ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการไอเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายต่ออาการเสมหะไหลลงคอและอาการแน่นจมูก ขณะที่มันเป็นอาการหนึ่งของโรคหวัดและอาการแพ้ อาการไอที่เป็นมานานนั้นจะทำให้ร้สึกระคายเคืองมากและทำให้รู้สึกไม่สบายคอ ถ้าอาการไอของคุณเป็นมานานกว่าหลายอาทิตย์และเป็นร่วมกับอาการอื่นๆ เช่นเป็นไข้ เหนื่อยล้าอ่อนแรง และคุณก็ไปบ่อยมากๆ คุณควรไปพบแพทย์เพื่อระบุว่าคุณติดเชื้อแบคทีเรียที่ระบบหายใจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบรรเทาอาการไอที่เป็นปัญหานี้ได้โดยใช้การรักษาที่ทำได้เองที่บ้านและใช้ยาที่ซื้อได้ตามร้านขายยา

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 6:

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การติดเชื้อที่ทางเดินหายใจตอนบนสามารถทำให้คุณมีอาการน้ำมูกไหลลงคอและจะกระตุ้นเกิดอาการไอ การทำให้ร่างกายชุ่มชื้นอิ่มน้ำจะช่วยให้น้ำมูกที่เกิดจากการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจตอนบนเบาบางลง ซึ่งก็จะช่วยลดอาการไอจากน้ำมูกที่ไหลลงคอ [1]
    • การดื่มน้ำให้ร่างกายชุ่มชื้นจะช่วยทำให้เนื้อเยื่อเมือกชุ่มชื้นและมีสุขภาพดีด้วย นี่จะช่วยลดอาการคอแห้งและทางเดินหายใจแห้งที่พบได้ในฤดูหนาวเนื่องจากอากาศแห้ง อาการปากและคอแห้งสามารถทำให้คอระคายเคืองและจะทำให้คุณอยากไอ
  2. ชาร้อนนั้นจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและระคายเคืองจากการไอที่เรื้อรัง น้ำผึ้งนั้นเป็นยาระงับอาการไอตามธรรมชาติ [2] งานวิจัยได้แสดงผลว่าจริงๆ แล้วน้ำผึ้งนั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาแก้ไอที่มีเด็กซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorpan) ที่ช่วยลดอาการไอในตอนกลางคืน [3]
    • น้ำร้อนๆ จะช่วยละลายน้ำมูกที่อยู่ในคอ ให้เลือกเครื่องดื่มเป็นชาสมุนไพร เช่น ชาเปปเปอร์มินต์หรือยูคาลิปตัสเพื่อช่วยละลายน้ำมูกและบรรเทาอาการไอ [4]
  3. ถ้าอาการไอของคุณนั้นเกิดจากโรคหวัด ซุปไก่นั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูกได้ นักวิจัยได้อธิบายว่าซุปไก่นั้นมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูกได้ [5] [6]
    • น้ำซุปจะช่วยละลายและทำให้น้ำมูกเบาบางลง ซึ่งมันเป็นสาเหตุของการระคายเคืองและอาการไอ
    • ซุปอุ่นๆ ยังช่วยบรรเทาเนื้อเยื่อที่ระคายเคืองภายในลำคอด้วย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 6:

ลองใช้วิธีการรักษาจากธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สมุนไพรหลายชนิดได้ถูกใช้เพื่อรักษาอาการไอมาแต่ดั้งเดิม เพราะว่ามันอาจจะมีผลกระทบกับปัญหาสุขภาพหรือการใช้ยาที่แพทย์จ่ายให้ ดังนั้น คุณควรที่จะถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอว่าการรักษาด้วยวิธีนี้ปลอดภัยสำหรับคุณหรือไม่ คุณสามารถหาซื้อสมุนไพรส่วนใหญ่ที่ร้านขายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือร้านขายยา ลองใช้สมุนไพรต่อไปนี้ [7]
    • มาร์ชแมลโลว์: มันไม่ใช่มาร์ชแมลโลว์สีขาวนุ่มๆ ที่คุณใส่ในช็อคโกแลตร้อน ต้นมาร์ชแมลโลว์นั้นมีสารที่เรียกว่ามิวซิเลจ (Mucilage) ซึ่งจะช่วยลดอาการระคายเคือง มันมีทั้งแบบชา แคปซูล หรือแบบทิงเจอร์ [8]
    • สลิปเปอร์รี่เอล์ม: สลิปเปอร์รี่เอล์มนั้นสามารถช่วยลดการผลิตน้ำมูก โดยจะทำให้น้ำมูกเบาบางลงจนไม่ทำให้คอของคุณระคายเคือง มันมีทั้งแบบยาเม็ด แคปซูล ยาอม ชา และสารสกัด [9]
    • รากชะเอม: รากชะเอมนั้นใช้รักษาอาการไอและอาการเจ็บคอมาแต่ดั้งเดิม มันมีสารออกฤทธิ์อย่าง Glycyrrhiza ที่สามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงรุนแรงได้ ดังนั้นถ้าแพทย์บอกว่ารากชะเอมนั้นปลอดภัยและใช้ได้ ให้มองหาผลิตภัณฑ์จากชะเอมที่มีสาร Deglycyrrhizinated licorice (DGL) ชะเอมเทศนั้นมีทั้งในรูปแบบทิงเจอร์ ยาเม็ดเรียว ชา และสารสกัด [10]
    • ไทม์: ไทม์จะช่วยบรรเทาอาการไอและหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน อย่าทานน้ำมันไทม์เข้าไปเพราะมันจะเป็นพิษ ให้ต้มชาจากใบไทม์สดหรือแห้งแทนและจิบชานั้น [11]
  2. โพรไบโอติกส์นั้นไม่ได้ช่วยรักษาอาการไอของคุณโดยตรง แต่มันจะช่วยบรรเทาและป้องกันหวัดและไข้หวัดใหญ่ และมันอาจจะช่วยบรรเทาอาการแพ้เกสรดอกไม้ มองหาโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ Lactobacillus และ Bifidobacterium [12]
    • มองหาโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์ คุณจะทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ก็ได้
    • ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือผู้ที่ทานยากดภูมิคุ้มกันควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานโพรไบโอติกส์
  3. สไปรูลิน่า (Spirulina) เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินสายพันธุ์หนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณจัดการกับอาการแพ้โดยจะยับยั้งการปล่อยสารฮิสตามีน นี่อาจจะช่วยบรรเทาอาการไอที่เกิดจากอาการแพ้ได้ [13]
    • ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือผู้ที่ทานยากดภูมิคุ้มกันควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานสไปรูลิน่า
  4. การล้างโพรงไซนัสด้วยน้ำเกลือจะช่วยบรรเทาอาการไอเพราะมันจะช่วยไม่ให้น้ำมูกไหลลงคอที่ทำให้คอของคุณระคายเคือง คุณสามารถหาซื้อน้ำเกลือสำเร็จที่ร้านขายยาส่วนใหญ่หรือสามารถทำเองก็ได้ [14]
    • ในการทำน้ำเกลือเอง ให้ผสมเกลือทำอาหาร ⅛ ช้อนชาไปในน้ำอุ่น 1 ถ้วย ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบลงไป
    • ถือผ้าจ่อที่จมูกแล้วสูดมันเข้าไป อีกทางเลือกหนึ่ง คุณสามารถใช้หม้อล้างจมูกหรือไซริงค์ในการล้างโพรงไซนัสก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 6:

ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถทำได้โดยการอาบน้ำร้อนหรือสูดดมไอน้ำจากน้ำร้อน นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลในการบรรเทาอาการแน่นจมูกชั่วคราว [15]
    • ไอน้ำสามารถช่วยบรรเทาอาการไอโดยมันจะละลายของเสียที่อยู่ในจมูกและทางเดินหายใจ
    • เทคนิคนี้จะช่วยบรรเทาอาการไอที่เกิดจากหวัด รวมถึงอาการไอที่เกิดจากอาการแพ้ โรคหืดและการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจส่วนล่าง
    • คุณอาจจะหยดน้ำมันยูคาลิปตัสและน้ำมันเปปเปอร์มินต์ลงไปในน้ำ หรือใช้ก้อน Shower bomb ที่มีเมนทอลช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูก
  2. อากาศแห้งๆ ในบ้านจะทำให้น้ำมูกก่อตัวหนาขึ้นและทำให้เกิดอาการไอ เครื่องทำความชื้นนั้นจะทำให้อากาศในบ้านชื้น นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลในการบรรเทาอาการแน่นจมูกชั่วคราว การทำให้อากาศมีความชื้นนั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการไอของคุณเพราะมันจะลดน้ำมูกที่อยู่ในทางเดินหายใจและอก [16]
    • อย่าใช้เครื่องทำความชื้นมากเกินไป การมีความชื้นในอากาศมากเกินไปสามารถกระตุ้นให้เชื้อราเติบโตในบ้านได้ หากมีอาการแพ้ก็จะยิ่งทำให้อาการไอแย่ลง
    • ลองใช้เครื่องทำความชื้นแค่ตอนกลางคืน ทำความสะอาดเครื่องทำความชื้นบ่อยๆ เพื่อที่เชื้อราจะได้ไม่ก่อตัวสะสมภายในเครื่อง
  3. ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่น บุหรี่ และสิ่งที่ทำให้ระคายเคืองสามารถทำให้มีอาการไอเรื้อรังได้ บางคนอาจจะสังเกตว่าเทียนที่มีกลิ่นหอม โลชั่น และแผ่นหอมปรับอากาศ ทำให้จมูกระคายเคือง นี่จะทำให้มีน้ำมูกก่อตัวขึ้นและก็เกิดอาการไอในเวลาต่อมา [17]
    • การสูบบุหรี่ก็เป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการไอ ให้เลิกสูบบุหรี่หรือขอให้คนที่สูบบุหรี่เลิกสูบบุหรี่หรือไปสูบข้างนอก
    • ถ้าคุณรู้ว่าคุณแพ้ขนสัตว์หรือเชื้อรา ขอให้ระวังให้มากขึ้นโดยทำความสะอาดพื้นผิวที่เปียกชื้นบ่อยๆ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและทำความสะอาดขนของสัตว์เลี้ยงด้วย
    • รักษาความสะอาดของสภาพแวดล้อมและดูแลให้ปราศจากฝุ่นเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 6:

ใช้ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยาอมนั้นมีหลายแบบหลายรสชาติซึ่งมันจะช่วยยับยั้งอาการไอได้ชั่วคราว ลองหายาอมที่มีเมนทอลเพราะมันเป็นสารจากธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการไอ เมนทอลสามารถช่วยให้เย็นคอและจะขจัดอาการระคายเคืองที่เกิดจากอาการไอได้ [18]
    • ถ้าคุณทนรสชาติของยาอมไม่ได้ ลองอมลูกกวาดแข็งๆ ก็สามารถช่วยบรรเทาการระคายเคืองจากการไอได้
  2. ลองใช้ยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา. ยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกจะช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูกโดยการลดอาการบวมของทางเดินหายใจและจะช่วยลดน้ำมูก ยาชนิดนี้จะช่วยลดน้ำมูกที่อยู่ในอกและบรรเทาอาการไอแรงๆ ที่จะทำให้เจ็บหน้าอก [19]
    • ยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกมีทั้งรูปแบบยาเม็ด ยาน้ำ และสเปรย์พ่นจมูก
    • มองหายาที่มีฟีนิลเอฟรีน (Phenylephrine) และซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เป็นสารออกฤทธิ์
    • ขอให้ตระหนักไว้ว่ายาทั้งสองชนิดนี้จะเพิ่มความดันของเลือด ดังนั้นผู้ที่มีความดันเลือดสูงก็ควรระมัดระวังเมื่อใช้
    • ยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกแบบเป็นยาพ่นควรใช้แค่ 2-3 วันต่อครั้งเท่านั้นเพราะมันอาจจะทำให้แน่นจมูกถ้าใช้เป็นเวลานาน
  3. ถ้าอาการไอของคุณเรื้อรังและทำให้เจ็บและระคายเคือง ยาระงับอาการไอสามารถช่วยลดการไอได้ ยาขับเสมหะจะช่วยทำให้เมือกน้ำมูกที่อกและที่จมูกเบาบางลงและไอมันออกมาได้ง่าย [20]
    • มองหายาระงับอาการไอที่มีเด็กซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan)
    • เพราะว่ามันอาจะทำให้ง่วงซึมได้ ให้ใช้ยาระงับอาการไอแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น
    • ถ้าอาการไอของคุณนั้นแน่นไปด้วยเสมหะ ลองใช้ยาขับเสมหะ เช่น ยาไกวเฟนิซิน (Guaifenesin)
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 6:

ควบคุมอาการไอที่เกิดจากกรดไหลย้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ระบุได้ว่าอาการไอของคุณเกิดจากกรดไหลย้อนหรือไม่. โรคกรดไหลย้อนหรือโรคจุกเสียดเรื้อรังนั้นเป็นสาเหตุที่พบได้ทั่วไปที่ทำให้เกิดอาการไอที่ยาวนานเรื้อรัง [21] โรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นเพราะกระเพาะอาหารคลายตัวและปล่อยกรดให้ไหลย้อนกลับไปที่คอผ่านทางหลอดอาหาร มันจะทำให้เกิดอาการจุกเสียด ปวดท้อง และไอ [22] อาการไอจะยิ่งแย่ลงในตอนเช้า
  2. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่มีสุขภาพดี. การมีน้ำหนักเกินจะเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหารซึ่งจะทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อนแย่ลง ถามแพทย์ว่าคุณมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่มีสุขภาพดีหรือไม่ หากน้ำหนักตัวไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แพทย์ของคุณจะแนะนำแผนการทานอาหารและออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพและสภาพร่างกายของคุณ [25]
    • ออกกำลังกายแอโรบิคเยอะๆ และทานอาหารอย่างสมดุล โดยทานผักผลไม้สด โฮลเกรน และโปรตีนที่ไม่ติดไขมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่จะรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่มีสุขภาพดี
  3. เสื้อผ้าที่รัดแน่นจะเพิ่มความดันในช่องท้องทำให้กรดไหลย้อนไปที่คอและทำให้ไอ [26]
  4. การนอนโดยที่ให้ศีรษะยกขึ้นจะช่วยยับยั้งอาการจุกเสียดและลดอาการไอที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อน ให้ใช้หมอนเพิ่มอีก 2-3 ใบเพื่อหนุนศีรษะขึ้นมา หรือใช้บล็อกหรือหมอนชนิด Riser ที่จะช่วยยกศีรษะขึ้นมา [27]
  5. การนอนไปทันทีหลังจากที่ทานอาหารเสร็จจะกระตุ้นอาการของโรคกรดไหลย้อนซึ่งรวมถึงอาการไอ ให้รออย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงหลังจากที่ทานอาหารเสร็จก่อนที่จะเข้านอน ให้ยืนหรือนั่งหลังตรงอย่างน้อย 30 นาทีหลังจากทานอาหาร [28]
  6. โรคกรดไหลย้อนสามารถกระตุ้นได้โดยอาหารบางอย่างหรือเครื่องดื่ม แม้ว่านี่อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่สิ่งกระตุ้นที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้ [29]
    • มะเขือเทศ
    • ช็อกโกแลต
    • แอลกอฮอล์
    • สะระแหน่
    • กระเทียมและหัวหอม
    • คาเฟอีน
    • อาหารทอดน้ำมันหรืออาหารที่มีไขมันสูง
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 6:

ไปรับการรักษา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาการไอเรื้อรังนั้นจะอยู่นานกว่า 8 อาทิตย์ในผู้ใหญ่และนานกว่า 4 อาทิตย์ในเด็ก [30] ถ้าคุณไม่สามารถทำให้อาการไอหายไปได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตามหรืออาการไอของคุณเริ่มอยู่นานกว่า 2-3 อาทิตย์ ให้นัดแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจอาการ [31]
    • อาการไออาจจะรบกวนการนอนหลับและทำให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้พักผ่อน ถ้าอาการไอของคุณส่งผลกระทบต่อการนอนหลับและการใช้ยาแก้ไอตอนกลางคืนก็ไม่สามารถช่วยได้ ให้ไปพบแพทย์
  2. อาการไอส่วนใหญ่นั้นจะหายเองหรืออาจจะใช้การรักษาแค่นิดหน่อย อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีคุณควรที่จะไปรักษาทันที รีบไปปรึกษาแพทย์อย่างด่วนที่สุดหรือไปที่หน่วยฉุกเฉินถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมกับอาการไอ [32]
    • มีเลือดปนมากับน้ำลายหรือน้ำมูก
    • น้ำลายหรือน้ำมูกมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
    • น้ำหนักลด
    • มีเหงื่อออกตอนกลางคืน
    • มีไข้
    • หายใจไม่ออก
    • อ่อนเพลีย
    • เจ็บที่หน้าอก
  3. บางครั้งการรักษาและการใช้ยาบางอย่างนั้นไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กทารกและเด็กที่มีอายุน้อยมากๆ แพทย์หลายคนไม่แนะนำให้ใช้ยาระงับไอที่ซื้อตามร้านขายยากับเด็ก [33] ถ้าเด็กๆ มีอาการไออย่างต่อเนื่อง ให้ถามแพทย์เกี่ยวกับการรักษาที่แพทย์แนะนำ
    • เครื่องทำความชื้นจะช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูกและการล้างน้ำเกลือจะช่วยทำความสะอาดโพรงไซนัส ปกติแล้ววิธีเหล่านี้จะปลอดภัยสำหรับเด็กๆ [34]
    โฆษณา
  1. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/licorice
  2. http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/cough
  3. http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/cough
  4. http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/cough
  5. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
  6. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
  7. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
  8. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
  9. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
  10. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chronic-cough/basics/treatment/con-20030883
  11. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chronic-cough/basics/treatment/con-20030883
  12. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
  13. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chronic-cough/basics/causes/con-20030883
  14. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chronic-cough/basics/causes/con-20030883
  15. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gerd/basics/symptoms/con-20025201
  16. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gerd/basics/lifestyle-home-remedies/con-20025201
  17. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gerd/basics/lifestyle-home-remedies/con-20025201
  18. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gerd/basics/lifestyle-home-remedies/con-20025201
  19. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gerd/basics/lifestyle-home-remedies/con-20025201
  20. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gerd/basics/lifestyle-home-remedies/con-20025201
  21. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chronic-cough/basics/definition/con-20030883
  22. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chronic-cough/basics/symptoms/con-20030883
  23. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/that-nagging-cough
  24. http://www.merckmanuals.com/professional/pediatrics/symptoms-in-infants-and-children/cough-in-children
  25. https://www.aap.org/en-us/about-the-aap/aap-press-room/aap-press-room-media-center/Pages/Cough-and-Cold-Medicine-Not-for-Children.aspx

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,256 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา