ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอาจจะรู้สึกเสียใจเวลาที่มีคนเมินเฉยใส่คุณ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจำเอาไว้ก็คือ มันมักจะมีเรื่องที่ใหญ่กว่าที่คุณมองไม่เห็นเสมอ ถ้ามีคนเมินเฉยใส่คุณและทำให้คุณรู้สึกเสียใจ ให้ลองคุยกับคนๆ นั้นเพื่อให้รู้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

แก้ไขสถานการณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    อย่าเพิ่งด่วนสรุป. การถูกเมินใส่อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจและเผลอคิดว่าอีกฝ่ายต้องมีเจตนาร้ายแน่นอน แต่อย่าเพิ่งทึกทักเอาว่าคนๆ นั้นตั้งใจทำร้ายคุณหรือจงใจทำตัวเย็นชาใส่คุณ ลองพิจารณาเหตุผลอื่นๆ ก่อนว่าทำไมเขาถึงเมินเฉยใส่คุณ เช่น :
    • เขามีเรื่องอย่างอื่นให้คิด เช่น ปัญหาที่บ้านหรือที่ทำงาน
    • คุณทำให้เขาไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว และเขาก็รู้สึกเสียใจ
    • เขาแค่รู้สึกไม่ "คลิก" กับคุณ เขาก็เลยอยากใช้เวลากับคนอื่นมากกว่า
    • เขาอาจจะกำลังมีความลับ (เช่น จัดปาร์ตี้เซอร์ไพรส์) ที่ไม่อยากให้คุณรู้ เพราะกลัวว่าเขาจะเผลอพูดถ้าคุยกับคุณ
    • มีสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกประหม่าเวลาอยู่ใกล้คุณ (เช่น แอบชอบคุณหรือรู้สึกกลัวคุณ)
    • เขาแค่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ และเขาก็เป็นอย่างนี้กับทุกคน
  2. 2
    ทบทวนการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง. วิธีนี้อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสักหน่อย เพราะคนเรามักไม่ค่อยอยากจะยอมรับว่าเราทำผิด หรือไม่แม้แต่จะสังเกตว่าเราทำให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า หายใจเข้าลึกๆ แล้วประเมินความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาในช่วงที่ผ่านมา มีความตึงเครียดเกินขึ้นหรือเปล่า เป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจะเสียความรู้สึก
    • เตรียมคำขอโทษถ้าคุณรู้ตัวว่าทำอะไรผิดไป แม้ว่าคนๆ นั้นเองเขาก็ไม่ได้ทำตัวดีสักเท่าไหร่ แต่การเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องนั้นดีกว่าเสมอ
    • ฝึก เทคนิคการทำสมาธิในรูปแบบต่างๆ ถ้าคุณไม่สามารถทบทวนการกระทำของตัวเองได้
    • ถ้าคุณไม่สามารถมองสถานการณ์ได้อย่างเป็นกลาง ลองถามคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและสามารถเล่ามุมมองของคนนอกให้คุณฟังได้
  3. 3
    ชวนเขาคุยเป็นการส่วนตัว. บางครั้งวิธีค้นหาต้นตอของปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ การนั่งคุยกับอีกฝ่ายและพูดความในใจเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ส่งอีเมลหรือจดหมายไปถามว่า เขาสามารถนัดคุยกันเป็นการส่วนตัวเวลานี้ที่นี่ได้ไหม
    • หาเวลาเงียบๆ นั่งคุยกัน ตอนที่คุณทั้งคู่ว่างและไม่มีอะไรรบกวน
    • การนัดพบกันเป็นการส่วนตัวจะช่วยให้คุณได้แก้ไขปัญระหว่างกัน (ถ้ามี) โดยไม่ต้องรู้สึกอายที่ต้องเผชิญหน้ากันในที่สาธารณะ
    • ถ้าคุณกังวลมากเป็นพิเศษหรือคิดว่าการคุยกันอาจจะดำเนินไปได้ไม่ดีนัก คุณก็อาจจะขอให้บุคคลที่ 3 (เช่น เพื่อนของคุณทั้งสองคน นักบำบัด หรือผู้ที่มีอำนาจ) มาช่วยไกล่เกลี่ยด้วยก็ได้
  4. 4
    ทำตัวน่ารัก. ถ้าเขาเห็นว่าคุณพยายาม เขาก็อาจจะกลับมาพูดกับคุณอีกครั้ง การทำตัวหยาบคายใส่เขามีแต่จะทำให้ความบาดหมางยิ่งใหญ่โตและซับซ้อนมากกว่าเดิม
  5. 5
    อธิบายความรู้สึกของคุณ. ใช้ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย "ฉัน" เพื่อบอกว่าคุณรู้สึกอย่างไร อธิบายรูปแบบสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ตัดสิน และบอกเขาว่ามันทำให้คุณรู้สึกอย่างไร เช่น:
    • "ช่วงนี้เวลาที่เราสามคนอยู่ด้วยกัน เธอเอาแต่คุยกับสตางค์แล้วฉันก็ได้แต่นั่งฟัง ฉันก็เลยรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง"
    • "แม่คะ หนูเห็นแม่เล่นเกมกับพวกพี่ชายบ่อยๆ หนูดีใจนะคะที่แม่กับพี่ๆ รักกันดี แต่บางครั้งหนูก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งน่ะค่ะ หนูอยากให้เราสองคนใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้"
    • "ที่รักคะ ช่วงนี้ฉันสังเกตว่าพอเลิกงานคุณก็ไปต่อกับเพื่อนๆ จนดึกดื่นถึงจะกลับบ้าน ฉันคิดถึงคุณนะคะ ฉันอยากใช้เวลากับคุณมากกว่านี้"
    • "เธอไม่พอใจอะไรฉันหรือเปล่า ฉันสังเกตว่าเธอไม่รับสายแล้วก็ไม่ตอบข้อความฉันมา 2 อาทิตย์แล้ว"
  6. 6
    ฟังสิ่งที่เขาพูด. เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกละเลย หรือไม่เขาก็อาจจะกำลังจัดการกับปัญหาบางอย่างที่คุณไม่รู้ก็ได้ เต็มใจที่จะยอมรับคำอธิบายที่มีเหตุผลด้วย
  7. 7
    ยินดีที่จะร่วมมือแก้ปัญหาหากทำได้จริง. พูดคุยกันว่าทำอย่างไรคุณสองคนถึงจะปรับตัวเข้าหากันได้เพื่อให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น การเปิดใจคุยกันและการทำข้อตกลงร่วมกันสามารถช่วยให้คุณทั้งคู่รู้ว่า ทำอย่างไรจึงจะเดินหน้าต่อไปได้
    • "ถ้าฉันอ่านหนังสือซีรีส์เดียวกันกับเธอสองคน มันจะช่วยให้เราสามคนมีเรื่องคุยกันมากขึ้นไหม เพราะว่าฉันเต็มใจนะ ฟังดูมันก็น่าสนุกดี"
    • "สิ่งที่แม่พูดก็คือ สาเหตุที่แม่เล่นกับพวกพี่ชายมากกว่าเป็นเพราะว่าพวกพี่เขาชวนแม่เล่นเกม แล้วถ้าหนูอยากใช้เวลากับแม่ หนูก็ควรจะชวนแม่ แล้วแม่ก็จะมาอยู่กับหนู ใช่ไหมคะ"
    • "ฉันไม่รู้เลยว่าฉันทำให้คุณหนักใจ ถ้าอย่างนั้นเราเดตกันสองคนสัปดาห์ละ 2 คืน แล้วฉันก็จะไปกับเพื่อนๆ ให้บ่อยขึ้นเหมือนกัน จะได้ไม่เหงามาก ดีไหมคะ"
    • "ฉันเปลี่ยนรสนิยมทางเพศไม่ได้ ถ้าเธอไม่โอเคที่ฉันเป็นเลสเบี้ยนแล้วล่ะก็ นั่นคงเป็นปัญหาของเธอแล้วล่ะ และเธอก็ไม่ต้องมาคบกันฉันแล้วก็ได้"
  8. 8
    รู้ว่าเมื่อไหร่ควรปล่อยวาง. ถ้าเขาไม่อยากพูด ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะ หรือถ้ามันกลายไปเป็นการกรีดร้องหรือกล่าวโทษ คุณก็อาจจะเดินออกมาก่อน คุณสามารถกลับไปคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะกว่านี้ หรือไม่ก็ประเมินอีกครั้งว่าความสัมพันธ์นี้ควรค่าแก่การรักษาหรือไม่
    • "ตอนนี้เธอดูไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ไว้เราค่อยคุยกันใหม่วันนี้ทีหลังดีไหม"
    • "ฉันอยากให้ความสัมพันธ์ของเราใกล้ชิดกันกว่านี้ แต่ถ้ามันไม่ได้สำคัญกับคุณเท่าไหร่ เราก็ไม่ต้องคุยเรื่องนี้กันก็ได้"
    • "ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอ ตอนนี้พักก่อนดีกว่า"
    • "ถ้าเธอจะเรียกฉันเสียๆ หายๆ อีกล่ะก็ ฉันไปล่ะ"
    • "ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังตอนที่เราทั้งคู่ใจเย็นแล้วล่ะกัน"
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องปล่อยวาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    อย่าเก็บมาคิดมาก. คนส่วนใหญ่ผ่านเหตุการณ์ที่มีคนเมินเฉยใส่ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่งของชีวิต ใช้พลังจากความหยาบคายของพวกเขามาเป็นแรงผลักดันด้วยการทำให้เขาเห็นว่ามันไม่มีผลอะไรกับคุณเลย คิดซะว่ามันเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ของคุณ
    • ตระหนักและยอมรับความจริงที่ว่า ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะชอบคุณ แม้แต่คนที่น่ารักและโด่งดังที่สุดในโลกก็ต้องเจอคนที่ไม่ชอบเขาบ้างเหมือนกัน
  2. 2
    มองไปที่ถนน อย่าสนใจกำแพง. มันอาจจะทำไม่ง่าย แต่ถ้าคุณใช้เวลาไปกับการทำตามเป้าหมายส่วนตัว ความคิดเห็นและการกระทำของคนๆ นี้จะไม่สำคัญกับคุณเลย [1] คิดว่าพวกเขาเป็นกำแพงสมมุติที่ไม่ได้สำคัญกับเส้นทางของคุณ เพียงแต่ว่ามันดันอยู่ตรงนั้น
  3. 3
    เมินเฉยใส่เขาบ้าง . ถ้าเขาไม่อยากยุ่งกับคุณด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา การเมินเฉยใส่เขาอาจทำให้เขาสังเกตเห็นพฤติกรรมของคุณบ้างก็ได้ ซึ่งก็เป็นวิธีการที่ดีในการ ตั้งสติ ด้วย ถึงในใจคุณจะแตกสลาย แต่มันเป็นวิธีการที่ได้ผลเมื่อเวลาผ่านไป
  4. 4
    ให้พื้นที่ส่วนตัวและเวลากับเขา. บางคนก็แค่ต้องการระยะห่างจากเพื่อนๆ มันอาจจะฟังดูไม่มีเหตุผล แต่หลายคนอาจจะเมินเฉยใส่คุณแค่เพราะเขาอยากทำแบบนั้น มันอาจจะเป็นจุดที่เจ็บปวดและคับข้องใจที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่แค่ให้เวลาสักหน่อย
  5. 5
    อย่าบังคับการเปลี่ยนแปลง. คุณไม่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ให้ใครทำตัวสุภาพได้ถ้าตอนนั้นเขาอยากจะหยาบคาบ บางครั้งการปล่อยให้เขาได้ขบคิดว่าสิ่งที่เขาต้องขบคิดคืออะไรด้วยตนเองก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

สร้างความมั่นใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    กำหนดขอบเขตส่วนตัวกับคนอื่น. การกำหนดขอบเขตส่วนตัวอาจเป็นเรื่องยากถ้าคุณไม่คุ้นเคยกับมันสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์และสุขภาพจิตของคุณจะได้รับประโยชน์จากขอบเขตส่วนตัวอย่างมาก จริงใจกับคนรอบข้างและบอกให้เขารู้ว่า คุณต้องการอะไรจากเขาและขอบเขตของคุณอยู่ตรงไหน แล้วคุณจะพบว่า การตอบสนองความต้องการของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย [2]
    • อธิบายขอบเขตของคุณให้ชัดเจน แล้วบอกให้คนอื่นรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรถ้าเขาละเมิดขอบเขตของคุณ
    • เช่น ถ้าสามี/ภรรยาไม่สนใจคุณและเอาแต่เล่นโทรศัพท์ทุกครั้งที่คุณไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ให้พูดว่า “ฉันรู้สึกเหมือนคุณไม่สนใจแล้วก็ไม่เห็นคุณค่าของฉันเวลาที่คุณเอาแต่เล่นมือถือ ถ้าคุณไม่ได้อยากใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน ก็บอกฉันสิ ฉันจะได้เปลี่ยนแผนไปทำอย่างอื่นช่วงพักกลางวัน”
    • ถ้าคนอื่นๆ ในชีวิตของคุณเขาไม่คุ้นเคยกับการที่คุณกำหนดขอบเขตส่วนตัว เขาก็อาจจะตอบโต้ด้วยความผิดหวัง แปลกใจ หรือแม้กระทั่งความโกรธในช่วงแรก แต่ถ้าเขาเห็นความสำคัญของคุณจริงๆ สุดท้ายแล้วพวกเขาจะเคารพขอบเขตของคุณ
  2. 2
    เขียนรายการ. เขียนรายการขึ้นมา 3 รายการ ได้แก่ จุดแข็ง ความสำเร็จ และสิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับตัวเอง [3] คุณอาจจะให้คนในครอบครัวที่คุณไว้ใจมาช่วยคุณเขียนด้วยก็ได้ เก็บรายการนี้ไว้ในที่ที่ปลอดภัย และหยิบมาอ่านเวลารู้สึกไม่สบายใจ
    • นอกจากนี้คุณอาจจะรวบรวมสิ่งดีๆ ที่คนอื่นเขียนหรือพูดเกี่ยวกับคุณด้วยก็ได้
  3. 3
    รักษาสุขอนามัย. อย่าลืมดูแลตัวเอง โดยให้ความสำคัญกับทรงผม ความยาวของเล็บ และฟันมากเป็นพิเศษ [4]
  4. 4
    ทำความสะอาดที่อยู่อาศัย. คุณจะแปลกใจว่าสุขภาพจิตของคุณแข็งแรงขึ้นมากแค่ไหนหลังจากที่ได้อยู่ในพื้นที่ที่สะอาด เน้นห้องของคุณเป็นหลัก คุณอาจจะขอให้ใครสักคนมาช่วยคุณจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ด้วยก็ได้ [5]
  5. 5
    เริ่มทำงานอดิเรก. ทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการวาดภาพ เพลง บทกวี หรือการเต้น [6] การทำงานด้านศิลปะจะทำให้คุณแสดงตัวตนได้ดีขึ้นและรู้สึกว่าตัวเองมีความชำนาญ ซึ่งจะแปรเปลี่ยนไปเป็นการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้อื่น [7]
  6. 6
    ช่วยเหลือผู้อื่น. การเข้าร่วมองค์กรอาสาสมัครในชุมชนเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ การสร้างความเปลี่ยนแปลงจะทำให้คุณมองตัวเองในแง่บวกมากขึ้น [8]
  7. 7
    ค่อยๆ ให้เวลาจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง. ความรู้สึกไม่มั่นคงทั้งหลายเกี่ยวกับคนอื่นนั้นมาจากความภาคภูมิใจในตนเองของเรา พยายามแยกความรู้สึกออกจากความเป็นจริงของสถานการณ์ ซึ่งมันไม่ง่ายเพราะคนเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ แต่ให้พยายามมองสถานการณ์จากความคิดเห็นที่เป็นกลาง คุณอาจจะใช้แบบฝึกหัดการเขียนแบบต่างๆ เพื่อช่วยให้ความคิดของคุณไหลลื่นขึ้นก็ได้
  8. 8
    ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญถ้าจำเป็น. ถ้าคุณมีปัญหากับการถูกเมินเฉย ก็มีคนที่ช่วยเหลือคุณได้ นักจิตบำบัดหรือครูแนะแนวให้แนะนำกับคนที่อยู่ในจุดเดียวกับคุณตลอดเวลา ถ้าคุณยังเรียนอยู่ ไปพบครูแนะแนวก่อนก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงิน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

สร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    หามิตรภาพใหม่ที่เติมเต็มชีวิต . ถ้าเพื่อนๆ ไม่สนใจคุณหรือไม่เห็นคุณค่าของคุณ ก็อาจจะถึงเวลาต้องหาเพื่อนใหม่แล้ว หาคนที่สนับสนุนคุณ สนใจสิ่งเดียวกัน และทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเอง ไม่ใช่คอยกดคุณให้ต่ำหรือเมินเฉยใส่คุณ
    • ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะไปหาเพื่อนที่ไหน ให้ลองเข้าชมรมหรือสมาคมที่รวมกลุ่มคนที่สนใจสิ่งเดียวกันกับคุณ
    • ถ้าคุณมีเพื่อนที่เมินเฉยใส่คุณเป็นประจำ ดูถูกคุณ หรือละเมิดขอบเขตของคุณ คุณอาจจะต้องตีตัวออกห่างจากคนพวกนั้นหรือไม่ก็ตัดขาดกันไปเลย
  2. 2
    รักษาเพื่อนๆ และคนที่คุณรัก. เพื่อนๆ ที่คุณเคยคบก่อนที่คุณจะโดนเพื่อนคนอื่นเมินใส่อาจจะยังเป็นเพื่อนคุณอยู่ก็ได้ ถ้าอะไรๆ มันกระอักกระอ่วนเพราะก่อนหน้านี้คุณเอาแต่อยู่กับเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่ง ก็บอกเขาไปตรงๆ เลย
    • ทำกิจกรรมที่คุณทั้งคู่เคยสนุกด้วยกัน
  3. 3
    เปิดใจให้กับคนอื่น. เล่าความกลัว ข้อบกพร่อง และความรู้สึกไม่มั่นคงให้คนอื่นฟัง [9] คุณอาจจะรู้สึกว่ามันยากที่จะต้องแบ่งปันความรู้สึกเปราะบางกับใครสักคน แต่มันคือสิ่งที่สร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้คน คุณอาจจะผลัดกันเล่าเรื่องราวความทุกข์ของกันและกันในอดีตก็ได้
  4. 4
    เปิดช่องทางการติดต่อให้หลากหลาย. ยิ่งคุณมีช่องทางในการติดต่อมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น [10] การติดตามช่องทางการสื่อสารทั้งหมดในโลกยุคนี้เป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นหมั่นเช็กโซเชียลมีเดียและโทรศัพท์มือถือเผื่อมีเพื่อนๆ ทักมา
  5. 5
    ทำให้การติดต่อกันมีความหมาย. คุณจะโทรหาเพื่อนแค่เพราะอยากโทรก็ได้ ลองขอคำแนะนำเรื่องที่จริงจัง หรือแค่เล่าสิ่งที่มีความหมายที่เพิ่งเกิดขึ้นกับคุณให้เขาฟังก็ได้ [11]
  6. 6
    แบ่งเวลาให้เพื่อน. ถ้าเพื่อนกำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณก็ควรจัดสรรเวลาให้เพื่อน ไม่มีใครชอบมิตรภาพแบบข้างเดียวหรอก ถ้าคุณวางแผนว่าจะทำอย่างอื่น พยายามจัดสรรเวลาหรือแจ้งให้คนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณวางแผนจะทำก่อนหน้าว่า คุณมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าทำให้เรื่องราวใหญ่โต ไม่ว่าคุณจะโกรธหรือโมโหแค่ไหน การระเบิดอารมณ์ออกมา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะ) มีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะฉะนั้นให้ถอยออกมาก่อน บอกว่าคุณขอตัวสักครู่หรือขอไปสูดอากาศ แล้วเดินออกมา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,318 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา