ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทอนซิล (tonsils) เป็นต่อมที่อยู่ลึกลงไปในคอ เวลาคุณเจ็บคอมากๆ แสดงว่าทอนซิลอาจจะอักเสบหรือระคายเคือง หรือสาเหตุอื่นๆ เช่น post-nasal drip เพราะภูมิแพ้ (น้ำมูกเยอะจนไหลไปสะสมเป็นเสลดในคอ) ไวรัสไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ และการติดเชื้อแบคทีเรียอย่าง streptococcus จะรักษาหรือบรรเทาอาการยังไง กินยาตัวไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละสาเหตุ เราได้รวบรวมวิธีรักษาตัวเมื่อเจ็บคอเพราะทอนซิลอักเสบมาให้คุณแล้ว

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

กินยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยาอย่างแอสไพริน, Aleve (naproxen sodium), Advil หรือ Motrin (เป็น ibuprofen ทั้ง 2 ตัว) ช่วยแก้ปวดลดการอักเสบ แถมช่วยลดไข้ที่อาจเกิดเวลาเจ็บคอมากๆ [1]
    • คำเตือน: ห้ามให้เด็กกินยาแอสไพรินเด็ดขาด โดยเฉพาะเด็กที่เป็นโรคอีสุกอีใสหรือไข้หวัดใหญ่ อาจเป็นเกิด Reye syndrome จนเป็นอันตรายต่อสมองและตับได้ [2]
  2. Acetaminophen จะไม่ช่วยเรื่องลดอักเสบ แต่ใช้แก้ปวดจากทอนซิลอักเสบได้ ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือไม่เกิน 3 กรัมต่อวัน ส่วนปริมาณที่แนะนำสำหรับเด็กนั้นให้อ่านที่ฉลากหรือปรึกษาคุณหมอจะดีกว่า [3]
  3. ถึงคุณจะไม่ไอ แต่ยาพวกนี้ช่วยเคลือบคอ บรรเทาอาการเจ็บปวดหรือระคายเคืองได้ [4] แต่ถ้าไม่อยากกินยาแก้ไอ เปลี่ยนไปใช้น้ำผึ้งก็ได้ผลดีพอๆ กัน
  4. ยาแก้แพ้ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ แต่ก็ช่วยแก้แพ้ ยับยั้งตัวรับฮิสตามีน (histamine receptors) ได้เหมือนกันหมด ถ้าทอนซิลคุณอักเสบเพราะเป็นภูมิแพ้แล้วน้ำมูกเยอะจนไหลไปสะสมเป็นเสลดในคอ (post-nasal drip) กินยาแก้แพ้ไปก็ช่วยได้แน่นอน [5]
  5. กินยาปฏิชีวนะแก้เจ็บคอเพราะสเตร็ปโตค็อกคัส (strep throat). streptococcus (การติดเชื้อแบคทีเรีย) เป็นสาเหตุประมาณ 5% - 15% ที่ทำให้ผู้ใหญ่เจ็บคอ รวมถึงพบมากในเด็กอายุ 5 - 15 ปี บางครั้งก็มีน้ำมูกไหลร่วมด้วย แต่ต่างจากไข้หวัดธรรมดาตรงที่จะเจ็บคอมากและต่อมทอนซิลบวม รวมถึงมีหนอง ปวดหัว และไข้ขึ้นร่วมด้วย (ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส) เวลาตรวจหาอาการเจ็บคอแบบ strep throat คุณหมอจะใช้ไม้ป้ายลำคอ (throat swab) ถ้าคุณเจ็บคอแบบนี้ กินยาปฏิชีวนะแล้วอาการจะดีขึ้นในไม่กี่วัน [6]
    • เริ่มกินยาปฏิชีวนะแล้วต้องกินต่อจนครบโดส ถึงจะอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม ถ้ากินจนครบถ้วนสมบูรณ์จะทำให้กำจัดแบคทีเรียได้แบบหมดจด ป้องกันไม่ให้เชื้อดื้อยา
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

รักษาด้วยตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ จะได้ต้านโรคได้ แถมยังช่วยให้คอชุ่มชื้น ลดอาการเจ็บปวดระคายเคือง [7] แต่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด กาแฟและน้ำอัดลมที่มีคาเฟอีนก็ไม่ได้ พวกนี้จะทำให้ร่างกายคุณขาดน้ำกว่าเดิม [8]
  2. ให้คุณละลายเกลือ ½ ช้อนชาลงในน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง [9] จากนั้นใช้กลั้วปากกลั้วคอวันละหลายๆ ครั้ง เพราะช่วยลดอาการปวดบวม ระคายเคืองได้ แถมขจัดแบคทีเรียด้วย
    • ถ้าใส่เบคกิ้งโซดา ½ ช้อนชาด้วย จะช่วยต้านแบคทีเรียได้ [10]
  3. เวลาคุณอมๆ ดูดๆ ลูกกวาดแข็งๆ น้ำลายจะออกมาเยอะ ช่วยให้ลำคอชุ่มชื้น [11] ส่วนพวกสเปรย์หรือยาอมแก้อักเสบเจ็บคอต้องเพลาๆ หน่อย เพราะถึงจะช่วยให้คอชาหายเจ็บหายระคายได้ชั่วครู่ แต่ถ้าใช้เยอะๆ หรือบ่อยๆ ระวังจะอาการหนักกว่าเดิม [12]
    • แต่ถ้าเด็กเจ็บคอจะให้อมลูกอมก็ต้องระวังอย่าให้ติดคอหรือสำลัก [13] หรือให้เขาดูดไอศครีมแท่งหรือดื่มน้ำเย็นแทน [14]
  4. น้ำผึ้งจะเคลือบคอช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดระคายเคือง แถมยังมีสรรพคุณยับยั้งแบคทีเรีย ถ้าผสมในเครื่องดื่มร้อนจะยิ่งรสดีและเห็นผลรวดเร็ว [15]
    • คำเตือน: ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบกินน้ำผึ้ง เพราะอาจมีสปอร์ที่ทำให้เกิดโรคโบทูลิซึมในทารกได้ (infant botulism) ซึ่งเป็นโรคที่อันตรายร้ายแรงมาก [16]
  5. ชามะนาวหรือชาร้อนอื่นๆ ผสมน้ำผึ้งช่วยให้ชุ่มคอบรรเทาอาการระคายเคืองได้ [17] หรือลองเครื่องดื่มร้อนต่อไปนี้ก็ดี
    • ชาคาโมไมล์ (Chamomile) – คาโมไมล์มีสรรพคุณต้านแบคทีเรียและแก้ปวดตามธรรมชาติ รับรองว่าช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ [18]
    • น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar) – น้ำส้มสายชูช่วยฆ่าเชื้อและบรรเทาอาการเจ็บคอ ให้คุณผสมน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง รสจะสยองหน่อย ให้คุณกลั้วคอแล้วบ้วนทิ้งแทนถ้าไม่อยากกลืนลงไป [19]
    • ชาจากรากของต้นมาร์ชแมลโลว์ (Marshmallow Root) รากชะเอมเทศ (Licorice Root) หรือเปลือกต้นเอลม์ (Elm Bark) – พวกนี้ถือเป็น demulcents คือสารที่ช่วยลดอาการอักเสบของเยื่อบุทอนซิล โดยเข้าไปเคลือบเป็นชั้นบางๆ ป้องกันไว้ [20] คุณจะซื้อชาที่มีส่วนผสมพวกนี้มาดื่มเลยก็ได้ หรือชงเองโดยรินน้ำเดือด 1 ถ้วยตวงลงในรากหรือเปลือกไม้แห้งที่ว่า 1 ช้อนโต๊ะ แล้วแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 - 60 นาที จากนั้นกรองให้สะอาดแล้วดื่มได้เลย [21]
    • น้ำขิง – ขิงมีสรรพคุณต้านการอักเสบและแบคทีเรีย ให้คุณใช้ขิงขนาดประมาณ 2 นิ้ว เอามาปอก สับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วบดให้ละเอียด จากนั้นต้มในน้ำ 2 ถ้วยตวง และทิ้งไว้ให้เดือดประมาณ 3 - 5 นาที รอให้เย็นก็ดื่มได้เลย [22]
  6. เกลือหรือโซเดียมนี่แหละต้านการอักเสบได้อย่างดี แถมซุปไก่อุดมไปด้วยสารอาหาร ช่วยเติมพลังให้ร่างกายคุณต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บอย่างทอนซิลอักเสบหรือระคายเคืองได้ดีนัก [23]
  7. คุณต้องกินอะไรให้มีแรงและสารอาหารไปสู้โรค แต่ถ้าเจ็บคอจนกินอะไรไม่ลง แปลกแต่จริง ไอศกรีมนี่แหละช่วยได้ ทั้งกินง่ายกลืนง่าย แถมไอศกรีมยังช่วยให้คอเย็นสบายหายเจ็บอีกต่างหาก [24]
  8. กระเทียมมีสารอัลลิซิน (allicin) ช่วยฆ่าแบคทีเรียและต้านไวรัสได้ [25] ถึงดูดกระเทียมแล้วปากเหม็นชะมัด แต่อย่างน้อยก็คิดซะว่าช่วยฆ่าเชื้อที่ทำให้คุณเจ็บคอได้ก็แล้วกัน
  9. Cloves หรือกานพลูมีสารยูจีนอล (eugenol) มีสรรพคุณแก้ปวดฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ ให้หยิบกานพลูใส่ปากสักแท่ง แล้วดูดจนกว่าจะนิ่ม จากนั้นก็เคี้ยวเหมือนหมากฝรั่งได้เลย ถึงกลืนก็ไม่อันตรายแต่อย่างใด [26]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รักษาเพิ่มเติม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แทบจะไม่มีอะไรช่วยคุณฟื้นตัวได้เห็นผลไปกว่าการพักผ่อนนอนหลับ บอกเลยว่าถ้าป่วยแล้วยังฝืนอดนอน ไปทำงาน หรือไปโรงเรียน อาการอาจหนักกว่าเดิมก็ได้ [27]
  2. คอของคุณจะได้ชุ่มชื้น บรรเทาอาการระคายเคือง เสมหะที่ทำคุณหายใจไม่ค่อยออกก็จะเบาบางลงด้วย [28]
  3. เปิดน้ำร้อนให้ไอคลุ้งไปทั้งห้องน้ำ จากนั้นนั่งอบตัวประมาณ 5 - 10 นาที อากาศที่ร้อนชื้นในห้องจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอให้คุณ
  4. ถ้าต่อมทอนซิลของคุณหรือของลูกบวม ให้รีบนัดตรวจกับคุณหมอแต่เนิ่นๆ รวมถึงกรณีที่มีไข้ (สูงกว่า 38 องศา) และเจ็บคอผิดปกติ [29] ถ้าคุณไปคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับคนที่เจ็บคอแบบ strep throat แล้วเกิดเจ็บคอขึ้นมาซะเอง ก็ควรรีบไปหาหมอเช่นกัน
    • ให้รีบไปหาหมอเช่นกัน ถ้าคุณเจ็บคอแบบ strep throat แล้วอาการหนักหรือไม่ดีขึ้นหลังกินยาปฏิชีวนะมาได้ 2 วัน รวมถึงในกรณีที่มีอาการใหม่อย่างผื่นคัน ข้อบวม ฉี่สีเข้มหรือฉี่น้อยลง เจ็บหน้าอก หรือหายใจติดขัด
  5. ถ้าลูกเป็นทอนซิลอักเสบหรือเจ็บคอแบบ strep throat บ่อยๆ ให้พิจารณาตัดทิ้ง. เด็กบางคนมีต่อมทอนซิลโต ทำให้เจ็บคอหรือติดเชื้อในหูบ่อยๆ ถ้าลูกคุณเป็นคนหนึ่งที่ทอนซิลอักเสบประจำ คือปีละ 7 ครั้งขึ้นไป หรือ 5 ครั้งขึ้นไปใน 2 ปี ควรปรึกษาคุณหมอและพิจารณาผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่อันตราย ผ่าเสร็จก็กลับบ้านได้เลยในวันเดียวกัน [30]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,066 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา