ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นยังไงไม่มีคำตอบตายตัว เพราะแต่ละคนก็พบเจอเรื่องราวในชีวิตมาแตกต่างกันไป แต่ประสบการณ์เหล่านี้แหละจะเปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่อตัวเอง ต่อเป้าหมายต่างๆ ในชีวิต เปลี่ยนวิธีมองโลก และสุดท้ายคือนิยามความสำเร็จในแบบของคุณ การประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ได้แปลว่าชีวิตคุณจะราบรื่นสวยงามเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป หรือชนะทุกอุปสรรคและทำฝันได้สำเร็จไปทุกเรื่อง คุณต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ตั้งเป้าหมายให้สร้างสรรค์และยืดหยุ่นตามสถานการณ์ รวมถึงต้องหัดมั่นใจและเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง ที่สำคัญคือเข้าใจ ว่าสุดท้ายแล้วการประสบความสำเร็จก็คือตอนที่คุณทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่แล้วนั่นเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ฝันให้ไกล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อะไรคืออุดมคติของคุณ สิ่งที่คุณยึดมั่นถือมั่นและให้ความสำคัญ อาจจะเป็นการเป็นเพื่อนที่ดี หรือมีสุขภาพแข็งแรง คุณค่าและอุดมคติส่วนตัวคือแนวทางการใช้ชีวิตของคุณ คือชีวิตในอุดมคติที่คุณจะฝ่าฟันให้ได้มา ซึ่งจะแตกต่างจาก goal หรือเป้าหมาย ตรงที่เป้าหมายนั้นต้องอาศัยการกระทำที่ชัดเจนจับต้องได้ ถ้าทำไปตามนั้นก็คือตรงตามเป้าหมาย [1]
  2. ไล่มาให้หมด คุณจะประสบความสำเร็จด้านไหนได้บ้าง. ขั้นแรกคือต้องถามตัวเองก่อน ว่าสำหรับคุณแล้วการประสบความสำเร็จในชีวิตหมายความว่ายังไง โดยอ้างอิงจากสิ่งที่คุณยึดมั่นถือมั่นและสไตล์การใช้ชีวิตที่คุณชอบ กว่าจะรู้คำตอบและตัดสินใจได้ว่าตกลงอะไรคือความสำเร็จในชีวิตของคุณ แน่นอนว่าต้องใช้เวลา พยายามมองให้กว้างๆ ไว้ก่อน ทั้งความสำเร็จระยะสั้น ระยะยาว รวมถึงเป้าหมายใหญ่และเล็กรายทางด้วย
    • หาสมุดบันทึกหรือสมุดโน้ตมาใช้จดมุมมองใหม่ๆ ในชีวิต รวมถึงเรื่องที่คุณอยากจะประสบความสำเร็จโดยเฉพาะ เริ่มจากไล่มาให้หมดว่ามีอะไรที่คุณสามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้บ้าง ทั้งแบบสมจริงและแบบอิงนิยาย ตั้งแต่ความฝันอันยิ่งใหญ่ไปจนถึงเรื่องยิบย่อยอย่างล้างจานให้ได้ทุกวัน
    • คุณอาจพบว่าการจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ขอแค่เริ่มจากเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ การเงิน การงาน ครอบครัว ความรัก ไปจนถึงบุคลิกลักษณะ เช่น ใจดีมีน้ำใจขึ้น หรือการรักษาความสัมพันธ์อันดี [2]
  3. เริ่มจากสำรวจรายการสิ่งที่คุณสามารถทำให้สำเร็จได้ จากนั้นก็ย้อนไปดูรายการความเชื่อและอุดมคติ สุดท้ายจับคู่กันซิว่าอันไหนพอไปด้วยกันได้ เป้าหมายไหนที่สนับสนุนมุมมองชีวิต ให้คุณเป็นคนแบบที่อยากเป็น? [3] ลองจับกลุ่มสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จไว้ด้วยกันเป็นประเภทไป เช่น เป้าหมายในหน้าที่การงาน เป้าหมายเรื่องงานอดิเรก เรื่องสุขภาพ เรื่องครอบครัว และเรื่องมิตรภาพ
    • จากนั้นก็แบ่งเป้าหมายพวกนี้เป็นเป้าหมายระยะสั้นกับระยะยาว เช่น ตั้งเป้าเรื่องสุขภาพว่าจะวิ่งมาราธอนให้ได้ 42 กิโลเมตร หรือตั้งเป้าเรื่องงานว่าจะเป็นนักข่าวให้ได้ พวกนี้คือเป้าหมายระยะยาว ในขณะที่เป้าหมายระยะสั้นก็เช่น ล้างจานให้ได้ทุกวัน
  4. ตอนนี้พอคุณเริ่มเห็นภาพแล้วว่าความสำเร็จสำหรับคุณคืออะไร ก็ถึงเวลาจัดลำดับความสำคัญ อันไหนคือเป้าหมายระยะยาวที่ถ้าทำสำเร็จได้ก็รู้สึกเหมือนประสบความสำเร็จในชีวิต? อันไหนคือเป้าหมายที่ฝึกฝนได้ทุกวัน แล้วทำให้รู้สึกดีว่าชีวิตกำลังเป็นไปในทางที่คาดหวัง?
    • บางทีความสำเร็จในชีวิตอาจเป็นเรื่องเล็กๆ แค่ได้ใจดีมีน้ำใจกับคนอื่น ใช้ชีวิตแบบเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ได้รู้ว่าชีวิตจะเปลี่ยนได้ถ้าเปลี่ยนงาน หรือหาเวลาทำอะไรร่วมกันกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวให้มากขึ้น
    • จุดสำคัญของการค้นหาว่าอะไรคือความสำเร็จในชีวิตสำหรับคุณ ก็คือคุณต้องรู้ซะก่อนว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นคนยังไง ชอบอะไร สุดท้ายคืออยากมีชีวิตแบบไหน [4]
  5. บันทึกนี้ที่คุณเขียน จะเป็นเหมือนไกด์บุ๊คส่วนตัว ว่าอะไรคือแรงบันดาลใจ และต่อไปควรมุ่งเน้นอะไร แต่จะยิ่งดีถ้าคุณลองมองหาไอดอลจากในบรรดาคนรอบตัว ใครที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณ มีทัศนคติดีๆ เข้มแข็ง และไม่ย่อท้อ หารูปของคนที่ว่าหรืออะไรก็ได้ที่เห็นแล้วนึกถึงเขา เอามาแปะในสมุดบันทึก ใช้ไอดอลคนนี้เป็นแรงบันดาลใจ บวกกับย้ำเตือนว่านี่แหละคนแบบที่เราอยากเป็น
    • จะเลือกคนดังก็ไม่ผิดกติกา เช่น นักร้องนักดนตรี หรือนักกีฬา บอกแล้วว่าใครก็ได้ที่คุณประทับใจการใช้ชีวิตของเขารวมถึงการกระทำ ไม่ก็ใครที่คุณรู้สึกนับถือและชื่นชม เช่น องค์ดาไลลามะผู้เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพในโลกมานับทศวรรษ และไม่ย่อท้อแม้ต้องพบเจออุปสรรคใดๆ อันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องไปบวชหรืออะไร แค่ให้ท่านย้ำเตือนว่าจะทำอะไรเราควรมีกำลังกายกำลังใจที่แข็งแกร่งและทัศนคติดีๆ การมีคนต้นแบบจะช่วยให้คุณไม่หลงทางและหลงลืมว่าอยากเป็นคนแบบไหน ใช้ชีวิตอย่างไร ให้ไอดอลช่วยจุดแรงบันดาลใจยามใกล้มอด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ไปให้ถึง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีเป้าหมายได้แต่อย่ายึดติด ระหว่างทางไปสู่ฝันต้องหมั่นปรับตัวตามสถานการณ์ กว่าชีวิตจะเป็นประสบการณ์แสนหวานได้ ต้องผ่านความผิดพลาดและการลองผิดลองถูกมานับไม่ถูก คุณอาจคาดหวังอะไรอย่างอำนาจในหน้าที่การงาน ในฐานะอัยการที่ทำงาน 80 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ แต่ถ้าอยู่ๆ คุณเกิดอยากมีครอบครัวขึ้นมาล่ะ? พอเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับอีกอย่าง เป้าหมายก็มักเปลี่ยนตามสิ่งที่แซงขึ้นมามีความสำคัญในชีวิตของคุณ
    • เช่น ตอนแรกคุณอาจจะอยากเป็นสัตวแพทย์ แต่พอไปลองศึกษาหลักสูตรและคุณสมบัติที่จำเป็น ปรากฏคุณกลับรู้สึกเครียดเกินไป ไม่ได้สนุกกับสัตว์ต่างๆ อย่างที่คิด ก็ให้ใช้สมุดบันทึกของคุณนี่แหละสำรวจหาอาชีพต่อมาที่คุณน่าจะอยากทำและเกี่ยวข้องกับสัตว์ เช่น ทำขนมหมาแบบออร์แกนิกขายในเน็ต ไปทำงานในศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ เป็นครูฝึกหมา ไม่ก็เปิดบ้านรับเลี้ยงน้องหมาที่ถูกทิ้งซะเลย การเรียนรู้วิธีประสบความสำเร็จในชีวิต ก็คือต้องทำความรู้จักกับตัวเองให้ถ่องแท้ก่อน แต่ก็ต้องหัดยืดหยุ่นปรับตัวตามสถานการณ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จที่คุณต้องการ [5]
  2. อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้ แต่ก็อย่างที่เราบอกไป หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดถ้าอยากใช้ชีวิตแบบที่ฝัน ก็คือต้องรู้จักยืดหยุ่น
    • เช่น คุณจะจัด movie night ชวนทั้งครอบครัวมาดูหนังด้วยกัน แต่ดันตกลงกันไม่ได้ซะทีว่าจะดูเรื่องอะไร หรือมีใครไม่ว่างซะงั้น พูดง่ายๆ ก็คือเป้าหมายวันนั้นของคุณล้มเหลว จริงๆ แล้วคุณปรับเปลี่ยนแผนได้ แค่ให้ทุกคนลงความเห็นว่าอยากจะทำอะไรด้วยกัน ไม่ก็นัดเจอแยกคนไปเลยถ้ารวมตัวมันยากขนาดนั้น อย่าทิ้งเป้าหมายง่ายๆ สิ พยายามกลับไปที่เป้าหมายตั้งต้นของคุณแล้วปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มันเวิร์คซะ มุ่งมั่นแต่ยืดหยุ่น คิดซะว่ายังไงก็ต้องได้ใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว [6]
  3. ไล่ออกมา คุณทำเรื่องเล็กๆ อะไรได้บ้างในแต่ละวัน อย่างน้อยก็เหมือนให้กำลังใจตัวเอง ว่าเราไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ก่อนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้คุณต้องรักและภูมิใจในตัวเองซะก่อน ว่าเราสมควรจะได้ใช้ชีวิตที่ดี นอกจากหน้าที่การงาน การเงิน และครอบครัวแล้ว คุณจะลืม "ตัวเอง" ไปได้ยังไง!
    • บางทีการใช้ชีวิตให้เป็นอาจหมายถึงหัวเราะให้มากขึ้น ใจดีให้มากขึ้น ทั้งกับคนอื่นและตัวเอง ออกกำลังกายจริงจัง กินดีมีประโยชน์ หรือลงเรียนวาดรูป ตีกอล์ฟ ไม่ก็แดนซ์กระจาย เมื่อไหร่ที่ทำอะไรแล้วรู้สึกว่านี่แหละเรา แปลว่าคุณก็ประสบความสำเร็จในชีวิตไปอีกขั้นแล้ว ง่ายๆ แบบนั้นเลย [7]
  4. เพิ่มรายการที่คุณน่าจะทำได้ดีและชอบทำไปเรื่อยๆ. จดเข้าไปในสมุดบันทึก ว่ามีอะไรที่รอให้คุณไปพิชิตอีก ชีวิตคือการเดินทาง โลกนี้กว้างเกินกว่าจะเหมาว่าเรารู้ทุกอย่างแล้ว เวลาเปลี่ยนตัวคุณก็เปลี่ยนตาม มุมมองที่มีต่อความสำเร็จในชีวิตก็เปลี่ยนด้วย เพราะงั้นยืดหยุ่นเข้าไว้และลองเชื่อสัญชาตญาณดูบ้าง ที่สำคัญต้องรู้ลึกรู้จริงเรื่องเป้าหมายที่ตัวเองไขว่คว้า และอย่ากลัวที่ต้องเปลี่ยนทิศทางชีวิตบ้างเวลามีไอเดียหรือความคิดใหม่ๆ [8]
  5. เตือนตัวเองให้อยู่ในเส้นทางฝัน นี่เราจะไปไหน และต้องทำตัวยังไงถึงจะไปถึง แปะโปสเตอร์หรือโพสต์อิทเตือนความจำไว้ให้ทั่วโต๊ะทำงานและห้องต่างๆ ในบ้าน
    • ลองสะสมคำคมสร้างแรงบันดาลใจ จดใส่กระดาษแล้วพกไปไหนมาไหนซะเลย มีเยอะแยะทั้งในเน็ต หนังสือ หนัง หรือคำที่เพื่อนพูด ช่วยได้เยอะเวลาจิตตกหรือหงุุดหงิดกังวลใจ เช่น คำคมอย่าง “ความกล้าคือความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่หาดูได้ยาก” ช่วยย้ำเตือนคุณว่า ใช้ชีวิตตามใจข้า มันอาจฟังดูบ้า แต่จริงๆ แล้วมันคือความกล้าต่างหาก
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

มั่นใจและเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ คุณต้อง "อยาก" จะประสบความสำเร็จซะก่อน ต้องฝึกให้ตัวเองมีทั้งระเบียบวินัย ความอดทน รู้จักยืดหยุ่นปรับตัว และผลักดันตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า ถ้าอยากมีคุณสมบัติที่ว่ามา วิธีที่ง่ายที่สุดคือหัดเห็นค่าตัวเอง ว่าฉันก็มีความสามารถ ความกล้า คุณค่า รวมถึงภูมิใจในตัวเองและสิ่งที่มี [9] ให้กำลังใจตัวเองหน่อย โดยเขียนไล่ออกมาให้หมดว่าคุณมีข้อดีอะไรบ้าง เขียนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • อ่านรายการข้อดีของตัวเองทุกเช้าก่อนเริ่มวันใหม่ คุณคือคนขีดชีวิตตัวเอง เพราะงั้นเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจสู้เพื่อฝัน คุณต้องสร้างเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากถึงขั้น "เชื่อ" ว่าคุณต้องทำได้สำเร็จ แค่คิดว่าอยากประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ถือว่าสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง [10]
  2. มุมมองในแง่ลบนั้นอาจตกค้างมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก เคยเจอคนแย่ๆ หรือโตมาในสังคมที่ค่อนข้างโหดร้าย เสียงกระซิบพวกนี้แหละที่ฝังรากลึกกว่าที่คุณจะจินตนาการได้
    • ลองเขียนออกมาให้หมด อคติทั้งหลายที่เคยถูกสั่งสอนมา หรืออคติที่คุณมีต่อตัวเอง จากนั้นค่อยๆ อ่านแล้วปรับทัศนคติซะใหม่ ไม่ว่าจะเคยคิดลบแค่ไหนในชีวิตที่ผ่านมา เช่น ทุกคนต่างก็เคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้นแหละ ตอนนี้คุณมีเรื่องไหนที่เคยทำพลาดไปแต่ยังยึดติด รู้สึกผิดอยู่หรือเปล่า? ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เคยมีใครบอกไหมว่าคุณน่ะมันโง่หรือไร้ค่า? คุณยังเชื่อฝังหัวจนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตหรือเปล่า ว่าคุณเป็นอย่างที่คนอื่นตราหน้า?
    • จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ คุณต้องล้างทัศนคติแย่ๆ ออกไปให้หมด แล้วแทนที่ด้วยเรื่องดีๆ ที่ให้กำลังใจ ตัวอย่างง่ายๆ ที่ใครๆ ก็เป็น ก็คือเผลอบั่นทอน ตำหนิตัวเองนี่แหละ จินตนาการสิว่าถ้าคุณทำกุญแจหล่นโดยบังเอิญ คุณจะคิดอะไรเป็นอย่างแรก? แน่นอนว่าคงเป็น “โง่เอ๊ย แค่กุญแจยังทำหล่นหายได้” แต่ถ้าคุณตั้งสติดีๆ คุณจะรู้ว่าคุณเอาแต่โทษตัวเอง ว่าตัวเองทั้งวัน เวลาคุณสู้เพื่อความสำเร็จ ตัวคุณนั่นแหละที่เป็นทั้งโค้ช ผู้เล่น แล้วก็ดาวเด่น หัดดูแลตัวเองเหมือนคนสำคัญหน่อย [11]
  3. จะเปลี่ยนชีวิตให้สวยงามและยั่งยืนได้ สำคัญที่คุณต้องรู้ตัวซะก่อน ว่าคุณนี่แหละกุมบังเหียน กล้าเป็น กล้าทำ กล้าเลือก ก็ต้องกล้ารับผิดชอบด้วย คุณนี่แหละเป็นคนกำหนดว่าชีวิตจะหักเหไปทางไหน และในแต่ละวันก็มีเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจมากมาย
    • คำว่า "ทำไม่ได้" น่ะลืมไปเลย "ทำไม่ได้" นี่แหละศัตรูของความคิดสร้างสรรค์ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนติดแหงกอยู่กับปัญหา ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณเอาคำว่าทำไม่ได้มาหลอกตัวเอง เช่น คุณยืนยันว่า "ฉันพูดฝรั่งเศสไม่ได้" แต่จริงๆ แล้วคุณแค่ "ไม่รู้จะพูดภาษาฝรั่งเศสยังไง" พอคำว่า "ทำไม่ได้" หลุดจากปาก คุณจะพาลมืดแปดด้านเหมือนว่าทุกอย่างไร้ทางออก ถ้าเปลี่ยนมาพูดว่าไม่รู้จะทำนู่นนี่นั่นยังไง คุณก็จะรู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเปลี่ยนสถานการณ์ได้ แค่เปลี่ยนวิธีคิดและการกระทำ [12]
    • เช่น แหงล่ะ คุณต้องตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน…แต่จริงๆ แล้วมัน "จำเป็น" ไหม? ไม่เลย คุณจะเลือกนอนต่อก็ได้ และสุดท้ายก็ตกงาน คุณเลือกได้ทั้งนั้นแหละ แค่ต้องยอมรับผลของการกระทำ ที่เราจะสื่อคือคุณอย่าทำตัวเหมือนคุณถูกบังคับให้ทำอะไร คุณมีอำนาจอยู่ในมือตลอด ที่จะเลือกทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต สรุปแล้วคุณจะไปทำงานไหม? แหงล่ะ เพราะคุณไม่อยากตกงานไง นี่ก็ถือเป็นตัวเลือกของคุณ คุณคือคนเดียวที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ และมีอะไรให้ต้องตัดสินใจทุกวัน ติดอาวุธให้ตัวเองซะ ด้วยการยอมรับว่าทุกอย่างในชีวิตเกิดขึ้นได้เพราะการตัดสินใจของคุณ [13]
  4. น้ำมันมี "แค่" ครึ่งแก้วหรือมี "ตั้ง" ครึ่งแก้ว? หรือสุดท้ายก็แค่แก้วที่มีน้ำข้างใน? จะใช้ชีวิตโดยที่รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จได้ ต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณ บวกกับความคิดสร้างสรรค์ รู้จักปรับตัว รวมถึงมุ่งมั่นตั้งใจจริง มุมมองที่คุณมีต่อชีวิตและโลกแห่งความเป็นจริงนี่แหละที่จะกำหนดความรู้สึกของคุณ คุณคือเจ้าชีวิตของตัวเอง
    • เขียนตัวอย่างของสิ่งที่เพิ่งทำคุณผิดหวังไป และเขียนด้วยว่าคุณรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เช่น คุณคิดจะขายคัพเค้กในเน็ต แต่ดันไม่ค่อยมีคนสั่ง แบบนี้แปลว่าคุณล้มเหลวหรือเปล่า? คิดว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคุณตลอด ทำยังไงก็ไม่มีความสุขใช่ไหม? ลองอ่านสิ่งที่คุณเขียนดู อาจจะเจอมุมมองสุดโต่ง ขาวดำ ดีร้ายชัดเจน ประมาณว่า “ชาตินี้คงไม่มีทางได้ดังหวัง โชคไม่เคยเข้าข้างเราเลย”
    • ทีนี้ลองเปลี่ยนคำพูดและปรับทัศนคติซะใหม่ เช่น แทนที่จะมองว่าตัวเองล้มเหลว ให้ลองเปลี่ยนคำพูด บอกตัวเองซะใหม่ว่า “โอเค คราวนี้พลาด คราวหน้าลองเปลี่ยนวิธีขายหรืออะไรที่พอทำได้ โฆษณาให้เยอะขึ้น ไม่ก็ลองเปลี่ยนแผนธุรกิจดีกว่า”
    • รู้เท่าทันเวลาตัวเองสิ้นหวังทั้งที่ยังไม่ได้ลองทำวิธีอื่น จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ คุณต้องมองว่าการใช้ชีวิตเป็นเรื่องสนุก มีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ และอยากจะลองสู้ดูสักตั้ง (หรือหลายๆ ตั้ง) ให้ได้ลองทำมันทุกอย่าง [14]
  5. สำคัญมากว่าต้องเห็นใจตัวเองหน่อย จะเป็นคนยืดหยุ่นรู้จักปรับตัว ภูมิใจ และเห็นค่าของตัวเองได้ ต้องรู้จักปล่อยวางเวลาล้มเหลว ถ้าอยากสู้เพื่อฝันแบบไม่ให้ไฟมอด คุณก็ต้องทำเต็มที่ แต่เผื่อใจรับความผิดหวังไว้ด้วย [15]
    • ทำเต็มที่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง แบบนี้จะได้เครียดน้อยหน่อย แถมสนใจแต่สิ่งที่คุณทำได้เลือกได้ คุณจะมั่นใจขึ้นอีกเยอะ รู้ว่าชีวิตนี้คุณคุม และไม่เก็บเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมาเครียด แค่ทำเต็มที่ก็ประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว [16]
    • สมมุติต่อจากเมื่อกี๊ว่าธุรกิจคัพเค้กเล็กๆ ของคุณมีอันต้องพับไป ถ้าที่ผ่านมาคุณคิดรอบด้านแล้ว ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ก็แล้ว สรุปคือทำเต็มที่เพื่อจะขายคัพเค้กให้ได้แล้ว ก็แปลว่าคุณทำดีที่สุด ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ถึงคุณจะมองว่าคุณทำธุรกิจเจ๊ง แต่ถ้าทำเต็มที่แล้วจริงๆ ต้องได้อะไรติดมือมาไม่มากก็น้อยแน่นอน ที่เห็นๆ ก็ได้ฝึกสกิลและลับสมองแบบสุดๆ นั่นถือว่าสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะคุณได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำไงล่ะ [17]
    • พอรู้ว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว และมองว่านั่นคือความสำเร็จอย่างหนึ่งโดยไม่สนว่าสุดท้ายมันจะล้มเหลวหรือเปล่า คุณก็จะอยากลองทำสิ่งใหม่ๆ ต่อไป เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ชีวิตในแบบที่ต้องการ [18]
  6. แต่ละคนมองการทำเต็มที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัน สถานการณ์ และบริบท ถ้าคุณป่วยจนทำงานไม่ได้ตามที่หวัง ก็ให้คิดซะว่าคุณป่วยอยู่นะ ขนาดคุณป่วยคุณยังทำงานเลย นั่นถือว่าคุณทำเต็มที่แล้ว ถ้าทำได้แค่ไหนก็ทำเท่านั้น คุณก็ควรรู้สึกภูมิใจในตัวเองได้แล้ว
  7. จดลงไปในสมุดบันทึกเล่มนี้ด้วย ว่าแต่ละวันคุณทำอะไรเต็มที่ไปบ้าง บางวันคุณอาจเจอศึกหนักที่ทำงาน ประมาณว่าถูกเข้าใจผิด หรือเป็นแพะรับบาปเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องรู้สึกอายหรือละอาย แต่ยังไงก็ขอให้ถามตัวเองไปตรงๆ ว่าคุณทำเต็มที่หรือยัง? จดไปให้หมด อะไรที่คุณทำเต็มที่แล้ว และอะไรที่คุณน่าจะทำแตกต่างออกไป
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เติมกำลังใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หรือก็คือเพื่อนและพ่อแม่พี่น้องที่จะคอยสนับสนุนให้กำลังใจคุณ คุณต้องพิจารณาคนรอบตัวเอาเอง และตัดสินใจว่าใครคือเพื่อนแท้ ใครที่หวังดี ไม่ได้ติเพื่อความสะใจ เห็นค่าตัวเองหน่อย วิธีหนึ่งก็คือคิดว่าตัวเองดีพอจะมีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจกัน การจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยทั้งคุณและคนรอบตัว
  2. การประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างหนึ่ง ก็คือมีเพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัว แถมรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ในระยะยาว คุณเองก็ต้องพยายามเป็นเพื่อนที่ดี คนรักที่ดี หรือพ่อแม่ที่ดีไปกว่าเดิมด้วย ขอให้เห็นค่าของคนที่คอยรักและสนับสนุนคุณอยู่เสมอ
    • จดความรู้สึกที่คุณมีต่อคนพวกนี้ไว้ด้วยก็ดี เขียนไว้ว่าเขาช่วยเหลืออะไรคุณบ้าง รวมถึงเรื่องที่คุณอยากจะตอบแทนและช่วยเหลือเขาให้ดีที่สุด ถือเป็นการเตือนความจำให้คุณยิ่งต้องรักและเอาใจใส่คนเหล่านี้
  3. คนที่รู้รอบ มั่นคง รู้เท่าทัน และประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องเป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมด้วย หัดมีน้ำใจและเห็นอกเห็นใจคนอื่น ทำตัวให้เป็นประโยชน์ นอกจากเขาจะดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือในยามยากแล้ว คุณเองก็ได้ประโยชน์ ตรงที่รู้จักตัวเองดีขึ้น และรู้จักโลกใบนี้ดีขึ้น สุดท้ายก็คือทำให้คุณเป็นคนมั่นใจ รู้ว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้
    • ลองหาอะไรที่คุณสนใจและทำได้ เช่น เป็นจิตอาสาตามมูลนิธิ บริจาคอาหารหรือข้าวของ สอนหนังสือให้เด็กในชุมชน ช่วยเหลือสัตว์หรือคนที่ลำบาก ถ้าคุณมีความรู้ความสามารถพิเศษ ก็แบ่งปันให้คนอื่นได้ เช่น สอนออกแบบเว็บไซต์ ทำบัญชี หรือคำนวณภาษีโดยไม่คิดเงิน มีอีกมากมายหลายวิธีให้คุณได้ตอบแทนผู้อื่นและสังคมไปพร้อมๆ การใช้ชีวิตอย่างที่ฝัน และเป็นคนแบบที่คุณภาคภูมิใจ
    โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. https://www.psychologytoday.com/blog/notes-self/201308/how-set-goals
  2. Sullivan, Gregory S.; Strode, James P. Motivation through Goal Setting: A Self-Determined Perspective Strategies: A Journal for Physical and Sport Educators, v23 n6 p19-23 Jul-Aug 2010.
  3. http://www.mindtools.com/page6.html
  4. Cerasoli, Christopher P.; Ford, Michael T. Intrinsic Motivation, Performance, and the Mediating Role of Mastery Goal Orientation: A Test of Self-Determination Theory. Journal of Psychology. May2014, Vol. 148 Issue 3, p267-286.
  5. Cerasoli, Christopher P.; Ford, Michael T. Intrinsic Motivation, Performance, and the Mediating Role of Mastery Goal Orientation: A Test of Self-Determination Theory. Journal of Psychology. May 2014, Vol. 148 Issue 3, p267-286.
  6. Locke, Edwin A.; Latham, Gary P. New Directions in Goal-Setting Theory. Current Directions in Psychological Science (Wiley-Blackwell). Oct. 2006, Vol. 15 Issue 5, p265-268.
  7. Locke, Edwin A.; Latham, Gary P. New Directions in Goal-Setting Theory. Current Directions in Psychological Science (Wiley-Blackwell). Oct2006, Vol. 15 Issue 5, pp. 265-268.
  8. Cerasoli, Christopher P.; Ford, Michael T. Intrinsic Motivation, Performance, and the Mediating Role of Mastery Goal Orientation: A Test of Self-Determination Theory. Journal of Psychology. May 2014, Vol. 148 Issue 3, p267-286.
  9. Pomeroy, Heather; Clark, Arthur J. Self-Efficacy and Early Recollections in the Context of Adlerian and Wellness Theory. Journal of Individual Psychology. Spring2015, Vol. 71 Issue 1, p24-33.
  1. Jemmer, Patrick. Self-Talk: The Spells of Psycho-chaotic Sorcery. European Journal of Clinical Hypnosis. 2009, Vol. 9 Issue 1, p51-58.
  2. Jemmer, Patrick. Self-Talk: The Spells of Psyhco-chaotic Sorcery. European Journal of Clinical Hypnosis. 2009, Vol. 9 Issue 1, p51-58.
  3. http://www.embracepossibility.com/blog/empower-yourself-now/
  4. Devloo, Toon; Anseel, Frederik; De Beuckelaer, Alain; Salanova, Marisa. Keep the fire burning: Reciprocal gains of basic need satisfaction, intrinsic motivation and innovative work behaviour. European Journal of Work & Organizational Psychology. Aug2015, Vol. 24 Issue 4, p491-504.
  5. Klymchuk, Vitaly. THE MOTIVATIONAL DIMENSIONS OF LIFE EVENTS' PERCEPTION: Towards an Individual Motivational Mapping on Self-Determination Theory basis. Education Sciences & Psychology. 2014, Vol. 28 Issue 2, p78-92.
  6. Yang, Yunxi; Danes, Sharon M. Resiliency and Resilience Process of Entrepreneurs in New Venture Creation. Entrepreneurship Research Journal. Jan2015, Vol. 5 Issue 1, p1-30.
  7. Martin, Andrew J. Implicit theories about intelligence and growth (personal best) goals: Exploring reciprocal relationships. British Journal of Educational Psychology. June 2015, Vol. 85 Issue 2, pp. 207-223.
  8. Yang, Yunxi; Danes, Sharon M. Resiliency and Resilience Process of Entrepreneurs in New Venture Creation. Entrepreneurship Research Journal. Jan2015, Vol. 5 Issue 1, p1-30.
  9. Liu, Ya; Wang, Zhenhong; Zhou, Changjiang; Li, Tong. Affect and self-esteem as mediators between trait resilience and psychological adjustment. Personality & Individual Differences. Aug 2014, Vol. 66, pp. 92-97.

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 34,096 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา