ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การที่น้ำตาลในเลือดสูงนั้นส่วนใหญ่เกิดจากโรคเบาหวาน ดังนั้นผู้ป่วยควรได้รับการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีเลยที่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับสุขภาพแข็งแรงได้ อย่างเช่น การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะและเปลี่ยนโภชนาการอย่างถูกหลักนั่นเอง แต่ถ้าจะให้ดีต้องทำควบคู่ไปกับคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการที่รู้ประวัติการป่วยของคุณดีด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ลดน้ำตาลในเลือดผ่านการควบคุมอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลดการกินของหวาน ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และแป้งขัดสี. โดยแพทย์จะแนะนำเรื่องนี้ได้เหมาะสมกับความต้องการของคุณที่สุด เพราะมันไม่มีสูตรตายตัวสำหรับการรักษานี้ และนี่เป็นความคิดที่ดีเลยที่จะลดปริมาณเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนม ขนมปังขาว ข้าวขาว มันฝรั่งและอาหารหวานๆ เหล่านั้นซะ [1]
  2. เพราะอาหารเหล่านี้มีใยอาหารสูงและไขมันที่ต่ำ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหานี้มากๆ แต่ธัญพืชเต็มเมล็ดนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเอามันมากินเป็นอาหารหลัก [2]
    • แอปเปิ้ลสดๆ แอพริคอตแห้ง หรือพีชกระป๋องในน้ำผลไม้หรือในน้ำเป็นตัวเลือกที่ดีเลย แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้กระป๋องหรือผลไม้แช่แข็งที่มักใส่น้ำตาลเพิ่มเข้าไปอีก [3]
    • ควรกินผักดิบๆ ให้ได้อย่างน้อย 3 ถ้วย (700 มล.) หรือจะเป็นผักที่ปรุงแล้ว 1 ถ้วยครึ่ง (350 มล.) ลองกินอาร์ติโช๊ค (คล้ายหัวปลีบ้านเรา) แตงกวาหรือผักสลัดสีเขียวดูสิ เพราะยังไงผักสดๆ ก็ดีกว่าผักแช่แข็งหรือผักกระป๋องอยู่แล้ว [4]
    • ข้าวโอ๊ตและบาร์เล่ย์เป็นตัวเลือกที่ดีเลยล่ะ [5]
  3. ถ้าไม่มั่นใจว่าเป็นอันตรายไหม ควรถามแพทย์หรือค้นดูคร่าวๆ ว่ามันมีผลต่อน้ำตาลในเลือดหรือไม่ (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีต่อสุขภาพไปซะหมดนะ) [6] ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหาร “น้ำตาลสูง”ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ 70 ขึ้นไป แล้วหันมากินอาหาร “น้ำตาลต่ำ” ที่ค่าดัชนีไม่ต่ำกว่า 55 จำพวกอาหารที่แนะนำมาข้างต้น [7] [8] ส่วนอาหารที่มีค่าดัชนีอยู่ระหว่าง 55 ถึง 70 ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง สามารถกินได้ในปริมาณเล็กน้อย เพื่อให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย
  4. เพราะถ้ารับสารพวกนี้ทุกวันหรือสูบมันเข้าไปในปริมาณมากๆ แล้ว จะมีผลต่อความสามารถในการผลิตอินซูลินที่ทำหน้าที่ลดน้ำตาลในกระแสเลือด [9] รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีสารนิโคตินด้วย ถ้าคุณคิดจะเลิกบุหรี่จริงๆ เพราะมันก็มีผลเหมือนๆ กันแหละ ส่วนแผ่นปิดผิวหนังนิโคตินหรือหมากฝรั่งนิโคตินพวกนั้นก็ใช้แทนได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณกังวลเรื่องน้ำตาลในเลือดสูงก็ควรจะรักษาแบบระยะยาวไปเลย [10]
  5. จากพาดหัวข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มักจะอ้างว่า อาหารปกติสามารถจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดหรือโรคอื่นๆ ได้ แต่มักจะไม่มีผลงานวิจัยทางการแพทย์ระดับสูงมารองรับ โดยหลายๆ งานวิจัยเกี่ยวกับกาแฟให้ผลขัดแย้ง และยังเป็นที่น่าสงสัย [11] แม้ในงานวิจัยหนึ่งจะพบประโยชน์มากมายของอบเชย แต่มีเพียงคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่เข้าร่วมการทดสอบและทุกคนล้วนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เป็นโรคเบาหวานชนิดที่2 และไม่ได้รักษาอินซูลินหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ นอกจากเบาหวาน [12] ถึงมันจะช่วยยืนยันได้อย่างสมเหตุสมผลก็เถอะ แต่อาหารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทดแทนการออกกำลังกาย การเปลี่ยนการกินที่ดี หรือการรักษาทางการแพทย์ได้หรอก
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ลดน้ำตาลในเลือดผ่านการออกกำลังกาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำตามคำแนะนำทั่วๆ ไปไม่เห็นผลเท่ากับแผนการรักษาของคุณเองหรอก
    • พบแพทย์หรือนักโภชนาการที่ได้รับการแนะนำเป็นประจำ เพื่อตรวจและเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดตามมาได้
  2. ถ้าเป็นเบาหวานควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อนและหลังการออกกำลังกาย. เพราะเมื่อออกกำลังกายได้ระยะหนึ่ง มันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ โดยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตกลูโคส(น้ำตาล) เพื่อเพิ่มพลังให้กับกล้ามเนื้อ [13] และถ้าจะตรวจต้องวัดก่อนออกกำลังกายและทุกๆ 30 นาทีระหว่างการออกกำลังกายด้วย [14]
    • แพทย์หรือร้านขายยาจะให้เครื่องวัดกลูโคสในเลือดหรือแผ่นวัดระดับน้ำตาลในเลือดมา
  3. วางแผนออกกำลังกายตามผลการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด. โดยต้องปรับให้เหมาะกับผลการตรวจเลือดตามที่บอกข้างบน และถ้าจะให้ปลอดภัยควรทำตามคำแนะนำนี้หรือคำแนะนำจากแพทย์ของคุณในกรณีพิเศษ ดังนี้: [15]
    • ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 100 mg/dL (5.6 mmol/L) ให้เพิ่มระดับน้ำตาลก่อนออกกำลังกายด้วยการกินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ที่มีคาร์โบไฮเดรต เช่น ผลไม้หรือแครกเกอร์ ไม่อย่างงั้นแล้วคุณอาจจะสั่นและกังวล ไม่มีสติหรือเข้าขั้นโคม่าได้เลยทีเดียว [16]
    • ถ้าผลอยู่ระหว่าง 100-250 mg/dL(5.6-13.9 mmol/L) จะดีที่สุด คือคุณไม่ต้องกังวลอะไร ออกกำลังกายต่อไปสบายๆ เลย ยกเว้นแพทย์จะบอกให้ทำแบบอื่น
  4. ตรวจหาสารคีโตน ถ้าน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 250 mg/dL Z(13.9 mmol/L) . สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยเฉพาะชนิดที่ 1 นั้น ไม่ควรออกกำลังกาย ถ้ายังไม่ได้ตรวจสารนี้ก่อน [17] เพราะจะอันตรายมากถ้ามันก่อตัวขึ้นมา แล้วการออกกำลังกายนี่แหละมักจะเป็นตัวทำให้มันเพิ่มขึ้นไปอีก โดยใช้แผ่นตรวจโรคคีโตซิสหาสารคีโตนในปัสสาวะ หาซื้อได้ตามร้านขายยาและควรทำตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง หากตรวจเจอสารนี้ไม่ควรออกกำลังกาย รวมทั้งถ้ามีผลในระดับปานกลางถึงสูงก็ควรตรวจเป็นประจำ [18] และหากคีโตนสูงมากหรือไม่ลดลงเลยหลังจากตรวจไปแล้ว 30-60 นาที ต้องเข้ารับการรักษาอย่างทันที
    • ถ้าผลสูงกว่า 300 mg/dL (16.7 mmol/L) ห้ามออกกำลังกาย ให้รอซัก 30-60 นาทีหลังจากกินอาหาร แล้วลองตรวจอีกครั้งเพื่อดูว่ามันต่ำลงพอที่จะออกกำลังกายไหม และบอกให้แพทย์หรือพยาบาลรู้ด้วย หากเคยมีระดับน้ำตาลสูงอยู่บ่อยๆ หรือเป็นเวลานานๆ
  5. เพราะมันจะช่วยเปลี่ยนกลูโคสเป็นพลังงาน ทำให้เซลล์ร่างกายไวต่ออินซูลิน [19] และลดไขมันส่วนเกินได้ รู้ไว้เลยว่ายิ่งเคลื่อนไหวมาก ก็ยิ่งลดปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดสูงนี้ได้มากขึ้น
    • ตั้งเป้าออกกำลังกายไว้อย่างน้อย 30 นาทีทุกๆ วัน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน โดยรวมแล้วคือ 150 นาทีขึ้นไปต่อสัปดาห์ [20]
    • มองหาการออกกำลังกายที่ชื่นชอบ เพราะนี่จะทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ และการปั่นจักรยานเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี
  6. หากได้รับบาดเจ็บหรือมีแผลให้หยุดออกกำลังกายและพบแพทย์.โดยถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน ขณะออกกำลังกายให้ระวังสัญญาณเหล่านี้ คือ รู้สึกวิงเวียนศีรษะ เจ็บแปลบที่หน้าอก รู้สึกขาดอากาศหายใจแบบฉับพลัน หรือสังเกตเห็นแผลพองหรือเจ็บที่เท้า ให้หยุดแล้วไปหาหมอซะ [21]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

วิธีอื่นๆ ที่จะรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยปรึกษาแพทย์ว่าควรทำบ่อยแค่ไหน ทุกวันหรืออาทิตย์ละหลายๆ ครั้ง ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา [22]
    • ถ้าไม่เข้ารับการรักษา ก็สามารถหาเครื่องวัดกลูโคสในเลือดหรือแผ่นตรวจน้ำตาลในเลือดได้ตามร้านขายยาทั่วไป
  2. เฝ้าสังเกตว่าน้ำตาลในเลือดแกว่งได้อย่างไร เมื่อไหร่และทำไมจึงเป็นเช่นนั้น. ถ้าควบคุมการกินอย่างเข้มงวดและลดการกินน้ำตาลแล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดจะเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน [23]
  3. เพราะภาวะเครียดสะสมจะปล่อยฮอร์โมนที่เป็นตัวหยุดการทำงานของอินซูลิน [28] ดังนั้นต้องกำจัดปัญหาเครียดๆ ในชีวิตออกไปซะ โดยหลีกเลี่ยงการทะเลาะ หรือลดงานที่ทำลงหน่อย แล้วหาทางต่อสู้กับมันโดยการออกกำลังกายคลายเครียด เช่น นั่งสมาธิ หรือเล่นโยคะ
  4. ลองถามหมอดูสิ บางทีอาจจะไม่ต้องกินยาก็ได้นะ. เพราะบางคนก็จัดการกับน้ำตาลในเลือดได้โดยแค่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่บางคนก็โดนสั่งยารักษาทั้งโรคเบาหวานและอินซูลินเลย [29]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

โฆษณา

คำเตือน

  • บอกให้แพทย์และครูสอนออกกำลังกายรู้ว่าป่วย ก่อนจะรับการรักษาหรือออกกำลังกายใดๆ โดยใส่กำไลข้อมือของผู้ป่วยไว้
  • อย่ากินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำหรืองดมื้อไหนๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อน แม้บางแผนการกินอาหารจะฟังดูดี แต่อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงหรือเกิดปัญหาต่างๆตามมาได้เลย [34]
โฆษณา
  1. http://www.webmd.com/diabetes/news/20110328/nicotine-and-blood-sugar-bad-combination
  2. http://www.webmd.com/diabetes/news/20080128/caffeine-risks-may-rattle-diabetics
  3. http://care.diabetesjournals.org/content/26/12/3215.full
  4. http://www.diabetes.org/food-and-fitness/fitness/exercise-and-type-1-diabetes.html
  5. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/in-depth/diabetes-and-exercise/art-20045697
  6. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/in-depth/diabetes-and-exercise/art-20045697
  7. http://www.medicinenet.com/script/main/art.asp?articlekey=19679
  8. http://www.diabetes.org/living-with-diabetes/treatment-and-care/blood-glucose-control/checking-for-ketones.html
  9. http://www.diabetes.org/food-and-fitness/fitness/exercise-and-type-1-diabetes.html
  10. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/risk-factors/con-20031902
  11. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/in-depth/diabetes-and-exercise/art-20045697
  12. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000083.htm
  13. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  14. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  15. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  16. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  17. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  18. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  19. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  20. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  21. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  22. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  23. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/risk-factors/con-20031902
  24. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-2-diabetes/basics/treatment/con-20031902
  25. http://www.diabeticlivingonline.com/monitoring/blood-sugar/13-diabetes-myths-dont-lower-blood-sugar

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 54,228 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา