ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการตาบวมนั้นอาจมาจากหลายสาเหตุ ทั้งโรคภูมิแพ้ กรรมพันธุ์ การพักผ่อนน้อย และที่แน่ๆ คือการนอนดึก ถ้าคุณมีปัญหาตาบวมเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ ถ้าอาการตาบวมของคุณเกิดจากการนอนดึก มันมีหลายวิธีที่จะช่วยให้ตาคุณดูมีชีวิตชีวาขึ้น ตั้งแต่การใช้แตงกวาฝานแปะตา ไปจนถึงการนวดบริเวณรอบดวงตา

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ใช้แตงกวา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แตงกวาถูกใช้รักษาอาการตาบวมมาเป็นเวลานาน มันมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยลดการระคายเคือง และความเย็นยังช่วยลดบวมได้ [1] นำแตงกวาฝานใส่ถุงพลาสติก แช่ไว้ในตู้เย็น (หรือใส่ช่องแช่แข็งถ้าต้องการใช้เร็วๆ)
    • เก็บแตงกวาฝานไว้ติดตู้เย็นเสมอ เพื่อความสะดวกเวลาจะใช้ลดตาบวม [2]
  2. แตงกวาฝานหนึ่งชิ้นควรแปะได้ทั่วทั้งตา หรือถ้าไม่ ก็วางปิดเฉพาะบริเวณที่บวมมากๆ ก็ได้ คุณอาจต้องเอนหลังหรือนอนลงเพื่อให้แตงกวาอยู่กับที่ ใช้โอกาสนี้ผ่อนคลายสักหน่อยแล้วกัน [3]
  3. เมื่อเอาแตงกวาออกแล้วให้ทิ้งไป ห้ามนำมาใช้ต่อ คุณอาจต้องใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเศษแตงกวาออกจากเปลือกตาหลังจากนั้น [4]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ใช้ช้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ช้อนเป็นตัวประคบเย็นที่ดีต่อตาคุณ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา ใส่น้ำกับน้ำแข็งลงในถ้วย แล้วใส่ช้อนลงไป ทิ้งไว้ให้เย็นสัก 5 นาที หรืออีกทางหนึ่งคือเอาช้อนสองคันไปแช่ช่องฟรีซประมาณชั่วโมงนึง [5]
  2. กดไว้เบาๆ เพื่อให้ช้อนอยู่กับที่ ระวังอย่ากดแรงไปเพราะดวงตานั้นบอบบางมาก ถ้าจะให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น ควรเอนหลังบนเก้าอี้หรือนอนลง [6]
    • คุณสามารถประคบตาสองข้างพร้อมกันทีเดียวก็ได้ แต่มันจะยากในการจับให้ช้อนอยู่กับที่ด้วยมือเดียว
  3. เอาออกเมื่อต้องการ หรือเมื่อช้อนอุ่นลงแล้ว พอเสร็จหนึ่งข้างก็ให้ทำซ้ำกับตาอีกข้าง คุณอาจต้องวางผ้าขนหนูไว้ใกล้มือเพื่อเช็ดน้ำจากช้อนบนผิวคุณ
    • การใช้ช้อนเย็นเป็นเพียงวิธีแก้ตาบวมแบบชั่วคราวเท่านั้น ควรมีช้อนแช่ไว้ในตู้เย็นตลอด คุณจะได้นำมาประคบเย็นเวลาตาบวมได้ [7]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ใช้ถุงชา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชาเขียวเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมันมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ [8] แต่ถ้าคุณไม่มีชาเขียว ชาดำธรรมดาก็ใช้ได้เช่นกัน หลังจากแช่ถุงชาเสร็จ ให้นำออกจากถ้วยและใส่ในถุงพลาสติก [9]
  2. นำถุงที่มีถุงชาอยู่นั้นไปแช่ตู้เย็น (หรือแช่ช่องฟรีซถ้าอยากให้เย็นเร็วๆ) แช่ไว้จนเย็นกำลังดี จากนั้นนำออกจากตู้เย็น
    • สามารถเก็บถุงชาไว้ในตู้เย็นได้นาน 1 สัปดาห์ [10]
  3. วางถุงชาลงบนบริเวณที่ตาบวม คุณอาจต้องเอนหลังหรือนอนลงเพื่อให้ถุงชาไม่หล่น ใช้โอกาสนี้ผ่อนคลายสักครู่ [11]
    • บีบน้ำส่วนเกินออกจากถุงชาก่อนจะวางบนเปลือกตา
  4. เอาถุงชาออกแล้วทิ้งได้เลย ห้ามนำไปใช้ต่อ คุณอาจจะต้องใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดสิ่งตกค้างรอบดวงตาอีกที [12]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

ใช้น้ำแข็ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำแข็งเป็นตัวช่วยง่ายๆ ที่รู้จักกันดีว่าลดอาการบวมหรือปวดได้ [13] คุณก็สามารถใช้น้ำแข็งเพื่อลดอาการบวมรอบดวงตาได้เช่นกัน โดยใส่น้ำแข็งลงในถุงพลาสติกแล้วปิดปากถุง แต่ถ้ามีน้ำแข็งนิดเดียว ก็สามารถใช้ถุงผักแช่แข็งแทนได้ ถุงถั่วแช่แข็งใช้แทนถุงน้ำแข็งได้ดี [14]
    • อย่าลืมห่อถุงน้ำแข็งหรือถุงผักแช่แข็งด้วยกระดาษหรือผ้าสะอาดก่อนจะวางลงบนตา ห้ามวางน้ำแข็งบนผิวตรงๆ โดยไม่มีผ้าห่อ ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการทำร้ายผิวได้ [15]
  2. ถ้าถุงใหญ่มากพอ คุณก็สามารถประคบตาทีเดียวสองข้างได้ แต่ถ้าไม่พอก็ต้องสลับข้างเอาเอง คุณจะนั่งหรือยืนถือถุงน้ำแข็งไว้ก็ได้ แต่เอนหลังหรือนอนลงเพื่อผ่อนคลายจะดีกว่า
  3. ถ้าเริ่มรู้สึกเย็นเกินไป ให้เอาออกสักพักแล้วค่อยทำต่อ [16] และถ้าคุณประคบตาทีละข้าง หลังจากทำเสร็จข้างนึงแล้วก็ทำซ้ำอีกข้างด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แปะแผ่นมาสก์ใต้ตาในตอนเช้าหลังจากคืนที่นอนดึก เพื่อลดตาบวม จำไว้ว่าวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ดังนั้นคุณควรเผื่อเวลาไว้สักหน่อยถ้าจะทำ [17] คุณสามารถหาซื้อมาสก์บำรุงใต้ตาได้ตามแผนกเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้าทั่วไป [18]
    • ปฏิบัติตามข้อแนะนำในการใช้สินค้า
  2. ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตามากมายที่ช่วยลดตาบวมได้ ควรเลือกอายครีมที่ผลิตมาเพื่อลดอาการตาบวมโดยเฉพาะ ทาครีมเล็กน้อยและนวดวนเบาๆ รอบดวงตา [19]
  3. คอนซีลเลอร์ไม่ได้ช่วยลดอาการตาบวม แต่มันจะช่วยให้ดูบวมน้อยลง ควรเลือกคอนซีลเลอร์ที่สว่างกว่าสีผิวคุณหนึ่งเฉด แตะและเกลี่ยบริเวณใต้ตาเพื่อให้ตาของคุณดูบวมน้อยลง [20]
    • ถ้าคุณกังวลว่าอาจจะตาบวมจากอาการแพ้ อย่าใช้คอนซีลเลอร์ รอจนกว่าจะมั่นใจว่าคุณไม่ได้แพ้เครื่องสำอาง
  4. การนวดใต้ตาเป็นประจำทุกวันจะช่วยผ่อนคลาย และช่วยลดอาการบวมได้ ผิวบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบางมาก ดังนั้นให้กดอย่างเบามือ ใช้นิ้วกลางนวดวนใต้ตาเบาๆ เป็นวงกลม หรือคุณจะใช้สำลีช่วยนวดใต้ตาก็ได้ถ้ารู้สึกว่านิ้วไม่นุ่มพอ [21]
    • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ลองไปนวดหน้า หรือให้ผู้ชำนาญในการนวดบำบัดนวดหน้าให้
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ปรับเปลี่ยนกิจวัตร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การกินเกลือมากไปจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำส่วนเกินไว้ ซึ่งจะนำไปสู่การตาบวม ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปเพื่อลดการบริโภคเกลือ และอย่าปรุงอาหารด้วยเกลือ [22]
  2. ดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน. น้ำเปล่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น และเมื่อคุณดื่มน้ำเพียงพอ ผิวของคุณก็จะดูสุขภาพดีด้วย การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากไปจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และเมื่อเป็นเช่นนั้นตาก็จะยิ่งบวมชัดขึ้น [23]
  3. บุหรี่ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นเหตุให้ตาบวมได้ ถ้าคุณสูบบุหรี่อยู่ก็ให้พยายาม เลิกสูบบุหรี่ นอกจากจะทำให้ผิวดีขึ้นแล้ว ยังมีผลดีต่อสุขภาพของคุณอีกมาก [24]
  4. การนอนคว่ำจะยิ่งทำให้ตาบวมมากขึ้น เพราะมันอาจทำให้คัดจมูกแล้วส่งผลให้ตาบวม ควรนอนหงายเพื่อเลี่ยงไม่ให้ของเหลวไหลมาสะสมที่โพรงจมูก [25]
  5. การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตาบวม ควรนอนให้เต็มอิ่มครบ 8 ชั่วโมงทุกคืนเพื่อลดอาการตาบวม [27]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นทันทีหลังตื่นนอน
  • อย่าขยี้ตา เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง
  • ถ้ามีอาการตาบวมบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์ คุณอาจจะเป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคอื่นๆ ซึ่งแพทย์จะช่วยแนะนำวิธีรับมือได้
โฆษณา

คำเตือน

  • ผิวรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางมาก ดังนั้นโปรดระวังขณะใช้วิธีรักษาใดๆ ก็ตามในบทความนี้
  • ควรไปพบแพทย์หากไม่สามารถลดอาการตาบวมได้เอง มันอาจกำลังบ่งบอกว่าคุณเป็นโรคขาดฮอร์โมนไทรอยด์ หรือโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ อาการอื่นๆ ที่จะเกิดกับตาหากเป็นโรคดังกล่าวคือ มีอาการตาโปน และกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,123 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา