ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แม้จะไม่มีใครที่มีใบหน้าสมมาตร 100% แต่สำหรับบางคนอาจประสบปัญหายิ้มสองข้างไม่เท่ากันที่เห็นได้ชัดกว่าคนอื่นๆ หากคุณสังเกตเห็นว่ามุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นหรือตกลงมากกว่ามุมปากอีกข้างหนึ่งเวลาที่คุณยิ้ม นั่นอาจทำให้รอยยิ้มของคุณอาจดูไม่เท่ากันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด มีหลายวิธีการที่ช่วยให้คุณสามารถอำพรางรอยยิ้มที่ไม่เท่ากันของคุณได้โดยไม่ต้องอาศัยการผ่าตัดเพื่อให้คุณมั่นใจในรอยยิ้มของตัวเองมากขึ้น

1

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหายิ้มสองข้างไม่เท่ากัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รอยยิ้มสองข้างไม่เท่ากันเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเคี้ยวอาหารข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง ปัญหาฟันเกหรือฟันซ้อน การได้รับบาดเจ็บ การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) หรือแม้แต่พันธุกรรม จะเห็นได้ว่ามีหลายปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุทำให้รอยยิ้มของคุณไม่สมมาตร 100% และบางปัจจัยอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น [1]
    • แม้แต่อารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้นก็อาจส่งผลให้รอยยิ้มของคุณดูไม่สมดุลเล็กน้อยได้
  2. คุณอาจสังเกตเห็นได้ว่ารอยยิ้มสองข้างของคุณไม่เท่ากันได้จากในรูปถ่ายหรือเมื่อส่องกระจก นอกจากนี้คุณอาจพบว่าตัวเองพยายามหลีกเลี่ยงที่จะยิ้ม หัวเราะ หรือถ่ายรูปเซลฟี่ [2]
    • ในบางครั้งคุณอาจมองเห็นภาพตัวเองผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงบ้าง ซึ่งในหลายครั้งคุณจะเห็นได้ว่าในรอยยิ้มของตัวเองในรูปถ่ายเซลฟี่ วิดีโอเว็บแคม หรือรูปถ่ายดูผิดแปลกไปทั้งที่จริงแล้วไม่มีความผิดปกติใดๆ
  3. คุณไม่จำเป็นต้องแก้ไขรอยยิ้มที่ไม่เท่ากันของคุณหากไม่ต้องการ จำไว้ว่าใบหน้าของแต่ละคนต่างมีความไม่สมมาตรมากน้อยแตกต่างกันไป และรอยยิ้มที่ไม่เท่ากันอาจกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคุณได้ คุณควรตัดสินใจที่จะแก้ไขรอยยิ้มที่ไม่เท่ากันของคุณก็ต่อเมื่อปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อความมั่นใจหรือความพึงพอใจในตัวเอง [3]
    • ปัญหาฟันเกหรือฟันซ้อนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณในระยะยาวได้ ดังนั้นคุณควรปรึกษาทันตแพทย์หากมีปัญหาเรื่องฟันเกหรือฟันซ้อน
    โฆษณา
2

ฝึกพฤติกรรมที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อคุณเคี้ยวอาหารเพียงข้างเดียวเป็นประจำ ขากรรไกรข้างใดข้างหนึ่งของคุณจะทำงานหนักกว่าอีกข้างหนึ่ง ดังนั้นพยายามเคี้ยวอาหารทั้งด้านซ้ายและด้านขวาสลับกันไปมาแทนที่จะเคี้ยวเพียงข้างที่ถนัดเท่านั้น [4]
    • คุณสามารถเคี้ยวอาหารคำหนึ่งที่ฝั่งขวา จากนั้นจึงสลับไปเคี้ยวอาหารอีกคำหนึ่งที่ฝั่งซ้ายก่อนสลับกลับมาเคี้ยวที่ฝั่งขวาอีกครั้ง เคี้ยวอาหารสลับข้างไปมาเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
  2. การปล่อยให้ใบหน้าเพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่งกดทับกับหมอนอยู่เรื่อยๆ อาจทำให้ขากรรไกรผิดรูปได้ ดังนั้นพยายามตะแคงทั้งด้านซ้ายและด้านขวาสลับกันไปมาในระหว่างการนอนหลับ [5]
    • หากตามปกติแล้วคุณชอบนอนหงาย คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสลับข้างตะแคง
  3. หากปากของคุณมีขนาดใหญ่ การเม้มริมฝีปากในขณะยิ้มอาจทำให้รอยยิ้มของคุณดูไม่เท่ากันยิ่งขึ้น ลองยิ้มกว้างๆ อย่างเต็มที่และเปิดปากให้เห็นฟันเต็มๆ ซี่ [6]
    • จำไว้ว่าการยิ้มไม่มีกฎตายตัว ดังนั้นลองฉีกยิ้มหลายๆ แบบเพื่อหารอยยิ้มที่ทำให้คุณดูดีและรู้สึกดีที่สุด
  4. สำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบางและปากเล็ก การยิ้มโดยไม่ให้เห็นฟันอาจทำให้รอยยิ้มของคุณออกมาดูดีกว่า คุณสามารถเม้มริมฝีปากให้ปิดสนิทหรือเปิดปากให้เห็นฟันเพียงเล็กน้อยในขณะยิ้มเมื่อถ่ายรูปหรือถ่ายเซลฟี่ [7]
    • อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการยิ้มไม่มีกฎตายตัว คุณสามารถลองฉีกยิ้มหลายๆ แบบเพื่อหารอยยิ้มที่เหมาะกับใบหน้าของคุณที่สุด
    โฆษณา
3

บริหารใบหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ฉีกยิ้มออกให้กว้างที่สุดพร้อมพูดคำว่า “อี” โดยลากเสียงยาวๆ และค้างไว้ประมาณ 15 วินาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นพูดคำว่า “โอ” โดยลากเสียงยาวๆ พร้อมเม้มริมฝีปากให้แน่นเหมือนกับกำลังเป่านกหวีดและค้างไว้ 15-20 วินาที [8]
    • ทำซ้ำ 10 ครั้งต่อวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม
    • แม้จะเชื่อกันว่าการบริหารใบหน้าอาจช่วยแก้ปัญหายิ้มสองข้างไม่เสมอกันได้ แต่ในปัจจุบันยังคงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ มาสนับสนุน
  2. เริ่มจากดูดแก้มเข้าไปให้เนื้อแก้มด้านในทั้งสองข้างแตะกันก่อนขยับริมฝีปากขึ้นลงและค้างไว้ประมาณ 10 วินาที [9]
    • การทำปากจู๋จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม
  3. คาบดินสอเอาไว้ไนปากโดยเลื่อนดินสอเข้าไปให้อยู่หลังฟันเขี้ยวและปิดปากให้แน่นที่สุดเพื่อไม่ให้ดินสอขยับไปมา หันศีรษะไปทางขวาและทางซ้ายก่อนเปลี่ยนเป็นผงกศีรษะขึ้นลงในขณะที่คาบดินสอไว้ในปาก [10]
    • ทำซ้ำ 3 ครั้งเป็นประจำทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร
  4. ปิดปากให้เกือบสนิทและใช้ปลายลิ้นกวาดไปมาให้ทั่วฟันบนโดยเริ่มจากฟันที่อยู่ด้านขวาสุดแล้วไล่มาเรื่อยๆ จนสุดถึงด้านซ้าย ทำซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับลิ้นและกล้ามเนื้อบนใบหน้า [11]
    • คุณสามารถบริหารใบหน้าด้วยใช้ปลายลิ้นกวาดฟันบนซ้ำได้ถึง 10 ครั้งต่อวัน
  5. ใช้ริมฝีปากบนและริมฝีปากล่างคาบด้ามจับของช้อนไว้โดยให้ปลายช้อนอีกด้านหนึ่งยื่นออกมาด้านนอกและค้างไว้ 5-10 วินาทีหรือนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ [12]
    • น้ำหนักของช้อนจะทำให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงมากขึ้น
    • เมื่อฝึกอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะสามารถใช้ริมฝีปากคาบช้อนไว้ได้นานขึ้นถึง 1 นาทีต่อครั้ง
    โฆษณา
4

ตกแต่งริมฝีปาก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้คอนซีลเลอร์เกลี่ยให้ทั่วริมฝีปากให้ดูเสมอกัน. แตะคอนซีลเลอร์หรือรองพื้นให้ทั่วริมฝีปากให้ดูเรียบเนียนมากขึ้น จากนั้นใช้ดินสอเขียนขอบปากสีแมตต์ที่มีสีเข้มกว่าริมฝีปากธรรมชาติของคุณเล็กน้อยวาดขอบปากให้เกินออกจากส่วนที่ไม่เท่ากันก่อนเติมลิปสติกลงไปตรงบริเวณดังกล่าวเพื่อให้ริมฝีปากของคุณดูอวบอิ่มและเสมอกันมากขึ้น [13]
    • ค่อยๆ วาดขอบปากด้วยความระมัดระวัง เพราะการเผลอเติมริมฝีปากจนใหญ่หรือหนาเกินไปอาจทำให้เป็นที่สังเกตมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในแสงธรรมชาติ
    • คุณไม่จำเป็นต้องแต่งเติมริมฝีปากเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน แต่เทคนิคนี้สามารถช่วยให้การแต่งหน้าของคุณออกมาดูสวยและสมบูรณ์แบบมากขึ้น
  2. เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก. ลองปรึกษาศัลยแพทย์เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากและบริเวณโดยรอบเพื่อช่วยเติมเต็มปากให้ดูอวบอิ่มยิ่งขึ้น โดยคุณอาจเลือกฉีดฟิลเลอร์เพียงเล็กน้อยในการแก้ริมฝีปากให้ดูเสมอกันเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น [14]
    • การฉีดฟิลเลอร์สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น
    • หากคุณสนใจการฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรแน่ใจว่าคุณเลือกเข้ารับบริการจากศัลยแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น
    • การฉีดฟิลเลอร์ปากให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งคุณจะต้องรับการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำอยู่เรื่อยๆ เพื่อคงผลลัพธ์ไว้
  3. ลองสักปากเพื่อให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและมีสีสันมากขึ้น. การสักปากกึ่งถาวรคือการฝังเม็ดสีลงไปบนริมฝีปากเพื่อให้ดูอวบอิ่มมากขึ้น ลองปรึกษาช่างสักมืออาชีพเกี่ยวกับขั้นตอนการสักปากและผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้ก่อนการตัดสินใจ [15]
    • การสักเพื่อความงามจะแตกต่างจากการสักทั่วไปตรงที่สีที่สักลงไปนั้นจะไม่ติดทนถาวร ดังนั้นคุณอาจต้องรับการสักปากซ้ำทุกๆ 2-3 ปีเมื่อสีเริ่มจางลง
    • การสักปากโดยส่วนใหญ่มีความละเอียดสูงจนมองแทบไม่ออกว่าริมฝีปากของคุณผ่านการสักมา
  4. พิจารณาการตกแต่งริมฝีปากถาวรด้วยการเสริมซิลิโคนหรือปลูกถ่ายไขมันหรือเนื้อเยื่อ. หากคุณรู้สึกไม่พอใจกับริมฝีปากที่ไม่เท่ากันของคุณ การศัลยกรรมด้วยเทคนิคต่างๆ เพื่อตกแต่งริมฝีปากถาวรอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ลองปรึกษาศัลยแพทย์เกี่ยวกับผ่าตัดตกแต่งริมฝีปากด้วยการเสริมซิลิโคน (ใส่ซิลิโคนไว้ด้านในริมฝีปากเพื่อเพิ่มความอวบอิ่มและความสมดุล) การปลูกถ่ายไขมัน (ย้ายไขมันจากหน้าท้องมาเสริมที่ริมฝีปาก) หรือการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ (ย้ายเนื้อเยื่อจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมาเสริมที่ริมฝีปาก) [16]
    • การศัลยกรรมเป็นหัตถการที่มีการรุกล้ำร่างกายสูงและการผ่าตัดทุกครั้งย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นอย่าลืมพูดคุยกับศัลยแพทย์เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ก่อนตัดสินใจเข้ารับการศัลยกรรม
    โฆษณา
5

แก้ไขปัญหาฟัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใส่เครื่องมือจัดฟันเพื่อให้ฟันเรียงตัวเป็นระเบียบ. หากรอยยิ้มที่ไม่เท่ากันของคุณเกิดจากปัญหาฟันเก ลองเข้าพูดคุยกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันโดยตรงเกี่ยวกับการจัดฟัน จำไว้ว่าการจัดฟันไม่ใช่วิธีที่เห็นผลรวดเร็วและมักต้องใช้เวลานานเป็นปีหรือนานกว่านั้นในการจัดระเบียบฟันให้เรียงตัวสวยงาม อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์หลังการจัดฟันสามารถเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน [17]
    • หากคุณไม่อยากใส่เครื่องมือจัดฟัน ลองสอบถามทันตแพทย์หรือทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันเกี่ยวกับการจัดฟันแบบใสแทน [18]
  2. หากฟันของคุณบิ่นหรือสั้นเกินไป ลองพูดคุยกับทันตแพทย์เกี่ยวกับการทำวีเนียร์ซึ่งเป็นการบูรณะฟันโดยใช้วัสดุประเภทพอร์ซเลนเคลือบไว้ที่ผิวฟันเพื่อให้ฟันของคุณดูเข้ารูปและขาวได้ในเวลาอันรวดเร็ว [19]
    • เหงือกและฟันของคุณจะต้องแข็งแรงมากพอก่อนที่คุณจะเข้ารับการทำวีเนียร์ ดังนั้นอย่าลืมรักษาสุขภาพฟันให้ดีด้วยการหมั่นแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
    • การทำวีเนียร์ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรแต่อาจหลุดลอกได้บ้างเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งคุณอาจจำเป็นต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนวัสดุวีเนียร์ใหม่เป็นครั้งคราว
  3. หากคุณมีฟันที่เกหรือบิ่นเพียงไม่กี่ซี่ ลองสอบถามทันตแพทย์เกี่ยวกับการครอบฟันซึ่งเป็นการบูรณะฟันโดยใช้วัสดุมาสวมทับลงบนฟันเดิมที่มีปัญหาเพื่อให้ฟันของคุณกลับมาดูสมบูรณ์และแข็งแรงดังเดิม [20]
    • การครอบฟันยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับฟันที่อ่อนแอหรือแตกหักอีกด้วย
    โฆษณา
6

ถ่ายรูปให้ออกมาดูดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้ปลายลิ้นดันหลังฟันด้านบนไว้เพื่อให้ยิ้มออกมาดูดี. ก่อนยิ้มทุกครั้ง ให้คุณนำลิ้นแตะไว้ที่เพดานปากก่อนใช้ปลายลิ้นดันที่บริเวณหลังฟันด้านบนไว้ วิธีนี้จะช่วยให้เผยเหงือกออกมาอย่างพอดี (ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป) ในขณะยิ้ม [21]
    • เคล็ดลับนี้เป็นเคล็ดลับที่คนดังหลายคนใช้เมื่อเดินบนพรมแดงในการฉีกยิ้มค้างไว้เพื่อให้ช่างภาพได้ถ่ายรูปสวยๆ
  2. บุ้ยปากขณะยิ้มเพื่อให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากขึ้น. ก่อนยิ้มทุกครั้ง ลองทำริมฝีปากยื่นออกมาเล็กน้อยเหมือนกำลังจะจูบ ค้างไว้เช่นนี้ในขณะยิ้มเพื่อให้ริมฝีปากของคุณดูอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติในรูปถ่าย [22]
    • วิธีนี้สามารถช่วยให้ริมฝีปากของคุณดูอวบอิ่มขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเทคนิคการแต่งหน้าใดๆ
  3. การถ่ายรูปในระยะใกล้เกินไปอาจทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความบิดเบี้ยวจนสัดส่วนของคุณดูประหลาดไปได้ ดังนั้นพยายามยืนให้ห่างจากกล้องประมาณ 1-1.2 เมตร จากนั้นลองขยับถอยหลังหรือเดินหน้าเล็กน้อยเพื่อหามุมที่ดูดีที่สุด [23]
    • การยืนห่างจากกล้องจนเกินไปอาจทำให้ใบหน้าของคุณดูแปลกตาไปบ้าง (หรือเบลอ) ได้เช่นกัน ดังนั้นพยายามหาจุดที่พอดีและไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไปเพื่อให้ภายถ่ายออกมาดูดีที่สุด
  4. เลือกเลนส์ 70-100 มม.เพื่อให้ได้มุมที่เป็นธรรมชาติที่สุด. หากคุณถ่ายรูปด้วยกล้อง DSLR ประเภทของเลนส์ที่คุณเลือกใช้สามารถสร้างความแตกต่างให้กับภาพถ่ายอย่างมาก การถ่ายรูปด้วยเลนส์ 70-100 มม.จะให้ภาพที่ได้สัดส่วนคงเดิมและมีความผิดเพี้ยนน้อยที่สุด [24]
    • เลนส์ที่เหมาะสมกับคุณอาจมีระยะที่ต่างจากนี้ไปบ้าง ดังนั้นลองถ่ายรูปตัวเองด้วยเลนส์หลากหลายประเภทเพื่อหาเลนส์ที่คุณถูกใจมากที่สุด
  5. ใช้เครื่องมือสำหรับโน้มวัตถุให้บิดเบี้ยวในโปรแกรมตัดแต่งภาพเพื่อแก้ไขรอยยิ้มของคุณ. เปิดไฟล์ภาพถ่ายของคุณบนโปรแกรมตัดต่อ จากนั้นใช้เครื่องมือสำหรับโน้มวัตถุให้บิดเบี้ยว (Warp tool) คลิกลากให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของปากและขยับมุมปากข้างใดข้างหนึ่งขึ้นหรือลงทีละนิดเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลของรอยยิ้มที่คุณมองเห็น [25]
    • แต่งภาพด้วยความระวัง! เพราะหากคุณเผลอแต่งมากจนเกินไป ภาพที่แต่งออกมาอาจดูผิดธรรมชาติได้
    • หากช่างภาพเป็นผู้ถ่ายรูปให้กับคุณ คุณสามารถขอให้ช่างภาพปรับแต่งรอยยิ้มของคุณในรูปถ่ายในขั้นตอนตัดต่อได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เราทุกคนต่างมีรอยยิ้มที่ดูไม่สมมาตรบ้างเล็กน้อยกันทั้งนั้น ดังนั้นรอยยิ้มที่ไม่เท่ากันของคุณก็อาจไม่เป็นที่สังเกตเช่นกัน!
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม ควรแน่ใจว่าศัลยแพทย์ที่คุณเลือกได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,982 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา