให้คุณก้าวผ่านมันได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การรับมือกับการปฏิเสธคำขอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งนี้อาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คนโดยเฉพาะผู้หญิง แต่คุณไม่จำเป็นต้องตอบตกลงในสิ่งที่คุณไม่อยากทำ แน่นอนว่ามันต้องมีข้อยกเว้น หากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพูดว่า “กรุณานั่งประจำที่” คุณก็ต้องทำตาม
    • หากมีคนชวนคุณออกเดทและคุณไม่อยากไป คุณสามารถบอกเขาตรงๆ ว่าคุณไม่สนใจ
    • หากเพื่อนของคุณอยากไปเที่ยวที่ใดที่หนึ่งมากๆ แต่คุณไม่อยากไป คำปฏิเสธของคุณคงไม่ทำให้โลกของเขาล่มสลาย
  2. วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการปฏิเสธคำขอคือการพูดตรงๆ อย่าอ้อมค้อม การพูดตรงไม่ได้แปลว่าคุณใจร้ายถึงแม้บางคนอาจจะคิดแบบนั้น มันไม่มีวิธีในการปฏิเสธคำขอที่ไม่เจ็บปวด (ไม่ว่าจะเป็นอะไร: การออกเดท ต้นฉบับหรืองาน)
    • เช่น มีคนชวนคุณไปเดทและคุณไม่สนใจ คุณควรพูดว่า “ฉันปลาบปลื้มใจแต่ฉันไม่ได้คิดกับคุณแบบนั้น” หากพวกเขายังไม่เข้าใจคำใบ้ คุณควรทำขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ฉันจะไม่มีวันไปเดทกับคุณและการที่คุณตามตื้อฉันทำให้ฉันยิ่งไม่ชอบคุณมากกว่าเดิม”
    • จากตัวอย่างที่สองในด้านบนที่เพื่อนของคุณชวนไปเที่ยวที่ๆ คุณไม่อยากไป ให้พูดว่า “ขอบคุณที่อุตส่าห์มาชวนแต่ฉันไม่มีเงินไปเที่ยวถึงแม้จะไปแค่วันหยุดสุดสัปดาห์ เอาไว้คราวหน้านะ” วิธีนี้คุณจะไม่ปิดโอกาสในการไปเที่ยวครั้งถัดไปแต่คุณต้องพูดตรงๆ ว่าคุณไม่อยากไป อย่าพูดว่า "อาจจะ" หรืออะไรทำนองนั้น
  3. แม้คุณไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลอะไรกับใครแต่การให้เหตุผลที่เฉพาะเจาะจงจะช่วยให้คนๆ นั้นที่คุณปฏิเสธรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่สนใจ หากมีสิ่งใดควรปรับปรุง (เช่น ต้นฉบับหรือใบสมัครงาน) คุณก็สามารถบอกเหตุผลเพื่อที่จะนำไปปรับปรุงได้
    • สำหรับความสัมพันธ์ คุณควรบอกว่าคุณไม่สนใจและไม่คิดกับพวกเขาแบบนั้น หากพวกเขาถามหาเหตุผลเพิ่มเติม คุณควรบอกว่าความดึงดูดและความรักไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถบังคับได้และพวกเขาต้องยอมรับความจริงให้ได้
    • หากคุณกำลังปฏิเสธบทกลอนของคนๆ หนึ่งสำหรับนิตยสารของคุณ (และคุณพอจะมีเวลา) คุณควรอธิบายถึงเหตุผลที่คุณปฏิเสธ (โครงสร้างหรือคำอุปมาอุปมัย เป็นต้น) คุณไม่ต้องพูดว่ามันแย่แต่คุณสามารถพูดได้ว่าเขาต้องปรับปรุงบทกลอนนี้ก่อนที่จะนำไปตีพิมพ์ได้)
  4. การปฏิเสธที่รวดเร็วก็เพื่อไม่ให้อารมณ์ก่อเกิดไปมากกว่านี้ เปรียบได้กับการฉีกผ้าพันแผล (อุปมาอุปมัย) อธิบายให้พวกเขาฟังอย่างรวดเร็วที่สุดว่าคำขอ (ไปเที่ยวกับเพื่อน ไปเดทกับใครสักคนหรือส่งต้นฉบับ เป็นต้น) ไม่ใช่สำหรับคุณ
    • ยิ่งคุณปฏิเสธเร็วเท่าไหร่พวกเขาจะยิ่งลืมมันเร็วเท่านั้น และใช้ประสบการณ์เพื่อปรับปรุง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หาวิธีระบายหลังการถูกปฏิเสธ บางคนหันหาศรัทธา บางคนหันหาอ่างอาบน้ำร้อนและการทำสมาธิ หาวิธีทำให้สมองปลอดโปร่ง ลืมความรู้สึกแย่ๆ และกลับสู่สภาวะสมดุลของจิตใจ
  • หากบางคนปฏิเสธความรักของคุณก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควรรู้สึกแย่กับตัวเอง มันแค่หมายความว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความชอบที่คุณมีและคุณเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
  • เพียงเพราะบางคนปฏิเสธในสิ่งที่คุณไม่อยากให้พวกเขาปฏิเสธไม่ได้แปลว่าเขาไม่เห็นอะไรดีในตัวของคุณเพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่คิดถึงคำปฏิเสธ คุณควรมุ่งความสนใจทั้งหมดมาที่สิ่งที่ดีในตัวของคุณ
  • ความสำเร็จและการยอมรับส่วนใหญ่เป็นเรื่องของงานยาก บางครั้งเราไม่อยากจะยอมรับกับตัวเองว่าเรายังมีงานที่ต้องทำก่อนที่เราจะสำเร็จเท่าที่ควร คุณควรกระตือรือร้นกับโอกาสแต่ต้องอยู่บนหลักความจริงที่ว่าเรายังต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ ผลักตัวเองให้ผ่านช่วงของการถูกปฏิเสธให้ได้
  • ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหากคุณรู้สึกหดหู่หลังการถูกปฏิเสธ อย่าหันหาแอลกอฮอล์หรือยาเสพย์ติดถึงแม้มันดูเหมือนจะช่วยได้ในระยะสั้น ในระยะยาวพวกมันสามารถเป็นอันตรายได้
  • อย่ากลัวการปฏิเสธ ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการทำให้บางคนเข้าใจผิดและการเสียเวลาและความรู้สึก
  • เชื่อในตัวเอง
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณมัวแต่ถือเอาการถูกปฏิเสธเป็นการตัดสินตัวเอง คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือนักบำบัด หากคุณมีอาการหดหู่ กังวลหรืออาการทางจิตอื่นๆ คุณอาจจะไม่มีความสามารถในการฟื้นฟูจิตใจที่ต้องการในการต่อสู้กับความกดดันต่างๆ ในชีวิตและต้องการกำลังใจ คุณไม่ต้องอายหรือกลัวเพราะทุกคนต้องการคำแนะนำที่ปลอบโยนในชีวิตเป็นบางครั้งบางครา
  • ผู้คนอาจจะไม่มาหาเมื่อคุณต้องการผลตอบรับของการถูกปฏิเสธ นั่นคือชีวิต บางครั้งพวกเขาอาจจะยุ่งเกินไปหรือไม่มีคำพูดเพื่ออธิบายบางอย่างในแบบที่จะไม่ทำร้ายจิตใจของคุณและบางครั้งพวกเขาก็แค่ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ อีกครั้งที่คุณไม่ควรถือเอาเป็นการตัดสินตัวคุณ ลองหาคนอื่นที่คุณไว้ใจได้และมีเวลาจริงๆ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,990 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา