ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการคัดจมูกมักเกิดตอนคุณเป็นหวัดหรือภูมิแพ้กำเริบ โดยเยื่อบุโพรงจมูกจะบวมและมีน้ำมูกเหนียวข้นจนหายใจไม่ค่อยจะออก อาการคัดจมูกนอกจากจะทำให้อึดอัดรำคาญใจแล้ว ยังทำให้อ่อนเพลียอีกต่างหาก แต่อย่ากลุ้มใจไป คุณขจัดอาการคัดจมูกเพราะเป็นหวัดและภูมิแพ้ได้หลายวิธีด้วยกัน บทความนี้จะไล่เรียงทั้งวิธีขจัดอาการคัดจมูกแบบทันใจ ทั้งด้วยวิธีธรรมชาติและแบบใช้ยา

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ขจัดอาการคัดจมูกแบบทันใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีแสนง่ายดายแบบกำปั้นทุบดินในการขจัดอาการคัดจมูก ก็คือสั่งน้ำมูกออกมาให้จมูกโล่ง อย่าลืมพกห่อทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าติดตัวระหว่างวันด้วยล่ะ
  2. เคยกินวาซาบิเยอะไปจนฉุนขึ้นจมูกไหม? นั่นก็เพราะอาหารเผ็ดๆ จะช่วยขจัดเมือกเหนียวในจมูกจนคุณหายใจคล่อง ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ เพราะงั้นถ้าจมูกตันละก็ ลองกินพวกนี้ดู
    • พริกชนิดต่างๆ อย่างฮาลาเปญโญ (Jalapeno) ฮาบาเนโร (Habanero) หรือพริกเซอราโน (Serrano pepper)
    • ฮอร์สแรดิช (Horseradish) หรือวาซาบิ
    • ขิง
    • ลูกซัด (Fenugreek)
    • หัวหอมและกระเทียม
  3. วิค (วิคส์วาโปรัป) จะมีเมนทอลที่ช่วยทำให้จมูกโล่งชั่วคราว คุณจะได้หายใจสะดวกประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ให้ทาวิคที่เหนือริมฝีปากหรือก็คือใต้จมูก จากนั้นก็แค่รอให้ไอระเหยไปขจัดอาการคัดจมูกของคุณ
  4. ตอนนอนใช้หมอนหนุนหัวให้สูงเข้าไว้ อย่าให้หัวราบไปกับเตียง จะได้ลดอาการคัดจมูก หายใจได้คล่องขึ้น ถึงจะไม่ได้ขจัดอาการคัดจมูกให้หายไป แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณหายใจได้สะดวก นอนหลับสบายกว่า
  5. ลดอาการคัดจมูกด้วยวิธีดั้งเดิม ไม่ต้องพึ่งยาหรือสารกระตุ้นอื่นใด แค่มีนิ้วของคุณเองก็พอ การนวดที่บริเวณไซนัสด้วยตัวเองนั้นง่ายแถมยังเห็นผลทันที เรามีวิธีนวด 3 แบบที่คุณทำได้ง่ายๆ มาแนะนำกัน ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่ไหนก็ตาม
    • วางนิ้วชี้ทั้ง 2 ข้างแถวๆ กระบอกตา ให้เหนือจมูกขึ้นมาแต่ใต้คิ้ว ใช้นิ้วนวดไซนัสรอบๆ จมูก โดยนวดวนออกเป็นวงกลม นวดไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 - 30 วินาที
    • วางนิ้วชี้ทั้ง 2 ข้างบนหน้าตรงใต้ตา ใช้นิ้วนวดไซนัสรอบๆ ตา โดยนวดวนออกเป็นวงกลมเหมือนเดิม นวดไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 - 30 วินาที
    • สุดท้ายให้เอานิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างวางตรงโหนกแก้ม แล้วนวดวนออกเป็นวงกลม นวดไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 - 30 วินาที นวดไปเรื่อยๆ หรือจนกว่าจะหายปวดแน่นไซนัส
  6. เอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ อย่าให้เปียกแฉะ จากนั้นนั่งลง เอาผ้าประคบหน้าคุณไว้ประมาณ 2 - 3 นาที การประคบร้อนจะช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น
  7. คุณจะได้หายใจเอาไอน้ำร้อนๆ ผ่านจมูกเข้าไปถึงปอด ช่วยลดน้ำมูก ทำให้จมูกโล่งได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

รักษาด้วยวิธีธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ามีเวลามากพอ นอกจากจะอาบน้ำอุ่นแล้ว ให้ลองขจัดอาการคัดจมูกด้วยไอน้ำแบบจริงจังดู เพราะเป็นวิธีดั้งเดิมที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกให้ผู้คนทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี
    • เทน้ำ 3 ถ้วยตวงลงในหม้อแล้วเอาไปต้ม พอเดือดแล้วให้ยกออกจากเตา
    • ระหว่างรอน้ำเย็น ให้ผสมชาคาโมไมล์ลงไป (แล้วแต่ความชอบและความสะดวก)
    • พอไอน้ำเริ่มเย็นลงจนเอามืออังได้ไม่ร้อนลวก ให้เทน้ำต้มสุกหรือน้ำชานั้นลงในชาม
    • เอาหน้าไปอังไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาจากชาม ระวังอย่าให้ร้อนเกินไป เอาผ้าเช็ดตัวโพกหัวไว้ด้วย แล้วหายใจเอาไอน้ำเข้าไปลึกๆ ถ้าช่วงแรกๆ ยังหายใจทางจมูกไม่ได้ ให้หายใจทางปากแทนก่อน
  2. จะน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ก็ดื่มไปให้มากๆ เถอะ ถ้าอยากขจัดอาการคัดจมูกแบบเห็นผลทันใจ ให้ดื่มน้ำไปเลย 6 - 8 แก้ว จะได้กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยบรรเทาให้เยื่อบุโพรงจมูกของคุณยุบลง
  3. Humidifier ก็คือเครื่องทำความชื้น (หรือเครื่องพ่นไอน้ำ) นิยมใช้รักษาอาการคัดจมูก เพราะอากาศแห้งๆ นี่แหละตัวทำให้เยื่อบุโพรงไซนัสระคายเคือง จนโรคหวัดคัดจมูกแย่ไปกันใหญ่ [1] ดังนั้นแพทย์ถึงได้แนะนำว่าอากาศชื้นๆ จะดีต่อสภาพอาการของคุณมากกว่า
    • ถ้าคุณไม่มี หรือไม่อยากควักกระเป๋าซื้อเครื่องทำความชื้นจริงๆ ก็ต้องหาอะไรมาแก้ขัดแทน โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านของคุณนั่นแหละ ให้คุณต้มน้ำในกระทะใบใหญ่ๆ จากนั้นเอาลงจากเตา แล้วเอากระทะนั้นไปวางตรงจุดที่ปลอดภัยในห้องของคุณ ไอน้ำจากกระทะจะช่วยเพิ่มความชื้นให้ห้องของคุณเอง ทำซ้ำจนกว่าจะรู้สึกสบายขึ้น
    • ใช้เครื่องทำความชื้นได้ แต่ต้องใช้แต่พอดี อย่าให้ห้องชื้นแฉะจนกลายเป็นป่าดงดิบย่อมๆ แค่เพิ่มความชื้นในห้องนิดหน่อยให้พอหายใจสะดวกก็พอแล้ว
  4. น้ำเกลือนี่แหละใช้สวนล้างจมูกได้โดยไม่ต้องผสมตัวยาไหน ให้เติมเกลือ 1 ช้อนชาลงในน้ำ 1 ถ้วยตวง คนจนเข้ากัน จากนั้นใช้ที่หยอดตา หยดน้ำเกลือ 2 - 3 หยดลงในรูจมูกของคุณตอนที่เงยหน้า สั่งน้ำมูกไล่น้ำเกลือออกมา แล้วสวนล้างจมูกอีกข้างนึง
  5. หลายคนเห็นตรงกัน ว่าล้างโพรงจมูกแล้วบรรเทาอาการไซนัสอักเสบได้ชะงัดอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพายาใดๆ [2] Neti pot หรือหม้อล้างโพรงจมูกนั้นใช้ล้างเมือกเหนียวหรือน้ำมูกที่คั่งค้างออกมา
    • Neti pot ทุกอันนั้นมีวิธีใช้งานต่างๆ ที่คุณต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ส่วนใหญ่แล้วขั้นแรกสุดมักเป็นการเตรียมน้ำล้างจมูก หรือก็คือน้ำอุ่น (ต้มฆ่าเชื้อแล้ว) 16 ออนซ์ (2 ถ้วยตวง) ผสมกับเกลือ 1 ช้อนชา เสร็จแล้วเทลงไปใน neti pot
    • เอียงหน้า 45 องศา แล้วเอาปลาย neti pot มาจ่อที่รูจมูก เทให้น้ำล้างจมูกไหลลงไปในจมูกข้างนึง ผ่านโพรงจมูก แล้วออกมาที่รูจมูกอีกข้าง ถ้าน้ำล้างไหลเข้าไปในปากก็ไม่เป็นไร ให้บ้วนออกมา จากนั้นพ่นลมเหมือนสั่งน้ำมูก แล้วล้างจมูกอีกข้างตั้งแต่ขั้นตอนแรก
    • แล้วคุณควรล้างจมูกด้วย neti pot บ่อยแค่ไหน? คนที่เขาเป็นไซนัสอักเสบหนักๆ หรือภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ เขาบอกว่าทำทุกวันได้ก็ดี [2] พออาการดีขึ้นแล้ว ค่อยห่างออกไปเป็น 3 ครั้งต่ออาทิตย์
    • ในบางประเทศ น้ำอาจไม่สะอาดพอจนมี naegleria fowleri ปนเปื้อนได้ ซึ่งก็คืออะมีบาที่ถ้าคุณหายใจเอามันเข้าไปในจมูก อาจเกิดอันตรายถึงขั้นเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ กรมควบคุมโรคแนะนำว่าให้ต้มน้ำก่อนอย่างน้อย 1 นาที (3 นาทีได้ยิ่งดี) แล้วค่อยเอามาผสมทำน้ำล้างจมูกใส่ neti pot ไม่งั้นก็ต้องซื้อน้ำกลั่นมาแทน [3]
  6. เรารู้ว่านี่คงเป็นวิธีสุดท้ายที่คุณคิดจะใช้ตอนกำลังคัดจมูกได้ที่แบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่าการขยับเขยื้อนบริหารร่างกายนิดหน่อย ช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้ วิธีที่ช่วยขจัดอาการคัดจมูกได้ชะงัดก็คือวิดพื้นสัก 20 ครั้ง อย่าลืมหายใจเข้า-ออกทางจมูก สมองจะรับรู้ว่ากำลังขาดอากาศ ก็จะไปลดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้น้ำมูกลดลง
  7. น้ำมันหอมระเหยบางตัวช่วยลดน้ำมูกให้จมูกโล่งโปร่งสบาย ให้คุณเติมน้ำอุ่นให้เต็มอ่างอาบน้ำ แล้วผสมน้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันโรสแมรี่ หรือ tea tree oil ลงไป 10 หยด นอนแช่น้ำผสมน้ำมันหอมระเหยนั้นจนกว่าจมูกจะโล่ง หายใจได้สะดวก
  8. คุณอาจคิดว่าไม่เห็นต้องทำขนาดนั้น แต่บอกเลยว่าช่วยได้ถ้าคุณหยุดงานหรือหยุดเรียนสักวันแล้วนอนหลับพักผ่อนให้สบาย ถือเป็นการให้เวลาร่างกายได้รักษาเยียวยาตัวเอง ต่อสู้กับอาการป่วยไข้ที่กำลังเป็น ถ้าคุณคัดจมูกซะจนนอนไม่หลับ ก็ให้กินยา ใช้ Breathe Right strip หรือแผ่นแปะจมูกลดอาการคัดจมูก หรือไม่ก็หายใจทางปากไปก่อน (อย่าลืมทาลิปมันด้วยถ้าคุณหายใจทางปาก เพราะเดี๋ยวจะปากแห้งจนแตกได้)
  9. ความเครียดเป็นปฏิปักษ์กับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยิ่งคุณเครียดมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเป็นหวัดคัดจมูก ไม่หายหรอกบอกเลย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

รักษาด้วยยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณหาซื้อยาลดน้ำมูกได้ตามร้านขายยาทั่วไป มีหลายแบบด้วยกัน
    • สเปรย์ลดน้ำมูก อย่าง naphazoline (Privine), oxymetazoline (Afrin, Dristan, Duramist) หรือ phenylephrine (Neo-Synephrine, Sinex, Rhinall) [1]
    • ยาเม็ด อย่าง phenylephrine (Lusonal, Sudafed PE, Sudogest PE) และ pseudoephedrine (Sudafed, Sudogest) [1]
    • ห้ามพ่นสเปรย์ลดน้ำมูกติดต่อกันเกิน 3 วัน เพราะอาจทำให้อาการหนักกว่าเดิม และห้ามกินยาลดน้ำมูกติดต่อกันเกิน 7 วันโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ฉลากอย่างเคร่งครัดจะดีที่สุด
  2. Antihistamine และยาแก้แพ้ชนิดอื่นๆ นั้นช่วยลดน้ำมูกได้เป็นอย่างดี ให้เลือกยาแก้แพ้ที่มีตัวยาลดน้ำมูกอยู่ด้วย จะได้รักษาทั้งอาการจาม คัดจมูก มีน้ำมูก และไซนัสอักเสบไปในเวลาเดียวกัน หรือจะลองใช้ยาแก้แพ้แบบธรรมชาติดูก็ดีเหมือนกัน เช่น
    • Stinging nettle หรือตำแย หมอหลายคนแนะนำให้กินตำแยอบแห้ง (freeze-dried) เพราะมีคุณสมบัติลดฮิสตามีนในร่างกาย [4]
    • Coltsfoot หรือปีแปะเอี๊ยะ ก็มีคุณสมบัติเป็นยาแก้แพ้ตามธรรมชาติเหมือนกัน ชาวยุโรปนิยมใช้รักษาโรคผื่นแพ้ตามผิวหนังกันมาแต่โบราณ จะบดใบจนเหนียวข้นหรือใช้ coltsfoot สกัดแบบยาเม็ดก็ได้เหมือนกัน
    • Basil หรือโหระพาก็เป็นพืชอีกชนิดที่มีคุณสมบัติเป็นยาแก้แพ้ตามธรรมชาติ ให้เอาใบโหระพาสักช่อสองช่อเล็กๆ มาอังไอน้ำแล้วสูดดมเข้าไป ช่วยให้สมองรับรู้ว่าฮิสตามีนกำลังลดจำนวนลง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เตรียมตัวก่อนหาหมอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาการคัดจมูกเกิดจากหลายสาเหตุ ต้องตอบไปตามความจริงคุณหมอถึงจะวินิจฉัยและรักษาได้ คุณหมอมักถามประมาณว่า
    • คุณคัดจมูกมานานแค่ไหน? ถ้านานเกินกว่า 7 วัน ต้องหาหมอโดยด่วน
    • น้ำมูกออกมาสีอะไร?
    • อาการอื่นร่วมด้วย เช่น เจ็บปวดตรงไหน มีไข้หรือเปล่า จาม ไอ และอื่นๆ
    • ปกติเป็นภูมิแพ้อะไรอยู่ไหม?
    • สูบบุหรี่หรือเปล่า? [5]
  2. ปกติหมอมักจ่ายยาปฏิชีวนะและยาอื่นๆ ร่วมด้วย. อาการคัดจมูกมักเกิดจากการเป็นหวัดหรือติดเชื้อ เพราะฉะนั้นหมอส่วนใหญ่จะนิยมจ่ายยารักษาอาการติดเชื้อก่อน
    • อย่าลืมบอกคุณหมอถ้าคุณกินยาหรือวิตามินอะไรเป็นประจำ
  3. เตรียมตัวถูกส่องกล้อง (endoscopy) หรือก็คือการสอดกล้องเข้าไปในจมูกเพื่อส่องดูอาการ. ฟังดูน่ากลัวนิดๆ แต่ปกติมักมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อน เพราะฉะนั้นไม่เจ็บหรอก เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ กล้องเส้นยาวๆ บางๆ จะถูกสอดเข้าไปในโพรงไซนัสของคุณเพื่อส่องหาติ่งเนื้อ ผนังกั้นช่องจมูกคด หรืออาการติดเชื้อใดๆ ถ้าคุณคัดจมูกนานไม่หายซะที ก็เป็นไปได้มากว่าถึงจะจ่ายยาไปแล้ว หมอก็ยังต้องส่องกล้องตรวจดู
    • อีกวิธีนึงก็คือการตรวจวินิจฉัยด้วยการฉายรังสี (radiologic study) หรือก็คือการเอ็กซเรย์นั่นเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างแพงและไม่จำเป็น จะใช้ต่อเมื่ออาการของคุณหนักหรือซับซ้อนเท่านั้น
  4. ในกรณีที่คุณคัดจมูกแบบเรื้อรัง ลองปรึกษาคุณหมอเรื่องการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ (somnoplasty) ดู. ขั้นตอนง่ายๆ แค่ 15 นาทีนี้เป็นการใช้ความร้อนกำจัดสิ่งอุดตันเพื่อเปิดโพรงไซนัสของคุณ จะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ แค่ไม่ถึงชั่วโมงคุณก็กลับบ้านได้แล้ว
    • ถึงจะเป็นการรักษาโดยสอดเข็มร้อนๆ เข้าไปในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง แต่คนไข้ส่วนใหญ่บอกว่าแทบไม่รู้สึกอะไร
    • อาการคัดจมูกจะยังคงอยู่ประมาณ 1 - 2 อาทิตย์
    • ถ้าใช้วิธีนี้แล้วไม่ได้ผล ก็กลับไปทำซ้ำได้ในหลายอาทิตย์ต่อมา
    • ส่วนใหญ่วิธีนี้คุณต้องไปรักษาที่คลินิกของคุณหมอหูคอจมูกท่านนั้นๆ ไม่ค่อยมีให้บริการตามโรงพยาบาลทั่วไป [6]
  5. ต้องเข้าใจว่าคุณหมอมักไม่แนะนำให้คุณผ่าตัดเว้นแต่จะอาการหนักจริงๆ. อย่างถ้าคุณคัดจมูกหรือติดเชื้อขั้นรุนแรง ก็อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดโพรงไซนัสแบบส่องกล้อง โดยจะสอดกล้องเข้าไปทางจมูก ให้คุณหมอได้เห็นและผ่าตัดเอาส่วนที่ติดเชื้อออก หรือเปิดโพรงจมูกของคุณ
    • ถึงผ่าตัดก็ไม่ถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล คุณกลับบ้านได้ในวันเดียวกันนั้นเลย
    • แทบจะไม่เจ็บอะไร และแค่ไม่ถึงอาทิตย์ก็หายดีแล้ว
    • บางกรณีอาจต้องมีการผ่าตัดซ้ำ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็มักเห็นผลในครั้งเดียว [7]
  6. ลองปรึกษาคุณหมอเรื่องการผ่าตัดกระดูกเทอร์บิเนตด้วยเลเซอร์ (laser turbinate surgery หรือ LTS) เพื่อแก้อาการคัดจมูกแบบทันใจแต่แทบจะไม่เจ็บตัว. Turbinates คือโครงสร้างในจมูกของคุณที่ก่อให้เกิดการคัดจมูกได้ เรารักษาได้โดยใช้เลเซอร์ CO2 หรือ KTP ทำให้เทอร์บิเนตหดตัวลงใน 20 นาที วิธีก็ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลแต่อย่างใด จริงๆ แล้วคุณกลับไปทำงานในวันเดียวกันได้ด้วยซ้ำ
    • ในอาทิตย์แรกคุณอาจยังมีอาการคัดจมูกหลงเหลืออยู่ แต่หลังจากนั้นจะหายไปเอง
    • จะมีการใช้ยาชาแบบอ่อนๆ เฉพาะที่ ไม่ต้องฉีดยาด้วยซ้ำ
    • ข้อเสียอย่างเดียวของการรักษาแบบ LTS ก็คือราคาแพงหูฉี่ แถมหาที่รักษายากชะมัด [8]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ากินผลิตภัณฑ์นมหรือช็อคโกแลต เพราะทั้งสองอย่างนี้จะทำให้น้ำมูกมากกว่าเดิม
  • ระวังพวกน้ำผสมคลอรีน อย่างน้ำในสระว่ายน้ำเป็นต้น เพราะจะระคายเยื่อบุโพรงจมูก เดี๋ยวจะคัดจมูกกว่าเดิม
  • ถ้าคุณเจ็บไซนัสจนปวดหัว ให้กินยาแก้ปวดได้ (พวก Tylenol หรือ Advil เป็นต้น)
  • ถ้ามีให้ใช้แผ่นแปะลดอาการคัดจมูกร่วมด้วย หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณสั่งน้ำมูกจนจมูกแดงลอกไปหมด ระวังอย่าทาวิคใต้จมูก เพราะเดี๋ยวจะแสบร้อนได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,375 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา